ครั้นเห็นสีหน้ารอคอยของหนิงมู่ฉือ จ้าวซีเหอยิ้มยิงฟัน ค่อยๆ กระซิบข้างหูทีละคำชัดๆ “ข้าจะไถ่ตัวฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ซึ่งเ้าต้องช่วยข้าขอร้องท่านพ่อ”
หนิงมู่ฉือได้ฟังคำนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ชะงักนิ่ง น้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือเล็กน้อยขณะยิ้มพูด “ได้เ้าค่ะ ฉือเอ๋อร์จะช่วยท่าน” กล่าวจบ นางหันหลังไปอีกด้านเพื่อปิดบังใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
จ้าวซีเหอจ้องมองแผ่นหลังดื้อรั้นของหนิงมู่ฉือ พลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว
เมื่อเห็นจ้าวซีเหอออกไปแล้ว นางย่อตัวกอดเข่าร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร ในเมื่อท่านมีคนในดวงใจอยู่แล้ว เหตุใดถึงพูดจาหยอกเย้านาง ให้ใจนางหวั่นไหว และยอมยกใจให้เป็ของท่านคนเดียวด้วย
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก่อนจะใช้น้ำเย็นล้างหน้าเพื่อลบคราบน้ำตาออกไป นางฝืนยิ้มออกมา แล้วพยายามปลุกปลอบให้ตัวเองเข้มแข็ง
จ้าวซีเหอกลับถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำชำระกายและใจที่เหนื่อยล้า รวมทั้งกลิ่นแป้งที่ติดอยู่ตามตัวให้ออกไป เสร็จเรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดใหม่ จากนั้นเดินไปหาท่านอ๋องที่ห้อง
มาถึงหน้าประตู เขาได้ยินเสียงท่านพ่อกำลังคุยอยู่กับพ่อบ้าน เขาถอนหายใจออกมาเพื่อปรับอารมณ์ แล้วถึงค่อยเปิดประตูเข้าไป ส่งยิ้มให้บิดา
ท่านอ๋องมองจ้าวซีเหอด้วยแววตาเคร่งขรึม กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ซีเหอ มีเื่ใดหรือ”
ใบหน้าจ้าวซีเหอประดับไปด้วยรอยยิ้มเอาใจขณะเอ่ยตอบ “ลูกไม่มีเื่ใดหรอกท่านพ่อ เพียงแต่นานแล้วที่ลูกไม่ได้เดินหมากกับท่าน”
ท่านอ๋องมองหน้าบุตรชายอย่างแปลกใจครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ใช่ว่าเ้าไม่ชอบเดินหมากกับพ่อหรอกหรือ ดูท่าวันนี้เ้ามีใจอยากจะเดินหมากกับพ่อจริงๆ เช่นนั้นก็มาเดินด้วยกันสักตา”
พ่อบ้านมองจ้าวซีเหอด้วยรอยยิ้ม ลุกจากเก้าอี้เพื่อยกที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับท่านอ๋องให้ “นานแล้วที่ข้าน้อยไม่ได้เห็นซื่อจื่อกับท่านอ๋องเดินหมากด้วยกัน”
จ้าวซีเหอส่งยิ้มให้พ่อบ้าน ก่อนจะวางตั้งตัวหมากบนกระดานใหม่ ตั้งใจวางกับดักผู้เป็บิดา
ไม่นานหมากก็ถูกเคลื่อนย้ายเกือบจะทั้งกระดาน ท่านอ๋องมองหมากบนกระดานพร้อมกับขมวดคิ้ว ใช้มือลูบเคราของตัวเองขณะเอ่ย “การเดินครานี้อันตรายมาก”
จ้าวซีเหอยิ้มก่อนจะเดินหมาก จากเกมหมากที่อันตรายกลายเป็ปลอดภัย ท่านอ๋องมองการเดินหมากของบุตรชายแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ามองบุตรชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “เ้ากำลังวางกับดักพ่อ”
จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบอย่างเอาใจ “ท่านพ่อ ลูกไหนเลยจะกล้าวางกับดักท่าน มีแต่จะทำให้ท่านดีใจเสียมากกว่า”
“เฮอะ เ้าหน้าเหม็น มีเื่ใดก็พูดมา เอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ สู้พูดให้พ่อฟังให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า!”
จ้าวซีเหอเห็นบิดามีสีหน้าขรึมลง รีบเดินไปทุบไหล่นวดแขนให้อย่างเอาอกเอาใจ “ยังคงเป็ท่านพ่อที่รู้ใจลูกที่สุด ลูกมีเื่หนึ่งอยากจะปรึกษากับท่านขอรับ”
“ปรึกษากับพ่อ? นี่ไม่ใช่นิสัยของเ้าเลย เ้ามีเื่ใดอยากจะปรึกษากับพ่อหรือ” ท่านอ๋องมีสีหน้าแปลกใจ
“แหม ท่านพ่อก็ อย่าเอาแต่พูดเื่เก่าๆ สิขอรับ เื่ที่ลูกจะปรึกษากับท่านเป็เื่ที่ลูกไม่อาจตัดสินใจเองได้” จ้าวซีเหอยังคงยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
ท่านอ๋องมีท่าทีระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที ใช้แววตาคมกริบจ้องมองบุตรชาย “ต้องไม่ใช่เื่ดีแน่!”
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางเช่นนั้นของผู้เป็บิดาก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา ถูกแววตาคมปลาบจ้องจนทำตัวไม่ถูก “ท่านพ่อ อย่าพูดเยี่ยงนั้นสิขอรับ”
ท่านอ๋องแค่นเสียงฮึก่อนจะกล่าว “เมื่อคืนข้าได้ยินว่าเ้าไม่ได้กลับตำหนัก ต้องเกี่ยวกับเื่นี้แน่”
“ท่านพ่อ…เื่ที่ลูกอยากจะปรึกษาคือ…ลูกอยากไถ่ตัวฉู่เมิ่งเอ๋อร์แห่งหอจุ้ยหง…” ยังไม่ทันที่จ้าวซีเหอจะได้เอ่ยจบ ท่านอ๋องลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหเสียก่อน ยกมือแล้วฟาดลงมาที่บุตรชายอย่างแรง
จ้าวซีเหอรีบหลบพลางะโ “ท่านพ่อ ครั้งนี้ลูกพูดจริงนะขอรับ!”
“เหลวไหล! เป็ถึงซื่อจื่อจะรับหญิงสาวในหอนางโลมเข้าตำหนักได้อย่างไร หากเื่นี้แพร่งพรายออกไปจะขายหน้าสักแค่ไหน!” ท่านอ๋องเอ่ยพลางถือไม้กระบองวิ่งไล่ตีจ้าวซีเหอ
เหตุการณ์นี้ร้อนไปถึงบ่าวรับใช้มากมายในตำหนักอ๋อง บ่าวรับใช้พากันเข้าไปห้ามท่านอ๋องเพื่อไม่ให้ท่านอ๋องลงมือรุนแรงกับบุตรชาย พร้อมกับพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านอ๋องขอรับ ซื่อจื่อแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ท่านอย่าตีซื่อจื่อเลยนะขอรับ!”
ท่านอ๋องโมโหเป็อย่างมาก ไหนเลยจะฟังคำของบ่าวรับใช้ จ้าวซีเหอกล่าวเสริมออกมา “ท่านพ่อ ข้าแค่รับอนุเท่านั้น เหตุใดต้องโมโหถึงเพียงนี้ด้วย!”
ท่านอ๋องหาได้ฟังที่บุตรชายอธิบายไม่ ะโเสียงดัง “เ้าลูกอกตัญญู!”
พ่อบ้านเห็นเหตุการณ์เยี่ยงนี้ก็เป็ห่วงสุขภาพของท่านอ๋องจึงเข้าไปพูดเตือนจ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อ เื่นี้เป็ท่านที่ไม่รู้ความ อย่าพูดให้ท่านอ๋องโกรธไปมากกว่านี้อีกเลยนะขอรับ”
จ้าวซีเหอมองพ่อบ้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พ่อบ้าน ครั้งนี้ข้าเอาจริง ข้าชอบ…ฉู่เมิ่งเอ๋อร์จริงๆ” จ้าวซีเหอเกือบจะพูดชื่อหนิงมู่ฉือออกมา
พ่อบ้านถอนหายใจอย่างจนปัญญา ขณะที่สายตาเห็นว่าไม้กระบองกำลังจะฟาดลงหลังจ้าวซีเหอ ทว่าทันใดนั้นเองหนิงมู่ฉือที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดพุ่งเข้ามาบังเอาไว้
จ้าวซีเหอหลับตาปี๋ ครั้นหูได้ยินเสียงร้องอย่างเ็ปของสตรี เขาลืมตาขึ้น พบว่าหนิงมู่ฉือนอนคว่ำหน้าลงไปกับพื้น ใจเขารู้สึกเ็ปยิ่ง
ท่านอ๋องรีบวิ่งเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “นางหนูหนิง เหตุใดถึงทำเช่นนี้ จู่ๆ วิ่งมาขวางทำไมกัน”
ใบหน้าหนิงมู่ฉือซีดขาว พยายามใช้แรงที่มีพยุงตัวลุกขึ้นยืน “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์แค่อยากบอกกับท่านว่า ซื่อจื่อชื่นชอบฉู่เมิ่งเอ๋อร์จริงๆ เ้าค่ะ”
สีหน้าท่านอ๋องเปลี่ยนเป็เรียบนิ่ง หันหลังก่อนจะเอ่ยออกมา “ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามพูดเื่นี้กับข้า อย่างไรข้าก็ไม่ตกลง”
หนิงมู่ฉือตรงเข้าไปจับแขนเสื้อท่านอ๋องเอาไว้พลางเอ่ยขอร้อง “ท่านอ๋อง ที่ผ่านมาซื่อจื่อไม่เคยเอาจริงเอาจังกับเื่ใด แต่ครั้งนี้ที่จริงจังกับเื่นี้ย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง ในเมื่อคนสองคนมีใจตรงกัน สู้ทำให้พวกเขาได้สมปรารถนา แบบนี้จะไม่เป็การดีกว่าหรือเ้าคะ”