เวลาหนึ่งชั่วยาม จะว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่จะว่ายาวก็ไม่นับว่ายาวนักเช่นกัน บวกกับที่เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ‘นั่ง’ ในศาลบรรพชนอยู่ด้วยกัน เพียงใช้เวลาพูดคุยกันสองสามประโยค เวลาก็เดินไปจนหมดอย่างรวดเร็ว
บ่าวที่เฝ้ายามอยู่ข้างนอกก็ไม่กล้าที่จะหลอกลวงเ้านายพูดแล้วไม่ทำตามคำพูด เมื่อถึงหนึ่งชั่วยาม เขาก็รีบเคาะประตู “คุณชาย ครบเวลาแล้วขอรับ ท่านรีบออกมาเถอะ ศาลบรรพชนทั้งมืดทั้งเย็น จะได้ไม่เจ็บป่วยขอรับ” มียามที่ฉับไวเช่นนี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันรู้สึกว่ายังอยู่ไม่พอเสียอย่างนั้น
สุดท้ายเยวี่ยเจาหรานก็ลุกขึ้นมาก่อน พร้อมกับรีบเอ่ย “พื้นของที่นี่เย็นเฉียบจริงๆ กั้นด้วยผ้าห่มชั้นหนึ่งก็ยังไม่สบาย ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก มัวทำอะไรอยู่? คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยหรืออย่างไร!” เยวี่ยเจาหรานพูดไปพลาง ตบเศษฝุ่นที่เดิมทีก็มองไม่เห็นบนเสื้อผ้าไปพลาง
“นี่คุณหนูใหญ่เยวี่ย บนเสื้อผ้าของท่านมีฝุ่นผงที่ไหนกัน? ที่เรานั่งอยู่คือผ้าห่ม ไม่ใช่พื้นอิฐเสียหน่อย!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลุกขึ้นอย่างดูแคลน บ่นไปพลางเก็บผ้าห่มที่เอามาไปพลาง เมื่อเห็นเยวี่ยเจาหรานยังไม่ขยับเขยื้อน จึงเอ่ยเสียงสูงขึ้นอีกครั้ง “ข้าว่านะองค์หญิงถั่วเหลือง ท่านเองก็ควรจะเอาผ้าห่มนี่เก็บกลับไปไว้ที่เดิม มัวนิ่งอะไรอยู่อีก!”
เมื่อได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานถึงเก็บผ้าห่มด้วยกันกับนางด้วยความหงุดหงิดรำคาญ แล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างเชื่องช้า เดินมาถึงประตู จึงเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยิ้มร่าเข้าไปพูดคุยกับยามเฝ้าทั้งสองคนนั้น “วันนี้เจอพวกเ้าทั้งสองถึงเข้าใจอะไรที่เรียกว่ารู้จักคิดผิดชอบ ประเดี๋ยวข้าจะช่วยพูดชมเชยพวกเ้าสองคนกับท่านแม่ ให้นางเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนให้พวกเ้าอย่างแน่นอน!”
เมื่อพูดจบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็หัวเราะฮิฮิ ดูเหมือนกับนักเลงหัวไม้ที่ออกมาจากตลาด ยามเฝ้าทั้งสองคนนั้นเองก็ฉลาดหลักแหลม พวกเขาต่างพากันพยักหน้าขานรับ ะโเสียงดังขึ้นมาอย่างประจบเอาใจ “ขอบพระคุณคุณชาย ขอบพระคุณคุณชาย!”
โดยไม่ได้เอ่ยอะไรอื่น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานก็เดินตามกันไปยังเรือนของตน
“ข้าว่านะ เยวี่ยเจาหราน...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจงใจกดเสียงเบาลง ทั้งยังไม่ลืมเงยหน้าขึ้นมองรอบกายเล็กน้อย จะได้ไม่มีคนมีจิตคิดคดตามมาข้างหลัง แอบฟังหลังกำแพง
“หืม?” ตอนที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยู่ที่จวนเยี่ยน น้อยมากที่นางจะเรียกชื่อจริงของตน เป็ผลให้เมื่อเยวี่ยเจาหรานได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็พลันรู้สึกประหม่าขึ้นมา เขารีบหอบผ้าห่มขยับเข้าไปตรงหน้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว “เป็อะไรไป? มีเื่อะไรก็รีบพูดมา หากไม่รีบก็กลับไปแล้วค่อยคุยกัน ที่นี่ไม่ปลอดภัยนัก”
เอ่ยเช่นนั้น สองตาของเยวี่ยเจาหรานเองก็สอดส่องไปมารอบทิศ เมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีใครผ่านมาจึงค่อยๆ วางใจลงได้เล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่เื่รีบร้อนอะไรหรอก แค่อยากถามเ้าว่า เ้าคิดเห็นอย่างไรกับเื่ในวันนี้? ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดไปหน่อยหรือ?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตามปกติแล้วเป็คนสะเพร่าเซ่อซ่า ไม่ได้เอาเื่เล็กน้อยพวกนี้มาใส่ใจอะไรนัก แต่เื่ในวันนี้ แม้แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยังให้ความสนใจขึ้นมา ก็ชัดเจนว่านางมีความคิดอยู่ในใจบ้างแล้ว
เพียงแต่ความคิดนั้นจะหยิบยกมาก็ไม่นับว่าแม่นยำนัก จึง้าให้เยวี่ยเจาหรานมายืนยันด้วยกันอีกแรงถึงแน่ใจ
ในคณะต่อสู้ปฏิวัติเล็กๆ นี้ของเยวี่ยเจาหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แม้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเป็สตรี แต่เห็นได้ชัดว่านางรับหน้าที่ตีรันฟันแทงสร้างเื่ตลกโปกฮา ส่วนเยวี่ยเจาหรานบุรุษผู้นี้กลับรับหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างสุภาพชนผู้บอบบาง แน่นอนว่ารวมไปถึงจำพวกเื่การวิเคราะห์ก่อนเกิดเหตุและการสรุปผลหลังเหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็มักจะฟังความเห็นและแิของเยวี่ยเจาหรานเสมอ นี่จึงไม่ใช่เื่แปลก
“แม้แต่เ้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติหรือ?” เยวี่ยเจาหรานกางมือสองข้างไปข้างหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มก้ำกึ่ง
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขมวดคิ้ว รู้สึกว่าคำพูดของเยวี่ยเจาหรานฟังไม่เข้าหูนัก “เ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เ้าจะบอกว่าข้าหัวคิดตื้นเขินสังเกตสถานการณ์ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมุ่ยปาก เอ่ยด้วยความขุ่นเคืองอย่างมาก “ฮึ นั่นเ้าเองก็ไม่รู้สึกเหมือนกันไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเ้าก็ความคิดตื้นเขินยิ่งกว่าเสียอีก!”
ช่างเป็สตรีผู้อ่อนต่อโลกจริงๆ ! เยวี่ยเจาหรานคิดเช่นนั้นขึ้นในใจ แต่กลับไม่กล้าเปล่งออกมาจากปาก ถึงอย่างไรชีวิตก็สำคัญที่สุด ใครจะไปรู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะต่อยเขาตายไปเลยหรือไม่นี่นา?
“เปล่าๆ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” เยวี่ยเจาหรานรีบร้อนชี้แจง พูดโกหกเอาใจ “ข้าเองก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ดังนั้นจึงคิดว่าที่เ้าพูดออกมานั้น ช่างยอดเยี่ยมมาก” เพื่อไม่ให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ‘เข้าใจผิด’ เยวี่ยเจาหรานจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้าชมว่าเ้ายอดเยี่ยมมากอย่างไรล่ะ เ้าอย่าคิดมากไปเลย”
แม้นักปราชญ์ขงจื่อจะกล่าวไว้ว่า มีเพียงสตรีและคนถ่อยเท่านั้นที่เข้าหาด้วยยาก แต่สตรีที่ค่อนข้างยากโดยปกติแล้วมักจะเป็แบบสวี่ชิวเยวี่ย ส่วนสตรีที่ค่อนข้างเรื่อยเฉื่อยไม่คิดอะไรมากเช่นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้น เข้าหาด้วยง่ายกว่าเยอะ ถึงอย่างไรพวกนางก็พูดเอาใจได้ง่าย โดยเฉพาะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ไม่ว่าเยวี่ยเจาหรานพูดอะไรนางก็เชื่อไปเสียหมด ช่างจัดการได้ง่ายจริงๆ
“เอาเถอะๆ เ้าก็เยินยอกันน้อยๆ หน่อยเถอะ เข้าเื่ได้แล้ว!” แม้ว่าปากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเอ่ยไปเช่นนั้น แต่สีหน้านั้นเบิกบานชื่นมื่นไปนานแล้ว เปิดเผยความคิดของนางออกมาเสียหมดเปลือก!
“สถานการณ์ทางฝั่งของเ้า ข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ว่าทางฝั่งของข้า มันแปลกมากจริงๆ ” เยวี่ยเจาหรานเอ่ยต่อไป พลันจริงจังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน เรือนก็อยู่ห่างออกไปแค่นิดเดียวแล้ว “เอาเถอะ ใกล้จะถึงแล้ว กลับไปค่อยว่ากันอย่างละเอียดเถอะ”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้าตามคำพูดของเยวี่ยเจาหราน ทั้งสองจึงเดินกลับเข้าไปในเรือนด้วยกัน
“เ้าพูดก่อน เด็กหนุ่มที่ไปจวนเยวี่ยบอกเ้าว่าข้าป่วยหนักเกินรักษาคนนั้น เรียกตัวเองว่าเป็ลูกมือของเหล่าเ้าหรือ?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั่งไขว่ห้าง มือหยิบเมล็ดแตงส่งเข้าปากไม่หยุด นางแทะเมล็ดแตงไปพลางเอ่ยถามไปพลาง
เยวี่ยเจาหรานพยักหน้า แล้วเอ่ยต่อ “ใช่ เขาบอกว่าเป็ลูกมือของเหล่าเ้า บอกว่าจวนเยี่ยนของพวกเ้าปิดข่าวที่เ้าล้มป่วยไว้มิดชิด ใครก็ห้ามแพร่งพราย เขาจึงเสี่ยงอันตรายมาบอกกับข้า
“เหลวไหล!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสบถออกมาอย่างรุนแรง ก่อนจะคายเปลือกเมล็ดแตงออกมาจากปาก “คำพูดของเขา แค่ฟังก็รู้แล้วว่าโกหก เ้าเองก็ไม่คิดเสียบ้าง ก่อนหน้านี้ตอนที่เ้าป่วย ข้ากล้าป่าวประกาศหรือ? ข้ากล้าตามหมอมาหรือ? สุดท้ายแล้วเพื่ออะไร ก็เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้อย่างไรเล่า เ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เ้าโง่เอ๊ย!”
กระทั่งเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยเช่นนี้ เยวี่ยเจาหรานถึงคล้ายว่าจะเข้าใจความเป็ไปของเื่ราวขึ้นมา พลันเอ่ยราวกับนึกขึ้นมาได้ “เ้าหมายความว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงเ้าอย่างนั้นหรือ?!”
“ก็ใช่น่ะสิ! เื่ที่ข้าคือเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ใช่เยี่ยนอวิ๋นเฟย แต่เดิมคนที่รู้ก็มีไม่มาก หากข้าป่วยขึ้นมา พวกเขาจะรีบตามหมอมาให้ข้าทันที หมอคนนั้นก็คงจะไม่ได้ไร้ฝีมือในการรักษาถึงขนาดแม้แต่เพศหญิงชายก็ยังแยกไม่ออกหรอกกระมัง?!” เอ่ยดังนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็กลอกตาใส่เยวี่ยเจาหรานทีหนึ่ง “โชคดีที่ท่านแม่ข้ามีความสามารถในการจัดยาปรุงยาอยู่บ้าง เื่นี้ถึงไม่แพร่งพรายออกไป คนในจวนเองก็บอกเพียงว่าเป็โรคติดต่อ ไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้เรือนของข้า เื่เป็เช่นนี้ ดังนั้นคนที่ไปส่งข่าวให้เ้าก็คงเป็คนที่ไม่รู้ความจริงเป็แน่!”
“เช่นนั้นยังต้องถามอีกหรือ? คนที่มีเวลามาทำเื่พวกนี้ได้ จะต้องเป็เปี่ยวเม่ยของเ้าผู้นั้นแน่นอน ั้แ่นางเข้ามาให้ตระกูลเยี่ยนของพวกเ้า ก่อเื่ก่อราวขึ้นมาแต่ละอย่างน้อยๆ เสียที่ไหน?”
เยวี่ยเจาหรานรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์อยู่ในใจ เขาเอ่ยเช่นนั้นพร้อมขมวดคิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้