โดยกลุ่มที่เดินมาก่อนคือทั้งสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิงทั้งสองฝ่ายเดินขึ้นเวทีพร้อมกัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็มีทีท่าไม่ยอมกัน
“ว้าว ข้าอยู่มาจนป่านนี้เพิ่งจะเคยเห็นสามตระกูลใหญ่ปรากฏตัวพร้อมกันแบบนี้เป็ครั้งแรกเลย...”
“แต่ข้าน่ะเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วหึหึ คอยดูไปเถอะ ไม่แน่นะว่า หลังจากวันนี้ไปสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิงอาจจะเหลือแค่สองตระกูลใหญ่แล้วก็ได้กระมัง”
ภายในฝูงชนมีอยู่หลายคนที่หูตาว่องไวพวกเขาได้ยินเื่ความขัดแย้งของตระกูลใหญ่มาไม่น้อยตอนนี้พวกเขาเลยได้กลายเป็จุดสนใจไปแล้ว
“พี่น้องท่านนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“หึหึ!!” เหล่าคนที่รู้เื่ราวเื้ันั่นทำท่าทางอวดเบ่งเสียใหญ่โต“เวินติ่งเทียนน่ะนะ ่ครึ่งปีมานี้ถูกเฉินเย่เซิงและโอวหยางกงร่วมมือกันรังแกอย่างหนักข้าว่าเวินติ่งเทียนต้องมาล้างแค้นในเทศกาลครั้งนี้แน่!!”
“ข้ายังได้ยินมาอีกด้วยนะว่าในเทศกาลขุมทรัพย์สมบัติิญญาครั้งนี้มีการเดิมพันครั้งใหญ่เอาไว้ด้วยถ้าตระกูลเวินแพ้ละก็ จะต้องสละโรงงานช่างทั้งหมดในเมืองอวิ๋นเฉิงทิ้งแต่ถ้าตระกูลเฉินแพ้ ก็จะต้องจ่ายค่าชดใช้ก้อนโต!!”
“เหอะ เื่แค่นั้นเองรึ พวกเ้าไม่เคยได้ยินเื่เหตุการณ์สังหารโหดที่เทือกเขาเมฆมรกตเมื่อครึ่งปีก่อนรึไงคนของตระกูลเวินถูกฆ่าตายไปหกสิบกว่าคน...ข้าว่าพวกเขาอาจจะมาจัดการเื่นี้กันจนแตกหักกันทั้งสองฝ่ายก็เป็ได้...”
ตอนนี้ความคิดของผู้คนแตกเป็หลายเสียงแทบจะไม่เหมือนกันเลย
แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือพวกเขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้นกันมากขึ้นเรื่อยๆในแววตาของประมุขของทั้งสามตระกูลตอนนี้เองก็ราวกับกำลังลุกเป็ไฟเหล่าชาวเมืองตอนนี้ต่างก็กำลังรอดูเื่สนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในงานเทศกาลแห่งนี้ว่ามันจะออกมาหน้าตาเป็อย่างไร
หลินหยาง วันนี้คลุมผ้าคลุมสีขาวเอาไว้แฝงตัวอยู่กับคนของตระกูลเวินนับร้อยคน ไม่มีใครรับรู้ถึวตัวตนของหลินหยางเลยสักคน
เมื่อคืนก่อน เขาและพวกของเวินติ่งเทียนได้วางแผนเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ววันนี้ตระกูลเวินไม่ได้มาเพื่อแค่จะเข้าร่วมการประลองเฮงซวยที่กำหนดผลแพ้ชนะเอาไว้แล้วนี้แน่
พวกเขา มาเพื่อที่จะชำระหนี้แค้นที่พวกตระกูลเฉินมันติดค้างพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด!!
ส่วนเ้าหั่วเอ๋อร์ก็...
เ้าตัวเลี้ยงไม่เชื่องนี่ตอนนี้กำลังเกาะอยู่บนไหล่ของเวินชิงชิง
หนึ่งคนหนึ่งตัวพอได้เจอกันที่ห้องครัวเมื่อคืนแล้วก็เหมือนจะสนิทกันได้แทบจะทันทีเป็เพราะว่าเวินชิงชิงกับเ้าปี้ฟังน้อยตัวนี้มีความชอบเดียวกันนั่นก็คือ - กวนประสาทหลินหยาง
ดังนั้นทั้งคู่ตอนนี้เลยมาอยู่ด้วยกันได้ทั้งคู่คุยเล่นกันสนุกสนานจนดูขัดกับบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกดดันนี้คงเป็เพราะว่าเวินชิงชิงรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้แล้ว - ตระกูลเฉินเตรียมตัวซวยครั้งใหญ่ได้เลย
และในขณะที่พวกเขากำลังจะนั่งลงบนที่นั่งนั่นเอง เฉินเย่เซิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็กำลังเดินหัวเราะฮ่าฮ่าเข้ามาจะหาเื่แล้ว
“พี่น้องเวิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีกันไหม!!” เฉินเย่เซิงพูดคนเดียวด้วยท่าทางที่เหมือนกับผู้ที่ชนะไปแล้ว
ด้านหลังของเขา มีโอวหยางกงที่ตอนนี้ใบหน้าอ้วนกลมกว่าเดิมหลายส่วนก็กำลังหัวเราะออกมาโดยไม่เกรงใจใคร
“พี่น้องเฉินท่านดูสีหน้าอิดโรยของพี่น้องเวินนั่นสิ ดูท่าว่าเมื่อคืนจะไม่ค่อยได้พักผ่อนกันสักเท่าไรท่านยังจะไปถามพวกเขาอีกทำไมเล่า?”
ฮ่าฮ่าฮ่า!!
สองผู้นำกับผู้ติดตามอีกกว่าห้าร้อยคนะเิเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันจนดังลั่นเห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่เห็นคนของตระกูลเวินในสายตาแม้แต่น้อย
สำหรับพวกเขาแล้วตระกูลเวินถูกพวกเขาตระกูลเฉินและตระกูลโอวหยางเหยียบหน้าเอาไว้มาตลอดครึ่งปีวันนี้พวกเขาก็แค่มาเหยียบซ้ำให้จมดินหายไปอย่างสิ้นเชิงก็เท่านั้นเองพวกตระกูลเวินไม่มีโอกาสตอบโต้ได้แน่ๆ
เวินติ่งเทียนมองกลับไปที่ทั้งสองคนด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“พูดเสร็จรึยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็เชิญกลับไปเถอะพวกเ้าทำให้ข้าอึดอัดนะ”
หืม?
่ครึ่งปีมานี้ เฉินเย่เซิงก็เพิ่งจะได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเวินติ่งเทียนตอนแรกก็อึ้งไปบ้าง แต่สักพักเขาก็แสยะยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมา
“หึหึดูท่าว่าตระกูลเวินวันนี้จะเตรียมพร้อมมากันดี...” ระหว่างที่พูดอยู่เขาก็ยื่นหน้าไปใกล้เวินติ่งเทียนแล้วกล่าวต่ออย่างเ็าว่า “เวินติ่งเทียนนี่คงเป็โอกาสสุดท้ายที่เ้าจะได้แสดงสีหน้าแบบนี้ออกมาต่อหน้าข้า ข้าจะคอยดูว่าเ้าจะยังทำใจเย็นแบบนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำ!!”
“อย่างนั้นก็เชิญเ้ารอไปเถอะข้าเองก็รอที่จะได้เห็นสีหน้าของเ้าอยู่เหมือนกัน”
เวินติ่งเทียนมองหน้ากดดันกลับไปใส่พวกเฉินเย่เซิงและโอวหยางกง
และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดนตรีสรรเสริญบรรเลงขึ้นจากทางด้านหลังของเวทีฝ่ายจัดงานเทศกาลในครั้งนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว - เหล่าข้าราชการจากฝ่ายผู้ดูแลภายในมาถึงแล้ว
เหล่าทหารองครักษ์ของราชสำนักจำนวนสองร้อยนายที่สวมใส่ชุดเกราะเคลือบทองพร้อมกับถือทวนยาวเอาไว้ในมือพวกเขาดูคล้ายกับคมดาบอันแหลมคมที่ทำให้เหล่าฝูงชนต้องเปิดทางให้พวกเขาเดินผ่าน
คนที่เหล่าองครักษ์คุ้มกันอยู่ก็คือ หวังิชง
เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้วแต่เ้าหวังิชงนี่ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แววตาเคร่งขรึม เคราแพะที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อยบรรยากาศรอบตัวที่ดูองอาจยิ่งใหญ่นั่น ทำให้เขาตกเป็เป้าสายตาของคนทั้งเวที
หวังิชงเป็หนึ่งในสี่ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดของเมืองอวิ๋นเฉิงและเป็ผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินการประลองที่จะจัดขึ้นในงานวันนี้ด้วย
ที่ด้านหลังของเขา คือผู้บังคับบัญชาทหารองครักษ์ของราชสำนักเหล่านี้ซูิชุน และแม่ทัพแห่งกองกำลังพิทักษ์เมืองอวิ๋นเฉิง ตู้ิ
ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดทหารโบราณบรรยากาศที่ทั้งสองแผ่ออกมาดูน่าเกรงขามสมกับเป็ยอดฝีมือแต่ตู้ิตอนนี้ดูเหมือนกับกำลังเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ หลังจากที่เขาเข้ามาถึงบนเวทีแล้วเขาก็ไม่ได้สบตากับเวินติ่งเทียนเลยและสีหน้าของเขาก็ดูบึ้งตึงเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างด้วย
“ยินดีต้อนรับท่านหวัง”
พอหวังิชงยืนประจำที่แล้ว ทุกคนก็กล่าวต้อนรับให้เขาส่วนหวังิชงก็โบกมืออย่างองอาจพร้อมกับกล่าวว่า “เชิญนั่ง เชิญนั่ง”
หลังจากนั้น ข้าราชการที่ดูแลเื่พิธีการต่างๆ ของฝ่ายผู้ดูแลภายในก็เข้ามาทำหน้าที่พิธีกรกล่าวเปิดงานเทศกาลครั้งนี้ตามมาด้วยหวังิชงที่ลุกออกมากล่าวสุนทรพจน์ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ขึงขังและทรงพลังโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาการช่างว่ามีความสำคัญกับอาณาจักรชูอวิ๋นมากแค่ไหน และ่หลายปีที่ผ่านมาอาณาจักรเรามีผลงานอะไรแล้วบ้างเป็ต้น
ใน่สุดท้าย เขาก็พูดถึงหัวข้อหลักที่เป็ส่วนสำคัญที่สุดของงานเทศกาลขุมทรัพย์สมบัติิญญาในวันนี้
“ใน่ที่ผ่านมานั้นประมุขตระกูลอย่างท่านเวินติ่งเทียนแห่งครอบครัวตระกูลเวินได้สรรค์สร้างผลงานที่ทั้งคุณภาพดีและงดงามอยู่เพียงตระกูลเดียวมาเป็เวลานานแล้วแต่ปีนี้ ท่านเฉินเย่เซิงประมุขตระกูลเฉินได้ทำการชุบเลี้ยงกลุ่มนักการช่างฝีมือดีขึ้นมากลุ่มหนึ่งฝ่ายผู้ดูแลภายในเราเลยอยากจะพัฒนาวงการของนักการช่างของอาณาจักรชูอวิ๋นเราให้รุ่งโรจน์มากยิ่งขึ้นดังนั้นเราเลยตัดสินใจจัดการประลองยุทธภัณฑ์ครั้งนี้ เพื่อให้ทั้งสองตระกูลใหญ่ได้มีโอกาสทดสอบความสามารถด้านการช่างของตนและเพื่อให้เหล่าประชาชนชาวอวิ๋นเฉิงมีโอกาสได้ชมการประลองกันด้วยทักษะการช่างขั้นสูงด้วยตาตัวเอง”
ดี!!
ผู้คนที่ยืนชมจากด้านล่างเวทีอย่างต่ำๆ ก็มีอยู่ประมาณแสนกว่าคนพอะโขึ้นมาแล้วก็ดังสนั่นจนสั่นะเืไปทั่วเหมือนกับว่าท้องฟ้ากำลังจะพังถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
ถุย
อี้สิงอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆ ของเวินติ่งเทียนก็ถุยน้ำลายออกมาแรงๆหนึ่งที
พูดเสียดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่วิธีการต่ำช้าไร้ยางอาย
เ้าหวังิชงนี่ หัวจิตหัวใจของมันคงเอาไปให้สุนัขรับประทานแล้วกระมัง
หวังิชงโบกมือเป็สัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลงจากนั้นก็พูดต่อว่า “เอาละ เข้าเื่หลักของเราดีกว่าการประลองในวันนี้จะแบ่งออกเป็สองหัวข้อคือ หนึ่ง การประลองยุทธภัณฑ์ สองคือการประลองมหาสมบัติถ้าอย่างนั้น ขั้นแรก ขอให้ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนนักการช่างออกมาด้วยให้พวกเขาออกมาแสดงการประลองยุทธภัณฑ์อันน่าตื่นเต้นให้พวกเราได้รับชมอย่างเต็มอิ่มกันไปเลย!!!!”
ผู้ชมด้านล่างเวทีส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง
ทางด้านเฉินเย่เซิงนั้นมีซ่างกวันเฟยที่สวมชุดของนักการช่างที่ดูทรงภูมิ ค่อยๆ ก้าวเดินออกมาด้วยท่าทางหยิ่งผยองและเ็า
ส่วนตัวแทนของตระกูลเวินก็คือนักการช่างที่ได้ชื่อว่าเป็นักการช่างอันดับหนึ่งของอาณาจักรชูอวิ๋นนักการช่างที่เป็ดั่งสมบัติของชาติ - อี้ชังไห่
ทั้งสองคนยืนประจำที่อยู่บนแท่นตีอาวุธแล้วผู้ชมที่อยู่โดยรอบทั้งหมดพากันปรบมือต้อนรับเสียงดังโครมครามเหล่าชาวบ้านที่ไม่เคยเห็นวิธีการสร้างยุทธภัณฑ์จริงๆ ก็พากันมารับชมด้วยความตื่นเต้นบรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เ้าซ่างกวันเฟยนี่ ไม่ได้เจอแค่ครึ่งปีดูท่าทางเหมือนระดับความสามารถด้านการช่างของมันจะก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วพอมันยืนอยู่บนแท่นตีอาวุธก็ดูคล้ายกับจอมราชันที่สามารถควบคุมบงการทุกสรรพสิ่งได้ก็ไม่ปาน
เขามองไปทางอี้ชังไห่ที่กำลังยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ทางฝั่งตรงข้ามพลางแสะยิ้มตรงมุมปากขึ้น
“ไอ้แก่ หลังจากวันนี้ไปฉายานักการช่างอันดับหนึ่งของชูอวิ๋นก็คงต้องเปลี่ยนคนแล้วล่ะ...”
ซ่างกวันเฟยพูดออกมาอย่างมั่นใจ
เขามาจากตระกูลนักการช่างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลเวินหลายร้อยเท่าทักษะการช่างของอาณาจักรชูอวิ๋นในสายตาของเขามันไม่ต่างอะไรกับก้อนอุจจาระ อี้ชังไห่นี่ถ้าไปอยู่ที่ตระกูลของเขาละก็มันไม่มีทางได้เป็แม้แต่ผู้าุโแน่
การประลองครั้งก่อนถ้าเขาไม่ได้ประมาทละก็เขาไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับไอ้หลินอี้นั่นอย่างเด็ดขาดวันนี้แหละที่เขาจะมาทวงคืนชื่อเสียงที่เสียไปกลับมา เขาจะกระทืบอี้ชังไห่ ไม่สิจะกระทืบตระกูลเวินให้จมลงไปคาเท้าเขาเลย
ฝั่งตรงข้ามเขา
อี้ชังไห่ที่ถูกท้าทายอยู่นั้นไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองหน้าเขา
ให้ความรู้สึกเหมือนกับชายชรามากประสบการณ์ที่ถูกเด็กน้อยจอมซนคนหนึ่งท้าทายอี้ชังไห่ไม่ได้สนใจอะไรมันเลยแม้แต่น้อย
เชอะ...
ซ่างกวันเฟยที่ยั่วยุท้าทายไม่สำเร็จนั้นจึงเบะปากออกอย่างเ็า
ทำเป็วางท่าไปได้นะไอ้แก่นี่เดี๋ยวรอตอนสร้างอาวุธเสร็จก่อนเถอะ ข้าจะดูว่าสีหน้าตอนร้องไห้ของเ้าจะเป็อย่างไร!!
หลังจากนั้นไม่นานการประลองยุทธภัณฑ์ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ
ส่วนเื่กฎกติกาก็ใช้ตามแบบทั่วไป ครั้งนี้ซ่างกวันเฟยเป็ฝ่ายโจมตีสร้างยุทธภัณฑ์สำหรับโจมตี ส่วนอี้ชังไห่เป็ฝ่ายป้องกันสร้างยุทธภัณฑ์สำหรับป้องกัน และสุดท้ายก็วัดผลโดยให้ฝ่ายโจมตีโจมตีใส่ฝ่ายป้องกันด้วยยุทธภัณฑ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น
หลังจากที่กรรมการประกาศเริ่มการประลองแล้วซ่างกวันเฟยก็เริ่มแสดงทักษะการช่างอันงดงามของเขาออกมา
ไฟิญญาที่พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าดุจเทพอัคคีที่กำลังเริงระบำ ส่องแสงใส่ใบหน้าอันมุ่งมั่นและหล่อเหลาของซ่างกวันเฟย
เขาเคลื่อนที่ไปทั่วพื้นที่เก็บวัตถุดิบราวกับแมงปอที่กำลังเดินอยู่บนผิวน้ำพร้อมกับคัดเลือกเอาวัตถุดิบที่จะใช้ออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบจากนั้นก็นำมันมาผ่านกระบวนการสกัด หลอมรวม ขึ้นรูปอย่างรวดเร็วในไม่กี่อึดใจขั้นตอนทั้งหมดเป็ไปอย่างไหลลื่นดุจสายน้ำที่ลื่นไหลงดงามจนไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลยทั้งกระบวนการทำให้เกิดเสียงชื่นชมจากเหล่าผู้ชมไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง
หึ!!
เห็นหรือยังเล่า?
นี่ต่างหากทักษะการช่างที่แท้จริง พวกนักการช่างไม่ได้เื่ของเลี่ยนเทียนเฮ่าควรจะเปลี่ยนไปเรียก ช่างตีเหล็ก แทนเสียมากกว่า!!
ซ่างกวันเฟยเหวี่ยงค้อนเหล็กอันหนักอึ้งในมือพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างได้ใจไปด้วย
วันนี้เขาสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อี้ชังไห่มันไม่มีทางสู้ได้แน่
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้แก่นั่นมันจะสร้างอะไรมารับมือ...
พอคิดได้อย่างนั้น เขาก็หันหน้าไปมองทางฝั่งตรงข้าม
แต่ภาพที่เห็นทำเอาเขาใจนเกือบจะทำค้อนหลุดออกจากมือเลยทีเดียว
อะไรของมันกัน
ไอ้แก่นั่นมันทำอะไรของมัน?
ซ่างกวันเฟยเสียหลักจนเกือบโดนค้อนของตัวเองทุบใส่
เหล่าคนดูเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกันเมื่อเห็นสิ่งที่อี้ชังไห่กำลังทำอยู่
แบบนั้นก็เรียกว่าวิชาการช่างหรือ?
ดูอย่างไรก็กำลังนวดแป้งอยู่ชัดๆ!!!!
ใช่แล้ว
อี้ชังไห่กำลังนวดแป้งอยู่
เขาได้เลือกใช้วัตถุดิบชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “กาวอวิ๋นกุย” ซึ่งเป็วัตถุดิบที่ไม่มีใครคาดถึงจากนั้นเขาก็เอากาวอวิ๋นกุยนี่มานวดเหมือนที่พ่อค้าบะหมี่นวดแป้งจนกาวนี่มันกลายเป็ก้อนขนาดใหญ่พร้อมกับเทผงสีแดงลงไปผสมเป็ระยะๆ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นเป็ไปอย่างเชื่องช้าแถมยังดูเหมือนจะไม่ค่อยตั้งใจทำอย่างไรก็ไม่รู้
นี่ใช่นักการช่างอันดับหนึ่งของอาณาจักรแน่หรือ?
แล้วนี่มันดูเหมือนการประลองที่เกี่ยวพันกับเื่สำคัญตรงไหนกัน!!!!