รถบิวอิกค์จอดอยู่ด้านนอกของโรงแรมหวงเจียฉินเฟิงต้องทนกับการกลั้นหัวเราะในขณะที่มองไปยังโรงแรมสูงใหญ่เทียมเมฆ
“โรงแรมหวงเจียเป็โรงแรมห้าดาวที่ดีที่สุดในเมืองเว่ยเฉิง น้องหลินที่นี่ดีพอหรือเปล่า?” เมื่อพวกเขาออกจากรถเถียเหมิ่งมองไปยังฉินเฟิงขณะที่เงยหน้าพูดอย่างภูมิใจ
ขนาดฉินเฟิงยังต้องแอบส่ายหัวเมื่อเห็นเถียเหมิ่งทำตัวโอ้อวด
“ท่านทั้งสาม ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมหวงเจียค่ะ เชิญเข้ามา...”พนักงานต้อนรับสาวสวยผมดำและขาเรียวยาวส่งยิ้มหวานขณะที่เธอต้อนรับทั้งสามคนเธอพูดไม่ถึงครึ่งก็ต้องหยุด แล้วเธอก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็เคารพมากขึ้นเมื่อเห็นฉินเฟิง “นายน้...”
เธอกำลังจะเริ่มประโยคใหม่และกล่าวแต่ก็โดนฉินเฟิงตัดบทอีกครั้ง เขายังอยากจะดูเถียเหมิ่งโอ้อวดอยู่เพราะมันดูสนุกดี ดังนั้นเขาจึงะโออกมา “ว้าว...สมแล้วที่เป็โรงแรมห้าดาวดูเครื่องตกแต่งพวกนั้นสิ อย่างกับในวังเลย ฉันว่ามันต้องแพงแน่ๆ ที่มากินที่นี่ใช่ไหม?นายโล้น นายนี่มันแน่นอนจริงๆ!”
นายโล้น...?
ปากของเถียเหมิ่งกระตุกและใบหน้าของเขาเกือบจะเปลี่ยนเป็สีเขียวหลังจากได้ยินชื่อที่ฉินเฟิงเรียกอย่างไรก็ดี เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูสงสัยและตกตะลึง เขาจึงข่มความโกรธไว้และกล่าว“เฮอะ มันจะแพงสักแค่ไหนเชียว? เพราะเห็นว่าเป็เพื่อนร่วมชั้นของน้องหลินแกจะสั่งอะไรก็สั่งได้เลย พ่อจะแสดงให้ดูว่าชีวิตไฮโซมันเป็ยังไง”
เมื่อเห็นลักษณะที่หยิ่งผยองของเถียเหมิ่งพนักงานต้อนรับสาวสวยก็สงสัยว่าเธออาจจะตื่นไม่เต็มที่เธอจึงรีบขยี้ตาและมองฉินเฟิงดีๆ อย่างไรก็ตามเธอมั่นใจว่านี่คือลูกชายของผู้บริหารโรงแรมหวงเจีย ฉินเฟิง นายน้อยฉิน!
นี่เป็ครั้งแรกที่พนักงานต้อนรับสาวสวยได้ยินคนพูดถึงชีวิตไฮโซต่อฉินเฟิง
“ทางนี้ค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยรู้ถึงการจ้องมองที่ฉินเฟิงมีให้เธอดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากเผยตัวจริงดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีกและนำทั้งสามคนไปยังห้องส่วนตัว
ตลอดทางมีพนักงานมากมายโค้งให้กับฉินเฟิง เถียเหมิ่งเดินอยู่ข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนพวกนั้นแสดงความเคารพต่อเขาเขาเดินยืดตัวตรง จนรู้สึกเหมือนกับจะบินได้
“ฮ่าๆๆ ดูซะ นี่คือการบริการระดับห้าดาว ใช้เงินมากแค่ไหนก็คุ้มค่า!”
เมื่อตามพนักงานต้อนรับสาวสวยมาทั้งสามก็เข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสาม
“ท่านคะ รับอะไรดีคะ?” พนักงานต้อนรับสาวสวยคิดว่าเ้าภาพอาจจะเป็ชายหัวโล้นหลังจากที่ตรวจสอบแล้วเธอจึงส่งไอแพดให้เขา
“น้องหลิน สั่งได้เลย ไม่ต้องมองราคา อยากสั่งอะไรก็สั่งเลยสิ่งที่พี่ขาดแคลนน้อยที่สุดคือเงิน เฮ้อ...ในอนาคต ถ้าเธอมาเป็แฟนของพี่นะเธอจะใช้ชีวิตอย่างสุขีเลยล่ะ”
เถียเหมิ่งส่งไอแพดไปให้หลินเป้ยเป้ยเขาพยายามจะล่อเธอ แต่ก็พบว่าเธอไม่ได้มองไปที่ไอแพดแต่ส่งไปให้ฉินเฟิงและพูดอย่างเอียงอาย “คุณสั่งเถอะ ฉันสั่งไม่เก่ง”
ฉินเฟิงยิ้มและหยิบไอแพดมาข้างๆพร้อมกับมองไปยังเถียเหมิ่งพลางกล่าว “นายโล้น งั้นฉันสั่งให้ละกัน นี่เป็ครั้งแรกเลยที่ได้มากินในร้านอาหารไฮโซขนาดนี้นายคงจะไม่ว่าถ้าฉันสั่งมาเยอะๆ ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว สั่งมากเท่าที่้าได้เลย พ่อมีเงินล้นเหลืออยู่แล้ว”เถียเหมิ่งกลอกตา เขาจะอนุญาตให้ไอ้เด็กนี่มันสนุกแค่เฉพาะตอนนี้เท่านั้นเถียเหมิ่งตัดสินใจว่าจะไม่ใช่แค่กระทืบมันจนกว่าจะอ้วก เพราะมันกล้าเรียกเขาว่านายโล้น แต่จะให้คนโกนหัวมันให้โล้นด้วยเพื่อหุบปากมัน
“ฮ่าๆ งั้นจัดไป”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มและเอนตัวพิงกับเก้าอี้โซฟาเขาพูดแบบไม่ใส่ใจ “ขอเมนูที่แพงที่สุดคนละที่ ตามด้วยเมนูพิเศษอีกแล้วก็เมนูแนะนำ เมนูซีฟู้ด ของหวาน แต่ไม่เอาซุปนะ อ้อ เอาลาฟิตปี 1982 ด้วย”
“เอาล่ะ แค่นี้ก่อน ถ้าไม่พอเดี๋ยวจะสั่งอีก”
หลังจากที่ฉินเฟิงสั่งเสร็จด้วยความมั่นใจและทำตัวสบายๆเถียเหมิ่งดูเหมือนกับกลายเป็หิน
เขาร้องครวญในใจ‘แกสั่งอะไรวะนั่น? คนสามคนมันจะไปกินหมดได้ยังไงวะ?แกสั่งอย่างกับมีคนมากิน 30 คนและยังมีหน้าจะมาสั่งเพิ่มอีกถ้าไม่พอ...!’
‘พ่อจะส่งแกไปสุขาวดีในไม่ช้านี่แหละ!’
ลมหายใจของเถียเหมิ่งหนักขึ้นเขาเคยมาที่โรงแรมหวงเจียเมื่อปีที่ผ่านมาในงานเลี้ยงวันเกิดของหัวหน้าแก๊งหมาป่าและมันก็โคตรแพง หลังจากนั้น เขาจึงไม่กล้ามาที่นี่อีก
วันนี้ถ้าเขาไม่ทำตัวเป็คนใจปล้ำเพื่อหลอกหลินเป้ยเป้ยมาหลับนอนกับเขาเถียเหมิ่งคงจะไม่จ่ายราคาเข้าเนื้อแบบนี้ แต่ในเมื่อเขาทำไปแล้วก็ไม่สามารถยอมแพ้กลางคันได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและอดทนไว้
“ท่านคะ จะไม่เป็ไรเหรอคะ?” ในเมื่อเถียเหมิ่งจ่ายพนักงานคนงามก็ยังต้องถามความยินยอม
ใบหน้าของเถียเหมิ่งหงิกงอขณะที่พยักหน้า
เมื่อพนักงานต้อนรับออกจากห้องไปหัวใจของเถียเหมิ่งยังมีเืไหลซิบๆ เขาคำนวณเงียบๆ ว่าทั้งหมดต้องจ่ายเท่าไรและพบว่าตามที่เขาประมาณลวกๆ มันเกินหนึ่งแสนหยวนเขาโกรธมากจนเกือบจะพลิกโต๊ะและเดินออก
หลังจากใช้เงินมากมายขนาดนี้ถ้าหลินเป้ยเป้ยไม่เชื่อฟังในคืนนี้ เขาจะต้องใช้กำลังพาตัวเธอไปนี่เป็สิ่งที่เถียเหมิ่งตัดสินใจเงียบๆ ขณะกัดฟัน
“นายโล้น ทำไมนายถึงสักหมาบนแขนล่ะ?” เมื่อเห็นว่าเถียเหมิ่งเงียบไปฉินเฟิงจึงเริ่มแซวเขา
“ไอ้เวร ดูดีๆ สิวะ มันคือหมาป่าโว้ย” เถียเหมิ่งโมโหและไฟในใจก็โดนฉินเฟิงพัดให้ลามมากขึ้น เขาโกรธมากจนเกือบจะกระอักเืเขาจ้องฉินเฟิงอย่างโเี้และกล่าว“อย่าคิดว่าแกจะพูดอะไรก็ได้เพียงแค่เพราะเป็เพื่อนร่วมชั้นของน้องหลินนะ ไอ้หนูพ่อจะให้แกรู้ว่าพ่ออยู่ในโลกใต้ดิน แกเคยได้ยินแก๊งหมาป่าแห่งตะวันตกเฉียงเหนือหรือเปล่า?หัวหน้าแก๊งคือหวังเฉียง เป็พี่ชายพ่อเองจะบอกให้นะว่าพ่อเคยฆ่าคนมาก่อน ดังนั้นแสดงความเคารพด้วย”
โลกใต้ดินของเมืองเว่ยเฉิงแบ่งออกเป็สองฝั่งแก๊งหมาป่าฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ และแก๊งับินฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้อยู่ในสายตาของฉินเฟิงเลย
“นายเคยฆ่าคนมาก่อนด้วยเหรอ? โกหกน่า...!”ฉินเฟิงแกล้งทำเป็กลัวและพูดออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวเถียเหมิ่งก็รู้สึกค่อนข้างยินดี เขาโม้ต่อโดยพูดว่า “ในโลกใต้ดินการฆ่าคนมันเป็เื่ธรรมดาเหมือนกับการกินอาหารอยู่แล้ว แกรู้จักฉินเฟิงใช่ไหม? มันเป็ลูกชายที่ไม่มีอะไรดีของฉินหวง ประธานบริษัทหวงเจียขนาดคุณชายเ้าสำราญอย่างมันที่มีพื้นเพแบบนั้นก็ยังโดนตามล่าไปทั้งเมืองด้วยค่าหัวสองแสนหยวนเลย”
ฉินเฟิงพ่นชาออกมาใส่หน้าของเถียเหมิ่งข่าวนี้มันกะทันหันเกินไป ขนาดฉินเฟิงเองก็ยังไม่รู้
ก่อนที่เ้าหัวโล้นจะโกรธฉินเฟิงก็ถาม “นายโล้น นายจะพูดพล่อยๆ แบบนั้นไม่ได้นะขนาดแก๊งับินก็ยังไม่กล้าฆ่าฉินเฟิงเลย”
“ฮึ่ม ไอ้หนู แกมันขนยังไม่ทันจะขึ้น แกจะรู้อะไร? ฉินเฟิงฆ่าหม่าเต๋อหู่ดังนั้นแกคิดว่าพ่อมันจะไม่กล้าฆ่าฉินเฟิงหรือไง?” เถียเหมิ่งอดทนไม่ให้เตะฉินเฟิงและเช็ดหน้าด้วยผ้าเช็ดปาก
ฉินเฟิงรู้ว่าหัวหน้าแก๊งับินคือหม่าต้าหลงอย่างไรก็ตาม การที่พูดว่าเขาฆ่าหม่าเต๋อหู่นี่มันบ้าบอมันโดนฆ่าโดยคนใส่หน้ากากต่างหาก