นี่เป็ครั้งแรกที่กู้เจิงได้มามาที่จวนเยี่ยน ทั้งยังเข้ามาทางประตูหลังเสียด้วย
แน่นอนว่านางไม่สามารถวางใจที่ทหารองครักษ์พูดว่า ‘ซู่เหนียงย่อมกลับมาเอง’ และสองคนนั้นก็ไม่ได้ห้ามกู้เจิงไม่ให้มาที่จวนเยี่ยน ราวกับคาดการณ์ไว้ก่อนว่านางจะต้องมาที่จวนแน่
ตลอดทาง ในสมองของกู้เจิงมีเพียงความคิดเดียว แม่ทัพเยี่ยนกับซู่เหนียงรู้จักกันหรือ? แต่ตอนซู่เหนียงพูดถึงแม่ทัพเยี่ยนก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้จัก แล้วซู่เหนียงก็เกลียดพวกแม่ทัพนายพลมาแต่ไหนแต่ไร
จวนเยี่ยนอยู่ทางตะวันตกของเมือง คนที่อยู่ละแวกนี้มีทั้งฐานะร่ำรวยและยากจน ทว่ามีขุนนางน้อยคนนักที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ จวนของแม่ทัพใหญ่เยี่ยนผู้สูงส่งตั้งอยู่ในแถบนี้ก็นับว่าเป็เื่แปลก
หลังจากเข้าประตูหลังมา นอกจากทหารแล้วไม่เห็นคนรับใช้ใดอีก กู้เจิงประหลาดใจที่พบว่าบ่าวรับใช้ทุกคนล้วนเป็ทหารบุรุษทั้งหมด
เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ ในที่สุดกู้เจิงก็เห็นหวังซู่เหนียง ใบหน้างดงามบูดบึ้งอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม เยี่ยนจื่อเซี่ยนแม้จะนั่งอยู่ก็ยังสร้างแรงกดดันให้คนหวาดเกรงได้
“ซู่เหนียง”
“เจิงเอ๋อร์? เ้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
กู้เจิงดึงซู่เหนียงมาสำรวจร่างกายั้แ่หัวจรดเท้า เห็นนางไม่เป็อะไรก็โล่งอก “กลางวันแสกๆ แม่ทัพเยี่ยนชิงตัวซู่เหนียงของข้ามาที่นี่ มีเจตนาอันใด?”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนทําราวกับไม่เห็นกู้เจิง ดวงตาดำสนิทจ้องไปที่ใบหน้างดงามและกล้ำกลืนฝืนทนของหวังซู่เหนียงเขม็ง ก่อนจะหัวเราะเย้ยหยัน “ยอมเป็อนุของคนอื่น แต่ไม่ยอมเป็ฮูหยินใหญ่ หยวนซิ่วเอ๋อร์ เ้าช่างต่ำช้าเสียจริงนะ”
หวังซู่เหนียงเบ้ปาก สีหน้ายิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ
“แม่ทัพเยี่ยน ระวังคำพูดของท่านด้วย ท่านว่าใครต่ำช้ากัน? อีกอย่าง หยวนซิ่วเอ๋อร์คือใคร?” กู้เจิงมองเยี่ยนจื่อเซี่ยนอย่างเ็า ขณะเดียวกันก็มองมาทางซู่เหนียงด้วย ระหว่างสองคนนี้เกิดเื่อะไรขึ้น?
“ใช่ หยวนซิ่วเอ๋อร์คือใคร? เ้ากลายเป็แซ่หวังได้ยังไง?” โทสะในดวงตาดำขลับของเยี่ยนจื่อเซี่ยนเจิดจ้ายิ่งนัก
หวังซู่เหนียงเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังของบุตรสาวอย่างเงียบๆ
กู้เจิงสับสน ท่าทางของหวังซู่เหนียงนี้ นางต้องรู้จักกับแม่ทัพเยี่ยนอย่างแน่นอน ต่อให้เยี่ยนจื่อเซี่ยนทำเหมือนอยากจะฆ่าคน แต่ดูอย่างไรก็แปลกนัก กู้เจิงไม่สนใจความขลาดกลัวของหวังซู่เหนียง ดึงนางมายืนอยู่ตรงหน้า “ซู่เหนียง ท่านควรบอกข้าหน่อยหรือไม่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?”
“มีอะไรต้องคุยกัน เป็เื่สิบกว่าปีก่อนมาแล้ว” หวังซู่เหนียงหลบสายตา “อีกอย่าง ข้าแทบจะลืมคนแบบนี้ไปแล้วด้วย”
‘ปัง--’ แม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนยกมือขึ้นตบลงบนโต๊ะน้ำชา โต๊ะน้ำชาแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ
กู้เจิงกับหวังซู่เหนียงต่างใ โทสะของเขาน่ากลัวนัก
“แทบจะลืมคนแบบนี้ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนลุกขึ้นเดินมาใกล้หวังซู่เหนียง
“ไม่ๆ ข้าพูดผิดแล้ว ข้าไม่ลืม ขะ ข้าจดจำท่านไว้ในใจเสมอ จำได้แม่นเลย” หวังซู่เหนียงโบกมือไปมาตรงหน้า นางเบิกตากว้างมองบุรุษคนนี้ด้วยความหวาดกลัว
กู้เจิง “...”นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่เนี่ย นางไม่กล้าคิดคาดเดาอะไรไปมากกว่านี้ นางดึงซู่เหนียงมาไว้ด้านหลัง และถลึงตาใส่เยี่ยนจื่อเซี่ยยน “ท่านแม่ทัพเยี่ยน ซู่เหนียงของข้าติดเงินท่านหรือ?”
“เปล่า”
“งั้นซู่เหนียงของข้าทำเื่ที่ผิดต่อท่านหรือ?”
สายตาของเยี่ยนจื่อเซี่ยนมองผ่านกู้เจิงไปยังหวังซู่เหนียงที่อยู่ด้านหลัง พอได้ยินคำถามนี้ของกู้เจิงเขาถึงได้มองหน้านาง “เ้าถามนางสิว่าได้ทำเื่อะไรที่ผิดต่อข้า”
กู้เจิงหันกายไปมองหวังซู่เหนียง
“ข้า ข้า...” หวังซู่เหนียงทำหน้าเศร้า นางเงยหน้าขึ้น “ข้าทำอะไร? สตรีอย่างข้ายังไม่คิดเล็กคิดน้อย บุรุษตัวใหญ่อย่างท่านจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรกัน? ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรสักหน่อย”พูดจบ นางก็ก้มหน้าลงพลางบิดสองมือ
“หยวนซิ่วเอ๋อร์ เ้าไม่คิดเล็กคิดน้อยเพราะเ้าไม่รักตัวเอง แต่ข้ารักตัวเองมาก”
“งะ งั้นท่านจะให้ข้าทำยังไงกัน” เสียงของหวังซู่เหนียงสะอึกสะอื้นแล้ว
“เ้ายังกล้าร้องไห้อีกหรือ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองสตรีวัยกลางคนผู้นี้ที่แม้จะร้องไห้ก็ยังงดงามหมดจดอย่างหมดคำพูด
กู้เจิง “...”นางรู้ว่าซู่เหนียงไม่ชอบและกลัวแม่ทัพพลทหาร แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็ขนาดนี้ กู้เจิงมองเยี่ยนจื่อเซี่ยนอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ทัพเยี่ยน ข้าเคารพท่านในฐานะแม่ทัพ แต่โปรดอย่าทำให้ซู่เหนียงของข้าใเช่นนี้ นางขี้กลัว แล้วระหว่างพวกท่านเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“หยวนซิ่วเอ๋อร์ เ้าไม่บอกลูกสาวของเ้าหรือว่าในปีนั้นเ้าไม่รักตัวเองยังไง?” ั์ตาของเขายิ่งเกิดแสงไฟลุกโชน
ผ้าเช็ดหน้าในมือของหวังซู่เหนียงถูกบิดจนพันกันแน่น นางอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “มันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ข้าอายเกินกว่าจะเอ่ยต่อหน้าลูกสาว”
“ตอนนี้เ้ารู้จักอายแล้วหรือ?” จู่ๆ เยี่ยนจื่อเซี่ยนก็หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้นเดือดดาลมาก เค้าหน้าที่แข็งแกร่งและแน่วแน่แทบจะบิดเบี้ยวเข้าหากันด้วยแรงโทสะ
กู้เจิงถอนหายใจ “ซู่เหนียง ตอนนั้นท่านทำอะไรลงไปกันแน่?”
“ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ” นิ้วของนางค่อยๆ ชี้ไปยังเยี่ยนจื่อเซี่ยน “พาเขาร่วมหลับนอนแล้ว...”
“หา? หลับนอนแล้วอะไร?” กู้เจิงถามอย่างใ
หวังซู่เหนียงอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก “ขะ ข้าเสียใจอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น”
กู้เจิงถลึงตาใส่หวังซู่เหนียงอยู่นาน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เจิงเอ๋อร์” หวังซู่เหนียงเห็นบุตรสาวหน้าเขียวคล้ำ จึงกระตุกแขนเสื้อนางเบาๆ ด้วยสีหน้าอย่างคนทำผิด
“ตอนนั้นข้าาเ็สาหัสนอนอยู่บนเตียง หยวนซิ่วเอ๋อร์ ปกติเ้ากลัวข้าจะตายไป คืนนั้นกลับกล้าฉวยโอกาสกับข้า...” เยี่ยนจื่อเซี่ยนนั้นไม่เคยเสียหน้ามาก่อน เหตุการณ์นั้นถือเป็ความอัปยศอดสูในชีวิตของเขา แต่วันนี้เขาไม่คิดจะซ่อนมันอีก สิบกว่าปีมาแล้ว เขาตามหานางมานานกว่าสิบปี ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว
หวังซู่เหนียงเห็นเยี่ยนจื่อเซี่ยนทําท่าทางเหมือนอยากจะฆ่าคน นางกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ตอนนั้นท่านไม่เห็นพูดอะไรเลย เหตุใดตอนนี้ถึงมารื้อฟื้นบัญชีเก่าเล่า วันเวลาหลังจากนั้น พวกเราก็...”
“ทำไมเ้าต้องหนี?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนถามเสียงเข้ม
“ข้าไม่ได้ชอบท่าน ทำไมจะไม่หนีล่ะ?” หวังซู่เหนียงกล่าวด้วยความใจกล้า
“เ้าว่าอะไรนะ?” สีหน้าของเยี่ยนจื่อเซี่ยนดูทะมึนกว่าเมื่อครู่เสียอีก
กู้เจิงมองคนนี้ที มองคนนั้นที บรรยากาศกดดันเสียเหลือเกิน คนหนึ่งดูราวกับอยากจะฆ่าคนทว่าก็ไม่ได้ลงมือ อีกคนขี้กลัวเหมือนหนูและคอยยั่วยุอยู่เรื่อยๆ ปัญหาคือ นางกลับเอ่ยแทรกไม่ได้ พูดไม่ออกเลยจริงๆ
“พวกท่านกำลังทำอะไร?” เสียงอันเยือกเย็นของสตรีดังขึ้น
ทั้งสามคนหันไปก็เห็นหญิงสาวงดงามผู้เ็าเดินเข้ามา กู้เจิงจำนางได้ นางเป็เ้าของรถม้าที่ชนเด็กบนถนนเมื่อครู่ นางในตอนนี้สวมชุดจิ้นจวง* รวบผมขึ้นสูง ดูสง่างามและองอาจ
(*เป็ชุดจีนโบราณเข้ารูป เน้นความคล่องตัว ปลายแขนเสื้อจะรวบติดเข้ากับปลายแขน)
“ท่านพ่อบุญธรรม” หญิงสาวประสานมือคารวะเยี่ยนจื่อเซี่ยน
เมื่อหวังซู่เหนียงเห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวนางนั้นชัดเจน นางก็ใจนตัวแข็ง “เฟิงหลิง?”
อีกฝ่ายเหลือบมองหวังซู่เหนียง กล่าวอย่างเ็าว่า “ท่านจำผิดคนแล้ว เฟิงหลิงเป็มารดาของข้า นางป่วยตายไปั้แ่สิบห้าปีก่อนแล้ว”
“เฟิงหลิงตายแล้วหรือ?” หวังซู่เหนียงพึมพำ ขอบตาแดงระเรื่อ
“ห้ามร้อง” เยี่ยนจื่อนเซี่ยนพูดด้วยเสียงเกลียดชัง
หวังซู่เหนียงหยุดร้องไห้ในทันที
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน โปรดอย่าดุซู่เหนียงของข้าเช่นนี้” กู้เจิงมองเขาอย่างโมโห พลันรู้สึกลำคอเย็นเฉียบ มีกระบี่มาพาดจ่ออยู่ที่ลำคอของนาง ส่วนมือกระบี่ย่อมเป็สตรีผู้นั้น นางไม่เห็นอีกฝ่ายนำกระบี่เข้ามา ยิ่งไม่เห็นว่างลงมืออย่างไร
หวังซู่เหนียงกรีดร้องออกมา และชี้ไปยังหญิงสาวผู้นั้น “เ้าจะทำอะไร?”
“อย่าสามหาวต่อพ่อบุญธรรมของข้า” หญิงสาวผู้เ็ามองกู้เจิง
กู้เจิงแค่ใแต่นางไม่ได้กลัว จึงตอบกลับเสียงเย็นว่า “พ่อบุญธรรมของเ้าไม่เคารพซู่เหนียงของข้าก่อน”
“เช่นนั้นแล้วยังไง? ข้าสนแต่คนใกล้ชิดไม่สนหลักเหตุผล หากมีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ปราณี” หญิงผู้นั้นเก็บกระบี่กลับไป
เอาเถอะ ใครมีอาวุธสังหารคนนั้นเป็ใหญ่ จู่ๆ มือข้างหนึ่งของกู้เจิงก็ถูกซู่เหนียงดึงไป
หวังซู่เหนียงกันบุตรสาวไว้ด้านหลัง นางถลึงตาใส่เยี่ยนจื่อเซี่ยน แต่หลังจากสบเข้ากับใบหน้านั้นแล้วก็เกิดกลัวขึ้นมาอีก “พวกท่านกล้ารังแกแม่หม้ายเด็กกำพร้าอย่างพวกเราเช่นนี้หรือ? โอ้์ ใต้หล้านี้ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ จับตัวผู้หญิงอ่อนแออย่างข้ามาไม่พอ ยังเอาดาบมาขู่เราอีก พวกท่านมียางอายกันบ้างไหม”
กู้เจิง “...” พวกนางไม่ใช่แม่หม้ายลูกกำพร้าเสียหน่อย บิดาไร้ค่าผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ พูดถึงบิดาและเื่ของซู่เหนียงผู้นี้ เฮ้อ ปวดหัวนัก
“หยวนซิ่วเอ๋อร์” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองหวังซู่เหนียงก่อนจะยิ้มเยาะ “นิสัยนี้ของเ้า ดูท่าชีวิตนี้คงแก้ไขไม่ได้แล้ว”
“หยวนซิ่วเอ๋อร์หรือ?” หญิงสาวผู้เ็าทวนชื่อ ก่อนจะมองไปยังหวังซู่เหนียงด้วยความตื่นเต้น “ท่านคือป้าซิ่วหรือ?”
“ข้า ข้า” หวังซู่เหนียงฝืนยิ้ม “ข้าเคยใช้ชื่อนี้มาก่อนน่ะ”
ั์ตาของสตรีนางนั้นสั่นไหว “ป้าซิ่ว ท่านแม่ข้าเคยกล่าวไว้ก่อนตายว่า ท่านเป็คนที่นางรู้สึกผิดที่สุดในชีวิต นางทำร้ายท่านมากเหลือเกิน หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ข้าปกป้องท่านอย่างดี”
กู้เจิงเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของมารดา เฟิงหลิงนางเป็ใครกันแน่? เกิดอะไรขึ้นระหว่างนางกับซู่เหนียง? และยังมีแม่ทัพเยี่ยนอีกคน นี่มันเกิดเื่อะไรกัน นางรับมือไม่ไหว