อวี่เหวินเสียงไม่ได้พูดคำพวกนั้นออกมาเพราะความโกรธเขาใช้ความพยายามอย่างยากลำบากกว่ากำลังภายนอกจะถึงขั้นสามและสามารถทลายขีดจำกัดเมื่อไรก็ได้ ด้วยการสนับสนุนของตระกูลเขาสามารถทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายนอกขั้นสี่ภายในเดือนนี้
เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะสามารถปล่อยพลังได้มากกว่าคนธรรมดาถึงห้าเท่า และนั่นจะเป็วันตายของฉินเฟิง
แม้ว่าอวี่เหวินเสียงจะออกจากสนามกีฬาไปแล้วแต่คำพูดที่เขาทิ้งท้ายไว้เป็เหมือนดั่งฝนฟ้าคะนองที่ส่งผลให้ทุกคนตื่นเต้น
การต่อสู้ชี้เป็ชี้ตายหมายความว่าทั้งคู่ต้องเซ็นสัญญายอมรับว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดพลั้งฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งพวกเขาจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
เืต้องล้างด้วยเืเท่านั้น
“เวร สู้ชี้เป็ชี้ตายเลยเว้ย พี่ใหญ่หลี่ อวี่เหวินเสียงมันบ้าไปแล้ว”แม้แต่บนดาดฟ้า หัวิ คนที่ทำตัวเหมือนกำลังอยู่ในวันหยุดก็เอะอะโวยวาย“แต่ยังไงฉินเฟิงผู้นี้ก็เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ พี่ใหญ่หลี่เราไปเล่นกับเขาด้วยดีไหม?”
สายตาที่หยั่งลึกของหลีเฉ่าเจี๋ยมองไปที่ฉินเฟิงจากระยะไกลสักพักหนึ่งและตอบทันที“ถ้านายอยากไปก็ไปเถอะ ฉันไม่สนใจ”
...
การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วฉินเฟิงก็ทลายขีดจำกัดได้แล้ว เขาไม่จำเป็ต้องวิ่งรอบสนามอีกต่อไปดังนั้นเหล่านักเรียนที่เป็คนดูทั้งหลายก็หายไปจนสนามกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง
“นายน้อยฉิน คุณไม่เป็ไรจริงๆ หรือ?” เมื่อคนส่วนใหญ่ออกไปแล้วหลินเป้ยเป้ยรวบรวมความกล้าเพื่อวิ่งมาถามฉินเฟิงและจับแขนเขา
เมื่อยืนอยู่ใกล้กันฉินเฟิงสามารถได้กลิ่นหอมหวานของหลินเป้ยเป้ยและยิ้มพลางกล่าวว่า“อย่าเรียกฉันว่านายน้อยฉิน เรียกฉันว่าฉินเฟิงทั้งอย่างนั้นแหละเมื่อคืนเธอหลับที่สโมสรหวงเจียสบายดีหรือเปล่า?”
หลังจากพบว่าหลินเป้ยเป้ยไม่มีที่ให้อยู่ฉินเฟิงจึงให้คีย์การ์ดห้อง 888 ของสโมสรหวงเจียกับเธอทว่าเขาไม่ตั้งใจจะถามเธอไปมากกว่านี้ แต่ใบหน้าของหลินเป้ยเป้ยแดงทันทีเนื่องจากเธอสงสัยว่าทำไมฉินเฟิงถึงถาม
อย่างไรก็ดีเธอพยักหน้าอย่างเขินอายและตอบ “สภาพแวดล้อมดีมากและก็เงียบมากเลยหลับค่อนข้างสบาย ฉินเฟิง คุณ...เมื่อคืนทำไมคุณไม่กลับมานอนเหรอ?”
สุดท้ายหลินเป้ยเป้ยก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อถามคำถามนั้นทันทีที่คำนั้นออกจากปากของเธอ แก้มของเธอก็แดงก่ำดั่งลูกแอปเปิ้ลและรู้สึกอยากจะดำดินหนี
“เอ๋?” ฉินเฟิงค่อนข้างแปลกใจกับคำถามนี้แต่ก็รู้สิ่งที่เธอหมายถึงอย่างรวดเร็ว หลินเป้ยเป้ยต้องเข้าใจผิดแน่ๆเธออาจจะคิดว่าเขาให้คีย์การ์ดห้องกับเธอเพราะ้าร่างกายของเธอ
เขารู้สึกขมขื่นเล็กน้อยและสงสัยว่าทำไมระยะหลังนี้เขาถึงโดนเข้าใจผิดจากสาวสวยบ่อยครั้ง คนแรกก็ครูสาวสวยหยุนเซียวและตอนนี้แม้แต่หลินเป้ยเป้ยก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ฉินเฟิงทำได้แค่ยอมรับมันอย่างไรก็ดี เขาคิดถึงตอนที่ตัวเองยังทำตัวไร้สาระไปวันๆ
“เป้ยเป้ย เธอใช้ห้องนั้นเป็ของเธอก็ได้ เมื่อฉันจัดการเื่ค่าชดเชยของเธอได้เมื่อไรค่อยย้ายกลับไปทีหลัง” ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
หลินเป้ยเป้ยมองไปที่เขาด้วยความอึ้งและทำสายตาซับซ้อนเธอจ้องมองไปที่ฉินเฟิงอย่างสับสนมันกลายเป็ว่า...เขาไม่ได้ทำแบบนี้เพราะ้าร่างกายของเธอแต่เขาทำแค่เพราะอยากช่วยเธอ
ทันใดนั้นความรู้สึกแปลกๆ ก็เติบโตขึ้นภายในใจของหลินเป้ยเป้ยจนเธอไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้มันเบาบางมากจนแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
“ฉินเฟิง ขอบคุณนะ!” หลินเป้ยเป้ยกล่าวด้วยเสียงเบา
“ฮ่าๆ ไม่จำเป็ต้องขอบคุณหรอก ยังไงเราก็เป็เพื่อนร่วมโต๊ะกันใช่ไหมล่ะแต่ก่อนฉันแต๊ะอั๋งเธอมามาก ดังนั้นนี่เป็สิ่งที่ฉันควรจะทำให้เธอบ้าง”
“เอาล่ะ ไปทานข้าวกันเถอะ”
เมื่อฉินเฟิงกล่าวถึงแต๊ะอั๋งเธอเธอก็คิดกลับไปตอนที่เขาทั้งััขาและแก้มของเธอหลายครั้งทำให้แก้มของเธอรุ่มร้อนอีกครั้ง
ในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงนักศึกษามากมายนับไม่ถ้วนมองไปที่พวกเขาแบบแปลกๆ และพูดคุยซุบซิบกันฉินเฟิงชินกับการเป็จุดสนใจมาตั้งนานแล้ว เขาจึงไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในทางกลับกันหลินเป้ยเป้ยเดินก้มหัวเขินอายตลอดทางและกำหมัดแน่นจนไม่มีแรง
“น้องหลิน ในที่สุดก็ออกมาสักที พวกเรารอเธอมานานแล้วมื้อกลางวันนี้ว่างหรือเปล่า? พี่จะพาเธอไปเลี้ยงมื้อใหญ่เอง!”เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ชายใส่แว่นกันแดดก็เดินเข้ามาหาเมื่อเขาจ้องไปที่ร่างของหลินเป้ยเป้ยดวงตาก็เต็มไปด้วยความใคร่
ผู้ชายคนนี้อายุประมาณสี่สิบต้นๆและค่อนข้างล่ำสัน เขาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นชายหาดและรองเท้าแตะคีบมีรอยสักหมาป่าบนแขนหนาๆ ด้านหลังมีลูกน้องอีกสี่คนยืนอยู่พวกเขาแต่งตัวเหมือนกับพวกกุ๊ยข้างถนน
“เธอรู้จักเขาหรือ?” ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่หลินเป้ยเป้ยทันทีที่หลินเป้ยเป้ยเห็นชายคนนี้ เธอก็เริ่มกระวนกระวาย มือเล็กๆของเธอกำแน่นที่ชายเสื้อในขณะที่เขยิบเข้าใกล้ฉินเฟิงและกัดฟันส่ายหัว
“งั้นไปกันเถอะ” ในเมื่อหลินเป้ยเป้ยไม่รู้จักคนพวกนั้นฉินเฟิงก็ไม่ได้ยุ่งกับพวกมัน เขาจับมือหลินเป้ยเป้ยและเดินไปยังที่จอดรถ
“เวรเอ๊ย ไอ้เด็กน้อย พี่เหมิ่งของเรากำลังพูดกับสาวน้อยคนนี้อยู่แกเป็ใครวะ? ถ้าไม่อยากตายก็จงไสหัวไป”พวกนักเลงข้างหลังชายหัวโล้นโมโหและเข้าล้อมฉินเฟิง ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะสู้
ฉินเฟิงยิ้มอย่างใจเย็นเขาเห็นพวกนี้มามากและเ้าพวกอันธพาลกระจอกพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขากลัวแม้แต่น้อยเมื่อเขากำลังจะสอนบทเรียนพวกมัน เขาก็รู้สึกถึงมือเล็กๆของหลินเป้ยเป้ยที่เต็มไปด้วยเหงื่อดึงรั้งเขาเอาไว้
เมื่อเห็นสีหน้ากระวนกระวายของหลินเป้ยเป้ยฉินเฟิงก็เดาได้ว่าเธอคงรู้จักเ้าพวกนี้ แต่ก่อนเธออาจจะถูกกุ๊ยพวกนี้ตามรังควาน
เมื่อนึกถึงสองภารกิจที่เกี่ยวกับหลินเป้ยเป้ยคือการแก้ปัญหาเื่ค่าชดเชยการรื้อบ้านของเธอและทำให้เธอเป็แฟน ฉินเฟิงก็ใจเย็นลงเขารู้สึกว่าหลินเป้ยเป้ยไม่ได้ดื้อดึงเหมือนเมื่อก่อนและถ้าเขาใช้ความพยายามอีกนิด เธอก็จะเป็ของเขาอย่างแน่นอน
“มื้อกลางวัน? ก็ได้ นับฉันเข้าไปด้วยสิ”ฉินเฟิงยิ้มและมองไปที่ชายหัวโล้นอย่างคาดหวัง
เขาหัวเราะในใจถ้าแกอยากจะเลี้ยงข้าวนายน้อยผู้นี้ จะดีกว่าที่แกจะต้องเตรียมบัตรเครดิตสักหลายๆใบ
ชายหัวโล้นจ้องไปยังฉินเฟิงแต่ไม่ได้พูดอะไรเมื่อลูกน้องของเขากำลังจะผลักฉินเฟิงออก เขาก็หลบอย่างรวดเร็วทำให้เ้าหัวแอโฟรด่าออกมาดังๆ
“เฮ้ย แกกล้าหลบพ่อเหรอ? แกคิดว่าตัวเองเป็ใครวะ?พี่เหมิ่งชวนสาวน้อยคนนี้ไปทานมื้อกลางวัน ทำไมแกยังยืนอยู่อีก?”
“อาเปา หุบปาก!” เมื่อเ้าหัวแอโฟรที่ชื่ออาเปากำลังจะเริ่มลงมือชายหัวโล้นก็ะโให้หยุด
เมื่อเห็นสีหน้าใของหลินเป้ยเปยใบหน้าเกลียดชังของชายหัวโล้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มกว้างออกมาแทนและกล่าว“นี่คือทางเข้าของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงไม่ใช่สถานที่ที่แกจะพ่นคำหยาบคายออกมา”
“พี่บอกแกว่าอย่างไร? ถ้ามีเวลาก็หัดอ่านหนังสือและไปฝึกมารยาทเสียบ้างวันๆ พวกแกทำอะไรกันบ้าง?”
“พวกแกทั้งหมดไสหัวไปซะ มองแล้วเกะกะลูกตา!”
พวกลูกน้องมองไปที่ชายหัวโล้นอย่างแปลกใจสงสัยว่าทำไมเขาถึงกลายเป็คนที่ดูมีการศึกษามากมายขนาดนี้ปกติแล้วต้องตรงกันข้ามต่างหาก เขาจะเกาขาด้วยเท้าและสบถคำหยาบออกมา นี่คือภาพลักษณ์ที่พวกลูกน้องจดจำไว้ในใจ
อย่างไรก็ตามในเมื่อลูกพี่บอกมา พวกเขาก็ไม่กล้าขัดขืนและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกนั้นออกไปสีหน้าของเถียเหมิ่งก็เปลี่ยนไปและยิ้มอย่างสุภาพบุรุษให้แก่หลินเป้ยเป้ยพร้อมกล่าว“ถ้าไม่รังเกียจ น้องหลิน รถพี่อยู่ทางนี้”
เ้าหัวโป๊งเหน่งล่ำสันพร้อมรอยสักปล่อยคำโรแมนติกออกมาจนฉินเฟิงอยากจะอ้วกและบอกกับหลินเป้ยเป้ย “ไปกันเถอะ ในเมื่อมีคนจ่ายให้แล้วทำไมจะไม่ไปล่ะ?”
เมื่อเห็นฉินเฟิงหน้าด้านจะเข้ามาร่วมด้วยสายตาของเถียเหมิ่งก็ส่อแววความเกลียดชังขึ้นและยิ้มอย่างเยือกเย็น ในเมื่อไอ้เด็กนี่มันอยากตายเขาก็จะใช้มันเป็หินเหยียบให้เขาได้โม้หน่อย เขาจะใช้ไอ้เด็กนี่แสดงถึงสถานะและความร่ำรวยต่อหน้าหลินเป้ยเป้ย เพื่อคว้าเธอมาทันที
สำหรับเ้าเด็กเหลือขอนี่เขาจะหาพี่น้องสักไม่กี่คนมากระทืบมันหลังอาหาร แกกินมากแค่ไหน พ่อจะกระทืบแกมากเท่านั้น
ในจุดนี้เถียเหมิ่งมั่นใจในความฉลาดของตนเองจึงเริ่มโอ้อวด
ทั้งสามเดินผ่านลัมโบร์กินีแบทโมบิลสุดเท่แล้วจู่ๆ เถียเหมิ่งก็หยุดและตบอกตัวเองพลางพูดอย่างภูมิใจ “น้องหลินเห็นนี่หรือเปล่า ปีนี้พี่เพิ่งซื้อลัมโบร์กินีแบทโมบิลมา มันไม่แพงเลยสักนิดพอดีมีคนรู้จักให้ส่วนลดพี่ตั้งหกล้านหยวนเดี๋ยวคืนนี้พี่จะพาเธอออกไปขับรถเล่นกัน”
เถียเหมิ่งโม้แบบตาไม่กะพริบเขาคิดว่าสายตาของหลินเป้ยเป้ยจะส่องประกายด้วยแสงสีทองอร่ามและวิ่งเข้ามากอดแขนพร้อมพูดอ้อนอย่างน่ารักทว่าสิ่งที่เขาเห็นคือเธอกำลังกั้นหัวเราะสุดฤทธิ์
หลินเป้ยเป้ยจะไม่อยากหัวเราะได้อย่างไร? แม้ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถมากนักแต่เธอก็ยังรู้จักลัมโบร์กินีแบทโมบิลสุดเท่และหายากคันนี้เพราะว่ามันเป็รถของฉินเฟิง ครั้งแรกที่เขาขับมันมาที่มหาวิทยาลัยมันทำให้เกิดความฮือฮาขึ้นและหลินเป้ยเป้ยก็ยังจำได้
“ฮ่าๆๆ ใครจะคิดว่าคุณรวยขนาดนี้เนี่ย? แล้วรออะไรอยู่ล่ะ?คุณก็พาน้องหลินขับรถซะตอนนี้เลยสิ” ฉินเฟิงแนะนำไปขำไป
ใบหน้าของเถียเหมิ่งมุ่ยลงเขากระแอมอย่างอึดอัดหลายครั้งและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไอ้หนู แกไม่เข้าใจอะไรซะเลยรถหรูแบบนี้จะดีที่สุดก็ต่อเมื่อขับในยามค่ำคืน ทำไมต้องมาขับเล่นไปมาในตอนกลางวันด้วยเล่า? และกุญแจก็อยู่กับลูกน้องของฉัน ดังนั้นไว้วันหลังแล้วกัน”
“เอาล่ะๆ ไปขึ้นรถอีกคันของฉันกัน ฉันหิวแล้ว ไปกินกันสักที”เพื่อกันคำถามต่อไปของฉินเฟิง เถียเหมิ่งรีบพาทั้งสองมาที่รถซึ่งเป็บิวอิคก์มือสอง
เถียเหมิ่งเป็คนขับส่วนฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยนั่งข้างหลังด้วยกันในระหว่างทางเถียเหมิ่งพยายามจะพูดคุยกับหลินเป้ยเป้ย แต่ก็โดนเธอเมินทุกครั้งในขณะที่ฉินเฟิงสามารถทำให้เธอหัวเราะได้หัวเราะดี
ในระหว่างนั่งรถฉินเฟิงก็พบความสัมพันธ์ระหว่างชายหัวโล้นและหลินเป้ยเป้ย
กลายเป็ว่าเถียเหมิ่งเป็คนระดับสูงของแก๊งอันดับหนึ่งในตะวันตกเฉียงเหนือของโลกใต้ดินแห่งเมืองเว่ยเฉิงแก๊งหมาป่า ปัจจุบันนี้แก๊งหมาป่าได้เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาที่ดินพวกมันรับผิดชอบในการช่วยอสังหาริมทรัพย์เหิงเฟิงบังคับรื้อถอนบ้านเรือนและย้ายผู้คนในพื้นที่ที่หลินเป้ยเป้ยอยู่อาศัย
ครั้งแรกที่เถียเหมิ่งได้เห็นหลินเป้ยเป้ยเขาก็สาบานว่าจะทำให้สาวสวยคนนี้เป็ของเขาให้ได้หลินเป้ยเป้ยไม่ได้โดนกลลวงของเขาในตอนแรกดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้การบีบบังคับแทนหลายวันที่ผ่านมาหลินเป้ยเป้ยอาศัยอยู่ที่สโมสรหวงเจีย เขาจึงไม่เห็นเธอเมื่อเป็เช่นนั้นเขาจึงมาดักรอที่ทางเข้าของมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงเพื่อรอเธอโดยเฉพาะ
หลังจากเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมุมปากของฉินเฟิงก็โค้งขึ้นเขามีแผนจะหาเวลาจัดการเื่ค่าชดเชยสำหรับการรื้อถอนบ้านของหลินเป้ยเป้ยแต่ใครจะคิดว่าโอกาสจะส่งตรงถึงมือด้วยตัวเอง?