บทที่ 16 วิชาหมัดหกประสานทะลวงสำเร็จ พร์ของอาจารย์ผู้งดงาม
หอฝึกยุทธ์อันกว้างใหญ่พลันตกอยู่ในความเงียบงัน
เหล่าศิษย์ชั้นนอกที่เห็นภาพนี้ต่างคิดว่าตนยังไม่ได้ตื่นจากฝัน
หลี่โม่เพิ่งจะเริ่มเรียนวิชาหมัดเท่านั้น แต่วันนี้เขากลับเอาชนะหวังหู่ ผู้เป็เ้าถิ่นของหอฝึกยุทธ์ลงได้
เพียงแค่หมัดเดียวก็ซัดจนอีกฝ่ายล้มลงแทบจะลุกไม่ขึ้น นี่น่ะหรือที่เรียกว่ามือใหม่! ศิษย์สายตรงทุกคนต่างก็น่าอัศจรรย์ขนาดนี้เลยหรือ?
บนเก้าอี้อาจารย์
เหอหงเฟิงเปลี่ยนสีหน้าไปมา เขาได้ััถึงขั้นขอบเขตกายภาพนอกแล้ว จึงมองออกว่าหลี่โม่เพิ่งจะทะลวงเปิดเส้นชีพจรได้เพียงเส้นหลักเดียวเท่านั้น
ความก้าวหน้านี้รวดเร็วอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่ใช่เื่นั้น
หวังหู่นั้นอยู่ในขั้นปราณโลหิตระดับสาม
การที่ผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งเส้นชีพจรเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์สามเส้นชีพจรได้อย่างเด็ดขาด ย่อมมีสาเหตุมาจากการที่หวังหู่ประมาทคู่ต่อสู้
แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความสามารถด้านวิชาหมัดของหลี่จิ้งจวน(ศิษย์สายตรงหลี่)นั้นเหนือกว่าหวังหู่มากนัก!
เขาเห็นชัดเจนเมื่อครู่
หมัดนั้นอย่างน้อยก็คือวิชาหมัดหกประสานขั้นชำนาญ!
หวังฮ่าวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปหาหวังหู่และถ่ายปราณภายในเข้าไปช่วยปรับปราณโลหิตของเขา
สีหน้าของเขาบึ้งตึงถึงขีดสุด
“ในเมื่อหลี่จิ้งจวนไม่้าประลองกับศิษย์ชั้นนอก เช่นนั้นก็มาประลองกับข้าเถอะ”
เหอหงเฟิงวางถ้วยชาลง ในใจก็สบถ
เ้าเป็ขั้นปราณภายในที่เข้าสำนักมาหลายปี จะมาประลองกับขั้นปราณโลหิตน่ะหรือ?
ไม่มียางอายเลย!
ศิษย์ชั้นนอกคนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจ
ตอนที่หวังหู่รังแกพวกเรา ไม่เห็นเ้าจะพูดอะไรเลย
สรุปคืออนุญาตให้เขาชนะเท่านั้นใช่ไหม!
“ข้าจะไม่ใช้ระดับปราณภายใน และจะกดระดับพลังลงมาที่ขั้นปราณโลหิตระดับเริ่มต้นก็พอแล้ว”
“ศิษย์ชั้นในขอคำชี้แนะจากศิษย์สายตรง ต่อให้เื่ไปถึงอาจารย์ของข้าก็ถือว่าถูกกฎ”
หวังฮ่าวไม่มีท่าทีว่าจะให้เกียรติเขาเลย
สีหน้าของเหอหงเฟิงยิ่งดูแย่ลงไปอีก เขาเอาชื่ออาจารย์มาข่มหรือ?
ช่องว่างระหว่างผู้คุมกฎชั้นในกับผู้คุมกฎชั้นนอกนั้น ใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างศิษย์ชั้นในกับศิษย์ชั้นนอกมาก
เขาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก จึงแค่นเสียงเ็าว่า
“ดี! เ้าอย่าได้เสียใจทีหลังก็แล้วกัน ศิษย์น้องหลี่ หากเ้าอยากจะหลีกเลี่ยงการประลองก็ไม่เป็ไร”
“หึหึ”
หวังฮ่าวไม่สนใจหงเฟิงอีกต่อไป สายตาคมกริบจับจ้องไปที่หลี่โม่
หลี่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อย
ในเมื่อกดระดับพลังลงมาที่ระดับเดียวกัน ก็ไม่แน่ว่าจะลองไม่ได้
เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่วิถีแห่งยุทธ์ ยังไม่เคยประลองจริงจัง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่ตอนที่เขาต่อสู้จริง จู่ๆ ในอกก็พลันเกิดจิตต่อสู้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ และเมื่อเวลาผ่านไป จิตต่อสู้นั้นไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับลุกโชนราวกับไฟป่าที่ลามทุ่ง
ดังนั้น เมื่อเขาได้ประมือกับคนอื่นเป็ครั้งแรกอย่างแท้จริง เขาจึงไม่มีความติดขัดแม้แต่น้อย และสามารถแสดงสิ่งที่เรียนรู้ออกมาได้อย่างเต็มที่
นี่... นี่ก็เป็เพราะกายาเซียนกำเนิดลึกล้ำ(เสวียนผิน)ด้วยหรือ?
“ขอคำชี้แนะด้วย”
หลี่โม่เอ่ยเบาๆ
ใจของผู้คนสั่นะเื ศิษย์น้องหลี่กล้าที่จะรับคำท้าจริงๆ หรือ? เขาเพิ่งจะเรียนวิชาหมัดและเข้าสู่วิถีแห่งยุทธ์ได้เพียงสองวันเต็มๆ เท่านั้นเอง
หากเป็การประลองกับศิษย์ชั้นในคนอื่นๆ ก็พอเข้าใจได้ แต่หวังฮ่าวคนนั้นดูเหมือนแท้จริงแล้วเป็คนที่มีจิตใจอำมหิต...
หลี่โม่พูดพลางหันกลับไป
“ศิษย์พี่เซียว ท่านถอยไปหน่อย...”
ศิษย์พี่เซียวล่ะ?
ข้างกายไม่รู้ั้แ่เมื่อไหร่ ไม่มีใครอยู่แล้ว เซียวฉินหายไปไหนก็ไม่รู้
แปลกจริง ศิษย์พี่เซียวก็ไม่เหมือนคนที่จะเห็นท่าไม่ดีแล้วชิ่งหนีไปนี่นา?
“หึหึ เ้าช่วยคนอื่นออกหน้า แต่คนอื่นกลับหนีไปแล้ว”
หวังฮ่าวยังคงกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับคำท้า เขายืนกอดอก มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ย
“เพื่อไม่ให้คนอื่นหาว่าข้าเอาเปรียบ ให้เ้าออก... ก่อน”
ฮู่ววว—
คำพูดยังไม่ทันขาดคำ หมัดก็พุ่งเข้าใส่แล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่หาเื่ หลี่โม่ไม่คิดจะเกรงใจเลยแม้แต่น้อย หลังตรงดุจคันธนู หมัดดุจค้อนปืนใหญ่
ตรงไปที่ใต้ซี่โครงสามนิ้วของอีกฝ่าย แล้วซัดออกไป
ััได้ถึงพลังหมัดอันรุนแรง หวังฮ่าวเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถูกข่มขวัญด้วยพลังที่โจมตีมาก่อนหน้า
ปัง—
หมัดทั้งสองปะทะกัน
หวังฮ่าวถูกแรงกระแทกจนแขนชา แต่ก็ไม่ได้ถอยหลัง เขามั่นใจในประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนจึงโต้กลับทันที
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ
หลี่โม่กลับดูมีประสบการณ์อย่างยิ่ง!
ฉับพลัน! เขาไม่สนใจหมัดที่พุ่งเข้าใส่หน้าอก แต่กลับพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น แขนสะบัดดุจแส้เหล็กฟาดลงบนไหล่ของอีกฝ่าย
พลังหมัดไหลเวียนไม่หยุด วิชาหมัดหกประสานขั้นชำนาญ?
หวังฮ่าวใจสั่นสะท้าน แต่หมัดของเขาก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้แล้ว
เขากัดฟันสู้ พลังหมัดนี้ได้มาถึงขีดสุดของขั้นปราณโลหิตระดับเริ่มต้น และถูกแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
วิชาหมัดหกประสานขั้นชำนาญ เขาเองก็ทำได้!
ยิ่งไปกว่านั้น...หึ!
หวังฮ่าวแค่นเสียงเ็า ไหล่หดกลับไปด้านหลัง
หมัดอันหนักหน่วงของหลี่โม่กระแทกลงบนไหล่ของอีกฝ่าย แต่กลับพบว่ามีพลังงานที่มองไม่เห็นบางอย่างค้ำยันไว้ ทำให้ไม่สามารถกระแทกลงไปได้แม้แต่น้อย
ส่วนตัวเขาเอง ก็ถูกหมัดโจมตีที่หน้าอกจนถอยหลังไปสองสามก้าว
ระดับปราณภายใน?
หลี่โม่พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย เขามองออกว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็อ่อนข้อ แต่แท้จริงแล้วกลับใช้ระดับพลังที่สูงกว่า
เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ในดวงตาของเขากลับมีจิตต่อสู้ที่ลุกโชนมากขึ้น
“เอาอีก!”
“หืม?”
หวังฮ่าวประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มคนนี้ ในใจกลับยิ่งแค่นเสียงเ็ามากขึ้น
สุดท้ายก็ยังขาดประสบการณ์ ทำได้แค่สามกระบวนท่า
เมื่อประมือกันนานขึ้น ก็จะเผยจุดอ่อนออกมา การโจมตีครั้งนี้ก็ยังคงใช้กระบวนท่าเดิมกับครั้งที่แล้ว
หากกระบวนท่าโจมตีไม่สำเร็จ นั่นก็ไร้ประโยชน์ แถมยังจะถูกโต้กลับด้วย
ในวินาทีถัดมา
ดวงตาของเขาก็พลันหดเล็กลง
หมัดของเด็กนั่น...
เพียะ—
หมัดอันดุดันของหลี่โม่สามารถทะลุผ่านปราณภายในอันบางเบาไปได้ และกระแทกเข้าที่ไหล่ของเขาอย่างจัง
หวังฮ่าวโซซัดโซเซถอยหลัง ใบหน้าสลับเขียวขาว ดวงตาทั้งสองข้างมืดมิดไปชั่วขณะ
“วิชาหมัดหกประสานทะลวงสำเร็จ?!”
“ขั้นแตกฉาน?”
ถ้วยชาในมือของเหอหงเฟิงร่วงหล่น ชาหลงจิ่งชั้นดีสาดกระเซ็นเต็มกางเกง
แต่เขากลับไม่สนใจ สีหน้าของเขาตะลึงงัน
วิชาหมัดหกประสานเป็วิชาพื้นฐานก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะฝึกง่าย ตรงกันข้าม ยิ่งเป็วิชาพื้นฐานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียนง่าย แต่ฝึกให้เชี่ยวชาญได้ยากขึ้นเท่านั้น ทุกความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยล้วนต้องผ่านการบ่มเพาะมาอย่างยาวนาน
นี่เขายังเป็คนอยู่หรือ?
หวังฮ่าวเสียเปรียบอย่างกะทันหัน
แต่เขากลับไม่ยอมแพ้ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ชัดเจนว่าโกรธถึงขีดสุด
“หวังฮ่าวเ้าจะทำอะไร!”
คำพูดของเหอหงเฟิงยังไม่ทันขาดคำ
หวังฮ่าวก็พุ่งเข้าใส่แล้ว ฝ่ามือพลันมีไอเย็นเยียบปรากฏขึ้นเล็กน้อย
ตรงเข้ากระแทกไปที่ตันเถียนของหลี่โม่ทันที
เหอหงเฟิงพุ่งตามไปติดๆ แต่... เขาไม่จำเป็ต้องลงมือแล้ว
ตูม—
หวังฮ่าวลอยละลิ่วกลับออกไปราวกับะุปืนใหญ่
ภายใต้แรงมหาศาล ร่างกายของเขากระดูกลั่นดังกุกกัก
กระแทกเข้ากับผนังโดยตรงจนเป็รูขนาดใหญ่
เหอหงเฟิงขนลุกซู่ หันกลับไปอย่างแข็งทื่อ
“ผู้... ผู้าุโซาง”
“อาจารย์? ศิษย์พี่เซียว?”
หลี่โม่ชะงักไปเล็กน้อย หันกลับไปก็เห็นสองร่างตรงประตู
ปรากฏเป็ซางอู่กับเซียวฉิน
เพียงแต่เซียวฉินชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำ กลับถูกอีกคนหิ้วขึ้นมาด้วยมือเดียวจนใบหน้าซีดเซียว
“ท่านอาจารย์ ท่านมาได้อย่างไร?”
“เ้าเด็กนี่บอกว่าเ้าถูกรังแกที่หอฝึกยุทธ์ ข้าเลยมาดู” ซางอู่หรี่ตาลง
ตอนนี้นางไม่มีท่าทีเกียจคร้านหรือผ่อนคลายอีกแล้ว ราวกับเสือแม่ลูกอ่อนที่ถูกรุกรานอาณาเขต
หลี่โม่เข้าใจในทันที
ไม่แปลกใจเลยที่ศิษย์พี่เซียวหายไปั้แ่แรก ที่แท้ก็รู้ว่าหวังฮ่าวเป็พวกรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ จึงไปตามคนจากยอดเขาหยกงามมาช่วยนี่เอง
“มีไหวพริบนักนะ ผู้เฒ่าเซียว”
“แค่ก!… ศิษย์สายตรง ชมเกินไปแล้ว”
เซียวฉินถูกปล่อยลงมายืนได้ แต่ก็ยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
ก็ต้องทนทุกข์หน่อยล่ะนะ ขั้นปราณโลหิตถูกขั้นปราณระดับสูงหิ้วเหาะมา
“อาจารย์ ท่านตีเขาซะหนักขนาดนี้ ไม่เป็ไรหรือ?”
หลี่โม่ชำเลืองมองกลับไป หวังฮ่าวที่อยู่ไม่ไกล เขาถูกกระแทกฝังเข้าไปในกำแพราวกับภาพวาดที่แขวนอยู่ กระดูกทั่วร่างไม่รู้หักไปกี่ท่อน
น้ำลายฟูมปาก หายใจแ่เบา ไม่ตายก็คงพิการ
“ฮึ่มๆ แน่นอนว่ามีปัญหา”
ซางอู่กอดอก หรี่ตาลง “ศิษย์ชั้นในคนหนึ่งกล้าลงมือกับศิษย์สายตรง ต้องมีคนชักใยอยู่เื้ัแน่”
“เ้าน่ะ! ชื่ออะไรนะ”
“ข้า... ข้าน้อยแซ่เหอ ชื่อหงเฟิง”
เหอหงเฟิงเช็ดเหงื่อเย็นๆ สองขาสั่นระริก
เวรเอ๊ย หวังฮ่าวไอ้สารเลว พูดยังไงก็ไม่ฟัง
เข้าสำนักมาทีหลัง ไปหาเื่ใครไม่หา ดันไปหาเื่ลูกศิษย์ผู้าุโคนนี้?
ศิษย์เก่าทั้งหลายต่างรู้ดีว่าในสำนักชิงเยวียนนั้น ยอมเป็ศัตรูกับเ้าสำนัก ยังดีกว่าไปหาเื่ผู้าุโลำดับที่เก้าผู้นี้เสียอีก
“เ้าไปที่ยอดเขาศาสตราวุธแล้วบอกให้ฝูถูกลิ้งลงมาหาข้า”
“หนึ่งเค่อ หากข้ายังไม่เห็นเขา ข้าก็จะไปเยือนถึงที่เอง”
ซางอู่นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อาจารย์อย่างไม่เกรงใจ
“เอ๊ะ? ข้าหรือ?”
“หืม?”
“ไปเดี๋ยวนี้ขอรับ ไปเดี๋ยวนี้...”
เหอหงเฟิงวิ่งหนีออกไป ราวกับมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามหลัง
หลี่โม่ “???”
ในตอนแรก เขาเป็ห่วงว่าหากตีตัวเล็กแล้วตัวใหญ่จะมา เื่จะบานปลาย แล้วอาจารย์จะถูกตำหนิ
แต่ท่าทางของซางอู่ เหมือนจะเตรียมเรียกตัวใหญ่มาตีด้วยเลยนี่สิ?
เซียวฉินไอเล็กน้อย แล้วกระซิบว่า
“เมื่อก่อน…ได้ยินมาว่ายอดเขาศาสตราวุธน่ะ สูงมากนะ สูงเป็รองแค่ยอดเขาหลักของสำนักชิงเยวียนเท่านั้นเอง”
หลี่โม่ชะงักไปเล็กน้อย มองออกไปนอกหน้าต่าง
ยอดเขาศาสตราวุธอยู่ท่ามกลางยอดเขาอื่นๆ แต่กลับเตี้ยที่สุดเลยนี่นา เหมือนกับว่ามันขาดหายไปส่วนหนึ่ง
เซียวฉินกล่าวต่อ
“วันหนึ่งผู้าุโหานเฮ่อกับผู้าุโซางอู่เกิดความขัดแย้งกัน ยอดเขานั่นจึงถูกผู้าุโซางอู่ตีจนหายไป”
หลี่โม่ “เอ๊ะ?”
เขามองดูช่องว่างขนาดใหญ่บนยอดเขานั้น ราวกับถูกสัตว์ร้ายกัดกินไปคำหนึ่ง
หันกลับไปก็เห็นอาจารย์ผู้งดงามบอบบางกำลังนั่งไขว่ห้างจิบชา มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังนึกเื่ที่น่ายินดีได้
หลี่โม่รู้สึกว่ามันช่างเป็เื่ที่แปลกประหลาดและเหนือจริงเกินไป
“ศิษย์รัก มานี่เร็ว ไม่าเ็ใช่ไหม?”
ซางอู่ยิ้มและกวักมือเรียก
หลี่โม่เดินเข้าไป ยังไม่ทันได้ซาบซึ้งใจ ก็ได้ยินซางอู่พูดต่อว่า
“เดี๋ยวฝูถูมาแล้ว เราต้องรีดไถเขาให้หนักเลยนะ เ้ามีความมั่นใจไหม?”
“รีดไถเขา?” หลี่โม่เหงื่อตก
ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์มาเร็วขนาดนี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้