ครั้นท่านอ๋องได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง รู้ทันทีว่าจ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือกำลังทะเลาะกันอยู่ น้ำเสียงจึงแฝงไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ “นางหนูหนิง เ้าคิดเยี่ยงนี้จริงๆ หรือ”
สีหน้าหนิงมู่ฉือสงบนิ่งประหนึ่งน้ำในแม่น้ำ ทว่าในใจราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ในมหาสมุทรก่อตัวอยู่ นางทำได้เพียงยิ้มบางๆ ในใจคิดว่า ในเมื่อซื่อจื่อไม่มีความรู้สึกใดให้นาง นางก็จะได้จบเื่ทุกข์ใจนี้เสียที
นางพยักหน้า ก้มโค้งตัวขณะเอ่ยตอบ “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์ดูออกเ้าค่ะว่าซื่อจื่อจริงใจต่อฉู่เมิ่งเอ๋อร์จริงๆ”
จ้าวซีเหอได้ยินประโยคนี้ของหนิงมู่ฉือในใจรู้สึกปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม เดินขึ้นหน้าไปพูดกับบิดา “ท่านพ่อ ท่านเห็นหรือไม่ กระทั่งหนิงมู่ฉือยังพูดเช่นนี้ ท่านยังจะคิดว่าลูกหลอกลวงท่านอีกหรือ ลูกรู้ดีว่าเื่นี้มันเหลวไหล แต่ถึงอย่างไรลูกก็อยากให้ฐานะแก่คนที่ลูกรัก!”
“เหลวไหล! เ้าเข้าใจหรือว่าความรักคืออะไร! ได้ ในเมื่อเ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นพ่อก็จะให้ในสิ่งที่เ้าปรารถนา เพียงแต่พ่อมีข้อแม้หนึ่งอย่าง คือเ้าต้องดูนางให้ดีๆ หากนางก่อเื่ในตำหนักนี้ พ่อจะไล่นางออกจากตำหนักทันที!” ท่านอ๋องโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คนเดียว
จ้าวซีเหอยิ้ม คุกเข่าลงต่อหน้าบิดาที่มีสีหน้ากลุ้มใจ “ลูกขอบคุณท่านพ่อมากขอรับ”
ท่านอ๋องสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ทิ้งหนิงมู่ฉือไว้ด้านหลังกับจ้าวซีเหอ จ้าวซีเหอคุกเข่าอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นยืน
หนิงมู่ฉือรู้สึกปวดแผ่นหลังที่โดนฟาดเหลือเกิน ทว่าในใจนางรู้สึกเจ็บยิ่งกว่า ความเจ็บที่แผ่นหลังจึงไม่นับเป็อันใดได้ นางมองแผ่นหลังของจ้าวซีเหอขณะเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา “ซื่อจื่อไม่ควรทำเช่นนี้ ไม่ควรทำให้ท่านอ๋องโกรธเลยนะเ้าคะ”
จ้าวซีเหอเค้นเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น หันกลับไปจ้องมองหนิงมู่ฉือ เดินขึ้นหน้าบีบให้นางต้องก้าวถอยไปข้างหลัง “ข้าทำเพื่อผู้หญิงที่ข้ารัก เ้าถือสิทธิ์ใดมาว่าข้า”
สีหน้าหนิงมู่ฉือเปลี่ยนไปทันใด ยิ้มเ็าพลางเอ่ย “เป็ข้าที่ยุ่งเื่ของท่านมากเกินไปเอง เช่นนั้นข้าขอตัวเ้าค่ะ” กล่าวจบนางหันหลังทำท่าจะเดินออกไป ทว่ากลับถูกจ้าวซีเหอเอื้อมมือมาคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
นางหันหน้าไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ขอซื่อจื่อได้โปรดให้เกียรติข้าด้วย ปล่อยมือเ้าค่ะ!”
ใบหน้าจ้าวซีเหอประดับไปด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าไปใกล้จนหนิงมู่ฉือต้องถอยกระทั่งหลังชนเข้ากับกำแพงในที่สุด เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า “เหตุใดเ้าถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ หรือเ้าหลงรักข้าเข้าแล้ว เห็นข้าปฏิบัติเยี่ยงนี้ต่อสตรีคนอื่น เ้าก็เลยหึง?”
หนิงมู่ฉือได้ฟังยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก นางยิ้มเยาะให้จ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อพูดล้อเล่นแล้ว ข้าเห็นท่านมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับผู้หญิงถึงสองคน ข้ารู้สึกดูถูกท่านเป็ที่สุดต่างหาก”
สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าแข็งค้าง แววตาเ้าชู้เปลี่ยนเป็เ็าดั่งน้ำแข็ง จากนั้นกล่าวทีละคำออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เ้าคิดว่าที่ข้าพูดหยอกเย้าเ้า เป็เพราะข้าชอบเ้าหรือ หนิงมู่ฉือ เ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว”
หนิงมู่ฉือได้ฟังให้รู้สึกทรมานใจยิ่ง น้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ นางยกมือลูบแผ่นหลังที่รู้สึกปวด เห็นจ้าวซีเหอกำลังจะประทับริมฝีปากลงมา นางใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักเขาออกไป กระตุกยิ้มมุมปากเย้ยหยันพลางกล่าว “ขอซื่อจื่อโปรดสำรวมกิริยาด้วย”
กล่าวจบนางวิ่งออกจากที่นั่นทันที และในเวลาเดียวกันนั้น น้ำตานางก็ไหลออกมา
จ้าวซีเหอมองตามแผ่นหลังของหนิงมู่ฉือที่วิ่งออกไป เขายกมือลูบบริเวณร่างกายที่ถูกนางััเมื่อครู่นี้ด้วยสีหน้าเศร้าหม่น เหตุใดเขาถึงไม่อธิบายให้นางฟังนะ หากเขาอธิบาย นางอาจจะไม่ทำกิริยาเช่นนี้ก็เป็ได้
เขายิ้มพร้อมกับส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ทิ้งไป จากนั้นะโเรียกฉีอัน “ฉีอัน เ้าไปเตรียมเงินเป็ค่าไถ่ตัวมา วันนี้ข้าจะไปรับฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับตำหนัก”
ฉีอันมองจ้าวซีเหอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปยังหนิงมู่ฉือที่วิ่งออกไปไกลแล้ว เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอื้อนเอ่ย “ซื่อจื่อ ท่านกับแม่นางหนิงมีเื่เข้าใจผิดกันใช่หรือไม่ขอรับ”
สีหน้าจ้าวซีเหอแปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ขณะจ้องกลับไป กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าบอกให้เ้าไปเตรียมเงิน แล้วเื่นี้เ้าก็เคยถามข้าไปแล้วมิใช่หรือ”
ฉีอันได้ยินก็รีบวิ่งไปที่ห้องเก็บสมบัติทันที
น้ำตาหนิงมู่ฉือไหลออกมาไม่หยุด แม้นางจะพยายามกลั้นมันเอาไว้แล้วก็ตาม นางเช็ดน้ำตาพลางพึมพำกับตัวเอง “หนิงมู่ฉือเอ๋ยหนิงมู่ฉือ เ้าตกอยู่ในกำมือของผู้อื่นแล้วเห็นหรือไม่ เ้าดูสิ เขาไม่ได้คิดอันใดกับเ้าเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็เ้าที่คิดไปเอง แต่แบบนี้ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
นางกลับมามีสีหน้าสงบนิ่งดังเดิม ขณะเปิดประตูห้องครัวเข้าไป นางเห็นหลินมู่กำลังรอนางอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นางรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แล้วเอ่ยถามออกไป “เกิดอันใดขึ้น มีข่าวความคืบหน้าใหม่หรือ”
หลินมู่ขมวดคิ้ว “คุณหนูเพิ่งร้องไห้มาหรือขอรับ”
“ไม่ใช่ ข้าจะร้องไห้ได้อย่างไร” นางส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินไปที่เขียง
หลินมู่เดินเข้าไปหา เตรียมพร้อมที่จะเป็ลูกมือขณะเอ่ย “ข้าน้อยติดตามท่านมาั้แ่ท่านยังเล็กๆ คุณหนูมีท่าทีผิดปกติหรือไม่ เหตุใดข้าน้อยจะไม่รู้ ข้าน้อยอยากให้ท่านลืมเื่ความรักความแค้นของพวกมนุษย์เหล่านี้ไปเสีย”
นางได้ฟังก็โมโหยิ่งนัก กล่าวโต้กลับไป “ข้ามิได้คิดอันใดกับจ้าวซีเหอทั้งนั้น เพียงแต่จ้าวซีเหอเขา…เฮ้อ ช่างเถิด ข้าไม่พูดแล้ว”
ครั้นนางเห็นหลินมู่มีสีหน้าเปลี่ยนไป จึงเอ่ยถามออกมา “เป็อันใดไป”
“ข้าน้อยมีความรู้สึกว่าคุณหนูไม่เหมือนเดิม เมื่อก่อนคุณหนูทำอาหารไม่เป็” หลินมู่ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
นางยิ้มแห้งพลางตอบ “เมื่อก่อนข้าี้เีทำต่างหาก แต่ว่าตอนนี้ ด้วยฐานะของข้า จะไม่ทำก็ไม่ได้…”
หลินมู่ไม่ได้อยู่ฟังที่หนิงมู่ฉืออธิบาย เดินออกไปด้านนอก ทิ้งให้หนิงมู่ฉืออยู่ในห้องครัวคนเดียวอย่างกระอักกระอ่วนเช่นนั้น
ฉีอันเดินนำบ่าวรับใช้แบกหีบสามสี่หีบมาวางตรงหน้าจ้าวซีเหอ ก่อนจะเอ่ยอย่างเหนื่อยหอบ “ซื่อจื่อ รวบรวมเงินได้ครบแล้วขอรับ”
จ้าวซีเหอพยักหน้า เอ่ยกับฉีอันด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดี เช่นนั้นก็ตามข้ามา”
ขบวนแถวอันยิ่งใหญ่ของจ้าวซีเหอและบ่าวรับใช้อีกสามสี่คนเดินไปยังหอจุ้ยหง ครั้นแม่เล้าเห็นจ้าวซีเหอพาบ่าวรับใช้มาที่หอนางโลมของนาง นางบิดตัวอย่างเขินอายพลางเดินเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “ไอโยว ซื่อจื่อจะมาไถ่ตัวเมิ่งเอ๋อร์หรือเ้าคะ”