ภาพที่เห็นนี้เป็ภาพที่ซ่างกวันเฟยคุ้นตามาก รู้สึกเหมือนลเพิ่งจะเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้เองตอนแรกที่เขาพ่ายแพ้ไปนั้น เ้าเด็กเวรที่ชื่อหลินอี้มันก็ใช้วิชาการช่างที่แปลกพิสดารอย่างนี้เหมือนกัน
ทำไมคราวนี้มันยังมีวิชาพิสดารนั่นอยู่อีกเล่า???
สีหน้าของพวกซ่างกวันเฟยและเฉินเย่เซิงนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ไม่นานพวกเขาก็รีบปฏิเสธความคิดที่อยู่ในหัวทิ้งไปทันที
ไอ้หลินอี้นั่นมันตายในเทือกเขาเมฆมรกตไปนานแล้ว ไม่มีใครได้ยินข่าวของมันมาตั้งครึ่งปีมันไม่มีทางมาโผล่ที่นี่หรอก!!
แต่ไอ้วิชาการช่างบ้าบอแบบนี้มัน....
ซ่างกวันเฟยพยายามหยุดความคิดแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในหัวเอาไว้จากนั้นก็กลับไปตั้งสมาธิกับขั้นตอนสุดท้ายในการสร้างอาวุธของเขาโดยหลังจากที่นำอาวุธที่ขึ้นรูปเสร็จแล้วไปทำให้เย็นตัวลงนั้นจะต้องอัดพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ลงไปด้วย เพื่อที่จะกระตุ้นให้ “ผลึกิญญาต้นกำเนิด” ที่ฝังอยู่ในยุทธภัณฑ์ทำงานซึ่งมันจะแสดงผลออกมาเป็คุณสมบัติิญญาอันเป็เอกลักษณ์ของอาวุธิญญานั่นเอง
ในที่สุดขวานศึกมือเดียวอันน่าเกรงขามก็ได้ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
ขวานเล่มนี้มีสีน้ำเงินตลอดทั้งด้าม วัตถุดิบหลักที่เลือกใช้ก็คือโลหะเหมันต์พันปีซึ่งเป็วัตถุดิบที่วงการการช่างของชูอวิ๋นเลือกใช้กันน้อยมากและเสริมความแข็งแกร่งของตัวอาวุธเข้าไปอีกด้วยวัตถุดิบอย่าง “น้ำยาเทียบสุริยัน” “ผลึกหลีหยวน”เป็ต้น และสุดท้ายก็ใช้เทคนิคการใช้ค้อนตีอาวุธแบบเหวินหวู่ ตีลงไปซ้ำๆ จนกว่าความคมของโลหะเหมันต์จะไปถึงจุดสูงสุดจนสุดท้ายได้มาเป็อาวุธระดับิญญาขั้นสูงที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งจนน่ากลัว
พอขวานศึกเล่มนี้อยู่ในมือของซ่างกวันเฟยก็ราวกับว่าเขาจะสามารถพิชิตใต้หล้าได้อย่างไม่ยากเย็นเขาไปที่ตรงกลางของเวทีด้วยท่าทางองอาจห้าวหาญสุดขีด แล้วจึงกล่าวกับหวังิชงว่า
“ท่านหวัง ‘ขวานศึกิญญาเหมันต์’ ของข้าน้อยเล่มนี้ เสร็จสมบูรณ์แล้วระดับของยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้คือระดับิญญาขั้นสูง คุณสมบัติิญญาคือ ‘เจาะเกราะ’ สามารถทะลวงอาวุธิญญาขั้นสูงทั่วๆ ไปได้อย่างง่ายดายขอเชิญท่านหวังรับชม!!”
ยอดเยี่ยม!!
หวังิชงพยักหน้าซ้ำๆ อย่างพึงพอใจ
ขวานศึกิญญาเหมันต์ของซ่างกวันเฟยด้ามนี้ ไม่ว่าจะเื่รูปลักษณ์หรือคุณสมบัติิญญาก็อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมันสามารถเทียบชั้นได้กับสมบัติชาติบางชิ้นของอาณาจักรชูอวิ๋นเลยเ้านักการช่างหนุ่มนี่เป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง!!
แล้วท่านอี้ชังไห่เล่า?
ตอนที่ผู้คนหันกลับไปดูทางฝั่งของอี้ชังไห่นั้น บรรยากาศโดยรอบก็แปลกประหลาดขึ้นมาทันที
อี้ชังไห่เอากาวที่เขาปั้นเอาไว้เป็ก้อนนั่นไปทาบติดลงบนผิวหน้าของโล่ทรงกลมที่เขาตีทิ้งไว้ั้แ่แรกซึ่งเ้าโล่ที่เขาตีเอาไว้ก่อนแล้วชิ้นนี้เป็โล่ธรรมดาที่ตีขึ้นจากหินแร่ขั้นสามอย่าง“เหล็กกล้าสีชาด” นั่นเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธที่มีคุณสมบัติเจาะเกราะอย่างขวานศึกิญญาเหมันต์นั้นเ้าโล่นี่ไม่มีทางรับการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียวแน่แล้วแค่เอากาวโปะลงบนผิวหน้าแค่อย่างเดียวแบบนั้นมันจะไหวหรือ?
คนส่วนใหญ่ต่างก็กำลังคาดเดากันว่าอี้ชังไห่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่
หรือว่าพวกตระกูลเวินมันตัดสินใจยอมแพ้แล้ว เลยให้อี้ชังไห่ออกมาแสดงตลกเพื่อให้บรรยากาศของเทศกาลดีขึ้น?
อี้ชังไห่นำโล่ที่เคลือบผิวหน้าเอาไว้แล้วเข้าไปในเตาหลอมอีกครั้งและเมื่อถูกไฟิญญาหลอมแล้ว กาวที่เคลือบอยู่บนผิวหน้าของโล่นั้นก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
กาวอวิ๋นกุยที่โปร่งใสนี่ก็ค่อยๆ พองตัวออกผงสีแดงที่ใส่ไว้ก่อนหน้านี้ก็เริ่มค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับเนื้อกาวจนเป็เนื้อเดียวกันเปลี่ยนสภาพเป็เป็วุ้นใสๆ สีแดง เกาะอยู่บนผิวนอกสุดของโล่อย่างแ่า
มันกำลังทำอะไรของมัน...
อบขนมหรือ?
แถมยังเป็แบบอบจากภายนอกเสียด้วย...
ฝูงชนตอนนี้พูดอะไรไม่ออกกันสักคำ
สีหน้าของพวกซ่างกวันเฟยตอนนี้ยิ่งมายิ่งดูไม่ได้เพราะวิธีการสร้างอาวุธแบบพิสดารอย่างนี้มันเหมือนกับวิธีของไอ้ผู้าุโของตระกูลเวินอย่างหลินอี้ที่ตายไปแล้วมากเหลือเกิน
พออี้ชังไห่ดับไฟิญญาลงแล้วหยิบเอาโล่ออกมาจากเตาหลอมผู้คนโดยรอบก็เหมือนกับว่าจะเห็นลำแสงจากเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พวยพุ่งจนสูงเสียดฟ้าดูคล้ายกับวิหคทองคำที่เพิ่งจุติลงมาจากฟากฟ้า ราวกับดวงสุริยันสีแดงขนาดย่อม อี้ชังไห่ถือดวงอาทิตย์ลูกนั้นไว้ในมือ
นั่นมัน...
สายตาของผู้คนนับแสนตอนนี้ล้วนจับจ้องไปที่โล่ทรงกลมที่อยู่ในมือของอี้ชังไห่
“โอ้โห สวยจังเลย!!!!”
มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหญิงสาวดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มผู้ชม
โล่นั่นมันงดงามมากเหลือเกิน กาวอวิ๋นกุยนั่นหลังจากที่ถูกเผาไฟไปแล้วมันก็เปล่งรัศมีสีสดใสออกมาได้อย่างเป็ธรรมชาติเมื่อรวมเข้ากับแสงจากเปลวเพลิงที่กำลังไหลเวียนอยู่ภายในนั้นแล้วยิ่งทำให้โล่ชิ้นนี้เปล่งประกายแสงหลากสีสันออกมาจนดูสวยงาม ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ
แต่ว่า รูปลักษณ์ก็ส่วนรูปลักษณ์ ไอ้โล่ที่ใช้วิธีสร้างอย่างกับการอบขนมแบบนั้นมันจะแข็งแรงพอหรือ?
ซ่างกวันเฟยกัดฟันยืนถือขวานศึกิญญาเหมันต์เอาไว้ในมือเมื่อถูกเขาอัดพลังฟ้าดินลงไป ส่วนใบขวานของขวานศึกด้ามนี้ก็ขยายจนกว้างใหญ่ขึ้นถึงสิบกว่าเซ็นต์มันกำลังรอที่จะได้แผลงฤทธิ์เดชของคุณสมบัติเจาะเกราะอันแข็งแกร่งของมันจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!!”
ในตอนที่ยุทธภัณฑ์ของทั้งสองฝ่ายกำลังจะเข้าห้ำหั่นกันแล้วนั้นอี้ชังไห่ก็โบกมือขอหยุดก่อนชั่วคราว
อะไรนะ หรือว่าไอ้แก่นี่จะเกิดกลัวขึ้นมากะทันหัน?
ใช่เสียที่ไหนเล่า
อี้ชังไห่กล่าวออกมาว่า “ตัวข้าก็อายุเยอะมากแล้ว ไม่ค่อยมีแรงเท่าไร เวินเทาเอ๊ย เ้าช่วยมาทดสอบ ‘โล่หละวัน’ นี่หน่อยสิ”
อะไรนะ?
ให้คุณชายสองของตระกูลมาทดสอบอย่างนั้นหรือ?
เวินเทายังเป็แค่จอมยุทธ์ระดับชุ่ยถี่อยู่เลยแต่ซ่างกวันเฟยเป็ถึงยอดฝีมือระดับเซียนเทียน แถมอาวุธในมือของมันอย่างขวานศึกิญญาเหมันต์เล่มนั้นยังทรงอานุภาพจนน่าใจหายอีกแต่พวกเขากลับปล่อยให้เวินเทาออกมารับการโจมตีระดับนั้นอย่างนั้นหรือ?
นี่มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว!!
เวินเทาก้าวออกมาแล้ว สีหน้าเขาเรียบเฉยดูไร้อารมณ์แต่กลับแสดงท่าทางยั่วยุซ่างกวันเฟยได้เจ็บแสบที่สุด
เขายกโล่ในมือขึ้นจากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ซ่างกวันเฟยพลางกระดิกนิ้วเรียกให้อีกฝ่ายเข้ามาหาอย่างยั่วยุซึ่งท่าทางแบบนี้เขาซักซ้อมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“มาสิ เข้ามาเลย ข้ายอมให้เ้าตี!!”
ซ่างกวันเฟยถูกยุจนแทบจะกัดฟันตัวเองแตกไปแล้ว
“ตระกูลเวินของพวกแกวอนหาที่ตายเองนะ!!!!”
ซ่างกวันเฟยดีดตัวพุ่งเข้าใส่เวินเทาอย่างเกรี้ยวกราด ขวานศึกิญญาเหมันต์ในมือของเขาตอนนี้ดูราวกับว่าสามารถบดขยี้ทุกสิ่งบนโลกได้คมขวานอันน่ากลัวนั่นตวัดเข้าใส่โล่หละวันในมือของเวินเทาอย่างแรง
เกิดเสียงกระแทกทุ้มต่ำขึ้น
เสียงที่ดังขึ้นนั้นเหมือนเสียงของค้อนเหล็กที่ทุบลงบนทรายก็ไม่ปานเป็เสียงที่ฟังดูไร้พลังอย่างมาก
จากนั้นก็เห็นเพียงแค่เวินเทาที่ถูกแรงอันมหาศาลผลักจนเซถอยไปด้านหลัง
หนึ่ง สอง สาม...
สามก้าวเท่านั้น
เวินเทาถูกแรงอันมหาศาลนั่นฟันเข้าใส่แต่กลับเซถอยไปเพียงสามก้าว ส่วนโล่บนมือนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่า - ไร้รอยขีดข่วน
โอ้!!
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็อึ้งกันไปหมดแล้ว
ซ่างกวันเฟยเองก็จ้องมองไปที่ขวานในมืออย่างเหลือเชื่ออ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้สองฟองพร้อมกันแล้ว
เฉินเย่เซิง โอวหยางกง ถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว
เกิดอะไรขึ้น!!!!
การประลองที่พวกเขามั่นใจว่าจะชนะมากถึงเก้าในสิบส่วนแบบนี้ทำไมอยู่ๆ ก็เกิดผิดพลาดขึ้นมาได้!!!!
ส่วนเหล่าผู้ชมนั้นก็ทำหน้าตาตื่นใอย่างกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นแม้แต่พวกข้าราชการฝ่ายผู้ดูแลภายในนั่น แต่ละคนล้วนตาแทบถลนออกจากเบ้า
นั่น... โล่บ้าอะไรกัน!!
สามารถป้องกันการโจมตีของขวานที่ดูทรงพลังนั่นได้ไม่พอยังสามารถสลายแรงฟันอันมหาศาลของซ่างกวันเฟยที่มีพลังระดับเซียนเทียนได้ทำให้เวินเทาแทบจะไร้รอยขีดข่วนจากการโจมตีเมื่อสักครู่ได้
โล่ชิ้นนี้มันสุดยอดแห่งความขี้โกงเลย!!!!
ตึง
เวินเทาโยนโล่ชิ้นนี้ไปให้ซ่างกวันเฟยแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางอวดเบ่งว่า
“เอาไปฟันเล่นได้ตามใจถ้ามีรอยขีดข่วนแม้แต่เส้นเดียว พวกข้าก็ถือว่าแพ้เลย”
เ้าบ้าเอ๊ย!!!!
คุณชายสองแห่งตระกูลเวินแต่เดิมก็ถนัดเื่การหักหน้าคนอยู่แล้วพอเขาพูดใส่ซ่างกวันเฟยจบก็เดินกลับเข้าไปในกลุ่มทันที
ณ ตรงกลางของเวที
ซ่างกวันเฟยเริ่มทำแบบเดียวกับที่เคยทำตอนอยู่เลี่ยนเทียนเฮ่าอีกครั้งเขาลงมือฟาดฟันใส่โล่ชิ้นนี้แบบไม่ยั้งด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ
ตึงตึง
แต่น่าเสียดายที่ ไม่ว่าจะฟาดฟันไปสักเท่าไรผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม
ไม่เห็นแม้แต่รอยขีดข่วน
“ว้าว!!” คนที่ส่งเสียงดีใจออกมาท่ามกลางฝูงชนก็คือเวินชิงชิงและสวี่เหยาสาวน้อยทั้งสองที่เป็บุคคลสำคัญของตระกูลเวินนั้นไม่รู้ว่าไปอยู่ด้วยกันั้แ่เมื่อไหร่ยืนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวด้วยความดีใจราวกับนกกระจอกร้อยิญญา
“นั่นหรือ เทคนิคที่หลินอี้สอนให้ท่านอาจารย์ไห่เมื่อคืน?นั่นมันสุดยอดมากเลย!!” เวินชิงชิงตบมือจนมือเล็กๆของนางแดงขึ้นมาแล้ว
ส่วนสวี่เหยาที่ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ั์ตาของนางตอนนี้ราวกลับเปลี่ยนเป็รูปหัวใจไปแล้วนางหันกลับไปมองหลินหยางที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนด้วยสายตาที่วาบหวานยิ่งกว่ารักครั้งแรกเสียอีก
“เหอะ... ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลยนี่?” เ้าปี้ฟังน้อยตัวนี้ยืนกอดปีกตัวเองเอาไว้เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจที่ผู้คนเคารพหลินหยางกันเสียขนาดนั้น “ก็แค่ใช้เคล็ดลับพิเศษนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้นเอง ไอ้แบบนั้นน่ะอยู่ห่างไกลจากอาวุธิญญาชั้นยอดของจริงอยู่มากโข....”
หืม หมายความว่าอย่างไร?
สองสาวมองไปที่หั่วเอ๋อร์ด้วยความสงสัย ทำให้เ้าปี้ฟังตัวนี้รู้สึกได้ใจอยู่ไม่น้อย
ตัวมันที่เป็ถึงสัตว์เทพยุคโบราณและยังเป็จุดสูงสุดของธาตุไฟอีกด้วยถึงแม้ตอนแรกมันจะไม่รู้เื่เกี่ยวกับวิชาการช่างก็ตาม แต่พอมันต้องทำหน้าที่เป็“เตาไฟ” เป็เวลาครึ่งปีแล้ว ตอนนี้มันก็พอจะเรียกตัวเองว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ได้บ้างแล้ว
หั่วเอ๋อร์อธิบายว่า “ไอ้เ้าหลินหยางมันเหมือนจะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายจะใช้วัตถุดิบที่เป็ธาตุเย็นดังนั้นมันเลยเลือกใช้วิธีเฉพาะมาต่อกรศัตรู นั่นก็คือการผสมผงกระดองเต่าบดละเอียดของ‘เต่าศิลาแดง’ ลงไปในกาวอวิ๋นกุยพอมันผสมเข้าด้วยกันแล้วก็จะสามารถแสดงคุณสมบัติแผดเผาออกมาได้เองตามธรรมชาติส่วนเื่ความแข็งแรงนี่ไม่ต้องบอกก็คงจะเห็นกันแล้วแต่ประเด็นหลักก็คือมันสามารถสะกดข่มคุณสมบัติิญญาที่อยู่ในขวานศึกนั่นได้ทำให้คุณสมบัติ ‘เจาะเกราะ’ของมันไร้ผล พอเป็อย่างนี้แล้วเ้าขวานนั่นมันก็ไม่มีทางทำอะไรโล่หละวันได้แล้ว”
อย่างนี้นี่เอง...
สาวน้อยทั้งสองไม่รู้มาก่อนเลยว่าหลินหยางจะเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วแบบนี้
พวกเขายิ่งไม่รู้เลยว่า หลินหยางสามารถมองออกได้ว่าซ่างกวันเฟยถนัดแนวไหนั้แ่ตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็ธาตุเย็นสองชนิดในการประลองยุทธภัณฑ์ครั้งแรกแล้วทำให้สามารถกำหนดแผนที่สามารถชนะทางอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาดขนาดนี้
ชัยชนะอันงดงามของตระกูลเวินครั้งนี้ทั้งหมดล้วนมีสติปัญญาอันชาญฉลาดของหลินหยางคอยหนุนหลังอยู่
ตระกูลเวินที่ต้องอดทนกับการถูกข่มเหงรังแกมานานนับครึ่งปีนั้นในที่สุดก็ได้โอกาสตอบโต้อีกฝ่ายอย่างงดงามแล้ว
แต่นี้เป็เพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตรงจุดกึ่งกลางของเวทีนั้น
ซ่างกวันเฟยยังไม่ยอมตายใจ เขายังคงใช้ขวานสับเข้าที่โล่บนพื้นอย่างต่อเนื่องภาพที่ปรากฏนั้นทำเอาผู้ชมบ่นกันระงม
“ลงไปได้แล้ว!! สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ไปซะ!!”เริ่มมีคนะโไล่แล้ว
มีชายชราคนหนึ่งะโปลอบด้วยความจริงใจว่า“ไอ้หนูเอ๊ย แพ้ให้กับท่านไห่ที่เป็นักการช่างอันดับหนึ่งของอาณาจักรชูอวิ๋นนั้นไม่น่าอายหรอกเ้ากลับไปฝึกฝนเพิ่มอีกสักสิบปีก็ยังไม่สายหรอกนะ!!”
นั่นคือการปลอบใจตรงไหนวะไอ้บ้าเอ๊ย!!
ซ่างกวันเฟยโมโหจนแทบบ้าแล้ว
ไอ้วิชาการช่างบ้าๆ นั่นอีกแล้ว
แม่มันเถอะ ไอ้พวกตระกูลเวินนั่นที่แท้ก็ยังเก็บไพ่ตายเอาไว้อีกใบเพื่อเล่นงานตัวเองโดยเฉพาะ!!!!
เขาโกรธจนแทบคลั่ง แต่ผลการประลองมันชัดเจนเสียขนาดนี้แล้วคงทำได้แค่ทำใจยอมรับมันเท่านั้นแล้ว
“ฮ่าฮ่า คุณชายซ่างกวันวันนี้คงจะมือตก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าขวานศึกิญญาเหมันต์เล่มนี้เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูงใช่ไหมเล่า?ดังนั้นทุกท่านช่วยส่งเสียงปรบมือให้กำลังใจคุณชายซ่างกวันกันหน่อยเถอะ”
พิธีกรรีบออกมาทำหน้าที่ต่อทันที
เฉินเย่เซิงนั้นกำลังเดินขึ้นเวทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจากนั้นก็กระซิบกับซ่างกวันเฟยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำไปสองสามประโยคถึงจะสามารถพาให้คุณชายท่านนี้ลงจากเวทีได้
และในตอนที่กำลังจะเดินกลับไปนั้นเฉินเย่เซิงได้หันมามองสีหน้าเรียบเฉยของเวินติ่งเทียนพร้อมกับที่ภายในใจของเขาเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังก่อตัวขึ้น
วันนี้... คงไม่เกิดเื่ที่ไม่คาดฝันขึ้นหรอกนะ...