แม้ตอนนี้ทุกอย่างมันจะดูแปลกและดูน่าพิศวงไปเสียหมด เนื่องจากท่าทีที่เปลี่ยนไปของพอร์ตราวกับเป็คนละคนกันกับเมื่อตอนก่อนหน้านี้ แต่เจแปนก็ยังเลือกที่จะเมินเฉยต่อสัญชาตญาณของตัวเองอยู่ดี
“คิดถูกแล้วใช่ไหมที่คิดจะทำแบบนี้” เวลาต่อมา หลังถูกอีกคนอุ้มมายังเตียงนอนแล้ว เจแปนก็เอ่ยถามแฟนหนุ่มเสียงแ่ เมื่อเขา้าความมั่นใจจากอีกคน
“ถามแปลก… เราก็ต้องแน่ใจแล้วสิ ถึงได้ย้อนกลับมาหาอีกครั้ง” พอร์ตตอบกลับมา พลางใช้นิ้วชี้เกลี่ยเส้นผมที่ติดอยู่ข้างแก้มของเจแปนออกให้แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน พร้อมพูดไปด้วย “แต่ว่าเราขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม?”
“จะขออะไรเหรอ?” เจแปนถามกลับทันที
“ระหว่างที่เรามีอะไรกัน แปนเรียกเราว่าพัตเตอร์ได้หรือเปล่า?”
“ฮ—ฮะ?” เพียงแค่ได้ยินอีกคนพูดในสิ่งที่้าออกมา เจแปนก็ถึงกับส่งเสียงร้องอย่างลืมตัว เนื่องจากเขากำลังไม่เข้าใจเหตุผลของพอร์ตว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องให้เขาเรียกเ้าตัวว่าอย่างนั้นด้วย
“แล้วทำไมเราต้องเรียกพอร์ตว่าพัตเตอร์ด้วยล่ะ” เจแปนถามออกไปอย่างที่ใจนึก
“ก็เพราะเราชอบชื่อนี้มากกว่าไง” อีกฝ่ายให้เหตุผลกลับมาพร้อมอธิบายต่อ “เอาจริง ๆ เราไม่ค่อยชอบชื่อของเราหรอกนะ เราชอบชื่อนี้มากกว่าแต่เพราะทุกคนรู้จักชื่อของเราแล้ว เราเลยต้องปล่อยไปตามนั้น ไม่อยากเปลี่ยนให้มันวุ่นวาย”
“แล้วทำไมต้องให้เราเรียกว่าพัตเตอร์เฉพาะตอนที่มีอะไรกันด้วย?”
“เจแปนอย่าถามมากได้ไหม เราบอกให้เรียกยังไงก็ตามนั้นสิ”
“…”
“…นะ” พอร์ตพูดต่อเสียงแ่ คล้ายกับอีกฝ่ายเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอแสดงท่าทีบางอย่างออกมา
“ก็ได้ ถ้า…ถ้าพัตเตอร์้าอย่างนั้น” เจแปนตอบกลับไปทั้งคิ้วขมวด เมื่อเขารู้สึกไม่ค่อยชินปากเวลาที่เรียกคนรักแบบนี้เลย ซึ่งก็อาจเป็เพราะตลอดหกปีที่ผ่านมาเจแปนก็เรียกว่าพอร์ตมาโดยตลอดแหละมั้ง
“แต่ว่าเราไม่ค่อยชินปากเลยแฮะ” เจแปนเอ่ยขึ้นอีกครั้งตามที่รู้สึก
“เรียกบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ เพราะเราชอบนะตอนที่ได้ยินคำว่าพัตเตอร์ออกมาจากปากของเจแปน” อีกฝ่ายว่า ขณะที่สายตาของเ้าตัวกำลังจับจ้องที่ริมฝีปากของเจแปนตาไม่กะพริบ ทำเอาคนที่กำลังถูกมองและถูกขึ้นคร่อมร่างเอาไว้รู้สึกหน้าเห่อร้อน
ทั้งที่เมื่อตอนก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะผ่านการมีปากเสียงและทะเลาะกันมา
“พวกเราจะเริ่มกันเลยไหม” พัตเตอร์ถาม
“เื่แบบนี้ใครเขาถามกันเล่า…” เจแปนตอบ ซึ่งยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น คนรักของเจแปนก็โน้มหน้าลงมาประกบจูบกัน เหมือนทนไม่ไหวอีกต่อไป
นี่มันไม่ใช่ััที่คุ้นเคยเลยแม้แต่นิด หลังถูกพอร์ตหรือว่าพัตเตอร์ประกบจูบ เจแปนที่คุ้นเคยััของคนรักเป็อย่างดี ก็เผลอย่นคิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจูบกับคนแปลกหน้าอยู่ จนทำให้เจแปนต้องรีบทุบแผ่นอกของอีกคน เพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายผละตัวออกไปก่อน
“เป็อะไร?” หลังถอนจูบออกไปแล้ว อีกฝ่ายก็ถามอย่างไม่เข้าใจและดูหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ถูกเจแปนต่อต้านเช่นนี้
“…”
“แปนไม่้าเซ็กซ์จากเราแล้วเหรอ?” อีกฝ่ายถามต่อ เมื่อเห็นว่าเจแปนยังคงนอนเงียบ แต่ว่าสาเหตุที่เจแปนเงียบไปนั้น นั่นก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป แต่มันเป็เพราะเจแปนกำลังใช้เวลานั้นสำรวจเครื่องหน้าของอีกคนต่างหากว่าใช่แฟนหนุ่มของตัวเองรึเปล่า
หรือว่าเป็แค่คนหน้าคล้ายแล้วมาสวมรอยเพื่อปั่นหัวกัน
“…เจแปน” คราวนี้อีกฝ่ายเรียกชื่อกัน หลังเจแปนไม่ทำเพียงแค่สำรวจด้วยตาเปล่าแล้ว แต่เขายังใช้มือจับเข้าที่ปลายคางของคนรัก แล้วกวาดสายตามองหาขี้แมลงวันของพอร์ตที่เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายมีมันอยู่ข้างขมับซ้าย
ก็มีตำหนิเหมือนกันนี่ แต่ทำไมััถึงเหมือนคนละคนเลยล่ะ เจแปนตบตีกับตัวเองในใจ ก่อนที่ต่อมาเขาจะถูกดึงความสนใจโดยคนรัก เมื่อถูกอีกฝ่ายจูบแรง ๆ ที่ข้อมือข้างที่เขาใช้จับปลายคางของเ้าตัว
“นี่อย่าบอกนะ…ว่ากำลังนึกว่าไม่ใช่แฟนของตัวเอง?”
“อืม” เจแปนพยักหน้ายอมรับและพูดต่อ “จูบเมื่อกี้เหมือนเป็คนละคนเลย”
“รู้สึกไปเองทั้งนั้น เราก็ยังเป็เรานั่นแหละ”
“แต่ว่า…”
“แล้วเจออะไรไหมล่ะ? เมื่อกี้แปนก็พลิกดูตำหนิของเราไม่ใช่เหรอ แล้วมันมีจุดไหนที่หายไปหรือเปล่า?” อีกฝ่ายรีบพูดแทรกขึ้น เหมือนไม่้าฟังเหตุผลของเจแปน
“ไม่มีจุดไหนที่หายไป…” เจแปนตอบกลับไป
“ก็นั่นไงล่ะ แค่เท่านี้มันก็ชัดเจนแล้วหรือเปล่าว่าเจแปนรู้สึกไปเองทั้งนั้น”
“…”
“ส่วนตอนนี้เรามาสานต่อจากเมื่อกี้กันเถอะ ก่อนที่เราจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” อีกฝ่ายเอ่ย และโน้มหน้าลงมาจูบประทับที่ปลายคางของเจแปนเบา ๆ แล้วค่อยไล่ััไปยังส่วนอื่นของร่างกายอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเจแปนก็พยายามจะบอกตัวเองว่าเขารู้สึกไปเองจริง ๆ
นี่คือคนรักของเขาที่คบหากันมาหกปี ไม่ใช่ใครอื่นอย่างที่ร่างกายเขารู้สึก
เนื่องจากนี่มันเป็ครั้งแรกที่เจแปนจะได้มีอะไรกับคนรัก นั่นจึงทำให้เขารู้สึกสั่นประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเจแปนก็มีอาการใจเต้นแรงและขนลุกชันทุกครั้ง เวลาที่เขากำลังถูกคนรักสำรวจร่างกายตรงส่วนนั้นส่วนนี้ของตัวเอง แถมใบหน้าของเขาก็เห่อร้อนราวกับโดนพิษไข้เล่นงาน เพียงเพราะเห็นสายตาของคนรักว่ากำลังมองเรือนร่างกันด้วยสายตาแบบไหน
“มีของดีอยู่ข้างตัวขนาดนี้ แต่ทำไมถึงมองข้ามไปได้นะ”
“…”
“ไอ้พอร์ตนี่มันโง่จริง ๆ” ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองนวลภายในห้อง คนรักของเจแปนก็พูดขึ้น แต่ทว่าคำพูดนั้นมันกลับทำให้คนฟังรู้สึกตงิดใจอีกครั้ง
“นี่กำลังด่าตัวเองอยู่หรือไง” เจแปนถาม
“เปล่าสักหน่อย” อีกฝ่ายเถียงกลับมาพลางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อสบตากับเจแปนแล้วค่อยพูดต่อ “เพราะตอนนี้เราชื่อพัตเตอร์ต่างหาก ไม่ได้ชื่อพอร์ตสักหน่อย”
“เฮ้อ ช่วยหยุดพูดจาที่ทำให้เรางงสักทีเถอะ” เจแปนบอกกลับไป และในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็กำลังทำหน้าเหยเก มีอาการหายใจติดขัดเล็กน้อย เนื่องจากเขากำลังถูกคนรักใช้มือรูดรั้งตรงส่วนกลางลำตัวให้กันอยู่ เหมือน้าปลุกเร้าทำให้เจแปนมีอารมณ์มากถึงมากที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้เริ่มทำอะไร ๆ ต่อจากนี้
“ถ้าแปนงงมากนัก ก็ปล่อยไปสิ จะมาพยายามทำความเข้าใจให้ตัวเองปวดหัวไปทำไม”
“…”
“เพราะเดี๋ยวพอเวลาผ่านไป เจแปนก็เข้าใจอะไร ๆ ในวันนี้เองแหละ” อีกฝ่ายตอบกลับมาและลงน้ำหนักมือให้หนักกว่าเดิม คล้ายจะแกล้งให้เจแปนรู้สึกทรมานเพราะความเสียว ซึ่งมันก็ได้ผลเสียเหลือเกิน เพราะทันทีที่เจแปนถูกกระทำแบบนั้นด้วยน้ำหนักมือที่มากขึ้น และมีความถี่เร็วกว่าเดิม นั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถนอนอย่างนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป
“อ—อ๊ะ เราเสียว” เจแปนเอ่ยเสียงพร่าตามแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นขึ้น
“เดี๋ยวจะได้เสียวกว่านี้อีก …เชื่อมือเราสิ” อีกฝ่ายบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมโน้มหน้าลงมาจุ๊บที่ต้นขาอ่อนของเจแปนจนเกิดเสียง
เนื่องจากััที่เจแปนกำลังได้รับจากคนรักในเวลานี้มันค่อนข้างดีมาก เหมือนคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน นั่นจึงทำให้ความคิดบางอย่างที่ไม่ควรจะผุดขึ้นมาในเวลานี้เกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ตามประสาคนที่คิดมากกับเื่นี้เป็ทุนเดิมอยู่แล้ว
“เราน่ะ…รักเจแปนมากเลยนะ” ขณะที่กำลังััร่างกายกัน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็บอกรักแบบไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน เหมือนเ้าตัวรู้ว่าเจแปนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว ระหว่างที่เขากำลังโดนความเสียวเข้าเล่นงาน
“…”
“ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เราปล่อยให้เจแปนเสียใจมาตั้งนาน แต่ต่อจากนี้ไป…มันจะไม่มีวันที่เจแปนเสียใจอีกแล้วนะ” อีกฝ่ายว่า พร้อมเคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างกันไว้อีกครั้ง เพื่อที่เ้าตัวจะได้ััร่างกายกันอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่านี้
“พูดจริงหรือเปล่า? ถ้าจะให้สัญญาแต่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้ เราว่าก็อย่าพูดมันออกมา น่าจะดีกว่านะ” เจแปนบอกกลับไปเสียงนิ่ง และสบกับดวงตาคมที่เขาคอยตกหลุมรักมานานหลายปีไปด้วย
“เราพูดจริง ๆ”
“…”
“เพราะเราตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำให้เจแปนเสียใจอีกต่อไป”
ราวกับเป็คำพูดศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เจแปนต้องหยุดฟัง เพราะพอเขาได้ยินเช่นนั้น เจแปนก็พยายามจดจำประโยคนี้เอาไว้ในหัวว่าวันนี้คนรักของเขาได้พูดแบบนี้เอาไว้ ซึ่งถ้าหากในอนาคตคนรักของเขามีการทำให้เจแปนรู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์นี้อีก
พอถึงตอนนั้น…ต่อให้เจแปนรักพอร์ตและเสียดาย่เวลาดี ๆ ที่เคยผ่านมามากแค่ไหน เห็นทีความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็คงต้องขาดสะบั้นลง
“ให้คำสัญญากันแล้วนะ เพราะงั้นช่วยรักษาคำพูดด้วยก็แล้วกัน… อย่าทำให้เราเสียใจอีก” เจแปนบอกกลับไป จากนั้นทั้งสองก็เริ่มประกบจูบกันอีกครั้งตามแรงอารมณ์ที่มี
ยิ่งถูกคนรักััร่างกายกันมากเท่าไร เจแปนก็ยิ่งรู้สึกมีอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น
“เจแปนช่วยครางชื่อเราหน่อยสิ เราอยากได้ยินมันอีก”
“พอร์ต…”
“ไม่ใช่ชื่อนั้นสิ”
“…”
“เราบอกว่ายังไงจำไม่ได้แล้วเหรอ” ระหว่างที่กำลังนอนแยกขาเป็รูปตัวเอ็ม เพื่อให้คนรักได้สอดกายเข้ามากลางหว่างขาเป็ระยะ เสียงสนทนาระหว่างคู่รักมาราธอนก็ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อคนรักของเจแปนมีการอ้อนวอนขอให้เขาเรียกชื่อใหม่ของเ้าตัว
“เออ… พัตเตอร์ก็พัตเตอร์วะ แต่ว่าช่วยให้เวลาเราหน่อยสิ เพราะเราบอกไปแล้วไงว่ายังไม่ชินปาก” เจแปนบอกกลับไป เมื่อเขาเองก็เริ่มหัวเสียเหมือนกันที่ถูกคนรักของตัวเองทำท่าทีหงุดหงิดใส่ ทั้งที่เจแปนก็บอกไปแล้วว่าเขาขอเวลาหน่อย
“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายรีบบอกกลับมา หลังเห็นว่าเจแปนก็เริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำเหมือนกัน
“ช่างมันแล้วกัน …พัตเตอร์” เจแปนตอบกลับไป จากนั้นทั้งสองถึงค่อยกลับมาให้ความสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่ โดยในระหว่างที่พัตเตอร์กำลังขยับกายเข้าออกในร่างของเจแปนอยู่เป็ระยะ เขาก็มีอาการเม้มปากแน่นพร้อมพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง เพื่อระบายความรู้สึกที่กำลังก่อตัวอยู่ภายใน
ปกติแล้ว เวลาที่เจแปนมีความ้าตามธรรมชาติ เขาก็มักจะจัดการตัวเองด้วยมือกับส่วนหน้าของตัวเองมาโดยตลอด แต่พอวันนี้เขากำลังถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาในร่างอยู่เป็ระยะ เจแปนจึงรู้สึกว่านี่เป็ััที่แปลกใหม่ ทำให้เขารู้จักโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ถ้าเสียวก็ร้องออกมาเลย ไม่ต้องเก็บไว้” พัตเตอร์ว่า คล้ายกับเ้าตัวรู้ว่าเจแปนกำลังทรมานมากแค่ไหนที่ต้องเก็บกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้
“ไม่เอา มันน่าอาย” เจแปนตอบกลับไปอย่างดื้อรั้น
“หรือว่าจะให้เราทำให้แปนร้องเอง”
“…”
“เราทำให้ได้นะ” สิ้นเสียงของพัตเตอร์ อีกฝ่ายก็ใช้มือทั้งสองข้างจับสะโพกของเจแปนให้มั่นแล้วส่งแรงกระแทกเข้ามาในร่างด้วยจังหวะที่หนักแน่นและดุดันกว่าเดิม ทำเอาคนที่เป็ฝ่ายรับและกำลังสั่นไหวตามแรงกระแทกนั้นถึงกับเผลอส่งเสียงร้องออกมาอย่างอดไม่ไหว
“อ๊ะ…อ๊า พัตเตอร์ พอ!” เจแปนเอ่ย พลางแอ่นแผ่นอกขึ้นเล็กน้อยตามแรงอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งการกระทำของเขา มันก็ทำให้พัตเตอร์ถือโอกาสนั้นในการโน้มหน้าลงมาใกล้ เพื่อพรมจูบตามแผ่นอกของเจแปน
“แต่ก็ชอบไม่ใช่เหรอ แล้วจะให้หยุดทำไม?” อีกฝ่ายถามกลับมา ระหว่างที่กำลังใช้ริมฝีปากพรมจูบไปทุก ๆ ตารางผิวของเจแปนเท่าที่อีกฝ่ายจะสามารถลากไปถึงได้ โดยในเวลาเดียวกันส่วนล่างของทั้งสองก็ยังโหมกระหน่ำใส่กันไม่ยอมหยุด
เวลานี้เจแปนได้รู้แล้วว่าทำไมผู้คนถึงพากันฝักใฝ่ในรสปรารถนานัก
ยิ่งเวลานี้เขากำลังมีอะไรกับคนที่ตัวเองรัก ดื่มด่ำไปกับรสชาติของเซ็กซ์พร้อมอีกฝ่าย เจแปนก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้คนเ่าั้มากขึ้น แม้ว่าความรู้สึกที่กำลังก่อตัวในตอนนี้ มันจะเป็ความรู้สึกดีและรู้สึกทรมานไปพร้อม ๆ กันก็ตาม
ขณะที่กำลังนอนอ้าขาแล้วให้พัตเตอร์เป็คนจัดการทุกอย่างเอง เจแปนก็คอยมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอยู่เป็ระยะ พร้อมใช้มือลูบไล้กล้ามหน้าท้องอันสมบูรณ์แบบของพัตเตอร์ไปด้วย ซึ่งเวลานี้พอเขาได้ถูกคนรักเติมเต็มให้และได้นอนมองใบหน้าหล่อ ๆ นั้นในระยะใกล้ชิด เจแปนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใช้ชีวิตอยู่บนสรวง์ยังไงก็ไม่รู้
“ชอบมากเลยเหรอ? เห็นลูบกล้ามหน้าท้องเราไม่ยอมหยุดเลย” อีกฝ่ายถาม
“ชอบสิ ถ้าไม่ชอบเราก็คงไม่ลูบหรอก” เจแปนตอบกลับไปพร้อมคว้าหมับเข้าที่ต้นคอของคนรัก เมื่อเขานึกอยากจูบอีกครั้ง ทว่าจนตอนนี้เจแปนก็ยังรู้สึกว่าััของอีกฝ่ายมันช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เหมือนเจแปนกำลังจูบกับคนแปลกหน้ายังไงก็ไม่รู้
“เอาล่ะ เดี๋ยวเรามาลองท่าใหม่กันนะ” พัตเตอร์พูดขึ้นเสียงพร่า เมื่อเ้าตัวอยากให้เจแปนลองเปลี่ยนไปอยู่ท่าใหม่ดูบ้าง ซึ่งท่าใหม่ที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นมันก็คือท่าคลานเข่าสี่ขา และให้เจแปนหันหลังให้กับคนรัก
“เมื่อกี้รู้สึกยังไงบ้าง?” อีกฝ่ายกระซิบถามข้างใบหู หลังทั้งสองได้จัดท่าทางใหม่พร้อมที่จะสอดใส่กันอีกครั้งแล้ว
“ก็ดี” เจแปนตอบเพียงสั้น ๆ ขณะที่พวงแก้มทั้งสองข้างก็กำลังแดงปลั่งราวกับลูกมะเขือเทศสุก
“อะไรกัน…เราอุตส่าห์ตั้งใจทำขนาดนี้ ได้แค่ก็ดีเองเหรอ?” พัตเตอร์ถามอีกหน พลางจูบพรมตามลาดไหล่ของเจแปนคล้ายกับรักใคร่กันนักหนา ก่อนจะว่าต่อ “ถ้าแปนพูดแบบนี้ แล้วเราจะมีแรงใจเอาต่อได้ยังไง”
“นี่แกล้งเหรอ” เจแปนหันหน้ากลับไปถาม
“แกล้งอะไรครับ?” พัตเตอร์ถามกลับมาทั้งหน้างง
“ก็แกล้งให้เราต้องพูดออกมาแบบตรง ๆ ไง พัตเตอร์ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้เรากำลังอายอยู่นะ!”
“ฮ่า ๆ แล้วจะอายทำไมล่ะ ในเมื่อเราก็คบกันมานานขนาดนี้ แถมตอนนี้ก็เป็ผัวเมียกันแล้วด้วย” อีกฝ่ายถามกลับมาพร้อมกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เหมือนเ้าตัวกำลังอารมณ์ดีเหลือเกิน และหลังจากที่พัตเตอร์พูดจบ อีกฝ่ายก็ทำการสอดใส่เข้ามาในร่างอีกครั้งพร้อมให้เจแปนครางชื่อใหม่ของเ้าตัวไปด้วย
“ว่าแต่ว่าเจแปนชอบแบบเร็ว ๆ หรือว่าช้า ๆ?” ระหว่างที่กำลังสอดใส่และขยับกายเข้าออกอย่างเป็จังหวะ คนรักของเจแปนก็มีการกระซิบถามความรู้สึกของกันที่ข้างใบหู พร้อมพรมจูบตามแนวกระดูกสันหลังของเจแปนไปด้วย
“ชอบแบบช้า ๆ” เจแปนบอกความ้าของตัวเองออกไป พร้อมพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ตามแรงปรารถนาที่กำลังสร้างความปั่นป่วนให้แก่เขา
โดยหลังจากที่เจแปนบอกความ้าของตัวเองไปแล้ว คนรักของเขาก็มีการผ่อนปรนจังหวะลงให้มันได้ตามที่เจแปน้า และถึงแม้พอร์ตจะผ่อนจังหวะลง แต่มันก็ยังแฝงไปด้วยความดุดันและสอดใส่เข้าสุดออกสุดทุกครั้ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ เสียงของเจแปนจึงดังขึ้นอีกหน เมื่อเขารู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว
เจแปนใกล้จะถึงฝั่งฝันอยู่รอมร่อ..
“พัต… พัตเตอร์ เราว่าเราจะเสร็จแล้วว่ะ” หลังเวลาล่วงเลยไปได้พักใหญ่ เจแปนที่ยังคงอยู่ในท่าคลานเข่าสี่ขาก็ตัดสินใจหันไปบอกกับคนรักตามจริง เมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะถึงฝั่งฝันแล้ว
“เพิ่งทำกันไปได้ไม่เท่าไรเอง ก็จะเสร็จแล้วเหรอ” อีกฝ่ายถามข้างใบหู
“ก—ก็ท่านี้มันลึก” เจแปนบอกกลับไปตามความรู้สึกในขณะนี้ จากนั้นเขาก็เป็ฝ่ายเปลี่ยนท่าเองด้วยการหันหน้ากลับไปหาพัตเตอร์อีกครั้ง และเป็ฝ่ายโผเข้ากอดอีกฝ่ายเสียก่อน เหมือน้าความอบอุ่นจากคนรักระหว่างที่เขาใกล้จะเสร็จตามแรงอารมณ์
“งั้นไม่เป็ไร เดี๋ยวเราช่วยเอง” พัตเตอร์พูด พร้อมตวัดแขนโอบกอดรอบเอวของเจแปนเอาไว้ให้มั่น เพื่อที่เ้าตัวจะได้สอดใส่เข้ามาในร่างอีกครั้งแบบไม่เสียจังหวะ
ซึ่งในระหว่างที่ทั้งสองต่างกำลังให้ความสนใจกับส่วนล่างที่เชื่อมกันอยู่นั้น คิ้วเรียวของเจแปนก็ต้องขมวดเป็ปมอีกหน เพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นเงาตามตัวของคนรัก
เช้าวันต่อมา
หลังเจแปนรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ค้นพบว่าตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่เพียงลำพังทั้งสภาพเปลือยเปล่า และอีกคนก็หายไปไหนก็ไม่รู้
“ออกไปั้แ่ตอนไหน ทำไมถึงไม่เห็นบอกกันเลย” เมื่อลุกขึ้นได้ เจแปนก็พูดกับตัวเองเสียงแ่ด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เนื่องจากเขานึกว่าตัวเองจะได้ตื่นมาทั้งที่ยังมีพอร์ตนอนอยู่ข้างกาย ทว่าความเป็จริงมันมักจะโหดร้ายเสมอ เพราะมีเพียงแค่หมอนข้างเท่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ กัน ส่วนคนรักของเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“สงสัยมีธุระด่วนแหละมั้ง เลยต้องรีบออกไปแบบนั้น” เจแปนพึมพำต่อ จากนั้นเขาถึงค่อยพาตัวเองลุกลงจากเตียงอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งทันทีที่เขาลงน้ำหนักตัวและยืนตรง เจแปนก็เผลอขมวดคิ้วเข้าหากันตามความรู้สึกของเขาที่ในตอนนี้เขารู้สึกเจ็บร้าวตรง่ล่างของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
และสาเหตุที่เขาเป็เช่นนี้ก็คงเป็เพราะกิจกรรมเมื่อคืน
“เราเป็ฝ่ายเว้าวอนอยากได้จากเขาเอง เพราะงั้นต้องห้ามโวยวาย” เจแปนพูดกับตัวเองเสียงเบาหวิว พร้อมค่อย ๆ พาตัวเองเดินไปยังห้องน้ำอย่างระมัดระวัง
เมื่ออาบน้ำและจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เจแปนที่อยู่ในชุดสบาย ๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้มีธุระที่ไหนก็เดินลงไปที่ชั้นล่างของคอนโด เพราะมีร้านอาหารตามสั่งเ้าอร่อยเปิดขายอยู่
“อ้าว…เจแปน”
“อ้าว ทำไมเป้ยถึงมาอยู่นี่อ่ะ” ระหว่างที่กำลังยืนกอดอกคอยอาหารอยู่หน้าร้าน เจแปนก็หันไปตามเสียงนั้นก่อนที่เขาจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงใเล็กน้อย เมื่อคนที่เดินเข้ามาทักนั้นเป็เพื่อนในคณะของเขาเอง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก
“อ๋อ พอดีเราย้ายมาอยู่หอแถวนี้อ่ะ” เป้ยตอบกลับมาทั้งรอยยิ้ม
“แล้วย้ายมาอยู่นานหรือยัง”
“เพิ่งย้ายมาเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ตอนนี้กำลังอยู่ใน่สำรวจว่าแถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้าง”
“ร้านอาหารตามสั่งเ้านี้ก็อร่อยนะ เราแนะนำ” เจแปนตอบกลับไป ทำเอาแม่ค้าที่กำลังทำรายการอาหารของเขาถึงกับฉีกยิ้มกว้าง
“เออ… เราเพิ่งนึกได้ นี่แฟนของเจแปนคือพอร์ตใช่ไหม แล้วตอนนี้ยังคบกันอยู่หรือเปล่า?” อีกฝ่ายถามเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ แต่ทว่าคำถามนั้นกลับทำให้เจแปนเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันและตอบกลับไปโดยพลัน
“ก็ยังคบกันอยู่สิ ทำไมเป้ยถึงถามแบบนั้นล่ะ”
“อ้าว…เหรอ”
“อือ” เจแปนยืนยันและพูดต่อ เมื่อเห็นท่าทีหนักอกหนักใจของเพื่อน เหมือนอีกฝ่ายอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาแต่ก็ยังมีความกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ “ว่าแต่เป้ยมีอะไรหรือเปล่า? บอกเราได้เลยนะ”
“เราพูดได้จริง ๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเจแปนห้ามโกรธเรานะ” อีกฝ่ายถามย้ำกลับมา คล้ายกับ้าความแน่ใจจากเจแปนว่าจะไม่โกรธเ้าตัว
“พูดได้สิ พูดมาเลย… เราไม่โกรธหรอก” เจแปนยืนยันคำเดิมกลับไป โดยในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็รู้สึกใจสั่นกับเื่ที่เป้ยจะพูดต่อจากนี้อย่างบอกไม่ถูก
“คือเมื่อคืนตอนที่เราเดินออกมาซื้อกับข้าว่ดึก เราเห็นพอร์ตไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นอ่ะ แต่ว่าเรานึกว่าแปนกับพอร์ตเลิกกันไปแล้ว เราก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ให้” เป้ยบอกเสียงเครียด พลางเงยหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาของเจแปนว่าเขากำลังแสดงออกแบบไหน เมื่ออีกฝ่ายหวังดีบอกกันเช่นนี้
แต่ทว่าแทนที่เจแปนจะนิ่งไปหรือแสดงท่าทีโมโห เขากลับะเิหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
“ฮ่า ๆ บ้าน่า แล้วมันจะเป็แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อ ๆ วานนี้พอร์ตตัวติดกับเราตลอดเวลาเลยนะ” เจแปนบอกกลับไปทั้งรอยยิ้ม พลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เนื่องจากเขามั่นใจมากว่าคนที่เป้ยเห็นนั้น ไม่ใช่คนรักของตัวเองอย่างแน่นอน อีกฝ่ายน่าจะตาฝาดไปเสียมากกว่า เพราะเมื่อคืนนี้พอร์ตและเจแปนตัวติดกันทั้งวันทั้งคืนจริง ๆ
“แน่ใจเหรอ” เป้ยถามด้วยแววตาสับสน และดูเหมือนจะมั่นใจมากว่าคนที่เ้าตัวเจอมาคือคนรักของเจแปนจริง ๆ
“แน่ใจสิ เพราะเมื่อวานนี้เราไปช่วยพอร์ตทำแล็บจนถึงเย็น และก็ไม่ได้แยกกันไปไหนด้วย นี่เพิ่งจะมาแยกกันตอนเมื่อเช้านี่แหละ” เจแปนตอบกลับไปทั้งน้ำเสียงมั่นใจ
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเราคงจำผิดเองแหละ ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เครียดตามน่ะ” เป้ยบอกกลับมา
“ไม่เป็ไร ๆ เราสบายมาก” เจแปนเอ่ยทั้งรอยยิ้ม โดยในเวลาเดียวกันนั้นอาหารของเขาก็เสร็จพอดี