เห็นหลูจินสั่งสอนตำรวจที่เข้าเวรแรงขนาดนี้ เถารั่วเซียงกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงพูดขึ้น “ผู้อำนวยการหลู รุ่นพี่หลูค่ะ มันเป็แค่เื่เล็กๆ เท่านั้นเอง จริงๆ พี่ไม่ต้องลำบากมาเองก็ได้ค่ะ แล้วอีกอย่าง ตำรวจคนนี้ก็รับเื่ให้พวกเราแล้วด้วย”
“ครับๆ เมื่อกี้ท่าทางผมยังไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้วครับ” ตำรวจที่เข้าเวรรีบอธิบายเสริม
หลูจินสบถเสียงดังทำเอาตำรวจที่เข้าเวรตัวสั่นเทา
ฉินหลางมองหลูจินคนนี้ ผู้อำนวยการสถานีตำรวจ ดูสมาร์ทจริงๆด้วย ถึงแม้จะเป็เพียงผู้อำนวยการสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง แต่ดูมีอำนาจ และมีพลังมากๆ ไม่น่าล่ะ อายุยังน้อยก็ได้เป็ถึงผู้อำนวยการของสถานีตำรวจ
และพูดจากใจเลย ผู้อำนวยการหลูคนนี้ เป็คนหน้าตาดี สูงเมตรแปดสิบกว่าๆ ใส่ชุดตำรวจด้วยแล้ว ยิ่งดูมาดแมนเข้าไปใหญ่
ตอนแรก ภาพลักษณ์ของหลูจินดูดีมากในสายตาฉินหลาง ทว่าคำแรกที่หลูจินพูดออกมา กลับทำให้ฉินหลางรู้สึกตรงกันข้าม
เพราะหลูจินเรียกเถารั่วเซียงว่า ‘รั่วเซียง’ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดูไปแล้ว เ้าหมอนี่ก็อยากจะจีบเถารั่วเซียงเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าจะเป็หมาป่าที่อยู่ในชุดตำรวจ ฉินหลางเริ่มติดใจกับเ้าหมอนี่แล้ว
“รั่วเซียง เล่ารายละเอียดของคดีนี้ให้ฉันฟังหน่อยสิ เธอสบายใจได้ ถ้าไม่ผิดระเบียบ ฉันจะพยายามปิดคดีนี้ให้ได้เร็วที่สุด” ทุกครั้งที่หลูจินพูด จะให้ความรู้สึกเถรตรงและยุติธรรมเสมอ
เห็นได้ชัดว่าเถารั่วเซียงเชื่อถือหลูจินมาก จึงเล่าเื่ราวความเป็มาทั้งหมดให้หลูจินฟัง พร้อมกับเอาหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมาได้ให้ไปด้วย
จากนั้นเถารั่วเซียงพูดขึ้นกับหลูจินด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่หลูคะถ้าพี่ปิดคดีนี้แล้ว ก็ถือว่าเป็ผลงานใหญ่ ถึงเวลาได้เลื่อนขั้นแล้ว เลี้ยงฉลองอย่าลืมชวนฉันนะคะ”
“ฮ่าๆๆๆ…แน่นอนๆ” หลูจินพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงนะ ครั้งนี้ฉันจะเป็คนดูแลเอง!”
ได้ยินหลูจินพูดดังนั้น เถารั่วเซียงก็วางใจแล้ว เมื่อเสร็จธุระจึงขอตัวกลับ แล้วพาฉินหลางกลับออกไป
เ้าผมยาวจอดส่งฉินหลางตรงหน้าประตูโรงเรียน
เวลานี้ฉินหลางเพิ่งถามเถารั่วเซียง “อาจารย์เถาครับ คุณคิดว่าอันเต๋อเซิ่งกับคนของมันจะถูกลงโทษตามกฎหมายไหมครับ?”
“อืม ฉันเชื่อ!” เถารั่วเซียงพยักหน้าพลางพูดขึ้น “อีกอย่าง ผู้อำนวยการหลูเป็รุ่นพี่ฉันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็คนเที่ยงตรงมาก ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องปิดคดีนี้ได้ แล้วจะทำได้เร็วมากด้วย”
“หวังว่าจะเป็อย่างนั้น” ฉินหลางพยักหน้า ทว่าในใจเขากลับไม่คิดอย่างนั้น
เมื่อส่งเถารั่วเซียงด้านหน้าอาคารหอพักครูแล้ว ฉินหลางก็โทรหาฮานซานฉาง “อาฉาง เตรียมตัวให้พร้อมจัดการซางคุน!”
“เยี่ยมเลยพี่ฉิน! ผมคิดว่าพี่จะไม่ลงมือกับซางคุนแล้วซะอีก” ฮานซานฉางพูดด้วยความตื่นเต้น ซางคุน ก่อนหน้านี้เ้าหมอนี่ยุยงให้กระทิงมีเื่กับเขา ฮานซานฉางอยากจะแก้แค้นเ้าหมอนี่ตั้งนานแล้ว
※※※
“ฉินหลาง ในที่สุดนายกลับมาแล้ว!”
เมื่อฉินหลางกลับมาถึงหอ เป็ครั้งแรกที่กลับมาแล้วจ้าวเหว่ยไม่ได้เล่นเกมอยู่
จ้าวเหว่ยพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉินหลาง คิดไม่ถึงเลย ว่านายจะรู้จักฮานซานฉาง และเขายังเรียกนายว่า ‘พี่ฉิน’ อีกด้วย นายนี่เจ๋งจริงๆ เลย!”
“จ้าวเหว่ยที่นายตื่นเต้นตั้งนานนี่เพราะเื่แค่นี้เหรอ?” ฉินหลาง มองจ้าวเหว่ยอย่างแปลกประหลาด
“ไม่ใช่แค่นี้” จ้าวเหว่ยพูดไปหัวเราะไป “ความจริงแล้ว ฉันกำลังคิดว่านายสนิทกับพี่ฉางขนาดนี้ ต่อไปฉันอยู่ในเมืองเซี่ยหยาง ก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้วไม่ใช่รึไง?”
“เชี่ย! คิดได้แค่นี้เหรอ?” ฉินหลางสบถ
“พี่ฉิน…ฉันก็แค่คิดเผื่ออนาคตนี่นา” จ้าวเหว่ยพูดต่อ “นายก็รู้ ผลการเรียนฉันมีแค่ไหนเอง ต้องสอบเข้ามหาลัยดีไม่ได้แน่นอน อย่างมากก็เอาเงินยัดใต้โต๊ะเข้ามหาลัยห่วยๆ ต่อไปฉันคงทำได้แค่รับ่ธุรกิจของพ่อฉัน ทำธุรกิจในเมืองเซี่ยหยางเท่านั้น สมัยนี้จะทำธุรกิจ ก็ต้องมีเส้นมีสาย ทั้งดำและขาว ไม่อย่างนั้น ก้าวต่อยากมากๆ”
“ทำธุรกิจ ทำไมต้องเกี่ยวข้องกับสายมืดด้วย? บ้านนายทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไม่ใช่เหรอ” ฉินหลางถามด้วยความไม่เข้าใจ
“อันนี้ พ่อฉันเป็คนบอกฉัน” จ้าวเหว่ยกล่าว “พ่อฉันบอกว่า อย่าคิดว่าทำวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างจะง่าย ความจริงแล้วทุกทิศทุกทางต้องอาศัยเส้นสายทั้งนั้น สายขาวต้องใช้เงินซื้อเอกสารต่างๆ อันนี้ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ ประเด็นสำคัญคือสายดำ ถ้าไม่มีเส้นสาย ก็เสี่ยงมากที่คลังสินค้าวัสดุก่อสร้างจะถูกขโมย หรือถูกคู่แข่งเผา…”
“พอละๆ ไม่ได้ดิบเถื่อนขนาดนั้นซะหน่อย” ฉินหลางกล่าว “ถ้านายเข้าวงการนี้พ่อนายไม่คัดค้านเหรอ?”
“ล้อเล่นเหรอ เขาจะคัดค้านได้ยังไง เขาบอกฉันว่า ไม่ต้องสนว่าเราเดินสายไหน เพราะมันเหมือนกันหมด มันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะสายไหน ขอแค่สามารถยิ่งใหญ่ได้ ก็แปลว่าสำเร็จ! ก็เป็การทำตามฝันทั้งนั้น!”
“นี่เป็มุมมองของนายกับพ่อนายเหรอ ไม่น่าล่ะ พ่อนายถึงยุให้นายไปที่บิวตี้คลับ”
ได้ยินฉินหลางพูดถึงบิวตี้คลับ จ้าวเหว่ยดูเศร้าขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเ็ปและเสียใจ “ฉินหลาง เราไม่ต้องพูดถึงที่นั่นอีกได้ไหม?”
จากนั้นจ้าวเหว่ยก็กลับหลัง เดินไปยืนที่ระเบียง ร่ายกลอนขึ้น “บรรยากาศแบบนี้เหมือนในความทรงจำที่ตามหา เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว!”
ฉินหลางรู้ว่านั่นเพราะจ้าวเหว่ยเสียใจกับการ ‘จากไป’ ของโจวหลิงหลิง ยังไงซะเขาก็แอบรักโจวหลิงหลิงมาหลายปี และเคยเกลียดโจวหลิงหลิงที่เธอทำตัวตกต่ำ แต่ตอนนี้กลับคิดถึงและรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“จ้าวเหว่ย—” ฉินหลางคิดจะปลอบจ้าวเหว่ยสักหน่อย
“ฉินหลาง ดอกไม้สวยๆ ถึงเวลาเด็ดก็ต้องเด็ด อย่ารอให้คนอื่นเด็ดไปแล้วค่อยมาเด็ดก้านเปล่า” เหมือนว่าตอนนี้จ้าวเหว่ยจะมีอารมณ์สุนทรีย์มาก “ชีวิตคนถ้ามีโอกาสควรจะมีความสุขให้สุด ชอบใครรักใคร ก็รีบไปจีบเธอซะ แล้วรีบขึ้น์ซะ! ดังนั้นฉินหลาง ถ้านายจะจีบอาจารย์เถา ฉันเป็กำลังใจให้!”
“เชี่ย!” ตอนแรกฉินหลางกะว่าจะไปปลอบใจเขาสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเ้าหมอนี่จะดึงเข้าเื่ของตน ยังไงซะโจวหลิงหลิงก็ยังไม่ตาย ฉินหลางก็ี้เีจะปลอบจ้าวเหว่ยแล้ว จึงเปลี่ยนเื่คุย “จริงสิ ที่ฉันให้นายไปสืบว่าใครเป็คนปล่อยข่าวลือในโรงเรียน ว่าฉันกับโจวหลิงหลิงมีอะไรกัน เจอเบาะแสบ้างรึยัง?”
“อ้อ เื่นี้ฉันเจอเบาะแสแล้ว” จ้าวเหว่ยกล่าว “พูดไปนายอาจจะไม่เชื่อ จ้าวกวงเป็คนชี้เบาะแสให้ฉัน ฉันจำได้ว่า วันแรกที่นายมาเรียน ก็ดูเหมือนจ้าวกวงอยากจะหาเื่นาย”
“ใช่” ฉินหลางกล่าว “แต่คนย่อมเปลี่ยนแปลงกันทั้งนั้น บอกหน่อยว่านายเจอเบาะแสอะไรบ้าง”
“จ้าวกวงบอกฉันว่า เ้าหมอนี่แซ่ไช้น่าจะเป็คนปล่อยข่าว เพราะคนแรกที่บอกว่านายเป็คนผิด แล้วออกมาด่านายเสียๆ หายๆ สนิทกับคุณชายไช้” จ้าวเหว่ยกล่าว
“ดี งั้นนายบอกจ้าวกวง ให้เขาตีสนิทกับเ้าแซ่ไช้นั่นไปเรื่อยๆ มีความเคลื่อนไหวอะไรให้จ้าวกวงมาบอกนาย” ตอนแรกคุณชายไช้อะไรนั่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉินหลาง แต่การที่เ้าหมอนี่ให้คนปล่อยข่าวเสียๆ หายๆ ของฉินหลางในเวลานั้น จนทำให้ฉินหลางต้องเข้าสถานกักกันได้ แสดงว่าเ้าหมอนี่ต้องเ้าเล่ห์ไม่เบา จะไม่ระวังไม่ได้
ตาเฒ่าพิษเคยบอกว่า “แมลงพิษตัวหนึ่งที่ไม่โดดเด่น อาจจะฆ่ายอดฝีมือทางการต่อสู้ได้สบายๆ”
เขาพูดเพื่อเตือนฉินหลาง อย่ามองข้ามคู่ต้องสู้แม้แต่คนเดียว เพราะต่อให้เป็แม็กตัวเล็กๆ มันก็ทิ่มขาของนายได้
“อ้อ ฉินหลาง นายจะซ่อนตัวไม่ใช่เหรอ นายเดินกลับโรงเรียนแบบโจ่งแจ้งอย่างนี้ได้ยังไง?” จ้าวกวงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ฉินหลางยังอยู่ระหว่างการประกันตัว แถมยังมีอริอีกไม่น้อยที่้าหาเื่เขา
“ตอนนี้ไม่ต้องหลบแล้ว ยังไงซะพวกนั้นก็น่าจะรู้กันหมดแล้ว” ฉินหลางพูดอย่างนิ่งเรียบ เพราะั้แ่ตอนที่เถารั่วเซียงกับตนไปแจ้งความที่โรงพัก ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็ความลับอีกต่อไปแล้ว แค่ซางคุนกับอันเต๋อเซิ่งไม่ได้หูหนวก ตาบอดก็น่าจะรู้กันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตอนนี้สิ่งที่ฉินหลางต้องทำ ก็คือรอให้กฎหมายลงโทษซางคุนกับอันเต๋อเซิ่ง ไม่อย่างนั้น ฉินหลางคงต้องใช้วิธีการของตัวเอง ให้พวกเขาได้รับโทษที่เ็ป ทรมานและโหดร้ายมากยิ่งกว่ากฎหมายหลายเท่า
พรุ่งนี้น่าจะได้รู้ผลกันแล้ว