เหยียนชิงกวาดสายตามองขวดเล็กๆ ที่มีลวดลายประณีตเ่าั้ ใบหน้าและหูแดงระเรื่อ เหงื่อซึมออกมาจากด้านหลังพลันรีบส่ายหน้า
“ข้าไม่ชอบอันไหนทั้งนั้น!”
ใครจะเลือกกัน? เขาไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย
แววตาของเว่ยซูหานหม่นหมองลง พลางกัดติ่งหูเขาหนึ่งครั้ง
“มิเช่นนั้นเ้าจะเจ็บมาก ข้าสงสาร เด็กดี เลือกสักอันเถอะ หรือไม่ก็มาลองแบบเดียวกันไปเลย”
เหยียนชิงเบี่ยงหน้าไปพลางเอามือยันหน้าอกของอีกฝ่าย “เ้าบอกว่ารอให้ข้าผ่านพิธีสวมกวานก่อนไม่ใช่หรือ...”
เว่ยซูหานยกมือขึ้นบีบคางของเขาเล็กน้อย จ้องเขม็งไปที่ดวงตาที่เขินอายปนประหม่าของเขา
“ข้าไม่รอแล้ว ตอนนี้อยากข้ากอดเ้า เหยียนชิง”
เหยียนชิงขมวดคิ้วด้วยความเ็ป “เ้าโกรธหรือ?” คนที่เชื่อฟังเขาทุกอย่างเวลาโกรธขึ้นมาช่างน่ากลัวจริงๆ
เว่ยซูหานพยักหน้า “ใช่”
เหยียนชิง “ขอโทษ อื้อๆ...”
เว่ยซูหานจูบคนตรงหน้าอยู่นานถึงได้ปล่อย
“ข้าไม่ยอมรับคําขอโทษ ชิงเอ๋อร์ หลังจากคืนนี้พวกเราจะมีชีวิตที่ดี เ้าเชื่อฟังข้า ปล่อยให้ข้าทำก็พอแล้ว เ้ามิต้องกังวลมากเกินไป”
“เ้า... มิใช่ว่าข้า...”
หน้าผากของเหยียนชิงมีเหงื่อผุดขึ้นมา หลังจากกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหลายรอบก็พยายามอธิบายให้เขาฟัง เมื่อเว่ยซูหานแข็งแกร่งขึ้นมาเขาก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เว่ยซูหานกดคนตรงหน้ามาที่อก
“ข้ารู้ว่าเ้าทำเพื่อข้า แต่สิ่งที่ข้า้ามากที่สุดในตอนนี้คือเ้า ข้ารอการยอมรับจากเ้าได้ และเ้าไม่ควรยัดคนเข้าไปในห้องของข้า”
“ข้า ข้าจะไม่ทำอีก...” เหยียนฉิงตัวแข็งทื่อ ก่อนจะผลักเขา “เ้าใจเย็นก่อน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ต่อไป...”
เว่ยซูหานกล่าว “เ้ากลัวข้าหรือ?”
“ไม่... ไม่” คนที่เครียดจนเหงื่อแตกพลั่กส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าแค่ยังไม่พร้อม...”
อย่าว่าแต่ร่างกายที่ทนรับไม่ได้เลย แม้แต่จิตใจของเขาก็ยังยากจะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ หลังจากถูกกดทับเขาก็ไม่มีโอกาสพลิกตัวแล้ว นี่คือเว่ยซูหานภรรยาที่แสนดีของเขาหรือ
เว่ยซูหานยิ้มต่ำ “ไม่เป็ไร ข้าพร้อมแล้ว ข้าจะอ่อนโยน...”
เหยียนชิงที่ถูกเขากดทับไว้ ยังไม่ยอมแพ้ “ไม่มีที่ว่างให้เจรจากันเลยหรือ?”
“ไม่” เว่ยซูหานให้คำตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “แม้ว่าเ้าจะหย่ากับข้าในวันพรุ่งนี้ ข้าก็ต้องสานต่อให้จบ”
"..." เหยียนชิงกัดริมฝีปากอย่างแรง เมื่อคนผู้นี้ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาก็ทำอะไรไม่ได้
เว่ยซูหานเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคิดจะขัดขืน ร่างกายของเขาก็พลันกดคนที่อยู่ข้างล่างแน่นขึ้น
“พวกเราแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ถึงเวลาร่วมเตียงอย่างเป็ทางการ”
“ได้ทีละพูดคำใหญ่โตเลยนะ...”
เหยียนชิงจะทำอย่างไรได้ ได้แต่ทนรับได้ ทั้งที่มีชีวิตมาสองชาติ แต่กลับต้องตกมาอยู่ในกำมือของเว่ยซูหาน
ในสมัยโบราณ คืนฤดูใบไม้ผลิจะยาวนานเป็พิเศษ แม้เว่ยซูหานจะยับยั้งชั่งใจได้ แต่เหยียนชิงก็ยังถูกทรมานจนแทบสำลัก ตอนที่มารดาตั้งครรภ์เขา นางร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้นั้แ่เล็กร่างกายของเหยียนชิงจึงแข็งแรงไม่เท่าคนอื่น เขาเหนื่อยล้าราวกับต่อสู้กับเว่ยซูหานมาทั้งคืน ิญญาทั้งร่างหลุดออกจากร่าง กว่าจะตื่นก็เป็เวลาสายแล้ว
วันนี้เว่ยซูหานรีบกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากออกจากบ้านแต่เช้า เหยียนชิงที่หน้าบาง แม้ต้องเผชิญหน้ากับคนใกล้ชิดก็ยังไม่อาจทำได้ เว่ยซูหานจึงไล่อิ้งหลีและคนอื่นๆ ที่เฝ้าอยู่ในห้องตนออกไป พลันจับมือของเหยียนชิงขึ้นมาพร้อมกับนวดให้เบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เหยียนชิงลืมตาขึ้นมาก็เห็นคนที่ดูสดชื่นไม่มีความคับข้องใจเหมือนเมื่อหลายวันก่อนเลย รอยยิ้มประจบสอพลอของเขาเกือบจะฉีกถึงรูหูแล้ว
นี่มันหมาป่าอวดหาง[1] ชัดๆ เหยียนชิงให้คำนิยามแก่เขาเช่นนี้ พูดตามตรง ฝ่ายที่ต้องอยู่ข้างล่างมันช่างทุกข์ทรมานจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร อาจเป็เพราะเป็คนที่ชอบด้วยล่ะมั้ง ทำก็ทำแล้ว คงไม่มีอะไรให้เสแสร้ง เพียงแต่ภรรยาของเขาหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ ต่อไปควรทำอย่างไรดี?
“ชิงเอ๋อร์เ้าตื่นแล้ว ข้าจะยกอ่างมาให้เ้าล้างหน้าล้างตา กินข้าวแล้วนอนต่อเถอะ วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ไม่ต้องทำงานแล้ว รอบแรกจะอึดอัดหน่อย ต่อไปก็ชิน”
เว่ยซูหานยิ้มตาหยีประคองเหยียนชิงลุกขึ้นมาพิงหัวเตียง ยกอ่างน้ำที่เตรียมไว้มาเช็ดหน้าให้เขา
“แค่ก...” เหยียนชิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามา “ข้าจะทำเอง เ้าไปชงชาให้ข้าที ข้าเจ็บคอ ใส่ใบสะระแหน่ให้ข้าด้วย”
เสียงแหบแห้งเช่นนี้ ทำให้เขาอับอายยิ่งนัก
เว่ยซูหานตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ”
หลังจากล้างหน้าล้างตาและกินอาหารเสร็จแล้ว เหยียนชิงก็มีแรงขึ้นมาบ้าง ทว่าใบหน้าของเขายังคงซีดเผือด เว่ยซูหานนั่งอยู่ข้างเตียงเพื่อพูดคุยกับเขา ั้แ่เมื่อครู่เขาก็เอาแต่ลูบฝ่ามือตนตลอด แม้จะดึงมือกลับมาก็ยังไม่ยอมปล่อย จึงได้แต่พูดอย่างจนปัญญาว่า
“เ้าถูมือข้าจนชาไปหมดแล้ว... ข้าไม่มีอะไรทำ เดี๋ยวข้าจะพักผ่อนอยู่ในห้องนี้ ถ้าเ้ามีอะไรต้องไปจัดการก็ไปทำเถอะ”
พูดจบก็ล้มตัวลงพลันรู้สึกปวดหลังอยู่ไม่น้อย
“วันนี้ไม่มีอะไรต้องทำ ข้าจะอยู่เป็เพื่อนเ้า”
เว่ยซูหานยังคงจับมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ผ่านไปสักพักก็ถามอย่างลังเลว่า
“ชิงเอ๋อร์ เ้าแอบไปเรียนวรยุทธ์มาใช่ไหม”
หลังจากกอดมาทั้งคืน เขาก็ััได้ว่าร่างกายของเหยียนชิงมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ความยืดหยุ่นของร่างกายและชั้นไหมบางๆ บนฝ่ามือนั้น แม้ว่าจะเป็การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หากไม่สังเกตก็อาจจะไม่รู้ โดยเฉพาะเหยียนชิงในตอนนี้อยู่ในระยะที่ร่างกายกำลังเติบโต ทว่าเขาที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาั้แ่เด็กนั้น เข้าใจเื่เช่นนี้เป็อย่างดี
เหยียนชิงดึงมือกลับ พลางคิดในใจว่าเขาช่างเป็คนรอบคอบจริงๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังและตอบกลับไปตรงๆ
“เหตุใดข้าต้องแอบ ข้าเรียนอย่างเปิดเผยไม่ได้หรือ?”
“ได้” เว่ยซูหานหัวเราะ “ถ้าเ้าอยากเรียนวิชายุทธ์ก็บอกข้า ข้าจะสอนเ้าเอง”
“ไม่เอา” เหยียนชิงปฏิเสธ
“ข้าแค่ฝึกร่างกายให้แข็งแรงเท่านั้น ขอคำชี้แนะจากเฉินเซียงและอิ้งหลีก็พอ เ้าไม่ต้องสอนหรอก”
เขานับว่าเป็อาจารย์จากเมืองหลวง ทิศทางและวิธีการเรียนรู้ล้วนแตกต่างจากเว่ยซูหานโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะร่างกาย
“ข้าจะสอนแบบง่ายๆ ให้เ้า...”
เว่ยซูหานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อถูกเขาปฏิเสธตรงๆ เหยียนชิงน่าจะฝึกยุทธ์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับปิดบังเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เหยียนชิงของเขายังมีเื่อีกมากน้อยเพียงใดที่ปิดบัง?
“เ้าไปทำงานของเ้าเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า”
เหยียนชิงจ้องตาเขา คิดไปคิดมาก็พยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ซูหาน เ้าอยากทำข้าก็ยอมเ้าแล้ว ต่อไปถ้ามีอะไรข้าจะพยายามบอกเ้า แต่บางเื่เ้าช่วยตามใจข้าได้หรือไม่?”
ถ้าคนผู้นี้ไม่ให้ความร่วมมือ เขาก็จัดการได้ยาก
เว่ยซูหานกอดคนตรงหน้าพลางพยักหน้า “ได้ ขอเพียงข้าทำได้ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเ้า”
“ตกลง เ้าทำได้แน่นอน” เหยียนชิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“สามวันให้หลัง ในฐานะพ่อค้าส่งสินค้าให้ราชวัง ขบวนสินค้าตระกูลเหยียนจะเดินทางไปส่งเสบียงที่ด่านชายแดนทางเหนือเป็ประจำ ท่านตี้จวินอยากปลอบขวัญทหารชายแดน จึงอยากส่งของขวัญไปให้ เ้าไปสักคราดีหรือไม่?”
ตอนนี้ทหารที่ชายแดนทำาอย่างหนัก โดยเฉพาะ่หลังฤดูใบไม้ร่วงที่ใกล้ฤดูหนาว การเดินทางครั้งนี้ในชาติก่อนเป็หน้าที่ของเหยียนิฮ่วน ระหว่างทางพวกเขาถูกซุ่มโจมตีในหุบเขาที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของด่านเทียนม่านทางทิศเหนือ แม่ทัพผู้รักษาทางเข้าของด่าน รองแม่ทัพฮั่วหยางอดีตสหายร่วมงานของแม่ทัพเว่ย สละชีพเพื่อช่วยเหลือเหยียนิฮ่วน
หลังจากเหตุการณ์นั้น แม้กำลังเสริมจะมาถึงจับทหารของแคว้นต่างแดนและสังหารคนกลุ่มนั้นไปจนหมด แต่การเสียสละของแม่ทัพชายแดนกลับทำให้ตี้จวินเดือดดาล เพื่อตั๊กแตนตัวน้อยๆ ของตระกูลเหยียนกลับทำให้เขาต้องสูญเสียบุคคลเสาหลักในการค้ำยันแคว้นให้มั่นคงอีกหนึ่งคนไป อย่างไรเสียในมุมมองของฮ่องเต้ คุณชายเสเพลคนหนึ่งจะเทียบเคียงกับแม่ทัพผู้รักษาประตูแดนได้อย่างไร หากจะชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียเขายอมให้เหยียนิฮ่วนตายไปยังจะดีกว่า
ชายเ้าชู้มีเกลื่อนถนน แต่แม่ทัพนั้นหาได้ยากนัก โดยเฉพาะหลังจากที่ตระกูลเว่ยตกต่ำลง แม่ทัพที่แข็งแกร่งนับวันก็ยิ่งน้อยลง ทั้งกองทหารเก่าของแม่ทัพเว่ยนั้นก็ล้วนเ็ายากที่จะเปิดใจ หากมองอีกมุมความมั่นคงของจิตใจทหารก็แย่ลงเช่นกัน
เหยียนิฮ่วนดีแต่ปาก แต่ไม่รู้วรยุทธ์ ทั้งสมองก็ไม่ค่อยฉลาดนัก หากพอมีกำลังสักนิดก็คงไม่ทำให้แม่ทัพฮั่วหยางต้องตาย
แต่เว่ยซูหานนั้นต่างออกไป ด้วยกำลังของเว่ยซูหานในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ฮั่วหยางรอดตาย แต่ยังจะเป็กำลังช่วยเขาได้อย่างดี ทั้งเว่ยซูหานเอง ก็ติดตามแม่ทัพเว่ยมานาน ไม่ต้องรอกำลังเสริมก็เกรงว่าคงสามารถกำจัดทหารที่ซุ่มโจมตีได้โดยสูญเสียเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชาติที่แล้วเหยียนชิงรู้จากประวัติศาสตร์เื่าชายแดนว่าครั้งนั้นเป็าที่มีคนจำนวนสองร้อยกว่าคนแม้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงเป็าก็ล้วนสร้างความตื่นตะลึงให้ตี้จวินได้
หากเว่ยซูหานสามารถ “จับพลัดจับผลู” เข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ก็จะสามารถลดความเสียหายจากาได้เช่นกัน ไม่เพียงแต่รู้จักกับทหารเก่าของแม่ทัพเว่ยอีกครั้งเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านทหารของเขาอีกด้วย ตอนนี้เป็่ที่แม่ทัพหาได้ยาก แม้ตี้จวินจะไม่พูดหรือแม้แต่ตำหนิเว่ยซูหานที่ไม่รู้จักลำดับความสำคัญ แต่ในใจก็ต้องมีข้อพิจารณาอยู่ไม่น้อย หากทำตามกฎก็จะทำให้คนตาย แต่หากละเมิดกฎคนก็รอด
เหยียนชิงไตร่ตรองมาตั้งนานแล้ว เว่ยซูหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกถึงาครั้งก่อน ตอนนั้นเหยียนิฮ่วนหนีเอาตัวรอดกลับมา มิหนำซ้ำยังเล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจถึงประสบการณ์อันตรายที่พบ สุดท้ายก็ทำให้ฮั่วหยางที่เป็ทหารเก่าของแม่ทัพเว่ยตาย ครั้งตอนที่เขาติดตามบิดาที่ด่านชายแดนก็เคยพูดคุยกับแม่ทัพฮั่วหยางมาบ้าง ในตอนนั้นคนที่เขาอยากให้ตายก็คือเหยียนิฮ่วน
เว่ยซูหานหลุบตาลงครุ่นคิด เหยียนชิงกำมือแน่นรอคำตอบจากเขา เขาไม่อยากให้เว่ยซูหานไปเสี่ยง แต่การเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้กลับจําเป็อย่างยิ่ง โอกาสที่จะตกอยู่ในอันตรายนั้นหาได้ยาก เขาจะบอกกับจิงโม่ว่า หากเว่ยซูหานตกอยู่ในอันตรายก็ให้จิงโม่ยื่นมือไปช่วยเหลือ หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของฮั่วหยางได้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
“ซูหาน...”
“ข้าจะไป”
เว่ยซูหานเงยหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็ประกายจับจ้องไปที่ใบหน้าของเหยียนชิง
ไม่ใช่ว่าเขาใจร้อนเกินไป แต่เื่ที่เขารู้ล่วงหน้ามามากมายนั้นนับวันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น การเตรียมการของเหยียนชิงที่ดูสมเหตุสมผลและไม่ใส่ใจ เมื่อรวมกับนิสัยของเขาแล้วรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย
เหยียนชิงละสายตาจากเขาแล้วกล่าวว่า “การไปครั้งนี้จะมีโอกาสได้เจอทหารเก่าของพ่อเ้า ให้พวกเขาได้เจอเ้าก็ดีแล้ว”
“แค่นี้เองหรือ?”
เว่ยซูหานถามกลับ พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ
เหยียนชิงเม้มปาก “แล้วจะอย่างไรอีก”
เว่ยซูหานใช้สองมือสางผมแล้วกล่าวว่า
“ชิงเอ๋อร์ เ้าสามารถวางแผนเื่ที่เ้าไม่เคยได้เจอมาก่อน และยังเข้าใจเหตุผลทุกอย่างเป็อย่างดี”
เื่นี้เขาคิดอยู่ว่าจะหาข้ออ้างออกเดินทางไปชายแดนกับเหยียนชิงอย่างไร แต่เหยียนชิงได้เตรียมการไว้ให้เขาแล้ว ดูจากน้ำเสียงแล้ว คนผู้นี้คงรู้อยู่แล้ว
เหยียนชิงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็เกือบจะปฏิเสธออกไป แต่ดีที่ยังอดกลั้นไว้ได้ และมองเขากลับด้วยรอยยิ้ม
“บางทีข้าอาจจะหยั่งรู้การณ์ข้างหน้าก็ได้ เ้าเชื่อหรือไม่”
[1] หมาป่าอวดหาง เพราะกลัวคนอื่นจะมองข้ามหรือมองไม่เห็นตน