หลินเป้ยเป้ยรู้สึกกังวลเกือบตายมีคนตามล่าฉินเฟิงงั้นหรือ? และพวกเขาดูเหมือนจะเป็คนไม่ดีที่มีอิทธิพลด้วยมือละเอียดอ่อนของเธอจับที่แขนของฉินเฟิง
เมื่อรู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆบนมือของหลินเป้ยเป้ย ฉินเฟิงยิ้มและลูบหัวเธอ บอกให้เธอผ่อนคลายลง แล้วเขาก็มองกลับไปยังเถียเหมิ่งและพยายามจะเอาข้อมูลจากเขาเพิ่ม
“นายโล้น ฉันไม่เชื่อเื่แบบนั้นหรอกฉันมั่นใจว่าพวกนายในโลกใต้ดินก็แค่โม้ให้มันดูน่ากลัว”
เถียเหมิ่งค่อนข้างยินดีกับการโม้ของเขาสาวมหา’ ลัยทุกคนชอบมีแฟนที่ดูเข้มแข็งและดุดัน แต่ฉินเฟิงก็ยังพ่นน้ำใส่เขาและยังสงสัยเขาไม่เลิกอีกเขาจึงเริ่มคันไม้คันมืออยากฆ่าฉินเฟิงและตอบกลับอย่างไม่ยินดี “แกคิดว่าพ่อโม้? ฮึ่ม...พ่อคงต้องบอกแกด้วยว่าเรามีสมาชิกระดับสูงของแก๊งับินเป็สายให้แก่เราและเป็คนที่ให้ข้อมูลนี้มาถ้าข่าวนี้ของปลอมละก็ พ่อจะตัดหัวตัวเองเลย!”
เถียเหมิ่งดูเหมือนจะยืนกรานว่าเขาไม่ได้โกหกและดูเหมือนเขาจะพูดความจริงฉินเฟิงรู้ว่ามันเป็ไปได้ว่าหลังจากที่คนใส่หน้ากากฆ่าหม่าเต๋อหู่แล้วก็โยนความผิดให้แก่เขา
การที่ให้คนอื่นทำงานสกปรกแทนแบบนี้ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมาก
ถ้าฉินเฟิงไม่เจอไอ้บ้าเถียเหมิ่งนี่เขาก็คงยังไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนแก๊งับินตามล่าอยู่แม้ว่าแก๊งับินจะไม่อยู่ในสายตาของเขาแต่การซุ่มโจมตีก็สามารถจ่ายด้วยชีวิตของเขาให้เป็อันตรายได้
เพราะเื่ของนายน้อยฉินหลังจากพูดไปสักพักหนึ่ง อาหารที่ฉินเฟิงสั่งก็มาถึงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพนักงานต้อนรับที่บอกพ่อครัวให้ทำอาหารให้เขาก่อน
โต๊ะตัวใหญ่เต็มไปด้วยอาหารน่าอร่อยมากมายอย่างรวดเร็วและยังมีอีกหลายเมนูที่วางไม่ได้ พวกเขาจึงต้องวางแยกโต๊ะไว้ต่างหาก
เมื่อมองไปที่ประกายแพรวพราวของอาหารเถียเหมิ่งไม่มีความอยากอาหารใดๆ แต่เขารู้สึกโกรธจนจะะเิแทน
เพราะทั้งหมดนี่ซื้อด้วยเงินของเขา
“เปิดขวดไวน์แดงนั่นเลย!” ฉินเฟิงโบกมือส่งสัญญาณให้พนักงานต้อนรับเปิดลาฟิตปี 82
ในขณะที่เถียเหมิ่งไม่มีอารมณ์กินฉินเฟิงก็อยู่ในอารมณ์ร่าเริง
“เดี๋ยว!” เมื่อเห็นว่าพนักงานต้อนรับกำลังเปิดลาฟิตปี 82 เถียเหมิ่งก็กลัวจนเกือบจะตกเก้าอี้
เขาไม่เคยลิ้มรสไวน์นี้มาก่อนแต่เขารู้ว่าขวดเดียวจ่ายมากกว่าห้าหมื่นหยวน บวกกับอาหารพวกนี้อีกมื้อนี้จ่ายมากกว่าหนึ่งแสนหยวนแน่นอน
กระเพาะของเถียเหมิ่งบิดด้วยความเสียใจเขาไม่น่าพาไอ้เด็กบ้านี่มาด้วยเลย
“อย่าเปิดไวน์แดงขวดนั้นนะ พ่อเบื่อมันแล้ว รสชาติมันก็เหมือนๆกับไวน์แดงที่ซื้อได้ในราคาสิบหยวน แล้วมันก็ไม่แรงพอด้วย ไปเอาไวน์ขาวมาดีกว่าไวน์ขาวอร่อยกว่า
ในเมื่อพวกเขามาและใช้เงินไปมากมายเถียเหมิ่งตั้งใจจะทำให้แผนสำเร็จเขาวางแผนจะใช้ไวน์ขาวทำให้ฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยเมา คนหนึ่งมันควรจะโดนกระทืบแล้วกระทืบอีกอีกคนก็ควรจะให้เมาแล้วเมาอีก!
โผล้ะ...!
เมื่อเถียเหมิ่งพูดจบฉินเฟิงก็เปิดไวน์แดงอย่างชำนาญ เขารินใส่แก้วให้หลินเป้ยเป้ยและตัวเขาเอง
เขาเมินเถียเหมิ่งดั่งอากาศ
“เป้ยเป้ย ลองชิมดูสิ ไวน์นี้ราคาขวดละตั้งห้าหมื่นดังนั้นมันจึงเท่ากับจิบละพันหยวน!” ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มให้เถียเหมิ่ง
หลินเป้ยเป้ยใเธอรู้ว่าโรงแรมหวงเจียแพงมาก แต่เธอไม่เคยคิดว่าไวน์แดงจะราคาขวดละตั้งห้าหมื่นมือของเธอสั่นในขณะจับแก้วไวน์และมองไปที่ไวน์สีสดใสแต่ไม่กล้าดื่มมัน
การผ่าตัดแม่ของเธอจ่ายตั้งหนึ่งแสนหยวนและไวน์ขวดนี้ราคาตั้งครึ่งหนึ่ง หลินเป้ยเป้ยไม่เข้าใจชีวิตไฮโซเลย
“นายโล้น ในเมื่อนายบอกว่าเบื่อไวน์นี้แล้ว งั้นฉันไม่รินให้ละกัน เป้ยเป้ยชน...!”
ในเมื่อไวน์ถูกเปิดแล้วเถียเหมิ่งจึงไม่ได้พูดอะไร เขาไม่เคยลองไวน์แบบนี้มาก่อนและเขาหวังว่าจะได้ลิ้มรสแสนอร่อยจากมันในครั้งนี้ทว่าคำพูดของฉินเฟิงเกือบจะทำให้เขาโกรธจนจะเป็ลม
ฉินเฟิงยิ้มขณะที่มองไปยังเถียเหมิ่งแล้วชนแก้วกับหลินเป้ยเป้ย เขารู้ว่าหลินเป้ยเป้ยไม่เต็มใจที่จะดื่มไวน์ราคาแพงเช่นนี้เขาจึงดื่มนำ
เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงดื่มไวน์แล้วหลินเป้ยเป้ยจึงหยุดลังเล เธอค่อนข้างสนใจว่าไวน์ราคาแพงจะรสชาติเป็อย่างไรเธอจึงจิบเล็กน้อย
เมื่อไวน์เข้าปากเขาปุ๊บฉินเฟิงหน้ามุ่ยและพ่นไวน์แดงออกมา เขาใช้มือเช็ดปากและปาลาฟิต 82 ทิ้งไปพร้อมก่นด่า “บ๊ะ รสชาติห่วยจริงๆ มันต้องของปลอมแน่ๆ”
หลินเป้ยเป้ยก็ทำหน้ามุ่ยนี่เป็ครั้งแรกที่เธอดื่มไวน์ เธอไม่สามารถซาบซึ้งในรสชาติไวน์แดงได้เธอรู้สึกว่ามันเปรี้ยวเหมือนบูด และไม่ได้อร่อยเหมือนกับน้ำอัดลมราคา 3 หยวน
“ฉันก็คิดอย่างนั้น มันไม่ได้รสชาติดีเลิศเลย” หลินเป้ยเป้ยพึมพำเธอแปลกใจที่ไวน์รสชาติแย่ขายได้แพงขนาดนี้
หลินเป้ยเป้ยไม่เข้าใจสิ่งที่พวกคนรวยคิด
เถียเหมิ่งตะลึงในทันทีเมื่อมองลาฟิต82หกกระจายเต็มพื้นเขารู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็เืของเขาเองที่หกเต็มพื้น เขาไม่เคยมีโอกาสดื่มไวน์แพงเช่นนี้มาก่อนและตอนนี้ เขาโดนหลอกให้ซื้อมาขวดหนึ่งแล้วก็มองดูมันแตกเสียหายไป
เขาไม่สามารถอดกลั้นความโกรธได้อีกต่อไปและใบหน้าของเขาก็หงิกงอ เขาชี้นิ้วไปที่ฉินเฟิงและคำรามออกมา “ไวน์ปลอมงั้นเหรอ? ไอ้บ้านนอกคอกนา นี่คือโรงแรมห้าดาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงลูกค้าทั้งหมดคือคนรวยและผู้มีอิทธิพลแกคิดว่าเ้าของที่นี่จะโง่เง่าพอจะเอาไวน์ปลอมมาขายหรือไง?”
“ครั้งนี้แกตาย!” เถียเหมิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเหมือนว่าเขากำลังจะเรียกคนออกมาสู้
พนักงานต้อนรับสาวสวยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและยังคงมีสีหน้าใจเย็นพร้อมกับเตือนว่า “ท่านคะ ที่นี่คือโรงแรมหวงเจียกรุณารับประทานอาหารอย่างสุภาพด้วยค่ะ มิเช่นนั้น ดิฉันคงต้องเรียกรปภ.”
ปกติแล้วไม่ว่าแขกจะก่อความวุ่นวายในห้องส่วนตัวแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่สำคัญทว่านายน้อยฉินอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอไม่สามารถอนุญาตให้บุคคลนี้ทำตัวรุนแรงเกินกว่าเหตุได้
“แก...” เถียเหมิ่งจ้องไปที่พนักงานต้อนรับอย่างเหี้ยมโหดแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ โรงแรมหวงเจียมีอิทธิพลมาก และไม่ใช่สถานที่ที่กุ๊ยตัวน้อยๆอย่างเถียเหมิ่งจะรับมือไหว
เขานั่งลงอย่างโมโหและแอบส่งข้อความเพื่อสั่งคนของเขาให้มาหาในเมื่อเขาก่อความวุ่นวายในโรงแรมหวงเจียไม่ได้เขาก็จะจัดการให้พวกของเขารอข้างนอกเขาไม่เชื่อว่าไอ้เด็กนี่มันจะแอบอยู่ที่นี่ได้ตลอดกาล
“ใช่แล้ว นายโล้น นายจะโกรธไปทำไมเล่า? มันก็แค่ไวน์ขวดเดียวเองใช่ไหม...? ถ้าฉันมีโอกาสเลี้ยงข้าวหลินเป้ยเป้ยฉันคงไม่ใส่ใจว่าจะใช้เงินมากมายแค่ไหนหรอก” ฉินเฟิงกล่าวโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
เถียเหมิ่งโกรธอย่างมากจนกัดฟันก็มันไม่ใช่เงินเอ็งนี่หว่า เอ็งก็ไม่รู้สึกอะไรสิวะ
อย่างไรก็ตามั้แ่ที่เขามาไกลขนาดนี้ เขายังต้องคงการกระทำของเขาเขาเลิกโกรธและเผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าว “มันก็แค่เงินเล็กน้อย จะโกรธเพื่ออะไรล่ะเนอะ? ฉันก็แค่โกรธที่แก ไอ้หนู ไม่มีความรู้และยังพูดเื่ไร้สาระแกจะพูดว่าฉันเลี้ยงน้องหลินด้วยไวน์ปลอมหรือไง?”
ฉินเฟิงขำแต่ไม่ได้พูดอะไร นั่นเป็เพราะเขาก็เล่นละครด้วยเช่นกันเขาเริ่มลิ้มรสไวน์ั้แ่อายุ 6 ขวบและลองไวน์เกือบจะในใต้หล้าหมดแล้วนี่คือลาฟิตที่โรงแรมหวงเจียนำเข้าจากไร่องุ่นที่ฝรั่งเศสและเขาก็ได้ระบุเป็การส่วนตัว ดังนั้นเขามั่นใจว่ามันเป็ของจริง
“นายโล้น นี่เป็ครั้งแรกที่ฉันเจอกับคนใจกว้างเช่นนี้มาก่อนถ้างั้นฉันจะไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้วกัน” ฉินเฟิงยิ้มในขณะที่ดีดนิ้ว และพนักงานต้อนรับสาวสวยก็รีบปรี่มาข้างๆ“ฉันได้ยินว่าโรงแรมหวงเจียได้เชิญวงซีซาร์จากฝรั่งเศสมาเรียกพวกเขามาเล่นอะไรให้แก่เราหน่อยสิ แค่กินอย่างเดียวมันไม่สนุกดังนั้นเราควรจะหาอะไรที่น่าสนใจชมไปพร้อมกับกินด้วย”
“นายโล้น ฉันแน่ใจว่านายคงจะไม่ใส่ใจที่ใช้เงินมากขึ้นอีกนิดหรอก ใช่ไหม?”ฉินเฟิงกล่าวพร้อมยิ้มให้เถียเหมิ่ง
ตอนที่เถียเหมิ่งได้จัดงานวันเกิดให้หัวหน้าพวกเขาก็มากินที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าวงนี้แพงขนาดไหนแค่ร้องนิดเดียวก็ต้องใช้ทิปเป็พันหยวน เมื่อเขากำลังจะปฏิเสธฉินเฟิงก็มองไปยังหลินเป้ยเป้ยและกล่าว “เป้ยเป้ยเธอต้องชอบบรรยากาศโรแมนติกของการกินไปฟังเพลงสดไปด้วยใช่ไหม?”
หลินเป้ยเป้ยเป็เด็กสาวฉลาดและบอกได้เลยว่าฉินเฟิงพยายามจะหลอกเถียเหมิ่งเธอจึงร่วมมือกับฉินเฟิงและพยักหน้าพร้อมกับกล่าวอย่างเขินอาย “แน่นอนมีวงดนตรีเล่นมันก็ดี แต่ว่า ในเมื่อคนอื่นเป็คนจ่าย ฉันก็ไม่อยากบังคับเขา”
นี่เป็แค่สิ่งเดียวที่หลินเป้ยเป้ยร้องขอในอาหารมื้อนี้ดังนั้นเถียเหมิ่งจึงเช็ดเหงื่อบนหัวและกัดฟันกล่าว“ไปเรียกวงชีต้ามาเล่นอะไรให้เราสักหน่อยซิ”
“วงซีซาร์ค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยกลอกตาใส่เถียเหมิ่งและออกไปเชิญพวกเขา
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งวงก็เข้ามา พวกหล่อนมีดวงตาสีฟ้า หน้าอกใหญ่ เป็สาวสวยเมืองนอก
ทำนองอ่อนหวานและซาบซึ้งได้กระจายไปทั้งห้อง...
เมื่ออินในบรรยากาศฉินเฟิงก็เริ่มร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสเบาๆ
ทำนองอันไพเราะและเสียงของฉินเฟิงก็เหมือนกับแม่เหล็กดึงดูดที่ต้านทานไม่ได้ในไม่ช้าหลินเป้ยเป้ยก็ต้องมนต์สะกดโดยเสียงดนตรี
เธอมองไปที่ฉินเฟิงอย่างอ่อนโยนไม่เพียงแค่หน้าตาของเขา แต่พื้นเพและบุคลิกก็มีเสน่ห์ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่มีที่ติไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงปล่อยตัวเ้าสำราญและโดนเรียกว่านักตกหญิง
แม้แต่หลินเป้ยเป้ยผู้ไร้เดียงสาก็อยากจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของฉินเฟิงและติดตามเขาไปชั่วชีวิต
เมื่อเสียงเพลงจบลงแม้แต่สมาชิกวงสาวสวยก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้แก่ฉินเฟิงถึงขนาดสาวฝรั่งเศสบางคนก็เริ่มมองเขาอย่างยั่วยวน
เถียเหมิ่งรู้สึกอยากกระอักเืเขาเป็คนจ่ายในขณะที่ฉินเฟิงเป็คนจีบสาวและขโมยหัวใจพวกเธอมันคิดว่าเถียเหมิ่งมีเงินมากกว่าความรู้สึกอย่างนั้นหรือ?
ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในโรงแรมหวงเจียเถียเหมิ่งคงจะะโไปฆ่าฉินเฟิงในทันที
วงดนตรีได้ทำการแสดงต่อแต่เถียเหมิ่งไม่มีความรู้สึกอยากฟังเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขารู้สึกค่อนข้างอึดอัด
หลังจากที่ฉินเฟิงร้องเพลงหัวใจของหลินเป้ยเป้ยก็ละลายและกระตือรือร้นมากขึ้นเธอหัวเราะในขณะที่กินอาหารด้วยกันกับเขา และบางครั้งก็ทำท่าทางโรแมนติกเถียเหมิ่งรู้สึกเหมือนเป็คนนอกโดยสิ้นเชิง
หลังจากรับประทานอาหารมาสองชั่วโมงหัวใจของหลินเป้ยเป้ยก็ถูกฉินเฟิงละลายนี่เป็มื้ออาหารที่หรูหราและโรแมนติกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเธอประทับใจฉินเฟิงเพิ่มขึ้นมาก
“ฮ่าๆๆ ฉันคิดว่าเรากินอิ่มพอแล้ว เราควรไปได้แล้ว”เถียเหมิ่งอยากจะออกเต็มแก่ เขายืนขึ้น เหมือนว่ากำลังจะออกไปในทันทีทันทีที่พวกเขาออกจากโรงแรมหวงเจีย เขาจะหักขาฉินเฟิง
“นายโล้น นายอยากจะไปแล้วเหรอ?” ฉินเฟิงเองก็อิ่มเหมือนกันเขาค่อยๆ ลุกขึ้นและปรบมือ
ทันใดนั้นกลุ่มผู้ชายในชุดรักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามาในห้อง VIP เมื่อพวกเขาเข้ามา ก็ล้อมเถียเหมิ่งไว้และกดเขาลงบนพื้นก่อนที่เถียเหมิ่งจะไหวตัวทันเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนที่เดินนำหน้าก็มายืนต่อหน้าฉินเฟิงและพูดด้วยความเคารพ“นายน้อยฉิน ผู้กระทำผิดถูกจับกุมแล้ว”
“ดีมาก เ้าคนนี้มันบังคับรื้อบ้านและมีเจตนาชั่วร้ายต่อเพื่อนของฉันแถมมันยังก่อความวุ่นวายในโรงแรมหวงเจียและยอมรับการฆาตกรรมเป็การส่วนตัวพามันไปโรงพักและให้ตำรวจจัดการกับมัน”
ฉิบ!เถียเหมิ่งช็อกจนตัวแข็งทื่อ นายน้อยฉิน? ดูเหมือนจะเป็อย่างนั้น
หลังจากเวลาผ่านไปในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าและจ้องฉินเฟิงอย่ามึนงงในขณะกล่าวว่า“ค...คุณคือฉินเฟิง ลูกชายของฉินหวง?”
“ผม...ผมไม่ได้ฆ่าใครเลยนะ อ๋า! ผมแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้นเอง ได้โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจเลยจริงๆ แล้วผมมีหัวใจพระโพธิสัตว์นะ ขนาดมดผมยังไม่เคยฆ่าเลย”