“ถ้ายังไม่หยุดกรีดร้อง ฉันไม่รับประกันว่ามันจะเชื่อฟังอยู่รึเปล่า” ฉินหลางพูดกับฟู่หยิงเสี่ยวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
ฟู่หยิงเสี่ยวฟังแล้ว ก็รีบหุบปากทันที
ซู่วๆ~~ซู่วๆ~~
เวลานี้ ในห้องมีเพียงเสียงแลบลิ้นของงูเท่านั้น
ฉินหลางพูดกับฟู่หยิงเสี่ยวและหลินเสี่ยวชวน “ทั้งสองท่านอยู่ในสถานเริงรมย์เป็ประจำ ฝีมือการแสดงก็คงจะดีเหมือนกัน ตอนนี้ฉันจะให้พวกเธอได้แสดงฝีมือ แสดงละครฉากหนึ่ง ฉันจะให้พวกเธอนั่งดื่มเหล้า ระหว่างดื่มไปด้วยก็คุยกันไปด้วย พูดเื่ทั้งหมดที่ซางคุนกับอันเต๋อเซิ่งสั่งให้พวกเธอทำ พูดอย่างเป็ธรรมชาติ อุปกรณ์พี่ฉางได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว!”
ฮานซานฉางเปิดไวน์แดง รินให้ฟู่หยิงเสี่ยวกับหลินเสี่ยวชวนคนละหนึ่งแก้ว ก่อนจะยื่นให้พวกเธอพรางบ่นพึมพำ “หนี่งขวดตั้งห้าร้อยกว่า ลาภปากของพวกเธอแล้ว!”
“พี่ใหญ่…เราเป็แค่ลูกสมุนตัวเล็กๆ พี่จะสู้กับซางคุนและอันเต๋อเซิ่ง อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวสิ” สมแล้วที่หลินเสี่ยวชวนคุยอยู่ในวงการนี้มาก่อน เพราะเหมือนเธอจะเดาได้แล้วว่าตัวเองถูกดึงเข้ามาในเกมการต่อสู้ของคนระดับไหน
ในขณะที่ฟู่หยิงเสี่ยว ยังไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้เพียงจะต้องทำตามที่ฉินหลางสั่ง ไม่อย่างนั้น เธอจะต้องกลายเป็อาหารของงูพวกนี้แน่นอน
“พี่ชวน เวลาของพวกเรามีค่ามาก ดังนั้นฉันไม่มีเวลามาพูดเื่อุดมการณ์หรอกนะ เธอมีสองทางเลือก หนึ่งคือไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น งูที่กำลังหิวกระหายพวกนี้ยินดีจะเล่นกับเธอต่อ สองคือทำตามที่ฉันบอก” น้ำเสียงฉินหลางนิ่งเรียบมาก ราวกับไม่ได้ข่มขู่พวกเธอเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราจะทำตามที่นายบอก!”
หลินเสี่ยวชวนกับฟู่หยิงเสี่ยวพูดขึ้นพร้อมกัน เพราะพวกเขารู้สึกว่างูพวกนี้เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นอีกแล้ว
“ดี งั้นก็ทำตามที่ฉันบอก ฉันไม่บังคับพวกเธอ—พี่ฉาง ดนตรีประกอบฉาก!”
ภายใต้คำบัญชาของฉินหลาง ฮานซานฉางเปิดเครื่องเล่นเพลงคาราโอเกะ เสียงเพลงประกอบยอดนิยมที่คุ้นเคยดังขึ้น
ในเวลาเดียวกันฉินหลางได้ผิวปาก ให้งูพวกนี้ถอยออกไปรออีกฝั่งก่อน
ฟู่หยิงเสี่ยวกับหลินเสียวชวนดื่มไวน์แดง ก่อนจะบังคับให้ตัวเองสงบสติลงมา ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ เข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย หลินเสี่ยวชวนเริ่มพูดขึ้น “หยิงเสี่ยว ่นี้ในวิทยาลัยศิลปะมีสาวๆ สวยๆ เข้ามาใหม่บ้างรึเปล่า พี่ใหญ่ซางคุนกับท่านอันยังรอเธอส่ง ‘สินค้าใหม่’ ไปให้เปิดซิงอยู่นะ”
“พี่ชวน หนูก็กำลังหาอยู่ค่ะพี่…ใช่แล้ว ไม่กี่วันก่อนมีมาใหม่คนหนึ่ง เป็เด็กโรงเรียนอื่น จะสมัครสอบเข้ามหาลัยสาขาศิลปะ มาเรียนพิเศษ เตรียมความพร้อมในวิทยาลัย—เพียงแต่ พี่ชวนคะ ถ้าหนูทำสำเร็จ หนูจะได้เท่าไหร่?”
“เหมือนเดิม! 10,000!” หลินเสี่ยวชวนชูหนึ่งนิ้ว
“แต่ผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลยนะ—”
“ถ้าสวยมากจริงๆ เพิ่มได้อีก 5,000!”
“…”
ผู้หญิงสองคนดื่มไปด้วย คุยกันเื่ธุรกิจสกปรกของพวกเธอไปด้วย
ในขณะเดียวกัน ฮานซานฉางกำลังใช้กล้องถ่ายการสนทนาของพวกเธออยู่
ส่วนฉินหลางกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ดูการแสดงของพวกเธอ ราวกับฉากนี้เป็ฉากในละครและเขาเป็ผู้กำกับของละครเื่นื้
ฉินหลางรู้สึกว่า “การสอบสวน” แบบนี้ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่ถูกครหาว่าสอบสวนด้วยความรุนแรง และหลักฐานที่ได้ก็มีน้ำหนัก และความน่าเชื่อมากกว่าด้วย
เพียงไม่นาน ฉินหลางก็ได้ในสิ่งที่เขา้า
คำพูดของโจวหลิงหลิงกับหวางเยี้ยได้รับการยืนยันแล้ว หลินเสี่ยวชวนกับฟู่หยิงเสี่ยว ก็คือคนที่ทำหน้าที่ส่งผู้หญิงให้ซางคุนกับอันเต๋อเซิ่งโดยเฉพาะ พวกเธอจะสรรหาผู้หญิงหน้าตาดีๆ ที่มีในวิทยาลัย จากนั้นก็ล่อลวงให้พวกเธอตกต่ำลง หรือไม่ก็ทำให้พวกเธอยอมจำนนด้วยยา ซึ่งก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวฉิงก็คือเป้าหมายของหลินเสี่ยวชวนกับฟู่หยิงเสี่ยว แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะเข้าโผล่เข้ามาทำลายแผนการของพวกเธอ
หลังจากได้หลักฐานมาแล้ว ฉินหลางนำงูพวกนี้ใส่กลับเข้าไปในกล่องเหล็กเหมือนเดิม จากนั้นก็โทรหาเถารั่วเซียง “ผมตัดสินใจแล้ว ผมควรจะเชื่อตำรวจ พวกเราเอาหลักฐานที่เรารวบรวมมาได้กับผู้หญิงสองคนนี้ไปให้ตำรวจกัน!”
“นาย…ไหนนายบอกว่าจะไม่บังคับพวกเราไง?” ฟู่หยิงเสี่ยวพูดกับฉินหลางด้วยความโมโห
“ใช่ ฉันไม่บังคับพวกเธอ แต่เ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับพวกเธอรึเปล่า อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉินหลางพูดอย่างนิ่งเรียบ “อ้อ หรือถ้าพวกเธออยากจะอยู่ที่นี่ นอนค้างคืนกับงูพวกนี้ ฉันก็ไม่มีปัญหานะ”
“นาย…นาย…” ฟู่หยิงเสี่ยวโมโหจนควันแทบจะออกหู ทว่าเธอกลับไม่กล้าะเิออกมาต่อหน้าฉินหลาง จริงอยู่ที่เธอเกลียดฉินหลาง แต่เธอกลัวเขามากกว่า กลัวว่าเขาจะปล่อยงูพิษออกมาเล่นงานพวกเธออีก
เถารั่วเซียงคิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้ พูดกับเขาด้วยความชื่นชม “ฉินหลาง ถูกแล้วที่ทำแบบนี้ เพราะแม้ว่าโลกใบนี้มีความมืดอยู่ เธอก็ต้องไม่หมดศรัทธาในแสงสว่าง”
“อาจารย์เถาพูดถูกครับ เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมถึงเปลี่ยนใจ เราออกไปแจ้งความที่สถานีตำรวจกันเลยดีกว่าครับ” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
เถารั่วเซียงพยักหน้า ทั้งคู่ตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความในสถานีตำรวจที่ใกล้โรงเรียนชีจงที่สุด
ตอนนี้เวลาทุ่มกว่าแล้ว ในสถานีตำรวจมีเพียงพนักงานที่เข้าเวรอยู่ เมื่อตำรวจหนุ่มที่เข้าเวรได้ยินว่าเถารั่วเซียงและฉินหลางมาแจ้งความเื่อะไร พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขอไปที “ในเมื่อเป็เหตุที่เกิดในพื้นที่วิทยาลัยศิลปะใต้หล้า ทำไมไม่ไปแจ้งความที่โน่นล่ะ?”
เถารั่วเซียงโมโหทันทีที่ได้ยิน “นี่! คุณตำรวจ คุณกำลังโยนงานให้โรงพักอื่นเหรอ!”
“คุณผู้หญิง ผมขอเตือนให้คุณหยุดพูดจาเหลวไหล!” ตำรวจยืนขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห “นี่ผมแค่ทำตามระเบียบ ผิดตรงไหนไม่ทราบ! อีกอย่าง ตำรวจจะทำงานยังไง คุณมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งด้วยเหรอ? ตอนแรก ผมยังคิดว่าจะช่วยติดต่อตำรวจที่อยู่โรงพักโน้น ให้ช่วยรับแจ้งความของพวกคุณ แต่ในเมื่อคุณไม่มีเหตุผลขนาดนี้ ก็ขอโทษด้วย พวกคุณหาทางเอาเองก็แล้วกัน!”
โอหัง!
ฉินหลางคิดไม่ถึงว่าเ้าหน้าที่ตำรวจเล็กๆ คนหนึ่งจะโอหังได้ขนาดนี้ ตอนที่เขาพูดเมื่อกี้ อารมณ์เหมือนเขาเป็าาอย่างนั้นแหละ
ฉินหลางตั้งใจจะโทรหาหวูเหวินเซี่ยง ให้ตำรวจคนนี้รู้ว่าอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนาาที่แท้จริงมันเป็ยังไง ทว่าเวลานี้เถารั่วเซียงหยิบมือถือมาโทรออกไปแล้ว “ฮัลโหล—หลูจินรึเปล่า ฉันเองเถารั่วเซียง…ผู้อำนวยการหลู ฉันมีปัญหาเล็กน้อยที่อยากให้คุณช่วย มีคดีหนึ่งมันค่อนข้างจะซับซ้อน ตอนแรกวันนี้ฉันอยากจะแจ้งความก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปคุยกับคุณ แต่ไม่คิดว่าตำรวจที่เข้าเวรอยู่ในโรงพักคุณไม่รับแจ้งความ…”
หนึ่งนาทีที่แล้ว ตำรวจที่เข้าเวรยังพูดอย่างยิ่งใหญ่ราวกับาาอยู่เลย พอได้ยินชื่อ “หลูจิน” เท่านั้นแหละ ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากเลยทันที เพราะว่าหลูจนเป็ผู้อำนวยการสถานีตำรวจนี้! ไม่มีอะไรได้ผลดีไปกว่าการทำงานในทันที เพราะการรับมือกับผู้บังคับบัญชาของตน ตำรวจที่เข้าเวรจะไม่กลัวได้ยังไง?
“เ้าหลี่ รีบไปรินน้ำชามาให้สหายทั้งสองสิ—ฉันไปเองดีกว่า ท่านทั้งสองเชิญนั่งครับ…”
ตำรวจที่เข้าเวรอยู่รีบสั่งผู้ช่วยตำรวจคนหนึ่งไปรินน้ำชามาให้เถารั่วเซียงกับฉินหลาง ทว่าเขากลับรู้สึกว่า ยังไม่เหมาะสม จึงรีบลุกไปรินน้ำชามาให้เถารั่วเซียงกับฉินหลางเอง พร้อมกับหาคนนำตัวฟู่หยิงเสี่ยวกับหลินเสี่ยวชวนเข้าไปสอบปากคำ เริ่มทำสำนวนคดี
ผ่านไปประมาณ 10 นาที รถตำรวจที่เปิดเสียงไซเรนคันหนึ่งก็มาถึง ตำรวจหนุ่มที่อยู่ในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามา เมื่อตำรวจที่เข้าเวรก่อนหน้านี้เห็นตำรวจหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามา รีบยืนขึ้นพลางกล่าว “ท่านผู้อำนวยการหลู ท่านมาแล้วเหรอครับ”
“ถ้าฉันไม่มา ภาพลักษณ์ของตำรวจก็ถูกนายทำลายหมดสิ!” หลูจินสั่งสอนตำรวจที่เข้าเวรอย่างมีคุณธรรม “มีคนมาแจ้งความทำไมถึงไม่รับเื่! …อย่าหาข้ออ้าง! นายรู้ไหมจุดประสงค์ของตำรวจคืออะไร—บริการประชาชน! กลับไปเขียนทบทวนความผิดหนึ่งหมื่นคำ พรุ่งนี้เช้า มาวางบนโต๊ะทำงานผม!”