อย่างไรก็ตาม หลินหร่านมองออก อวี้ฉู่จาวอดกลั้นมานานแล้ว
หลินหร่านไม่กล้าขยับตัว ร่างกายแข็งราวกับประติมากรรม
หลังจากอวี้ฉู่จาวจูบครั้งที่สองก็ยันตัวขึ้น “ผ่อนคลายหน่อย ให้ข้าปลดปล่อยความโลภหน่อยเถิด”
หลินหร่านเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้าก่อนพยักหน้า
แน่นอนว่าหลินหร่านรับรู้ถึงความอ่อนโยนจากจูบของอวี้ฉู่จาว แต่เขาก็รู้สึกประหม่า ไม่รู้ควรจะตอบสนองอย่างไรจึงอ้าปากไว้ครึ่งหนึ่ง ปล่อยให้อวี้ฉู่จาวเป็ผู้นำ
อวี้ฉู่จาวพึงพอใจ หลังจากลิ้มรสชาติแปลกใหม่ก็ปล่อยหลินหร่านให้เป็อิสระ ซุกศีรษะลงไปที่ซอกคอพร้อมหายใจอย่างหนัก “อวิ๋นซี”
หลินหร่านเอียงหูหลบ
“คืนวันส่งตัวเข้าห้องหอ ข้าไม่มีวันปล่อยเ้าแน่”
“แล้วแต่ท่านอ๋อง...เชิญท่านทำอย่างที่อยากทำ...ข้ายินยอมที่จะมีบุตรกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้อวี้ฉู่จาวกลับไปห้องอาบน้ำ เขาอาบน้ำเย็นเพื่อให้ตนเองสงบ
เมื่อรู้ว่าตนเองสามารถตั้งครรภ์มีบุตรได้ หลินหร่านก็รู้สึกแปลกใจและใในเวลาเดียวกัน แต่เพื่ออวี้ฉู่จาวแล้วเขายินยอม
ทั้งยังจะได้มีการจัดงานแต่งงานอย่างราบรื่น เขารับเื่นี้ได้ ตัวเขาข้ามภพมาและมันเกิดขึ้นไปแล้ว ต่อจากนี้ย่อมไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
……….
พระราชโองการจากฮ่องเต้ฉงเต๋อถูกส่งมาด้วยความรวดเร็ว
ฮ่องเต้ฉงเต๋อไม่ได้คิดจะถามความเห็นจากอวี้ฉู่จาว จึงส่งหลี่ิลู่ไปแจ้งที่ตำหนักของเทพเ้าแห่งา
มีคนมาแจ้งข่าวจากฮ่องเต้ั้แ่เช้าตรู่ ให้ท่านอ๋องผู้นี้กลับวังหลวงไปรับฟังราชโองการ
อวี้ฉู่จาวที่อยู่ชานเมืองหลวง ่ที่ได้รับข่าวก็เป็ตอนที่กำลังช่วยหลินหร่านเก็บของ
พระราชโองการออกมาแล้ว หลินหร่านก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องกลับ เพื่อให้การแต่งงานเป็ไปอย่างราบรื่น เื่ราวของพวกเขาจึงต้องเก็บเป็ความลับ
อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านยืนอยู่ด้วยกันตรงหน้าประตู
“ข้าจะให้หยางซานไปส่งเ้า เพื่อให้ทันพระราชโองการ ให้คนประกาศราชโองการได้เห็นตัวเ้า นางเว่ยจะได้ไม่กล้าทำอะไร” อวี้ฉู่จาวยกมือขึ้น ช่วยหลินหร่านจัดผ้าพันคอขนจิ้งจอกสีขาวพร้อมเอ่ย
“ข้างกายเ้าจะมีองครักษ์เงาที่ข้าส่งไปดูแล คือท่าเสวี่ยกับหยิ่นเยวี่ย หากเ้า้าพบข้าหรือมีเื่อะไรก็ให้ะโเรียกพวกเขา เข้าใจหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านพยักหน้า
“ดีมาก ขึ้นรถม้าเถิด”
อวี้ฉู่จาวตบบ่าของหลินหร่าน เตรียมส่งอีกคนกลับ
ผู้คนต่างพากันมายืนรายล้อมเพื่อทำการส่ง ‘คุณชายตัวน้อย’ กลับบ้าน
หลินหร่านมองไปทางอวี้ฉู่จาวครั้งแล้วครั้งเล่า อวี้ฉู่จาวพยักหน้าปลอบโยน สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ก้าวไปไม่กี่ก้าวหลินหร่านก็หมุนตัวกลับมา เดินมายืนอยู่ตรงหน้าอวี้ฉู่จาวก่อนจะอ้าแขนออกกอดเอวคนตรงหน้าไว้
หลินหร่านอายุ 17 ปี แต่เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับอวี้ฉู่จาวที่ร่างสูงใหญ่จึงตัวเล็กกว่าอยู่มากนัก
อวี้ฉู่จาวรู้สึกประหลาดใจ อวิ๋นซีเป็ฝ่ายเข้าหาเขาก่อนงั้นหรือ
“ข้าจะรอให้ท่านอ๋องมาสู่ขอ” หลินหร่านซุกไปกับไหล่ซ้ายของอวี้ฉู่จาว เอ่ยความในใจให้อีกคนได้รับรู้
คำพูดนั้นอวี้ฉู่จาวได้ยินชัดเจน
มุมปากของอวี้ฉู่จาวหยักยิ้มเล็กน้อย เขาลูบหลังของหลินหร่านแล้วถึงกล่าว “ข้าจะรีบไปอย่างแน่นอน” หลังเอ่ยจบก็จุมพิตแ่เบาบนหน้าผาก
เมื่อพอใจแล้วหลินหร่านถึงยอมปล่อยมือ เดินขึ้นรถม้าและจากไป
ภายหลังปล่อยหลินหร่านกลับไป อวี้ฉู่จาวรีบกลับไปตำหนักของตนเองในเมืองอวี้อันเพื่อรับราชโองการ
.........
เวลานี้ ขันทีผู้ประกาศพระราชโองการของฮ่องเต้ได้มาถึงจวนแม่ทัพฮวาเวยในเมืองอวี้อันแล้ว
“ประกาศพระราชโองการจากฮ่องเต้---” เสียงโหยหวนอันเป็เอกลักษณ์ของขันทีดังขึ้น
ผู้นำของตระกูลหลินถูกเรียกตัวมาั้แ่เนิ่น ตอนนี้พวกเขากำลังคุกเข่าอยู่บริเวณลานในจวนแม่ทัพฮวาเวยเพื่อรอรับคำสั่ง
เนื่องจากแม่ทัพฮวาเวยไม่อยู่ในจวน ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงอยู่ นางเว่ยจึงทำได้เพียงเชิญผู้นำตระกูลหลินมา
“สารจาก์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง บุตรชายของแม่ทัพฮวาเวยนามว่าหลินหร่าน อ่อนโยนซื่อสัตย์ เคารพและใส่ใจผู้อื่น รูปลักษณ์งดงาม ฮ่องเต้มีพระประสงค์ให้มาเป็คู่สมรสขององค์ชายสามผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็เทพเ้าแห่งา เป็ผู้ที่ฉลาดหลักแหลม นับว่าคุ้มค่ากับการเลือกหลินหร่านมาเป็คู่ ผู้มีดวงสมพงษ์ราวกับกิ่งทองใบหยก งดงามสดใส และได้แต่งตั้งให้หลินหร่านเป็ชายาขององค์ชายสาม พิธีทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของศาสนพิธีและเหล่าราชเลขาธิการที่จะเป็ผู้จัดการและกำหนดวันจัดพิธีอภิเษก~”
ขันทีเอ่ยจบ ทุกคนต่างตกตะลึงยกเว้นนางเว่ย คนอื่นเกือบจะลืมไปแล้วว่าในตระกูลมีคนอย่างหลินหร่านอยู่
ทุกคนพากันตะลึงงันที่จู่ๆ ได้รับพระราชโองการเช่นนี้
“รีบมารับพระราชโองการไป” ขันทีผู้ประกาศกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับกายเข้ามารับ
“ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยขอรับบัญชา” ผู้นำตระกูลที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้ารีบรับพระราชโองการด้วยมือตนเอง
ผู้นำตระกูลหลินคนอื่นที่อยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากัน วันนี้ชายชราเหล่านี้ถูกเรียกมารวมตัวเพื่อมารับฟังพระราชโองการ ตอนแรกคิดว่าเป็เพราะหลินฮวาเหนียนทำงานได้ดี ฮ่องเต้จึงได้ส่งคนมาเพื่อเป็เกียรติแก่ตระกูลหลิน
ใครจะไปรู้ว่ากลายเป็พระราชโองการงานอภิเษกสมรสที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ล่วงหน้า
นางเว่ยที่อยู่ข้างหลังรู้สึกเหมือนหัวจะะเิ ฮ่องเต้พบหลินหร่านได้อย่างไร
เทพเ้าแห่งาคืออวี้ฉู่จาว บุคคลสูงส่งที่หาตัวจับยากมิใช่หรือ
“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่” หลินเสี่ยวฉีใช้มือแตะนางเว่ยที่อยู่ข้างกายแ่เบา เรียกสติของนางกลับมา
เมื่อบุตรสาวดึงสติคืนมาให้ ในขณะที่นางเว่ยกำลังเงยหน้าขึ้น
“รอประเดี๋ยวก่อนเ้าค่ะ” นางเว่ยะโเพื่อเรียกขันทีที่กำลังจะกลับวังหลวงให้หยุด
่เวลานั้น ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันมองไปที่นางเป็ทางเดียวกัน
“เ้ามีอะไร” ขันทีะโถาม ใบหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความเป็มิตรนัก
“ใต้เท้า หลินหร่านเขา...เขาตายแล้วเ้าค่ะ”
คำพูดของนางเว่ยทำให้ทุกคนตะลึงอีกครา
“ตายแล้ว?” ขันทีขมวดคิ้ว
นี่คือพระราชโองการของฮ่องเต้ คนผู้นี้มีชีวิตอยู่หรือสิ้นชีวิตกันแน่ หรือว่ามันมีอะไรผิดพลาด
“ใช่เ้าค่ะ กลางดึกคืนหนึ่งเกิดเหตุไฟไหม้ จากนั้นก็ไม่พบตัวเขาอีกเ้าค่ะ” ในใจของนางเว่ยตึงเครียด แต่นางไม่ได้โกหกเพราะไม่พบเ้าตัวจริง
ไม่มีการแจ้งการเสียชีวิตแบบนี้แล้วจะรอไปถึงเมื่อไร? หากเ้าเด็กนั่นกลับมาเพื่อเป็พระชายา พวกเขาจะมีทางรอดไปได้หรือ
“หากคนไม่อยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่จัดงานศพ เหตุใดไม่ไปแจ้งทะเบียนราษฎร์” ผู้นำประกาศมาแจ้งหาใช่คนโง่เขลา คำพูดของนางเว่ยดูขัดแย้งกันเป็อย่างมาก
มีข้อพิพาทมากมายในครอบครัวกลับไม่มีใครไม่รู้ และหากคนผู้นี้ตั้งใจปกปิดอะไรย่อมเป็ไปได้
“เื่นั้น...ไฟไหม้รุนแรงมาก เผาไหม้จดหมด ศพก็ยังไม่ได้ยืนยัน ดังนั้น...ดังนั้นจึงยังไม่ได้มีการจัดงานศพเ้าค่ะ” นางเว่ยตัวสั่น เหล่าข้าราชการหลวงจะหลอกง่ายเพียงไหน เื่นี้ตัวนางเองนึกหวาดกลัว
“ยังไม่ยืนยันศพ เ้าก็บอกว่าเขาตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ก็...ก็หาเขาไม่เจอแล้วนี่เ้าคะ”
“ไม่มีปัญหา ไฟไหม้ที่ใด? ข้าจะให้คนช่วยตระกูลหลินหา หากหาศพพบก็ยกเลิกงานแต่ง แต่ถ้าหากหาไม่พบก็หาต่อไป คุณชายหลินหร่านคือผู้ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เป็ชายาขององค์ชายสาม ห้ามเกิดเื่ผิดพลาดเป็อันขาด” ดวงตาของขันทีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นราวกับมองออกทุกอย่าง
นางเว่ยพูดอะไรไม่ออก หลินเสี่ยวฉีที่อยู่ข้างหลังก็กลัวจนไม่กล้าเงยหน้า
หลินหร่านที่หลบอยู่ยิ่งไม่กล้าโผล่หน้าออกไป
“ทำไม หรือเ้ากล้ามีปัญหากับข้าหลวง?”
“ไอหยา เ้าก็รีบพูดออกมาสิ รีบหาคนให้พบ เราจะให้ฮ่องเต้รอไม่ได้” ในที่สุดผู้นำตระกูลหลินที่ทนไม่ไหวก็เอ่ยขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้นำตระกูลหลินก็มีท่าทีไม่พอใจนางเว่ย
นางเว่ยถูกผู้าุโะโใส่ ในสมองจึงรู้สึกว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก
หากนางบอกไปมีหวังวังหลวงต้องรู้เื่ที่นางทำกับว่าที่พระชายาขององค์ชายสามเป็แน่ ไหนจะเื่ที่ขับไล่ออกจากจวนแม่ทัพอีก เื่นี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้
“...ไม่...ไม่ต้องตามหาข้าขอรับ”
ในเวลานั้นเอง เสียงนุ่มนวลของหลินหร่านก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู
ทุกคนล้วนพากันจ้องมองไปที่หลินหร่านทันที
--------------------------