หลังจากวินาทีที่อวิ๋นซงถูกเนี่ยเทียนฆ่าตาย หยวนเฟิงที่เดิมทีร้อนใจคิดจะลงมือก็พลันสงบนิ่ง
เขาหยุดอยู่ด้านหน้าเนี่ยเทียนในระยะห้าเมตร สีหน้าเคร่งขรึม แอบประเมินความสามารถที่แท้จริงของเนี่ยเทียน
ทว่าเขาที่เพิ่งจะสงบลงได้ พอได้ยินว่าเนี่ยเทียนก็เห็นเขาเป็ส่วนหนึ่งในแผนการ หมายจะฆ่าเขาปิดปากด้วย เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีก
“เ้ายังคิดจะฆ่าข้าด้วยหรือ?” หยวนเฟิงไม่โกรธกลับหัวเราะ
เผชิญหน้ากับความสงสัยของเขา เนี่ยเทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง กล่าวอย่างมีเหตุมีผลว่า “หากเ้ามีชีวิตเดินออกไปจากโลกมายามรกต ก็ไม่เท่ากับว่าเื่ที่ข้าสังหารอวิ๋นซงต้องถูกแพร่งพรายออกไปหรอกหรือ? หึ เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว พูดอะไรก็ล้วนไม่มีประโยชน์ หากไม่ใช่ข้าตาย ก็เป็เ้าที่ต้องตาย แน่นอนว่าคนที่ข้า้าให้ตายย่อมเป็เ้า”
เพิ่งพูดจบ เนี่ยเทียนก็รวบรวมพลังจิตที่แข็งแกร่งอีกครั้งทันที
ดวงตาของเขาที่มองไปยังหยวนเฟิง ดุจดั่งดวงดาวในราตรีกาลมืดมิดที่เปล่งแสงวาบขึ้นกะทันหัน
การแทรกซึมของพลังจิต รวดเร็วมากยิ่งกว่าความเร็วของกล้ามเนื้อและการแผ่พลังิญญามากมายหลายเท่านัก!
พริบตาเดียวคมมีดที่ก่อตัวขึ้นจากพลังจิตของเขาก็พุ่งเข้าใส่สมองของหยวนเฟิง
“ตูม!”
ร่างของหยวนเฟิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สีหน้าบูดเบี้ยว ั์ตาเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“ช่างเป็พลังจิตที่แข็งแกร่งนัก!”
บัดนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอวิ๋นซงถึงได้ถูกเนี่ยเทียนสังหารในพริบตา
อวิ๋นซงที่อยู่ในขั้นหลอมลมปราณเจ็ด ในด้านขอบเขตแค่ด้อยกว่าเนี่ยเทียนเพียงนิดเดียวเท่านั้น ตามหลักแล้วไม่ควรจะสู้ไม่ได้ถึงขนาดนั้น
ทว่าเมื่อครู่นี้ การโจมตีครั้งแรกของเนี่ยเทียนพลาดเป้า ตอนโจมตีครั้งที่สองกลับทำให้อวิ๋นซงตายอย่างอนาถในชั่วพริบตาเดียว เห็นได้ชัดว่านี่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก
และก็เพราะมีใจที่สงสัย ไม่รู้ว่าเหตุใดอวิ๋นซงถึงได้ตายอย่างแปลกประหลาดเช่นนั้น ดังนั้นตอนที่หยวนเฟิงเดินเข้ามาใกล้จึงไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
แท้จริงแล้วเขาก็หวาดกลัววิธีการลึกลับนั้นของเนี่ยเทียนเช่นกัน
เมื่อพลังจิตอันแข็งแกร่งของเนี่ยเทียนกลายร่างเป็มีดคมกริบเล่มแล้วเล่มเล่าทิ่มแทงเข้ามาในสมองของเขา เขาจึงตระหนักรู้ในบัดดล
---เนี่ยเทียนมีพลังจิตมหาศาลเหนือล้ำเกินกว่าคนทั่วไป!
“คาถารวมิญญา!”
หยวนเฟิงแค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง ร่ายเวทลับของหุบเขาเทาออกมาทันที ตั้งใจเด็ดเดี่ยวดุจหินผา
มีดคมกริบที่เกิดจากพลังจิตแข็งแกร่งของเนี่ยเทียน หลังจากโจมตีเข้าไปในสมองของหยวนเฟิงแล้วพบว่าสมองของหยวนเฟิงพลันเปลี่ยนมาเป็แข็งแกร่งมั่นคงดุจเหล็กกล้า
มีดคมกริบเ่าั้ราวกับฟันลงไปบนหินผาที่แข็งทนทาน ไม่สามารถโจมตีจิติญญาของหยวนเฟิงได้
พอเห็นว่าการโจมตีทางพลังจิตไม่ได้ผลอย่างที่ควร เขาจึงเก็บเอาพลังจิตที่ปล่อยออกไปกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
“ผู้ที่ถนัดในการใช้พลังจิตโจมตีมากที่สุดก็คือลูกศิษย์สำนักภูตผี หุบเขาเทาของพวกเราต่อสู้กับสำนักภูตผีเป็ประจำ เ้านึกว่าพวกเราจะไม่มีวิธีรับมือเชียวหรือ?”
หลังจากที่หยวนเฟิงรู้ว่าเนี่ยเทียนใช้วิธีการใดถึงสังหารอวิ๋นซงได้อย่างฉับพลัน เขากลับวางใจลงได้
เขาใช้ “คาถารวมิญญา” ซึ่งเป็เวทลับของหุบเขาเทามาปกป้องจิติญญาให้มั่นคง แล้วจึงเดินเข้าหาเนี่ยเทียนอย่างเชื่องช้า
คลื่นพลังิญญาที่ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากร่างของเขา เมื่อเขาเข้ามาใกล้มันก็พลันไต่ระดับขึ้นสูง
สีหน้าเนี่ยเทียนพลันเปลี่ยนมาเป็เคร่งเครียด
อยู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าหยวนเฟิงที่สามารถถูกหุบเขาเทามองเป็ “เมล็ดพันธ์” นั้น แตกต่างจากอวิ๋นซงจริงๆ
อวิ๋นซงอยู่แค่ขอบเขตหลอมลมปราณขั้นเจ็ด ยังอยู่ห่างไกลกับระดับที่จะถูกหุบเขาเทารับไว้เป็ศิษย์มากนัก อีกทั้งด้วยพร์ในการบำเพ็ญตบะของอวิ๋นซง ต่อให้ถูกหุบเขาเทารับตัวไปอย่างเป็ทางการก็ไม่มีทางเป็ “เมล็ดพันธ์” ของหุบเขาเทาได้อย่างแน่นอน
อวิ๋นซงที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหุบเขาเทา ยังไม่ทันได้ัักับคาถาวิเศษมหัศจรรย์ของหุบเขาเทา ไม่ได้ถูกถ่ายทอดวิชา “คาถารวมิญญา” ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีทางพลังจิตของเขา จึงพ่ายแพ้ยับเยิน
เขามาลองย้อนคิดดูก็ตระหนักรู้ว่าที่ตู้คุนของสำนักภูตผีถูกพลังจิตของเขาโจมตีจนหมดท่าทันทีนั้น เป็เพราะก่อนหน้านี้ตู้คุนถูกพลังโจมตีย้อนกลับมาก่อน
หากไม่เป็เพราะการตายของผีร้ายเจ็ดตัวทำให้พลังโจมตีกลับ หลังจากที่ตู้คุนแห่งสำนักภูตผีถูกพลังจิตของเขาเข้ารุกราน ก็คงไม่ตายอนาถขนาดนั้น
เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุ เขาจึงรู้ว่าพลังจิตมากมายมหาศาลของเขา แท้จริงแล้วใช่ว่าจะนำมาใช้ได้อย่างราบรื่นไปเสียทุกอย่าง
เขาปรับลมหายใจ ให้ตัวเองนิ่งสงบขึ้น ไม่กล้าดูถูกหยวนเฟิงอีก แอบตั้งท่าพร้อมสู้ตาย
“เวทเงาสีเทา!”
และเวลานี้เอง หยวนเฟิงตวาดเบาๆ หนึ่งครั้ง ในร่างของเขาที่มีคลื่นพลังิญญาไหลทะลักเชี่ยวกรากนั้นพลันมีเงาร่างสีเทาบินออกมาสองร่าง
เงาสีเทาพร่ามัวสองร่างนี้คล้ายจะก่อตัวขึ้นมาจากพลังิญญา พอหลุดออกจากร่างของเขาได้ก็กระโจนเข้าใส่อย่างรวดเร็วทันที
เวลาเดียวกันนั้น หยวนเฟิงแสยะยิ้ม หยิบเอาธงสีน้ำตาลอ่อนออกมาผืนหนึ่ง
ธงผืนนี้กางสะบัดรับลม บนธงปรากฏเป็ลวดลายแปลกประหลาดบิดเบี้ยว ลวดลายที่เลื้อยขยุกขยิกราวกับไส้เดือนคล้ายถูกกรอกพลังิญญาเข้มข้นเข้าไปในชั่วพริบตา
เงาสีเทาพร่าเลือนสองร่างที่พุ่งกระโจนเข้าใส่เนี่ยเทียน หลังจากที่ธงผืนนั้นปรากฏขึ้นก็พลันเปลี่ยนมาเป็ชัดเจนอย่างถึงที่สุด
“หยวนเฟิงสองคน!”
เนี่ยเทียนหน้าค่อยๆ เปลี่ยนสี เขามองเห็นว่าเงาสีเทาสองร่างนั้นที่ก่อนหน้านี้ยังพร่าเลือน ชั่วประเดี๋ยวเดียวกลับกลายร่างมาเป็หยวนเฟิง
อีกทั้งเมื่อเขาใช้พลังจิตรับัักลับพบว่าบนร่างของหยวนเฟิงสองคนนั้นมีพลังิญญาและคลื่นชีวิตอย่างชัดเจน!
หยวนเฟิงสองคนที่เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีเืเนื้อ แต่กลับเหมือนได้รับจิติญญาและพลังชีวิตจากธงผืนนั้นจึงทำให้เขายากที่จะแยกแยะได้ มิอาจแน่ใจได้ว่าหยวนเฟิงสองคนนั้นเป็เพียงภาพลวงตาหรือว่าเป็ความจริงกันแน่
“อาวุธวิเศษ! เขาใช้อาวุธวิเศษ!”
ไม่มีเวลาให้คิดมาก เขารีบแฉลบตัวหลบเลี่ยง ไม่ได้วู่วามที่จะฝืนไปัักับหยวนเฟิงสองคนนั้น
เพราะว่าเวลานี้เอง หยวนเฟิงที่ถือธงอยู่ในมือพลันเก็บธงกลับไปกะทันหัน แล้วบินออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
พริบตาเดียว หยวนเฟิงคนนั้นได้เปลี่ยนตำแหน่งกับหยวนเฟิงที่แปลงร่างออกมา สลับตัวกันมั่วไปหมด
บนร่างหยวนเฟิงสามคนล้วนมีปราณชีวิตและเืเนื้อ ต่างก็สวมอาภรณ์สีเทา ต่างก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน ยากจะแยกแยะตัวจริงตัวปลอม
แต่เขากลับเข้าใจว่า หยวนเฟิงตัวจริงต่างหากถึงจะเป็กุญแจสำคัญ!
ขอแค่ฆ่าหยวนเฟิงตัวจริงได้ หยวนเฟิงตัวปลอมอีกสองคนก็จะหายไปทันที ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามใดๆ ให้เขาได้อีก
หยวนเฟิงที่รวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่ได้พูดอะไรอีก คอยเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ลงมือกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาใช้พลังจิตไปััก็ยังไม่สามารถหาหยวนเฟิงตัวจริงได้เจอ ทำได้เพียงหลบเลี่ยงเป็ระยะ รอจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกแล้วเขาจึงฝืนพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
“ตูม!”
หมัดหนึ่งของเขากระแทกลงไปบนหน้าอกของหยวนเฟิงคนหนึ่ง ทว่าหยวนเฟิงคนนั้นกลับเป็เหมือนอากาศ ทั้งที่ต่อยลงไปบนร่างของหยวนเฟิงคนนั้น แต่กลับไม่มีความรู้สึกถึงกำลังใดๆ
เขาเข้าใจทันทีว่าหยวนเฟิงที่ถูกหมัดนั้นกระแทกใส่ก็คือภาพมายาที่เกิดจากเวทของหุบเขาเทา
เมื่อหมัดหนึ่งกระแทกลง ขณะที่เขาแอบร้องกับตัวเองว่าซวยแล้ว ด้านหลังก็พลันเกิดความรู้สึกเ็ปมหาศาล
ร่างของเขาถูกหมัดหนึ่งต่อยลงมาจนโซซัดโซเซถลาไปข้างหน้า
เมื่อหันกลับมาเขาก็เห็นว่าหยวนเฟิงอีกคนหนึ่งแสยะปากยิ้มอย่างโเี้ แล้วกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
เขารีบกำหมัดขึ้นรับอย่างลนลาน
“ตูม!”
หมัดนั้นของเขาชนเข้ากับฝ่ามือของหยวนเฟิงผู้นั้น แต่กลับเหมือนต่อยลงไปบนอากาศ
เพราะหมัดนี้พุ่งออกไป ร่างของเขาจึงสูญเสียสมดุล ถลาไปด้านหน้า
และเวลานี้เอง พลังมหาศาลอีกระลอกหนึ่งก็กระแทกใส่หลังของเขาอย่างแรง
เขากระอักเืออกมาหนึ่งคำทันที
และเขาก็ตระหนักได้ทันใดว่าวินาทีที่เขาหันตัวกลับไปนั้น หยวนเฟิงที่ลอบโจมตีเขาจากด้านหลังได้สลับที่กับหยวนเฟิงตัวปลอมอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ที่เขาหันกลับไปเผชิญหน้าก็คือหยวนเฟิงตัวปลอมอีกคนที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งมาแล้ว!
หยวนเฟิงตัวจริงกลับใช้วิธีการเช่นเดิมลอบโจมตีเขาอีกครั้งเมื่อเขาหมุนตัวไปรับมือกับหยวนเฟิงตัวปลอม
หลังจากที่โจมตีสำเร็จสองครั้ง หยวนเฟิงสามคนจึงทิ้งระยะห่างกับเขา่หนึ่ง
หยวนเฟิงตัวจริงกำลังเผชิญหน้ากับเขา ส่ายหัวไปมา คล้ายรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ เ้ามีพลังจิตที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีเวทลับที่เหมาะสม ไม่สามารถนำพลังจิตที่โดดเด่นของเ้าเปลี่ยนมาเป็พลังโจมตีที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมได้”
“อีกอย่างเนื่องจากไม่ได้ถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับขึ้นเขา จึงไม่มีกระบวนท่าวิเศษและคาถาวิเศษในการแสดงศักยภาพของพลังิญญา”
“สุดท้าย ในมือเ้ายังไม่มีแม้แต่ของวิเศษที่เข้าท่าสักชิ้น”
“ไม่สามารถแสดงศักยภาพของพลังจิต ไม่มีกระบวนท่าวิเศษที่เหมาะสมในการนำพลังิญญาในร่างมาใช้อย่างยอดเยี่ยม และก็ไม่มีอาวุธวิเศษแม้แต่ชิ้นเดียว”
“เ้าที่เป็แบบนี้ เสียแรงเปล่าที่มีพลังจิตไม่ธรรมดาและมีพลังิญญาที่ไม่เลว สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงรอความตาย”
“จะโทษก็โทษที่พร์ในการฝึกบำเพ็ญเพียรของเ้ามีไม่มากพอแต่ดันรีบเข้ามาในโลกมายามรกต แล้วก็รีบมาเจอกับข้า”
“มิฉะนั้นรอจนเ้าถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับตัวขึ้นเขาไปแล้ว ได้ฝึกกระบวนท่าและคาถาวิเศษที่ลึกล้ำ ได้รับอาวุธวิเศษแข็งแกร่ง เ้าก็อาจจะกลายมาเป็ตัวหายนะสำหรับข้าได้จริงๆ”
“แต่ว่าตอนนี้ เ้าคงทำได้เพียงตายเท่านั้นแล้วล่ะ”
หลังจากกล่าวอธิบายจบ หยวนเฟิงก็ไม่พูดมากอีก เงาร่างทั้งสามพลันสลับตำแหน่งอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งกัน เนี่ยเทียนจึงไม่สามารถแยกแยะได้อีกว่าหยวนเฟิงตัวจริงคือคนใดกันแน่
-----