รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซียวหลิงอวิ๋น!
เมื่ออีกฝ่ายใช้วิชาตัวเบาลึกลับนี้เป็หนที่สาม ในที่สุดเซียวหลิงอวิ๋นก็พอเข้าใจเคล็ดลับของอีกฝ่ายแล้ว
ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าทำไมวิชาตัวเบาของเ้าหนุ่มนี่ถึงได้ดูแปลกยิ่งนัก ที่แท้เป็เพราะสวมของวิเศษที่ใช้เร่งความเร็วได้อยู่นี่เอง! และไม่ใช่ของวิเศษอย่างรองเท้าภูตลมด้วย
ของวิเศษที่สามารถใช้เพิ่มความเร็วของผู้ใช้พลังิญญาได้ในทันที ทั้งยังหาได้ยากมากอีกด้วย
แสงสีเขียวเปล่งออกมาจากตัวของเซียวหลิงอวิ๋น ชั่วขณะต่อมามือซ้ายก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียว เปล่งแสงออกมาราวกับแสงของสายฟ้า
หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือ!
“เปรี้ยง!” ท่ามกลางเสียงคำรามของพลังิญญา ฝ่ามือขวาของเลี่ยวเคอก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งตัด ทั้งป้องกัน ทั้งรุก ทั้งรับ และฮุค ภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวทั้งตัวเขาและมือซ้ายของเซียวหลิงอวิ๋นก็ผลัดกันรุกและรับกันไปถึงเก้าครั้ง
เมื่อเห็นว่าลำพังฝ่ามือขวาไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปได้แล้ว นิ้วทั้งห้าของมือซ้ายก็กำแน่นแล้วชกออกไป
ตัวของเซียวหลิงอวิ๋นก็หมุนตัวครึ่งรอบ ใช้หมัดขวาต่อยสวนกลับไปพร้อมกับะเิพลังิญญาออกไปอย่างรุนแรง
“เปรี้ยง!” หมัดทั้งสองที่ห่อหุ้มด้วยพลังิญญาบริสุทธิ์ปะทะกันอย่างรุนแรง
“ตูม!” เกิดลมกรรโชกแรงเฉือนคมราวกับดาบ พื้นน้ำแข็งเกิดะเิ! ทำให้ทั้งคู่ต้องถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่หิมะจะทันได้ตกลงมา ทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง ราวกับไดโนเสาร์สองตัวที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“เปรี้ยงๆๆ!” เสียงการแลกหมัดดังก้องไปทั่ว
ทุกครั้งที่หมัดชนกัน ทำให้พวกถังเซียวกับหลิ่วเฉิงิ่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยหมี่หัวใจเต้นแรง ความตึงเครียดทำให้พวกเขาเผลอกำมือโดยไม่รู้ตัว จนมีเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ
“เปรี้ยง!” เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง แล้วร่างของทั้งคู่ก็แยกออกจากกันทันที
เซียวหลิงอวิ๋นลงมายืนบนพื้นและถอยหลังออกไปสามก้าว เสื้อผ้าที่ไหล่ซ้ายมีรอยฉีกขาดและไหม้เกรียม ผิวสีเขียวสำริดที่เปิดเปลือยปรากฏรอยมือสีดำและแดงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เซียวหลิงอวิ๋นที่ดูค่อนข้างสะบักสะบอม กลับมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
ฝ่ามือขวาค่อยๆ กางออก ในฝ่ามือก็มีจี้สีดำสนิทเผยให้เห็น เป็จี้ที่ถูกร้อยเอาไว้ด้วยเชือกสีดำสนิท เชือกร้อยมีขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวโพด มีความเหนียวและยืดหยุ่นสูงมาก
สายตาของเซียวหลิงอวิ๋นมองไปที่เชือกร้อยสีดำนั้น รอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
‘เชือกนาคาเกล็ดดำ’ ไม่เลว ไม่เลว มันเป็ของที่ทำมาจากสัตว์อสูรระดับห้า
เชือกร้อยเป็ถึงเชือกนาคาเกล็ดดำอันล้ำค่าเช่นนี้ แสดงว่าคุณค่าของจี้จะต้องสุดยอดมากแน่ๆ
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ตรวจสอบจี้แปลกๆ เส้นนี้แล้ว!
เพราะในเวลานี้ เลี่ยวเคอได้พุ่งเข้ามาราวกับคนคลั่ง พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
‘จี้ปีกนาคาแสงทอดเงา’ ของวิเศษลึกลับและพิศดารที่สามารถใช้ซ่อนเร้นและเร่งความเร็วได้ เป็สมบัติล้ำค่าที่สืบทอดกันมาในตระกูลเลี่ยว! ในตอนที่เลี่ยวเคอได้รับเลือกให้เป็ศิษย์ก้นกุฏิของสำนักเมื่อปีที่แล้ว ตระกูลได้มอบสมบัติล้ำค่านี้ให้
ในเวลานี้สมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นถูกคู่ต่อสู้แย่งชิงเอาไปแล้ว จะไม่ให้เลี่ยวเคอคลุ้มคลั่งได้อย่างไร
เหล่าศิษย์ทั้งสองสำนักที่ชมการต่อสู้อยู่เห็นเพียงว่าตอนที่ทั้งคู่แยกจากกัน เซียวหลิงอวิ๋นที่เห็นได้ชัดว่าถูกอีกฝ่ายซัดจนสะบักสะบอม ตามเหตุผลแล้วเซียวหลิงอวิ๋นที่เป็ฝ่ายเสียเปรียบควรจะเป็ฝ่ายที่หน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เลี่ยวเคอที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ แต่ในชั่วขณะต่อมา พวกเขากลับเห็นเลี่ยวเคอร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายราวกับคนคลั่ง
เมื่อไร้ซึ่งความเร็วจากจี้ปีกนาคาแสงทอดเงาสมบัติล้ำค่าที่ถูกแย่งชิงไปแล้ว อีกทั้งไหล่ข้างหนึ่งของเขาก็ยังเ็ปอย่างรุนแรงจากไฟไหม้อีก มีหรือที่เซียวหลิงอวิ๋นจะโง่เข้าไปปะทะกับอีกฝ่ายใน่เวลาคับขันเช่นนี้!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังิญญาไฟอันร้อนแรงของเลี่ยวเคอเทียบไม่ได้กับพลังของผู้ใช้พลังิญญาทั่วไปเลย! หากไม่ใช่เพราะกายค้อนสำริดขั้นสมบูรณ์ และหากไม่ใช่การปล่อยพลังออกมาอย่างชาญฉลาดในชั่วขณะที่อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าที่ไหล่ เซียวหลิงอวิ๋นก็คงไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงตายเช่นนี้แน่
ได้สมบัติล้ำค่ามาอยู่ในมือ เซียวหลิงอวิ๋นมองออกได่ในทันทีว่าจี้เส้นนี้ไม่ธรรมดา ฝ่ามือเมื่อสักครู่นี้ควรค่าแก่การรับจริงๆ
เซียวหลิงอวิ๋นถ่ายเทวิชาก้าวลวงิญญาไปที่เท้า ในขณะที่ตัวของเขาบางเบาราวกับปุยฝ้าย หลบการโจมตีอันบ้าคลั่งของเลี่ยวเคอได้อย่างสบายๆ
“ว๊ากๆๆ!” เลี่ยวเคอโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่ง พลังิญญาอันทรงพลังกระแทกเข้ากับพื้นน้ำแข็งที่กลายเป็หลุมเป็บ่อ แต่ไม่สามารถโจมตีโดนเซียวหลิงอวิ๋นได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เซียวหลิงอวิ๋นเป็เหมือนกับนกนางนวลที่โบยบินอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่ว่าลมจะพัดแรงมากแค่ไหน หรือฝนจะตกหนักเพียงใด ก็ไม่สามารถขัดขวางร่างกายอันแข็งแรงของมันที่โบยบินไปบนท้องฟ้าได้
ทั้งเยี่ยหนาน ซูเหม่ย หลิ่วเฉิงิ่ และคนอื่นๆ ที่ดูชมอยู่ต่างก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า! แม้แต่สีหน้าของหลงเฮ่อเองก็ยังเคร่งเครียดจนแทบจะดำมืด! วิธีการหลบหลีกและกายกรรมของเซียวหลิงอวิ๋นทำให้เหล่าศิษย์อัจฉริยะของสำนักแม่มดเพลิงร้อนเหล่านี้ต้องตกตะลึง
เป็วิชาตัวเบาที่ล้ำลึกมาก เคลื่อนไหวได้ราวกับเป็ภูตผี
ในเวลานี้พลังิญญาในกายของเซียวหลิงอวิ๋นไหลเวียนอย่างรุนแรง ซึ่งนอกจากจะใช้สำหรับก้าวลวงิญญาแล้ว ยังหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายด้วย พลังิญญาที่เหลือทั้งหมดก็ถูกใช้ไปเพื่อใช้เคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียนด้วย ตอนนี้เคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียนได้ฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่ห้าแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งประสิทธิภาพในการรักษาและความเร็วต่างก็เพิ่มขึ้นมาก!
ภายใต้การใช้งานอย่างเต็มที่ของเคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียน พลังปราณรักษาที่เย็นสบายไหลออกมาราวกับฝูงปลาที่ได้กลิ่นคาว พวกมันไหลเข้าสู่รอยมือสีดำแดงที่ไหล่ซ้ายอย่างต่อเนื่อง ดับพลังไฟอันร้อนแรงลงด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง รวมถึงการซ่อมแซมและรักษากล้ามเนื้อกับเส้นเอ็นที่เสียหาย
หลังจากโจมตีอย่างบ้าคลั่งไปถึงสิบแปดกระบวนท่าโดยไม่ถูกเป้าหมายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดวงตาสีแดงก่ำของเลี่ยวเคอที่กำลังโกรธจัดก็ค่อยๆ จางหายไป สติปัญญาก็เริ่มคืนกลับมา
หนอยแน่ะ เ้าเด็กนี่ไปเรียนวิชาตัวเบาที่ลึกล้ำเช่นนี้มาจากไหนกัน?
เมื่อไร้ซึ่งความเร็วจากจี้ปีกนาคาแสงทอดเงาแล้ว การอาศัยวิชาตัวเบาของตัวเองเพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถไล่ตามความเร็วของอีกฝ่ายได้เลย การโจมตีอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้รังแต่จะทำให้พลังของตัวเองสูญไปเปล่าๆ
เลี่ยวเคอจึงสงบเยือกเย็นลงและเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที
‘ฟิ่ว!’ ร่างหนึ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว!
เลี่ยวเคอลงมายืนบนพื้นโดยถอยห่างออกไปถึงสามสิบหมี่ ดวงตามีสีแดงก่ำ จ้องมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋นอย่างไม่ลดละ เผยซึ่งเจตนาฆ่าในดวงตาอย่างไม่ปิดบัง!
ในชั่วขณะต่อมา พลังิญญาของเลี่ยวเคอก็ถูกดึงออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างผอมสูงของเขาเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆ แผ่ออกมา!
มือทั้งสองที่ผอมแห้งหมุนวนไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง!
“ดาบสายลมพันสะบั้น”
เมื่อเสียงแหบแห้งของเลี่ยวเคอที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันดังขึ้น พลังิญญาก็ไหลออกมาจากทั้งสิบนิ้วที่เรียวยาวและผอมแห้งนั้น ในขณะที่มือทั้งสองของเขาขยับไปมาอย่างรวดเร็ว ใบดาบลมนับร้อยที่มีขนาดเท่านิ้วมือก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ดาบสายลมพันสะบั้น เป็วิชาิญญาระดับเหลืองขั้นสูงสุด! วิชาิญญานี้เมื่อฝึกไปจนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว จะสามารถปล่อยใบดาบลมได้มากสุดถึงหนึ่งพันดาบในคราวเดียว
เลี่ยวเคอนั้นเป็ตัวตนที่หาได้ยากมากในสำนักแม่มดเพลิงร้อน ตัวเขามีพลังิญญาธาตุคู่และมีพลังธาตุไฟเพียงระดับสี่ แต่พลังธาตุลมสูงถึงระดับหก ดังนั้นตัวเขาจึงฝึกวิชาิญญาธาตุลมเป็หลัก และฝึกฝนธาตุไฟเป็รอง
ในปัจจุบัน ด้วยพลังยุทธ์ของเลี่ยวเคอนั้นทำให้ไม่สามารถใช้พลังของิญญาขั้นสูงสุดอย่างดาบสายลมพันสะบั้นได้อย่างเต็มที่
การคงสภาพและควบคุมใบดาบลมให้ได้หนึ่งร้อยสามสิบหกดาบนี้เป็ขีดจำกัดสูงสุดที่เลี่ยวเคอสามารถทำได้ในเวลานี้ ใบหน้าที่ยาวและผอมแห้งของเขามีสีแดงก่ำ มือทั้งสองข้างก็สั่นเทาเล็กน้อย แต่จิตใจของเลี่ยวเคอกลับเดือดพล่าน ดวงตาของเขายิ่งดูบ้าคลั่งอย่างสุดๆ
เซียวหลิงอวิ๋นหยุดเดินและยืนปักหลักที่พื้น แล้วมองไปที่ดวงตาของฝ่ายตรงข้ามโดยไร้ซึ่งความกลัวแม้แต่น้อย กลับกัน เขาส่ายหัวเบาๆ และแฝงไปด้วยความรู้สึกเสียดาย หรือเสียใจ หรือมีความหมายอื่นซ่อนอยู่
ด้วยพลังระดับนี้ แต่กลับฝึนใช้ท่าไม้ตายที่เกินขีดจำกัดของตัวเอง อาจจะใช้กับคนอื่นได้ผลก็จริง แต่สำหรับเขาแล้ว มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย
“เ้าหนู ไปตายเสีย!” ท่ามกลางเสียงคำราม
เลี่ยวเคอกวัดแกว่งมือทั้งสองอย่างรุนแรง ‘ฟิ่ว...’ ใบดาบลมหนึ่งร้อยสามสิบหกดาบพุ่งเข้าหาเซียวหลิงอวิ๋นด้วยพลังที่ท่วมท้น!
