ทบทวนบทเรียนตอนเช้าวันที่สอง ตอนฉินหลางปรากฏตัวในห้อง ผู้คนไม่ได้แตกตื่นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้
เด็กชายฉินหลางที่น่าสงสารเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองไม่ได้เป็คนดังในชีจง แม้แต่ในม.6 ห้อง11 ยังเป็แบบนี้เลย คนส่วนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร
เพิ่งเรียนคาบแรกได้แค่ครึ่งคาบ จู่ๆ เถารั่วเซียงก็ปรากฏตัวในห้องเรียน จากนั้นกระซิบอะไรบางอย่างกับอาจารย์ผู้สอน ก่อนจะพาฉินหลางออกไปจากห้องเรียน
หลังจากออกจากอาคารเรียนแล้ว ฉินหลางจึงพูดกับเถารั่วเซียง “น้าเถา คุณพาผมออกมาทำไม? ดูเหมือนวันนี้คุณอารมณ์ดีมาก มีเื่ดีๆ เกิดขึ้นเหรอครับ?”
“ใช่ เป็เื่ดีจริงๆ” เถารั่วเซียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ต้องนับถือวิธีจัดการคดี และประสิทธิภาพในการทำงานของรุ่นพี่หลูจริงๆ! สมแล้วที่เขาได้เกียรตินิยมคณะรัฐศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์ไชน่า แค่คืนเดียว เขาก็ปิดคดีได้แล้ว! แค่คืนเดียวเองนะ! เก่งมากจริงๆ! เพียงแต่ เขายังมีเื่ที่ต้องอธิบายให้เราเข้าใจ จะได้ปิดคดีได้ ดังนั้น ฉันจึงต้องรบกวนเวลาเรียนของเธอเล็กน้อย”
“โห?” ฉินหลางรู้สึกใเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหลูจินจะเก่งขนาดนี้ ทำงานเด็ดขาดและรวดเร็วจริงๆ ด้วย
ฉันหลางบ่นพึมพำในใจ เป็เพราะเ้าหลูจินอยากให้เถารั่วเซียงประทับใจ จงใจโชว์พาวต่อหน้าเธอ? ถ้าหากเป็แบบนั้นจริงๆ เถารั่วเซียงดีใจแน่ แต่สิ่งที่ฉินหลางจะต้องทำต่อจากนี้ก็จะต้องยุ่งยากมากขึ้นแน่ เพราะตนรับปากตาเฒ่าพิษ ว่าจะรับ่กิจการทั้งหมดของอันเต๋อเซิ่ง และทำให้มันไม่อะไรเหลือเลย
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงสถานีตำรวจหนานเจีย
จากนั้นหลูจินเชิญฉินหลางกับเถารั่วเซียงเข้าไปในห้องทำงานของเขา พร้อมกับให้คนชงชาให้ทั้งคู่
“ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาของทั้งสองท่าน ที่เชิญพวกคุณมา หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ใน่ที่เกิดเหตุ สองเพื่อแจ้งให้พวกคุณทราบผลการทำคดี แบบนี้จะได้ปิดคดีได้” ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของหลูจินสุภาพมากๆ ฟังแล้วรู้สึกดีและรื่นหูมาก
“ผู้อำนวยการหลู คุณสุภาพเกินไปแล้วคะ รายละเอียดและความเป็มาของคดี ก่อนหน้านี้เราก็คุยกันไปหมดแล้ว ตอนแจ้งความก็จดบันทึกไปแล้วด้วย แต่ถ้าผู้อำนวยการหลูยังอยากจะทำความเข้าใจอีก เราจะพูดให้ฟังอีกรอบก็ได้นะคะ” เถารั่วเซียงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่ออาจารย์เถาพูดอย่างนี้แล้ว ผมคิดว่าเราไม่ต้องผ่านขั้นตอนนั้นแล้วก็ได้” หลูจินพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเราก็มาคุยเื่ข้อสรุปที่ได้จากการสอบสวน ของแผนกรักษาความปลอดภัยสาธารณะแล้วกัน จากการตรวจสอบของเรา หลินเสี่ยวชวนกับฟู่หยิงเสี่ยว มีความผิดฐานล่อลวงเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจริง และทั้งคู่ยังขายยาเสพติด มีหลักฐานแ่า เพราะฉะนั้นพวกเธอทั้งคู่จะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ผู้ที่กระทำความผิดร่วมกับพวกเธอ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่! สำหรับคนร้ายเหล่านี้ สำนักงานรักษาความปลอดภัยจะดำเนินการให้ถึงที่สุดแน่นอน!”
พูดถึงตรงนี้ หลูจินก็หยุดลง
ตอนแรกเถารั่วเซียงคิดว่าหลูจินจะพูดต่อ แต่ทว่าหลังจากเธอรอเขาดื่มน้ำชาไปหลายคำแล้ว ถึงเข้าใจว่าเขาพูดจบแล้ว ไม่ได้พักดื่มชาแบบที่เธอเข้าใจ เถารั่วเซียงจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้ว…ซางคุนกับอันเต๋อเซิ่งล่ะ? พวกเขาเป็คนบงการไม่ใช่เหรอ?”
“ซางคุน? อันเต๋อเซิ่ง?”
หลูจินขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ เห็นได้ชัดว่าเขาดูซีเรียสมาก “อาจารย์เถา ซางคุนผมรู้ว่าเขาเป็อันธพาลอยู่แถวสถานีรถไฟ จริงอยู่ เขาไม่ได้เป็คนดีอะไร แต่ปัจจุบันเรายังไม่มีหลักฐานการกระทำความผิดของเขา ผมคงจับเขาเรื่อยเปื่อยไม่ได้หรอกนะ ส่วนอันเต๋อเซิ่ง เขาเป็นักธุรกิจที่ดีคนหนึ่ง อาจารย์เถา คุณเข้าใจอะไรเขาผิดอยู่รึเปล่า?”
ฟังหลูจินพูดอย่างนั้น ทั้งฉินหลางและเถารั่วเซียงตะลึงไปตามๆ กัน หากแต่เพียงครู่เดียวฉินหลางก็เข้าใจแล้ว เพราะเขาแปลกใจั้แ่แรกแล้ว มันเป็ไปไม่ได้ที่หลูจินจะสรุปคดีได้เร็วขนาดนี้ เพราะการทำงานของเ้าหน้าที่ตำรวจตอนนี้ยังมีช่องโหว่ที่รอการปรับปรุงอีกเยอะมาก ดังนั้น หลูจินสรุปคดีได้เร็วขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลูจินโดนิญญาท่านเปาบุ้นจิ้นเข้าสิง ก็เป็เพราะเขา้าปกปิด กลบเกลื่อน จึงทำเป็พิธีเท่านั้น
ฉินหลางเข้าใจได้ แต่เถารั่วเซียงกลับไม่ยอมเข้าใจ เพราะเธอจบคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ เธอยอมรับไม่ได้ที่หลูจินปิดคดีแบบพอเป็พิธีแบบนี้ เขารู้ว่าหลูจินไม่ได้โง่ เขาเก่งวิชาสืบสวนสอบสวนมาก เป็ไปไม่ได้ที่หลูจินจะไม่รู้ว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับใครบ้าง!
“นักธุรกิจที่ดี? อันเต๋อเซิ่งเนี่ยนะเป็นักธุรกิจที่ดี?” น้ำเสียงของเถารั่วเซียงเต็มไปด้วยความโมโห เธอยืนขึ้นจ้องหน้าหลูจิน “ผู้อำนวยการหลู คุณเป็ถึงนักศึกษาที่ได้เกียรตินิยมคณะรัฐศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ของเรา ฉันไม่เชื่อว่าเื่แค่นี้คุณจะไม่สามารถคิดเองได้!”
หลูจินฟังคำพูดของเถารั่วเซียงแล้ว สีหน้าเขาดูซีเรียสมากขึ้น พูดขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์ “อาจารย์เถา ในเมื่อคุณก็เคยเรียนสืบสวนสอบสวน น่าจะรู้ว่าสำนักงานรักษาความปลอดภัยต้องยึดตามหลักฐาน คุณบอกว่าอันเต๋อเซิ่งมีความผิด แล้วหลักฐานการกระทำความผิดของเขาล่ะ? เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ใช่ผู้พิพากษา หรือต่อให้เราเป็ผู้พิพากษา ในสังคมปัจจุบันก็ยังต้องยึดตามหลักฐานอยู่ดี!”
“คุณเป็ตำรวจ การสืบหาหลักฐานเป็หน้าที่ของคุณ!” เถารั่วเซียงตะคอกด้วยความโมโห “หรือว่าฉันเป็เพียงประชาชนธรรมดาๆ ตอนที่มาจ้างความก็จะต้องรวบรวมหลักฐานในการกระทำความผิดให้ได้ทั้งหมดก่อนเหรอ? ถ้าหากเป็แบบนั้น แล้วจะมีตำรวจไปทำไม?”
“อาจารย์เถา—” หลูจินตบโต๊ะทำงานแรงๆ ทีหนึ่ง หน้าดำคร่ำเครียดพลางพูดขึ้น “คุณไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งข้อสรุปผลการสอบสวนของผม! ถ้าคุณไม่พอใจ ผมก็พูดอะไรไม่ได้! ทั้งสองท่าน เชิญกลับ!”
“อาจารย์เถาครับ คุณตำรวจท่านนี้พูดถูก เราควรจะเชื่อความยุติธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย เชื่อคุณตำรวจ” อยู่ๆ ฉินหลางก็พูดขึ้น ทว่าน้ำสียงของเขากลับนิ่งเรียบมากจนผิดปกติ
เถารั่วเซียงเองก็รู้ว่าการต่อล้อต่อเถียงไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไร จึงกลับหลังเดินออกจากห้องทำงานผู้อำนวยการสถานีตำรวจไป พร้อมกับฉินหลาง
ออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว เถารั่วเซียงสบถพลางพูดขึ้น “ฉินหลาง เมื่อกี้ทำไมนายถึงยอมจำนนล่ะ? ทำไมไม่ให้ฉันเถียงกับเขาด้วยเหตุผลต่อ?”
“คุณเถียงกับเขาต่อไป แล้วได้ประโยชน์อะไรเหรอ?” ฉินหลางถามอย่างนิ่งเรียบ
เถารั้วเซียงพูดไม่ออกทันที ก็จริง ในเมื่อหลูจินยืนยันจะปิดคดีแบบนี้ แล้วเถารั่วเซียงจะมีทำไรได้ล่ะ?
“แต่เราจะปล่อยให้เื่มันจบแบบนี้ไม่ได้!” เถารั่วเซียงพูดด้วยความเกลียดชัง “พวกอันเต๋อเซิ่ง สติแตกถึงขั้นล่อลวงเด็กนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉานอีก คนพวกนั้น จะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย!”
“แต่กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ล่ะจะทำยังไง?” ฉินหลางถอนหายใจ “คุณก็เห็นท่าทีของผู้อำนวยการหลูเมื่อกี้แล้วนิครับ พวกเขาแสดงออกชัดเจนมากแล้วว่าไม่้าจะสืบให้ลึกลงไป หรือว่าต้องรอวันไหนเขากลับใจได้งั้นเหรอ? แต่ไม่รู้ว่าระหว่างที่รอ จะมีนักเรียนอีกกี่คนที่ต้องตกเป็เหยื่อพวกมัน”
“นั่นสิ!” เหมือนว่าเถารั่วเซียงจะตัดสินใจอะไรได้ พูดด้วยความเด็ดขาด “เราจะต้องรวบรวมหลักฐานต่อไปเรื่อยๆ! จนกว่าจะลงโทษคนชั่วพวกนี้จนหมด! ฉินหลาง รอพวกเราหาหลักฐานได้แล้ว เราก็เอาหลักฐานไปให้ฝ่ายความมั่นคงสาธารณะจังหวัด ฉันไม่เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงสาธารณะจังหวัดจะทำอะไรพวกมันไม่ได้!”
“ครับ” ฉินหลางพยักหน้า ไม่ได้ต่อล้อล่อเถียงกับเถารั่วเซียง เพราะดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เขาเองก็้าหลักฐานมาเล่นงานอันเต๋อเซิ่งเหมือนกัน
เมื่อทั้งสองคนมีเป้าหมายเดียวกันแล้ว ฉินหลางพูดขึ้นกับเถารั่วเซียง “น้าเถา คุณเป็มืออาชีพในด้านนี้ ตอนนี้พวกเราควรจะเริ่มหาหลักฐานจากที่ไหน?”
“ตรงเข้าถ้ำเสือ—ไปบิวตี้คลับ!” เถารั่วเซียงกล่าว
“ระวัง—”
เวลานี้ จู่ๆ ฉินหลางก็ผลักเถารั่วเซียงที่ยืนอยู่ข้างตัวออกเบาๆ ในขณะที่เถารั่วเซียงกำลังตกตะลึง เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นผ่านมาจากด้านหลังด้วยความเร็ว ใช้มีดฟันไปยังฉินหลาง
“ฉินหลาง—”
ในวินาทีที่ฉินหลางล้มลงถึงพื้น เถารั่วเซียงเรียกขึ้นเสียงดัง เป็ห่วงอย่างบอกไม่ถูก และซาบซึ้งจนไม่รู้จะพูดยังไง เพราะเธอรู้ว่าฉินหลาง รับมีดนี้แทนเธอ