ในบรรดาลูกหลานรุ่นราวคราวเดียวกับลู่ไห่เสีย เธอเป็ลูกสาวคนเดียว ทำให้ได้รับการตามใจมาั้แ่เด็ก ครั้นเมื่อแต่งงานออกเรือนไป ด้วยฐานะลูกสาวแห่งตระกูลลู่ เธอจึงมีอำนาจเหนือกว่าใครในบ้านสามี
แล้วเธอเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ที่ไหนกัน?
หากให้เธอจากตระกูลลู่ไปเช่นนี้ แล้วต่อไปเธอจะกลับมาบ้านเดิมได้ยังไง? เมื่อกลับมา ก็ต้องมาคอยดูสีหน้าของหลานสะใภ้ไม่ใช่เหรอ?
แต่ถ้าจะให้เธอเผชิญหน้ากับคุณนายลู่ตรงๆ ลู่ไห่เสียก็ยังไม่กล้าอยู่ดี
“ก็ได้ หนูมันเป็ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่เททิ้ง หนูไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านหลังนี้ ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปหาคนที่มีสิทธิ์มีเสียง” ลู่ไห่เสียชี้ไปที่ลู่หลิงซานแล้วพูด “หลิงซาน ไปพยุงแม่แกออกมาสิ แม่แกเป็แม่สามีของหล่อน แม่แกไม่เห็นด้วยที่จิ่งซานจะซื้อเสื้อผ้าให้สะใภ้ทีเดียวสามชุดหรอก”
ในห้องที่กำลังฟังเื่สนุกอยู่ เหอเสวี่ยฉินได้แต่ด่าในใจว่าช่างไร้น้ำยาเสียจริง
“อย่างนั้นเหรอ?” คุณนายลู่ยิ้มบางๆ “ที่แท้ก็เป็เพราะสะใภ้รองไม่พอใจ ถึงได้เรียกพวกแกออกมาพูดอย่างนี้?”
“ใช่ค่ะ คุณแม่” ลู่ไห่เสียกล่าว “ไม่ว่าใครก็คงจะไม่พอใจกับเื่นี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ไม่ต้องพูดถึงสะใภ้รองหรอก แม้แต่พวกพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ พวกเขาก็คงไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ” ลู่ไห่เสียกล่าว “เมื่อก่อนที่ลูกสะใภ้ของบ้านใหญ่สองคนแต่งงาน ยังไม่เคยมีใครซื้อเสื้อผ้าให้ทีเดียวสามชุดเลย ยิ่งจิ่งซานยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ”
ดีที่ตอนนี้สองสามีภรรยาของบ้านใหญ่ไม่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงต้องโกรธจนเืขึ้นหน้าเป็แน่
ลู่ไห่เสียรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยใจกับความปรองดองของบ้านเดิมเสียจริง
“เมื่อเป็เช่นนี้ก็มาพูดคุยเื่นี้กันให้ดี” คุณนายลู่ยิ้มแล้วสั่ง “พวกแกไปพยุงสะใภ้รองออกมา มีอะไรก็มาพูดคุยกันต่อหน้าให้ชัดเจน”
จะมามัวซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแล้วใช้คนอื่นเป็หมากเดินเกมไปทำไม?
คุณนายลู่เสียใจไม่น้อยที่เมื่อก่อนเธอไม่คัดค้านเื่นี้อย่างเด็ดขาด แต่ใครจะไปโทษใครได้ ในเมื่อลูกชายของเธอมันไม่เอาไหน ดันไปทำคนอื่นท้องเสียได้!
“คุณย่า” สวี่จือจือพยุงคุณย่าด้วยความเป็ห่วง “จริงๆ แล้วไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เสื้อผ้าสามชุด หนูไม่ใส่ก็ได้ค่ะ”
ท้ายที่สุดแล้วการพึ่งพาตัวเองย่อมดีที่สุด รอให้เธอมีเงินเมื่อไหร่ เธออยากจะซื้ออะไรก็ซื้อ ใครจะมากล้าวิจารณ์กัน?
“เหอะ” ลู่ไห่เสียได้ยินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เสแสร้งแกล้งทำ ถ้าเมื่อกี้เธอเชื่อฟัง เอาเสื้อผ้าแบ่งให้หลิงซานไปสองชุด เื่ก็คงไม่เป็แบบนี้หรอก”
“คุณป้า” สวี่จือจือกล่าวด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว “ก็พวกคุณบอกเองว่าให้เชื่อฟังผู้ใหญ่ หนูก็ต้องเชื่อฟังคุณย่าสิคะ แล้วคุณก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้าสามชุดออกมา หนูก็นึกว่าพวกคุณจะเหมือนหนู ที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ทุกคนเสียอีก”
ใครจะไปนึกว่าพวกเธอจะมาะโใส่แม่ตัวเองเสียอย่างนั้น
“ก็แค่เสื้อผ้าสามชุด” สวี่จือจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่มันเป็สิ่งที่หนูควรจะได้ หนูจะให้ก็เป็น้ำใจของหนู จะไม่ให้ก็เป็สิทธิ์ของหนู”
“ชิ...พูดร้องรับได้น่าฟังนัก” ลู่ไห่เสียกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณป้า” สวี่จือจือยิ้มแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจ “อย่าดูถูกคนหนุ่มสาวที่ยากจน วันนี้ป้าอาจจะเมินหนู แต่พรุ่งนี้ฉันจะทำให้ป้าปีนป่ายหนูไม่ถึง”
ลู่ไห่เสียหัวเราะออกมา “จะปีนป่ายไม่ถึงเลยเหรอ เธอไม่ต้องห่วง พวกเราจะอดตายก็ไม่มีวันปีนป่ายเธอหรอก”
พูดจาใหญ่โตไม่กลัวว่าลิ้นจะพันกันหรือไง
“คำพูดของคุณป้าวันนี้ หนูจำไว้แล้วค่ะ” สวี่จือจือกล่าว
“แกนี่...” คุณนายลู่ชี้ไปที่ลู่ไห่เสีย แล้วกล่าวอย่างผิดหวัง “รอเสียใจไปเถอะ”
เสียใจ? เธอไม่มีทางเสียใจหรอก!
“คำพูดของคุณป้าวันนี้ ผมก็จำไว้แล้วเหมือนกัน” ลู่จิ่งซานกล่าวอย่างเ็า “ผมจะไปบอกกับเสวียหมินให้ดี ต่อไปนี้เื่ของตระกูลจ้าวไม่เกี่ยวกับผม”
ลู่ไห่เสียถึงกับสะอึก!
คราวที่แล้วจ้าวฮุ่ยฟางก่อเื่ใหญ่โตขนาดนั้น สุดท้ายก็เป็กู้เสวียหมินเพื่อนสนิทของลู่จิ่งซานที่มาจัดการให้
“จิ่งซาน จะทำแบบนั้นได้ยังไง? ฮุ่ยฟางก็เป็น้องสาวแกนะ” ลู่ไห่เสียกล่าวอย่างร้อนรน
“ใช่ครับ” ลู่จิ่งซานกล่าวอย่างเฉยเมย “จือจือก็เป็ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของผมเหมือนกัน”
ใกล้ชิดหรือห่างเหิน รู้ได้ในพริบตา!
ลู่ไห่เสียสะอึกอีกครั้ง อ้าปากจะพูดว่าสวี่จือจือมันเป็แค่เด็กเหลือขอ จะเอามาเทียบกับฮุ่ยฟางของพวกเราได้ยังไง? แต่เมื่อสบกับดวงตาที่เ็าของลู่จิ่งซาน เธอจึงยังมีสติอยู่บ้าง ทำให้คำพูดนั้นต้องกลืนลงคอไป
สวี่จือจือ นังเด็กเหลือขอนี่! เพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่กี่วันก็ทำให้หลานชายของเธอหลงหัวปักหัวปำ จนถึงกับไม่้าญาติพี่น้องเลยหรือไง?
ลู่ไห่เสียรู้สึกคับข้องใจจนแทบขาดใจ ทั้งแม่ ทั้งหลานชาย ต่างก็เป็แบบนี้!
“เอ่อ...” สะใภ้สามลู่ยิ้มแหยๆ “ฉันกับไห่เสียไปทางเดียวกัน ไห่เสีย เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
ลู่ไห่เสีย “...”
เธอส่งสายตาจนจะเป็ตะคริวอยู่แล้ว สะใภ้สามลู่ยังทำเป็ไม่เห็น ยิ้มแย้มให้คุณนายลู่ แล้วกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ” จากนั้นก็ดึงลู่ไห่เสียออกไป
“สะใภ้สาม นี่เธอหมายความว่ายังไง?” ลู่ไห่เสียกระซิบ “เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่าจะจัดการนังเด็กแพศยานั่นเหรอ?”
“เงียบๆ หน่อย!” สะใภ้สามลู่กล่าว “รีบกลับบ้านไปซะ ่นี้อย่ามาอีกเลย”
ลู่ไห่เสียจะพูดอะไรต่อก็ถูกสะใภ้สามลู่ขัดไว้ “แม่เธอลำเอียงจนหมดใจแล้ว ถ้าเธอพูดอะไรอีก คงไม่ให้เธอเข้าบ้านแน่ ยังไงซะวันข้างหน้าก็อีกยาวไกล ค่อยหาโอกาสจัดการเด็กนั่นแล้วกัน”
“แต่ว่า...”
“เธอนี่โง่จริง” สะใภ้สามลู่กล่าว “เมื่อกี้ไม่ได้เห็นหรือไงว่าแม่เธอโวยวายขนาดนั้น แต่สะใภ้รองกลับไม่ยอมออกมา?” นี่มันใช้พวกเธอเป็เครื่องมือไม่ใช่เหรอ?
“คุณย่า แม่ของหนูบอกว่าปวดเอว...” ลู่หลิงซานยิ้มแหยๆ “แม่บอกว่าเื่แบบนี้จะไม่ยุ่งด้วย ใครอยากจะว่ายังไงก็ว่าไปเลยค่ะ”
เหอะๆ!
คุณนายลู่หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ คิดว่าเธอเป็คนโง่หรือไง? ไม่รู้เลยหรือว่าใครเป็คนยุยงเื่นี้?
“ยายแก่คนนี้ถึงจะแก่ แต่ใจไม่ได้บอด” คุณนายลู่แค่นเสียง “แต่ละคนคงจะคิดว่าชีวิตสุขสบายมากไปใช่ไหม? ต่อไปใครกล้าก่อเื่อีกก็ไสหัวไปซะ ฉันยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกหลายปี”
แต่ละคนไม่น่าไว้ใจเลย นี่คิดว่าเธอมีชีวิตอยู่ยาวนานเกินไปหรือไง?
“คุณแม่ อย่าโกรธไปเลย” ลู่หวยเหรินกล่าวอย่างอายๆ “เสวี่ยฉินไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกครับ”
“พอเถอะ ฉันรู้ว่าหล่อนหมายความว่าอะไรดีกว่าแกเสียอีก”
ตาบอดแถมใจยังบอดอีกต่างหาก!
กู้ฉิงโหรวเป็ลูกสะใภ้ที่ดีขนาดนั้น ทำไมถึงอายุสั้นนัก! ถ้าหล่อนยังมีชีวิตอยู่ วันนี้ตระกูลลู่คงไม่เป็แบบนี้
การแต่งงานก็ต้องแต่งกับคนดีมีศีลธรรม!
เฮ้อ!
คนแก่ถอนหายใจ
เธอแค่ดูแลจิ่งซานของเธอก็พอแล้ว ส่วนเื่อื่นๆ ก็ปล่อยให้พวกเขาเป็ไปตามทางเถอะ
สวี่จือจือพยุงหญิงชราด้วยความรู้สึกผิด “เธอเป็เด็กดี ย่ารู้ดี” คำพูดนั้นทำให้สวี่จือจือรู้สึกผิดมากขึ้น
จริงๆ แล้วเธอสามารถใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่านี้ หรือแบ่งเสื้อผ้าสองชุดนั้นออกไปก็ได้ แต่เธอก็รู้ดีว่าเื่นี้ไม่สามารถเริ่มต้นจากตรงนี้ได้
ั้แ่วินาทีที่เหอเสวี่ยฉินคิดจะขังเธอไว้ในห้องใต้ดินเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ พวกเธอก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อีกต่อไป วันนี้เธอถอยหนึ่งก้าว พรุ่งนี้พวกเขาก็จะบังคับให้เธอถอยสิบก้าวร้อยก้าว!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้