“อืมไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มได้ข่าวมาจากไหนเหรอ” มู่ชิงไป๋ชะงักไปความจริงแล้วพู่กันด้ามนี้เป็ของดีทว่าที่มาไม่ค่อยดีนักเพื่อนที่ชอบเครื่องประดับคนหนึ่งได้มาจากตลาดมืดตัวเขาเองก็ซื้อมาในราคาสูง นอกจากคนคุ้นเคยในวงการไม่กี่คนแล้วเกรงว่าคนนอกจะไม่มีทางรู้
“ในยุทธภพล้วนไม่มีความลับในเมื่อคุณปู่ทำการค้าก็เอามาให้พวกผมดูหน่อยสิ”กัวไฮว่หรี่ตาพูดข่าวมาจากที่ไหนน่ะหรือ ข้าจะไปบอกได้อย่างไรว่าข้ารู้สิ่งที่เ้าคิดอยู่ในใจ
“ฮ่าๆ น่าสนใจนี่รอหน่อยนะพ่อหนุ่มเดี๋ยวฉันมา” มู่ชิงไป๋พูดพลางเดินเข้าไปข้างในร้านอีกครั้งไม่นานก็เดินออกมาพร้อมมีพู่กันสิบกว่าด้ามถืออยู่ในมือ
“เหมือนที่พ่อหนุ่มบอกนั่นแหละทำการค้าในเมื่อพ่อหนุ่มเองก็รู้ที่มาของพู่กันด้ามนี้ฉันก็จะไม่ปิดบังล่ะนะ”มู่ชิงไป๋ก็เอาพู่กันในมือมาวางเรียงรายอีกครั้ง “หนึ่งในด้ามนั่นฉันจ่ายไปสามแสนพวกเธอเลือกเอาเถอะ ถ้าเลือกถูกพวกเธอก็ได้ของไปถ้าเลือกไม่ถูกฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะแบบนี้ดีไหมพ่อหนุ่ม”
“ฮ่าๆ คุณปู่เ้าแผนการจริงๆ เลือกหนึ่งในสามสิบน่าสนใจดีนี่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่เราไม่เอาพู่กันนั่นแล้วดีไหมเราซื้อแท่นหมึกกันเถอะท่านปรมาจารย์ไม่สนใจของพวกนี้หรอก”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ สามแสนน่ะเธอจ่ายได้ทว่าถ้าเลือกไม่ถูกกัวไฮว่จะต้องเสียหน้าเอา
“พ่อหนุ่มยั้งมือตอนนี้ยังไม่สายนะ ถ้าไม่พนันฉันก็เก็บพู่กันกลับมาแล้วเดี๋ยวลดราคาแท่นหมึกให้”มู่ชิงไป๋พูดด้วยความพออกพอใจ
“คุณปู่นี่บัตรเอทีเอ็มคุณรูดไปก่อนเลย สามแสนเดี๋ยวไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิดก็เป็เื่ของผม”กัวไฮว่พูดพลางส่งบัตรเอทีเอ็มให้มู่ชิงไป๋
“ยายหนูเวยเวยครั้งนี้ฉันเจอปรมาจารย์เป็ครั้งแรก เงินนี่ฉันจ่ายเองของก็ถือว่าฉันเป็คนซื้อเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่พู่กันหลายด้ามนี่ฉันเคยเห็นแล้วด้ามที่สามกับด้ามที่เจ็ด ในนั้นเป็พู่กันแกะสลักไม้ไผ่จากยุคสาธารณรัฐด้ามที่ห้ากับด้ามที่สิบน่าจะเป็ของสมัยราชวงศ์ชิงอันอื่นฉันจำไม่ได้น่าจะทำให้ดูเก่าฉันดูไม่ออก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา
“ยายหนูเก่งนะเนี่ยคัดออกไปได้ตั้งสี่ด้าม ช่างเถอะเลือกหนึ่งในเก้าฉันเสียเปรียบแล้วล่ะ”แม้ปากมู่ชิงไป๋จะพูดเช่นนั้นทว่าในใจยังรื่นรมย์ยินดี
กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้า เขาไม่ได้หยิบพู่กันบนโต๊ะไปเพียงแต่พินิจมองแต่ละด้าม
“พ่อหนุ่มเป็ไงถ้าไม่เลือกอีกฉันจะไล่แกออกจากร้านแล้วนะ” ประมาณสิบนาทีมู่ชิงไป๋ก็ถือกาน้ำชาในมือเดินเข้ามาพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ประหลาดประหลาดจริงๆ พู่กันเก้าด้ามมาจากปลายวงศ์ิต้นราชวงศ์ชิงห้าด้ามราคาไม่ถูกเป็สินค้ายุคใกล้สองด้ามแต่ว่าก็เป็ของที่ปรมาจารย์ทำออกมา เมื่อดูจากวัสดุแล้วก็วิธีทำให้ดูเก่าแล้วเรียกได้ว่าล้วนแต่เป็ของชั้นดีเทียบได้กับพู่กันแกะสลักไผ่ของสมัยจักรพรรดิว่านลี่ได้เลย”
“อีกสองด้ามล่ะ” มู่ชิงไป๋ถามตามสัญชาติญาณ
“สองด้ามที่เหลือเป็พู่กันสลักไม้ไผ่ของจักรพรรดิว่านลี่ อันหนึ่งเป็ลายบุปผาปักษาอีกอันเป็ลายมวลบุปผา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มก็มีหลักการดีนะอยากได้คำชี้แนะจากฉันหน่อยไหม” มู่ชิงไป๋พูดอย่างแสร้งทำเป็ใจเย็น
“จะว่าไปผมว่าด้ามนี้ก็สะดุดตาดีนะ ไม่ว่าจะใช่ด้ามนี้ไหมก็จะเลือกด้ามนี้”มือของกัวไฮว่วางไว้บนพู่กันด้ามหนึ่ง
“คุณปู่ไม่ต้องห่อให้หรอกพู่กันนี่ผมเอาไปแล้วนะฮ่าๆ “กัวไฮว่ยิ้มพลางดึงมือมู่หรงเวยเวยเดินออกไปข้างนอก
“รอก่อนพ่อหนุ่มรอก่อน” ในขณะที่มู่ชิงไป๋วางมือไว้บนพู่กันด้ามแรกในใจพลันว่างเปล่าตระหนกใพู่กันนั่นเขาจ่ายเงินซื้อไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแม้ครั้งนี้จะราคาสามหมื่น ทว่าสำหรับคนที่มีงานอดิเรกเป็การเขียนพู่กันแล้วในบรรดาสมบัติทั้งสี่[1]พู่กันมักจะเป็อันดับหนึ่งใครมันจะยินดีเสียพู่กันดีๆไปด้ามหนึ่งกันล่ะ
“ทำไมคุณปู่เสียใจแล้วเหรอ” กัวไฮว่หยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาถาม
“กล้าพนันก็กล้ารับผลไม่อะไรให้เสียใจหรอก แต่ว่าไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มจะเอาพู่กันด้ามนี้ให้ใครเหรอ”มู่ชิงไป๋ถามขึ้นเสียงเบา
“คุณปู่มู่นี่ออกจะเกินขอบเขตการทำการค้าของปู่แล้วนะคะ” กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูด มู่หรงเวยเวยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาแม้จะเสียงไม่ดังทว่ามู่ชิงไป๋ก็สามารถฟังออกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็โทษตัวเขาเองถ้าตอนนั้นตั้งราคาขายให้พวกเขาก็แล้วไปทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย
“ขอโทษด้วยนะคราวหน้าเชิญทั้งสองคนมาอีกล่ะ” พูดจบมู่ชิงไป๋ก็มองทั้งสองคนเดินออกไปไกล
“น่าเกลียดจริงๆ” มู่หรงเวยเวยยู่ปากพูด “ที่ว่ากันว่าแก่แล้วไม่ตายจะกลายเป็ขโมยเมื่อก่อนไม่ได้คิดตอนนี้พบว่าน่าจะจริง”
“ฮ่าๆ ไม่คิดเลยว่าคุณหนูมู่หรงเวยเวยของเราจะโกรธด้วย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แต่ก็ว่าตาแก่มู่นั่นไม่ได้พู่กันด้ามนี้เขาซื้อมาแสนห้าถ้าเอาไปขายในงานประมูลน่าจะประมูลได้สักประมาณแปดแสน”
“พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าพู่กันด้ามนี้เป็พู่กันด้ามที่เขาได้มา อีกอย่างทำไมพี่ถึงรู้ว่าเขามีพู่กันแบบนี้ล่ะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงค่อย
“เพราะฉันรู้น่ะสิว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจฮ่าๆ “กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ก็เหมือนกับที่เวยเวยคิดอยู่ในใจไงว่าพี่ไฮว่โม้อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของกัวไฮว่มู่หรงเวยเวยก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมา เพราะกัวไฮว่ทายความคิดเมื่อสักครู่ของเธอถูก
“พี่ไฮว่ท่านปรมาจารย์ชอบความสงบเดี๋ยวไปถึงที่นั่นพี่ต้องฟังฉันนะ”ทั้งสองเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นเสียงเบา
“อืมจะเชื่อฟังเธอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แต่ว่าถ้าปรมาจารย์เจอฉันกลัวว่าจะไม่ชอบความสงบแต่ไปชอบเหล้าแทนน่ะสิฮ่าๆ“
“ดูพูดเข้าทำอย่างกับท่านปรมารจารย์โลภมาก” มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆอย่างยากจะหาได้ “ถ้าท่านปรมาจารย์ให้พี่วิจารณ์งานของเขา ดูออกเท่าไหร่ก็พูดไปเท่านั้นนะอย่าพูดมั่วเด็ดขาด”
“วางใจเถอะฉันรู้หรอกน่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทั้งสองคนพูดไปยิ้มตลอดทางจนเดินถึงหน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่
“ที่นี่แหละฉันไปเคาะประตูนะ” มู่หรงเวยเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูใหญ่เบาๆสามครั้ง
“สวัสดีค่ะอู๋มา คุณปู่อยู่ใช่ไหมคะ” ผู้ที่เปิดประตูคือผู้หญิงอายุราวห้าสิบปีท่านหนึ่งใส่ชุดเรียบง่ายใบหน้ายิ้มแย้ม
“เวยเวยนายท่านบ่นว่าเธอจะมาั้แ่เช้าแล้วรีบเข้ามาเร็วเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันทำของอร่อยๆให้เธอกินนะ” อู๋มาพูดยิ้มๆ “วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอเข้ามาด้วยกันสิอย่ายืนนิ่งอยู่นอกประตูอยู่เลย”
“เวยเวยเมื่อวานนายท่านไปโรงเรียนของพวกเธอมาทำไม เธอไม่ดูแลกันหน่อยล่ะ ดื่มเหล้าไปไม่น้อยเลยแต่ยังดีนะกินเหล้าไปครั้งนี้ไม่ได้พูดจามั่วซั่วหมอก็มาตรวจดูอาการแล้วไม่เป็ไร” อู๋มาพูดยิ้มๆ
“ฉันพาผู้ร้ายมาแล้วค่ะเหล้านี่เขาเป็คนให้คุณปู่กินเอง” มู่หรงเวยเวยพูดพลางชี้ไปทางกัวไฮว่ที่อยู่ด้านหลัง
“สวัสดีครับอู๋มา ครั้งนี้รีบมาเลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาให้เลย หลายวันก่อนผมซื้อของเล่นมาจากร้านถนนขายของโบราณสายหนึ่งผมให้อู๋มานะครับเอาไปให้หลานชายเถอะ เถ้าแก่ที่ขายของชิ้นนี้บอกไว้ว่าของนี่เป็สิ่งมงคลขับไล่มาร”กัวไฮว่พูดแล้วยื่นเครื่องห้อยเ้าแม่กวนอิมให้อู๋มา
[1] สี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือประกอบไปด้วยพู่กันกระดาษจานฝนหมึกและหมึก