หลินเซี่ยงตี๋เป็ผู้ไปตามหมอมา เขารีบพามาด้วยความรวดเร็ว
หมอผู้นั้นอายุไม่น้อยแล้ว เดินแทบไม่ไหวราวกับเวียนหัวจากการนั่งรถม้า
ทว่า ไม่มีใครให้เขาได้พักหายใจเลย ต่างรีบพาเขาเข้าไปหาหลินหร่านทันที
หมอเข้ามาตรวจชีพจรของหลินหร่าน อีกทั้งยังตรวจใบหน้าและดวงตาของเขาด้วย
จากนั้นเอามือลูบหนวดด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนเอ่ยตอบ “ทุกท่านไม่ต้องกังวล คุณชายน้อยแค่ใจึงใจสั่นและเป็ลมเท่านั้น รอเขาตื่นมาให้กินยาบรรเทาอาการก็ดีขึ้น”
หลังจากที่หมอกล่าวจบ หลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋จึงรู้สึกคลายความกังวลลง
อวี้ฉู่จาวหน้านิ่ง แม้อาจดูออกไม่ชัดเจน แต่ก็ยังมีท่าทีของความกังวลอยู่
หลังจากอวี้ฉู่จาวพยักหน้ารับ หลินเซี่ยงตี๋จึงได้พาหมอพื้นบ้านออกจากเรือน
หลินฮวาเหนียนอยู่ดูสักพัก แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะถามอะไรจึงออกไปจากห้อง เหลือเพียงอวี้ฉู่จาวกับหลินหร่าน
เมื่อออกมาข้างนอกหมอได้กลับไปแล้ว ส่วนคนอื่นไปเตรียมยากันเรียบร้อย
หลินเซี่ยงตี๋เห็นบิดาเดินออกมาจึงเอ่ยถาม ท่านอ๋องอยู่ดูแลหรือ?”
“ใช่ เฮ้อ” หลินฮวาเหนียนถอนหายใจแล้วพาหลินเซี่ยงตี๋เดินออกมาหาสถานที่มิดชิดก่อนเอ่ยปากพูด “ตอนแรกข้าคิดว่าที่ได้มาสู่ขอหร่านเอ๋อร์ ท่านอ๋องคงถูกฮ่องเต้บังคับ แต่มาเห็นวันนี้กลับไม่เป็เช่นนั้น ได้รับความรักความเอ็นดูจากท่านอ๋องนับเป็เื่ดี ตำแหน่งพระชายานี้ก็ถือว่าดี ทั้งหมดเป็เพราะความผิดของคนเป็พ่ออย่างข้า หร่านเอ๋อร์พบเจอเื่ยากลำบาก…แต่กลับกลายมาเป็เื่ดีเช่นนี้”
หลินฮวาเหนียนรู้สึกผิด แววตาเขาเต็มไปด้วยความอ่อนเพลียและเอาแต่โทษตนเอง
หลินเซี่ยงตี๋ตบหลังของผู้เป็พ่อเบาๆ เป็การปลอบใจ “ท่านพ่อไม่ผิดหรอก เื่เหล่านี้เป็เื่ที่คาดเดาไม่ได้ การได้กำจัดนางเว่ยออกไปก็ถือเป็การแก้แค้นให้กับเสี่ยวหร่าน ถึงแม้ว่าการอยู่ในวังจะไม่ใช่เื่ง่าย แต่ตำแหน่งพระชายาก็คงคุ้มกันเสี่ยวหร่านได้”
หลินเซี่ยงตี๋ก็พอจะมองออก เจ็ดปีมานี้น้องชายของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก หากเทียบกันคงดูขี้ขลาดกว่าเมื่อก่อนพอสมควร ถึงเขาจะพยายามเสแสร้งว่ากล้าหาญ แต่อย่างไรหลินเซี่ยงตี๋ก็มองออกถึงท่าทีระแวดระวัง
หลินหร่านเมื่อเจ็ดปีก่อนไม่ได้เป็เช่นนี้แม้แต่น้อย แม้จะไม่มีมารดา แต่ก็มีความรักจากบิดากับพี่ชายอย่างเขาทำให้เป็เด็กร่าเริงสดใส
แต่ว่าหลินหร่านในตอนนี้...คงไม่ต้องพูดถึง
หลินเซี่ยงตี๋คิดว่า การที่หลินหร่านเปลี่ยนไปเช่นนี้เป็เพราะนางเว่ยทำร้ายและคอยกลั่นแกล้ง ทำให้น้องชายตัวน้อยของเขาแบบก่อนหน้านี้หายไป
“แต่ดูท่าทางแล้ว ท่านอ๋องดูรักเสี่ยวหร่านของพวกเรามาก ภายภาคหน้าคงไม่เจอเื่ลำบากอะไรหรอก ท่านพ่อรอดูต่อไปดีกว่า”
หลินฮวาเหนียนกับบุตรชายที่อยู่ข้างนอกต่างถอนหายใจด้วยความเศร้าสร้อย
.........
ในห้อง อวี้ฉู่จาวมองหลินหร่านที่นอนขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกปวดใจ
อวี้ฉู่จาวจับมือหลินหร่าน ยกขึ้นมาที่ริมฝีปากแล้วจูบแ่เบา
ถึงจะปวดหัวใจอย่างไร แต่อวี้ฉู่จาวไม่เสียใจเลยที่ให้หลินหร่านมาเผชิญหน้ากับเื่นี้ เพราะว่าเขาอยากให้หลินหร่านเติบโตขึ้น
ก้าวแรกต้องก้าวออกมาให้สำเร็จ เขาจะคอยอยู่เื้ัและเป็ที่พึ่งให้หลินหร่าน แต่เขาไม่อาจเป็ไม้พยุงช่วยเดินได้ อีกฝ่ายต้องก้าวเดินด้วยตนเองมันถึงจะถูก
แต่ไม่ว่าวันนี้จะเป็เช่นไร นางเว่ยก็ควรถูกกำจัด ต่อจากนี้ตระกูลหลินคงไม่มีเื่วุ่นวายอะไรเกิดขึ้นอีก หากเป็เช่นนั้น วันงานอภิเษกสมรสของพวกเขาก็คงสามารถกำหนดวันได้แล้ว
หลังจากนั้นหมอหลวงก็มาถึง
อวี้ฉู่จาวให้หมอหลวงเข้ามาตรวจหลินหร่าน ซึ่งผลลัพธ์ไม่ต่างจากหมอคนก่อน จึงให้คนไปนำยามาจากในวัง
.........
ด้านนอก
เื่ราวในวันนี้ที่อวี้ฉู่จาวมาจวนแม่ทัพฮวาเวยเพื่อฟ้องร้องฟูเหริน ไม่นานก็ไปถึงหูของอวี้ฉู่ซวนที่อยู่ในวัง
ฮ่องเต้ฉงเต๋อที่ได้รับรู้เื่นี้ด้วยกับอวี้ฉู่ซวนต่างประหลาดใจเป็อย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ทราบว่าต้นเหตุของเื่วุ่นวายมาจากอะไร
จ้านหวังเคยกล่าวไปแล้วว่าตนเองกับว่าที่พระชายาในอนาคตกำลังศึกษาเรียนรู้กันและกัน การที่ออกหน้าปกป้องนั้นจึงถือว่าไม่ใช่เื่ผิด
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ฉงเต๋อไม่ได้ใส่ใจเื่เหล่านี้เท่าไรนัก ไม่ว่าอวี้ฉู่จาวจะปฏิบัติต่อพระชายาคนใหม่อย่างไร อย่างน้อยพระองค์ก็ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
หากไม่มีเื่ในวันนี้ แล้วรอหลังวันจัดงานอภิเษกสมรส ความสัมพันธ์ของอวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านจะดีหรือไม่ เดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวกับพระองค์อยู่แล้ว
ดังนั้น ข่าวลือที่บอกว่าท่านอ๋องผู้นี้หลงรักพระชายาองค์ใหม่มากนั้น ในสายตาของฮ่องเต้ฉงเต๋อคงไม่มีอะไรมากไปกว่าความรักวัยรุ่น
นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ยินมาอีกว่า แม้หลินหร่านจะมีชื่อเสียงในทางไม่ค่อยดี แต่ก็เป็หนุ่มน้อยที่งดงามราวกับหยกอันล้ำค่า มีบุคลิกดีท่าทางสง่างาม
อวี้ฉู่จาวยังอายุน้อย เป็่ที่อยู่ในวัยที่เต็มไปด้วยความรู้สึก การมีความรู้สึกรักใคร่ต่อผู้คนนับว่าเป็เื่ธรรมชาติ และคงไม่แปลกหากจะรู้สึกเช่นนั้นกับหลินหร่าน
อีกทั้งหากอวี้ฉู่จาวพึงพอใจในตัวหลินหร่าน พอใจในงานอภิเษกสมรสครั้งนี้ นั่นก็ถือเป็ผลดีต่อฮ่องเต้ฉงเต๋อ ความรู้สึกผิดต่ออวี้ฉู่จาวที่มีอยู่ในใจจะได้บรรเทาลง
ทางด้านอวี้ฉู่ซวน
การที่อวี้ฉู่จาวไม่ได้รังเกียจหลินหร่านแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกอึดอัดใจกับว่าที่พระชายาคนนี้ นี่เป็เื่ที่ทำให้อวี้ฉู่ซวนไม่พอใจเป็อย่างมาก
แต่หากมาคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว การที่มีภรรยาเป็ชายก็ถือเป็การตัดเื่มีทายาทและตัดคุณสมบัติในการจะขึ้นเป็รัชทายาทของอวี้ฉู่จาวลง ทำให้อวี้ฉู่จาวกลายเป็ตัวตลกและถูกตัดโอกาส
รักพระชายาแล้วมันอย่างไรล่ะ?
เพราะอย่างไรอวี้ฉู่ซวนก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่ยังไม่ค่อยจะสุขใจสักเท่าไรนัก
สำหรับฝั่งของอวี้ฉู่จาว เขาได้คาดคะเนเกี่ยวกับความคิดของคนพวกนี้ไว้แล้ว จึงได้ตั้งใจเปิดเผยเื่ของเขากับหลินหร่านในเวลานี้
อีกเื่หนึ่งก็คือ เขาไม่เคยแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะเกรงว่านางเว่ยจะสืบเสาะหาความจริงพบ หากเป็เช่นนั้นคงยากที่จะกำจัดนางให้หมดสิ้น
แน่นอนว่าในตอนแรก อวี้ฉู่จาวอยากที่จะสังหารนางเว่ยเงียบๆ แต่เนื่องด้วยนางเว่ยเป็คนของตระกูลหลิน นับว่ามีความสัมพันธ์กับหลินหร่าน และเขายัง้าที่จะสอนให้หลินหร่านรู้จักเป็คนใจร้าย ได้รู้ว่านี่คือการปกป้องตนเอง
เพราะอย่างนั้น หากใช้วิธีลอบสังหารเงียบๆ วิธีนั้นคงไม่เหมาะสำหรับใช้ฝึกความเป็ผู้ใหญ่ของหลินหร่าน
…….
หลินฮวาเหนียนหย่ากับนางเว่ยเรียบร้อย
หลินเหลียงถูกเฆี่ยนตี ส่วนหลินเสี่ยวฉีโดนกักขัง ให้เวลานางได้คิดทบทวน
จนถึงตอนนี้ เื่ราววุ่นวายของตระกูลหลินตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมานับว่าสิ้นสุดเสียที
หลินหร่านสลบไปเกือบสองชั่วยามแล้วก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา อวี้ฉู่จาวกังวลเป็อย่างมากจึงให้หยางซานไปตามซูชิงเฟิงมา
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัยเถิด คุณชายน้อยไม่ได้เป็อะไรมาก หากฟื้นขึ้นมากินยาแล้วพักผ่อนเพียงพอก็จะดีขึ้นเองพ่ะย่ะค่ะ” ซูชิงเฟิงยกพัดขึ้นมาโบก นั่งเฝ้าอยู่ข้างกายพร้อมเอ่ยกับจ้านหวังเป็ครั้งที่สอง
“เปิ่นหวังรู้” อวี้ฉู่จาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเ็า
หลังจากนั้น หลินเซี่ยงตี๋ก็เดินเข้ามา
“ท่านอ๋อง” หลินเซี่ยงตี๋โค้งคำนับถวายความเคารพ “ท่านอ๋องเชิญเสวยอะไรสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้เลยยามอู่1 มาแล้ว”
ก่อนหน้านี้หลินฮวาเหนียนก็ได้เข้ามาบอกไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อวี้ฉู่จาวปฏิเสธ ครั้งนี้จึงให้หลินเซี่ยงตี๋เป็คนเข้ามา
“ไม่ต้องเป็ห่วงหรอก เปิ่นหวังไม่หิว” เขายังคงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเ็าเช่นเคย
ซูชิงเฟิงที่เห็นอวี้ฉู่จาวมีท่าทีเช่นนี้ก็ได้แต่ส่ายหัว เขาหันไปมองหน้าหลินเซี่ยงตี๋ราวกับรู้กัน แล้วทั้งคู่ถึงเดินออกมา
“ให้เวลาพวกเขาหน่อยเถิด หากคุณชายน้อยฟื้นขึ้นมาคงจะดีขึ้น” ซูชิงเฟิงโบกพัดไปมาพร้อมบอก “ข้าคงไม่รบกวนแล้ว ขอลา”
หลังจากนั้น ซูชิงเฟิงยกมือประสานคำนับแล้วเดินออกไป ใบหน้าเขาระบายยิ้มอ่อนๆ ในมือก็ยกพัดขึ้นมาโบกไปมา
หลินเซี่ยงตี๋มองท่วงท่าของซูชิงเฟิง รวมถึงชุดเสื้อแขนยาวผ้าซาตินสีเขียวอ่อนที่พลิ้วไหวไปกับสายลมและแสงแดดอันอบอุ่นในฤดูหนาว ราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน เป็ดั่งเทวดารูปงาม
หลินเซี่ยงตี๋มัวแต่ตะลึงงันจนลืมคำนับกลับ เขาเหม่อมองคนที่งดงามราวกับเทวดารูปงามค่อยๆ เดินจากไป
ภาพที่ตราตรึงอยู่ในใจของหลินเซี่ยงตี๋ในตอนนี้ คือภาพของซูชิงเฟิงที่งดงามเหมือนภาพวาด ระบายยิ้มอ่อนๆ พลางยกพัดด้ามยาวขึ้นมาโบกเบาๆ
หลินเซี่ยงตี้ไม่รู้ว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงต้องหยิบพัดขึ้นมาใช้ในฤดูหนาวด้วย แต่สิ่งที่เขารู้คืออีกฝ่ายช่างเกิดมางดงามแตกต่างจากคนทั่วไปเสียจริง
--------------------------------
1 ยามอู่(午)คือ ่เวลา 11.00 – 12.59 น.