เว่ยซูหานจ้องเขาอยู่นานก่อนจะพยักหน้า “เชื่อเถอะ ดังนั้นไม่ว่าเ้าจะพูดอย่างไร ข้าก็จะทำตามทั้งนั้น”
ดวงตาของคนรักเป็ประกายยิ่งทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้
เหยียนชิงยังคงพูดแทรกขึ้นมา “จะเชื่อหรือไม่ก็ช่างเถอะ แค่เพียงเ้าเชื่อว่าข้าจะไม่ทำร้ายเ้าก็พอแล้ว”
เขาอยากจะบอกเว่ยซูหานทุกอย่างที่เขารู้ ทั้งเื่ที่เขามาเกิดใหม่ด้วย แต่หากพูดออกไปอย่าว่าแต่ตัวแปรมากมายเลย เกรงว่าเว่ยซูหานก็คงรับไม่ได้หรอก นี่มันลึกลับเกินไป
“ข้ารู้”
เว่ยซูหานหัวเราะอย่างเอ็นดู แต่ในดวงตากลับมีสิ่งที่เหยียนชิงไม่เข้าใจวาดผ่าน เหยียนชิงมีความลับที่เขาไม่รู้ ในเื่ข้อมูลอาจมีการช่วยเหลือจากภายนอก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางรู้มากขนาดนี้
หลังจากข่าวที่เว่ยซูหานจะพาขบวนสินค้าไปยังชายแดนทางเหนือแพร่สะพัดออกไป ยิ่งเื่นี้ไม่มีใครคัดค้าน เหยียนิฮ่วนยิ่งฮึกเหิม เพราะการเดินทางครั้งนี้ระยะทางห่างไกลยิ่งนัก ยิ่งเป็ทิศเหนือด้วยแล้ว ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ชาติที่แล้วหากไม่ใช่เพราะตำแหน่งผู้นำตระกูลเหยียน เหยียนิฮ่วนก็คงไม่ยอมไปเป็แน่ ตอนนี้เหยียนชิงส่งต่อให้เว่ยซูหานไป ครอบครัวของฮูหยินใหญ่ล้วนชื่นชมว่าคุณชายใหญ่จัดการได้เหมาะสม
เมื่อเหยียนชิงและเว่ยซูหานเห็นใบหน้าที่เสแสร้งของพวกเขา ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่คราวนี้ฮูหยินเหยียนนางเริ่มจะกังวลแล้ว แต่หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา เมื่อทั้งสองได้อธิบายแผนการของพวกเขาแล้ว ฮูหยินเหยียนถึงได้ผ่อนคลายลง นางััได้ว่าเหยียนชิงมีความคิดที่รอบคอบ เมื่อคิดได้เช่นนั้น รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“ในเมื่อพวกเ้ารู้ดี ข้าก็ไม่อยากพูดมาก เอาล่ะ ชิงเอ๋อ เ้าออกไปเถอะ ข้ามีเื่จะคุยกับซูหานตามลำพัง”
เหยียนชิงมองเว่ยซูหานแล้วมองมารดาก่อนจะพยักหน้าอย่างฝืนใจ “...เอ่อ ขอรับ”เหยียนชิงไม่รู้ว่าฮูหยินเหยียนจะพูดอะไรกับเว่ยซูหานตามลำพัง ตัวเว่ยซูหานเองก็ไม่รู้เช่นกัน ดังนั้นหลังจากเหยียนชิงออกไปแล้ว เว่ยซูหานจึงได้แต่ก้มหน้ารอฟังสิ่งที่ฮูหยินเหยียนจะพูด
“อะแฮ่ม” ฮูหยินเหยียนกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ซูหาน เดินทางไปครั้งนี้เ้าต้องระวังให้มาก แม้ชิงเอ๋อร์จะไม่แสดงออก แต่ในใจเขาก็ต้องกังวลมาก เ้ารีบไปแล้วรีบกลับ อย่าให้เขาเป็ห่วงมากจนเกินไป...”
เว่ยซูหานพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณท่านแม่ที่แนะนำ”
แม้ว่าเหยียนชิงไม่ได้แสดงออกว่าเป็ห่วงเขา แต่เขาก็รู้ดี
“อีกอย่าง...” ฮูหยินเหยียนมองไปที่เขาด้วยสายตาลังเลก่อนจะกล่าวว่า
“ตอนนี้เห็นพวกเ้ารักกันดี คนเป็แม่ก็ปลื้มใจ แต่... ข้าเห็นว่าหลายวันมานี้ชิงเอ๋อมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก คล้ายกำลังคับข้องใจอะไรสักอย่าง เดิมทีเื่ส่วนตัวเช่นนี้ข้าไม่ควรถามแต่พวกเ้าเป็เหมือนคู่ที่ปะเคลือบด้วยกาว คอยควบคุมตัวเองหน่อยก็ดี ชิงเอ๋อยังเยาว์วัย ร่างกายอ่อนแอกว่าเ้า อย่าหักโหมเกินไป”
“แค่กๆ”
เว่ยซูหานยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว อันที่จริงเขาควบคุมตัวเองได้ดีมาก เพียงแต่สองวันมานี้เหยียนชิงนอกจากจะรู้สึกไม่สบายแล้ว ยังกังวลเื่การเดินทางของเขาด้วย ดังนั้นจิตใจจึงค่อนข้างย่ำแย่ อันที่จริงเื่อื่นก็ไม่เป็ไร ร่างกายของเหยียนชิงเขาใส่ใจมาโดยตลอด อีกอย่าง ต่อให้เขาอยากร่วมเตียงด้วยเหยียนชิงก็ไม่ยอม หลายวันมานี้นับว่าเหยียนชิงอดทนกับเขาในหอชิงเฟิงมามากพอแล้ว
ฮูหยินเหยียนเห็นอีกฝ่ายกระอักกระอ่วน จึงหยุดกำชับ และค่อยๆ ปลอบใจเขาแทน
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้รู้ความ แต่ไม่ได้จะตำหนิเ้า แม่เองก็คิดเผื่อวันข้างหน้าของพวกเ้า ร่างกายของชิงเอ๋อเป็อย่างไรเ้าและข้าก็รู้ดี หากบำรุงร่างกายให้ดีต่อไปก็จะได้สบายใจไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ ในการใช้ชีวิตจริงไหม?”
เว่ยซูหาน “ขอรับ”
ฮูหยินหยานพยักหน้า “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ไปเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”
“เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน”
ตอนที่เว่ยซูหานออกมา เหยียนชิงเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา เมื่อเดินออกจากเรือนหลานถิงจึงเอ่ยถาม
“แม่บอกอะไรเ้า เหตุใดถึงได้ดูแปลกๆ?”
เว่ยซูหานใช้มือยาวจับเอวเขาก่อนจะก้มหน้ากัดหูของเขา “ถ้าข้าพูด เ้าอาจจะตีข้า”
เหยียนชิงรู้สึกสงสัย คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามเสียงเบาว่า “หรือว่านางจะรู้เื่ที่ข้ายัดเยียดภารกิจนี้ให้เ้า?”
ถ้าเื่นี้ท่านแม่รู้คงโกรธมาก
เว่ยซูหานคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มยกมือขึ้นหยิกแก้มเขา “รู้แล้ว แล้วเ้ากลัวหรือ”
เหยียนชิงคอกระตุกไปหนึ่งที “ข้าไม่กลัวหรอก” อย่างมากก็แค่ถูกท่านแม่ตำหนิแล้วยอมรับผิดเท่านั้น
เว่ยซูหานส่งเสียงจุ๊ๆ เบาๆ “เห็นชัดๆ ว่าทำผิด เหตุใดถึงดูมั่นใจได้ขนาดนี้?”
เหยียนชิงตอบโต้อย่างไม่เต็มใจ “ถ้าข้าไม่ได้ทำผิด เ้าจะมีโอกาสมาซักไซ้ข้าได้อย่างไร?”
เว่ยซูหานใช้สองนิ้วเคาะหน้าผากพร้อมกับเอ่ยอย่างจนปัญญา “ได้ ข้าเอาชนะเ้าไม่ได้”
เหยียนชิงหัวเราะ “ถ้ายังเถียงข้าอีก คืนนี้ก็กลับไปที่เรือนของเ้าซะ”
เว่ยซูหาน “ไม่กล้าเถียงแล้ว สามีพูดอย่างไรภรรยาก็ว่าตามนั้น”
“แล้วท่านแม่บอกอะไรเ้ากันแน่?”
เหยียนชิงรีบเอาหัวข้อนี้กลับมา เพื่อไม่ให้เขาทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้
เว่ยซูหานเห็นเขาดื้อรั้นจึงหยุดเดิน โน้มตัวลงข้างหูและบอกคำพูดของฮูหยินเหยียนให้เหยียนชิงฟังก่อนที่เขาจะอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้ากระอักกระอ่วนออกมา
“ท่านแม่จะมาสนใจเื่แบบนี้ได้อย่างไร...”
“คงเห็นว่าร่างกายของเ้าอ่อนแอเกินไป กลัวว่าเ้าจะทนไม่ได้กระมัง” เว่ยซูหานหัวเราะอย่างมีเจตนาไม่ดี “ดังนั้นชิงเอ๋อร์เ้าต้องรักษาร่างกายให้ดี ร่างกายของเ้าเกี่ยวพันกับการแต่งงานของพวกเรา”
“เ้า!” เหยียนชิงโกรธจนตบไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย “โทษข้าที่ร่างกายไม่ดีงั้นรึ ทำไมไม่โทษเ้าที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง!”
เว่ยซูหานหรี่ตาลงอย่างอันตราย “พวกเราแต่งงานกันมาตั้งนาน จนถึงตอนนี้ข้าเพิ่งได้ััเ้า จะให้ข้าควบคุมตัวเองได้อย่างไรกัน?”
เว่ยซูหานเขารู้สึกว่าเขาควบคุมตัวเองได้ดีมากแล้ว
“เ้ายังจะกล้าเถียงอีก!”
เหยียนชิงไม่สนใจ อย่างไรเสียก็เป็ความผิดของเว่ยซูหาน หากเขาไม่ลงมือจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเห็นคนโมโห เว่ยซูหานจึงรีบปลอบใจ “เอาเถอะ เ้าแค่ดูแลตัวเองให้ดี ท่านแม่ก็ไม่กังวลแล้ว”
เหยียนชิง “ฮึ”
ทั้งสองเดินตรงไปที่หอชิงเฟิงพลางพูดคุยกระหนุงกระหนิงกัน อิ้งหลีและคนอื่นๆ ที่ตามหลังพวกเขาก็เว้นระยะห่างอย่างเงียบๆ
หลินชวนมองดูคนสองคนที่อยู่ด้านหน้าแล้วเอ่ยด้วยความโล่งใจ “ดูท่าความโมโหของฮูหยินน้อยจะหมดลงแล้ว คืนนั้นทำให้พวกเราใแทบตาย”
อิ้งหลียิ้มไม่ตอบอะไร เฉินเซียงก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แน่นอนว่าการกระทำของใคร คนนั้นก็ต้องแก้ ด้วยเหตุที่คุณชายเป็คนก่อเื่ขึ้น คุณชายก็ต้องแบกรับผลที่ตามมา ฮูหยินน้อยก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลเช่นกัน”
เขาไม่เคยเห็นคุณชายนอนต่อหลังจากรุ่งสางเหมือนวันนั้นเลย หรือหลังจากคืนนั้นเกรงว่าเขาคงไม่ทำเช่นนั้นอีก เื่นี้พวกเขาเข้าข้างฮูหยินน้อย
เื่การเดินทางของเว่ยซูหานเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เหยียนชิงมีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ความกังวลในใจกลับเพิ่มมากขึ้น เขาอยากจะกำชับกับเว่ยซูหานให้มากหน่อย แต่เกรงว่าจะดูเป็ความรักที่ซึ้งเกินไป จึงอดกลั้นไว้
การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน กลับมาอีกครั้งก็คงเป็่ฤดูหนาวแล้ว เวลาแยกจากกันช่างยาวนานนัก แต่ถึงอย่างไรเว่ยซูหานก็จะพยายามทำคำขอของเขาให้ดีที่สุด
“ชิงเอ๋อ เ้าสบายดีหรือไม่?”
เว่ยซูหานจูบมวยผมของคนในอ้อมแขนอย่างสนิทสนม คนที่อ่อนยวบในอ้อมกอดของเขามักจะน่ารักกว่าปกติอยู่หลายส่วน
“อื้อ เ้าเองก็เพลาๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเ้าออกไปจากเมือง...”
เขาถูกทรมานมาสามครั้งติดแล้ว เขาทนไม่ไหวแล้ว
เว่ยซูหานหัวเราะเบาๆ กัดริมฝีปากที่บวมแดงของเขา “ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้เ้าไม่ต้องออกไปส่งข้า ข้ากลัวว่าข้าจะไปไม่ได้”
เหยียนชิงไม่ปฏิเสธ แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาแล้วเอ่ยอย่างสนิทสนม “ตามใจเ้า แต่เ้าต้องรีบไปแต่เช้า”
คิดไปคิดมาก็เสริมขึ้นอีกประโยคว่า “ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำ”
เว่ยซูหานยื่นมือออกไป “เ้าเป็ห่วงข้าหรือกังวลว่าเื่ในบ้านจะไม่มีใครจัดการกันแน่”
เหยียนชิงหยิกเอวเขาเบาๆ “เ้าก็ลองทาย อื้อ...เบาๆ หน่อยสิ”
คนผู้นี้จงใจแกล้งโง่ ตระกูลเหยียนสืบทอดกิจการมาหลายต่อหลายปี หรือว่าจะมาล่มสลายเพราะเว่ยซูหานภายในเวลาไม่กี่เดือน แน่นอนว่าสิ่งที่ตนกังวลที่สุดก็คือเขาที่ต้องออกไปนอกเรือน
เว่ยซูหานยิ้มแต่ไม่พูดจา การกระทำกลับรุนแรงขึ้น คนผู้นั้นกอดเท่าไหร่ก็ยังกอดไม่พอ
เว่ยซูหานพาหลินชวนตามไปด้วย ถึงแม้วรยุทธ์ของหลินชวนจะด้อยกว่าเขา แต่การป้องกันตัวเองก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งเป็คนฉลาดเฉลียว ไป๋เส่ากับหงเย่าสาวใช้ทั้งสองก็อยากตามไปด้วย แต่จุดหมายที่ไปคือด่านชายแดน พวกนางเป็เด็กผู้หญิงจึงไม่สะดวก ดังนั้นจึงต้องหยุดความคิดนั้น
ในตอนกลางคืน เหยียนชิงถูกทรมานจนสำลัก ดังนั้นในตอนเช้าจึงไม่ได้ออกไปส่งเว่ยซูหาน แต่ส่งอิ้งหลีกับเฉินเซียงไปแทน ส่วนเขาก็นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง
หวังว่าการออกไปข้างนอกครั้งนี้ของเว่ยซูหานจะราบรื่น สามารถช่วยเหลือฮั่วหยางได้ ทั้งจะได้เจอกับคนของแม่ทัพเว่ยและกลับมาอย่างปลอดภัย
เว่ยซูหานเป็ลูกสะใภ้คนแรกของตระกูลเหยียน ขบวนสินค้าเดินทางออกไปไกล เบื้องหน้าไม่มีใครพูดอะไร ต่างก็บอกว่าเหยียนชิงจัดการได้อย่างสมเหตุสมผล ฮูหยินน้อยเป็คนฉลาดและมีคุณธรรม ถึงอย่างไรเว่ยซูหานก็เป็ภรรยาชาย ต่อให้โผล่หน้าออกมาก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
แต่เื่ที่เดิมทีเป็เื่ดี กลับทำให้คนอื่นคิดเป็อื่น
ในจวนฮูหยิน เหยียนเม่าและครอบครัวไปส่งเว่ยซูหานก่อนออกจากเมือง นานๆ ทีจะได้เห็นเยี่ยนิฮ่วนตื่นั้แ่เช้าตรู่ ทั้งยังสงบใจมาดื่มชากับมารดาได้
“ตอนนี้ขบวนสินค้าก็คงออกจากเมืองแล้วกระมัง”
เหยียนิฮ่วนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้ม แฝงไว้ด้วยความลำพองใจ ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าเหยียนชิงจะให้เขาเป็คนไป
“น่าจะออกไปแล้ว” ฮูหยินถังรู้สึกผ่อนคลายลงเช่นกัน นางกวาดสายตามองบุตรชายที่มีสีหน้าสบายอารมณ์ด้วยรอยยิ้ม
"ลูกข้าไม่ต้องเดินทาง คนเป็แม่ก็สบายใจแล้ว ถึงแม้ชิงเอ๋อจะปกป้องเว่ยซูหาน แต่สุดท้ายเ้าต่างหากที่เป็คนตระกูลเหยียนอย่างแท้จริง งานสำคัญเช่นนี้กลับไม่ยอมให้เ้าทำ เช่นนั้น่นี้เ้าก็วิ่งไปหาท่านป้าของเ้า พูดคุยกับนางให้มากหน่อย และคอยเป็ห่วงเป็ใยเื่ในจวน ต้องเข้าใจเื่เหล่านี้หน่อย”
โอกาสที่ดีแบบนี้ไม่ควรพลาด
“ลูกรู้ ท่านแม่วางใจได้”
เหยียนิฮ่วนตอบอย่างนอบน้อม สีหน้าไม่ได้จริงจังเหมือนที่เขาพูด กลับกันกลับมีแผนการแฝงอยู่หลายส่วน ผ่านไปครู่ใหญ่ก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ
“เว่ยซูหานคนนี้หยิ่งยโสเกินไปแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเป็แค่ภรรยาชาย แต่กลับกล่อมชิงเอ๋อให้มาเหยียบหัวข้าได้ โมโหจะตายอยู่แล้ว”
เมื่อรู้ว่าบุตรชายของนางโมโห ฮูหยินถังมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขามีแผนการอื่น จึงเอ่ยเสริม
“ก็จริง ั้แ่เขาแต่งเข้าเรือน ครอบครัวของเราก็ทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อย ตัวข้านั้นไม่ต้องเอ่ยถึง ฮ่วนเอ๋อ เ้าเป็คุณชายของตระกูลเหยียน แต่เ้ากลับต้องก้มหัวให้เขา แม่เหมือนถูกเข็มทิ่มแทงกลางอกเสียจริงๆ”
มือของเหยียนิฮ่วนที่วางอยู่บนโต๊ะแน่นขึ้น ดวงตาฉายแววดุดัน
“ไม่เกี่ยวกับน้องชิงเอ๋อ ทั้งหมดล้วนเป็เพราะเว่ยซูหานผู้ไม่รักษาหน้าที่ บัณฑิตแสนบริสุทธิ์จะสู้คนบาปเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ฮูหยินถังดึงผ้าเช็ดหน้าและกัดฟัน
“ถึงอย่างนั้น แต่ชิงเอ๋อกลับปกป้องเขาเช่นนี้ พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้ชิงเอ๋อได้สติ”