ก่อนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวจะหลับไป เธอคิดว่าเื่ยุ่งยากที่จะตามมาก็ให้เขาจัดการไปแล้วกัน เธอไม่อยากยุ่งแล้ว
และก็ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เนื่องจากหลายวันมานี้เอาแต่คอยดูแลเหนี่ยวเหนี่ยว เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าจริงๆ ในตอนที่ตื่นขึ้นมามองไปด้านนอก เพราะว่านี่เป็ชั้นสูงสุดจึงทำให้มองเห็นแสงดาวที่ระยิบระยับล่อตาเธออย่างซุกซน
ถึงว่าพวกคนรวยมักจะเก็บชั้นบนสุดเอาไว้ให้ตัวเอง เพราะมันให้บรรยากาศใกล้กับ์แบบนี้ เธอลูบเตียงที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายของเหยียนจิ่งจื้ออยู่เล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินไปด้านข้างหน้าต่างอย่างอดใจไม่อยู่
เพียงแต่ในตอนที่เท้าแตะถึงพื้นก็พบว่าเสื้อผ้าบนตัวเธอถูกถอดออกจนเปลือยเปล่า ด้วยอารามใเธอจึงรีบะโกลับเข้าไปในผ้าห่ม
“คุณผู้หญิงตื่นแล้วหรือคะ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดไม่ถึงว่านี่ต่างหากที่น่าใที่สุด! จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมานี่มันหมายความว่ายังไง!
เธอกุมหัวใจที่เกือบจะวายอยู่หลายครั้ง ก่อนจะโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเพื่อพบว่าเป็บริกรที่เอาไวน์มาสาดใส่ตัวเธอเมื่อครู่
“คุณผู้หญิงอย่ากลัวไปเลยค่ะ ท่านประธานเหยียนสั่งให้ดิฉันขึ้นมาดูแลคุณที่นี่” บริกรสาวพูดออกมาด้วยความเกรงใจ
ในตอนนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวถึงได้รู้ว่าคนที่ทำให้ชุดของเธอเปื้อนที่แท้ก็เป็เหยียนจิ่งจื้อ เ้าคนไร้มนุษยธรรมนั่น
แต่ว่าในเมื่อถูกเขารับประทานไปแล้ว แถมยังถูกรับประมานอย่างมีความสุขมากเสียด้วย เธอจึงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่หันไปพยักหน้ากับบริกรหญิงคนนั้น “เธอเป็ใครหรือ?” เธอสำรวจผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจัง พูดกันตามตรง ข้างกายเหยียนจิ่งจื้อนี่มีแต่สาวสวยอยู่ไม่ขาด ั้แ่เจินเนี้ยนก็ยังมีติงเจียลี่ แล้วก็จินเป้ยน่าจนมาถึงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่มีคนไหนที่ไม่สวยเลย
บริกรหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะส่งชุดที่เธอเตรียมเอาไว้ไปให้เนี่ยเซิงเสี่ยว “ฉันชื่อว่าเหอฉิน เป็ผู้ช่วยของผู้ช่วยจิน ถ้าหากคุณผู้หญิงอยากจะลุกขึ้นก็สวมชุดพวกนี้เถอะค่ะ”
เพราะว่าเมื่อครู่เหยียนจิ่งจื้อรุนแรงเกินไป ใจร้อนจนดึงชุดชั้นในของเธอติดมือจนขาดรุ่ย เนี่ยเซิงเสี่ยวมองไปยังเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ที่กองอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงทำได้แค่เปลี่ยนเื่ “ผู้ช่วยจินก็มีผู้ช่วยด้วยหรือคะ?”
“มีค่ะ ตำแหน่งต่ำกว่าท่านประธานเหยียนยังมีกลุ่มผู้ช่วยท่านประธานอยู่หนึ่งกลุ่ม คุณผู้หญิงอยู่ข้างกายท่านประธานอาจจะได้ใกล้ชิดกับผู้ช่วยจินมากกว่า สำหรับพวกเราแม้แต่จะเจอกับคุณ ยังยากเลยค่ะ”
ในแววตาและคำพูดของเหอฉินเผยความรู้สึกภูมิใจในตัวเองออกมา เนี่ยเซิงเสี่ยวอดยอมรับไม่ได้ว่าจินเป้ยน่าสอนผู้ช่วยมาดีมาก
เมื่อพลิกดูเสื้อผ้าที่หล่อนส่งมาให้ ชุดชั้นในล้วนเป็ตัวใหม่ทั้งหมด ไซซ์ก็เป็ขนาดของเธอ เพียงแต่ชุดกระโปรงที่เธอถูกใจเมื่อครู่นี้ไม่ได้โดนดึงจนขาดหรอกหรือ? มันปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ช่างน่าใมากจริงๆ เพราะที่เหยียนจิ่งจื้อเกิดคลั่งขึ้นมาขนาดนี้ เพราะเริ่มมาจากชุดกระโปรงตัวนี้นี่นา
เหอฉินเหมือนมองออกว่าเธอมีคำถามจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเหยียนบอกว่าคุณชอบชุดนี้ ดังนั้น…” หล่อนเองก็มองไปยังเศษผ้าที่กระจายเต็มพื้น
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่มาคุยกับคนแปลกหน้าด้วยเื่นี้แบบก็รู้สึกอายจนเงยหน้าไม่ขึ้น แถมในเวลาแบบนั้น
เหยียนจิ่งจื้อยังมีสติมารักษาเสื้อผ้าให้เธอนี่ ประเมินเขาต่ำไปจริงๆ
“คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันจะรีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วออกไป”
เหอฉินพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่นาฬิกาข้อมือ “ในเวลานี้ ถ้าหากคุณผู้หญิงจะไปดูงานแฟชั่นโชว์ฉันสามารถไปกับคุณได้นะคะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวตะลึงจนอ้าปากค้าง “งานเลี้ยงยังไม่เลิกอีกหรือ?” เธอคิดว่านี่เป็อีกวันแล้ว!
“คุณผู้หญิงคะ คุณเพิ่งจะนอนไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง งานแฟชั่นโชว์ก็ใกล้จะเริ่มพอดี” เหอฉินพูดเตือนเธอ
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าเวลากำลังเล่นงานเธอ เดิมทีคิดว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาคงจะไม่มีงานเลี้ยงอะไรแล้ว และเหยียนจิ่งจื้อก็ได้จัดการทุกอย่างให้เธอแล้ว วางแผนว่าจะได้พึ่งพาเขาสักทีหนึ่ง ตอนนี้กลับมาถูกบอกว่างานแฟชั่นโชว์กำลังจะเริ่ม!
พระเอกของงานแฟชั่นโชว์อย่างจ้าวหยวนฟางได้พาคู่ควงมาด้วย แต่ว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นกลับหายตัวไปแบบนี้ ตอนนี้เธอไม่กล้ากลับไปอยู่ข้างกายเขาแล้วจริงๆ
“เหมือนว่าร้านของเขาที่อยู่ใกล้ๆ จะเกิดเื่ใหญ่ขึ้นน่ะค่ะ” เหอฉินพูดจบก็หัวเราะ “แต่ว่าคุณจ้าวไปจัดการแล้ว ถึงเื่จะใหญ่แค่ไหนก็แก้ไขได้ค่ะ”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเนี่ยเซิงเสี่ยวถึงจะจัดการตัวเองเสร็จแล้วมายืนอยู่ในจุดที่ห่างจากเวทีรูปตัวทีมากพอสมควร งานแฟชั่นโชว์ดึงดูดคนได้ไม่น้อยเลย เหล่าบรรดาคนดังพวกนี้ต่างชอบของสวยๆ งามๆ พวกนี้ มีบางครั้งเพื่อที่จะแสดงถึงรสนิยมของตัวเองออกมา พวกเธอถึงกับต้องหันไปคุยกับคนที่ไม่รู้จักข้างๆ เพื่อพูดถกเถียงกันถึงประเด็นนี้
เจินเนี้ยนก็เป็หนึ่งในคนแบบนั้น
เนี่ยเซิงเสี่ยวเองไม่้าจะเข้าไปใกล้เจินเนี้ยน แค่เข้าไปใกล้แค่นิดเดียวก็ไม่อยาก แต่น่าเสียดายที่กลางคืนมันมืด และเธอก็ยังสายตาสั้น เธอจึงได้ยินเจินเนี้ยนพูดคุยกับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอย่างชัดเจน
“สไตล์ที่ออกแบบเว่อร์แบบนี้ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ถูกโละออก ยิ่งจังหวะชีวิตการทำงานของคนสมัยนี้ไวขึ้น หลายคนก็ต่างมองไปที่สไตล์ชุดที่สบายและใช้ได้นาน ชุดพวกนี้มันคงไม่ได้รับความนิยมหรอก”
เจินเนี้ยนพูดจบคนด้านข้างก็รีบเห็นด้วยขึ้นมาทันที เห็นชัดเจนว่าพูดออกมาได้ดีบวกรวมกับความสามารถในการพูดและความคิดที่ดีช่วยเอาไว้
เนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินหนีเจินเนี้ยนไปให้ไกลอีกหน่อย ในวินาทีนั้นเองก็ได้ยินเสียงสดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “ฉันกลับคิดว่าคำพูดของคุณเจินก็ไม่ถึงกับถูกต้องทั้งหมดนะ จากการพัฒนาของยุคสมัยนี้ ทำให้ใจของคนเรายิ่งเหงามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีก็จะมีคนคอยคิดสิ่งใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา จนคุณจนอดยอมรับไม่ได้ว่าในความคิดลึกๆ ของทุกคนมักจะซ่อนหัวใจอีกแบบหนึ่งเอาไว้ การสร้างสิ่งใหม่ๆ อีกประเภทมันก็จะกลายเป็คู่ต่อสู้ที่เราจะต้องไล่ตาม”
เนี่ยเซิงเสี่ยวฟังจนจบก็อดที่จะหันมามองผู้หญิงที่พูดเมื่อครู่ไม่ได้ เธออายุประมาณห้าสิบปี ถึงแม้บนใบหน้าจะมีรอยเหี่ยวย่น แต่บุคลิกท่าทางของเธอกลับดูดีไม่แพ้ให้กับเจินเนี้ยนเลย บนร่างของเธอยังมีกลิ่นอายสูงส่งที่มากกว่าเจินเนี้ยนหลายขุม จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกสนใจคุณป้าคนนี้ขึ้นมา
เจินเนี้ยนเมื่อได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เนื่องจากสถานะราชินีของงานเลี้ยง เธอจึงยังคงยืดอกเอาไว้ รอทุกคนมาเข้าข้างเธอ
“แฟชั่นโชว์สมัยนี้มักจะพัฒนาไปในด้านศิลปะมากขึ้น อะไรที่เรียกว่าศิลปะล่ะ สิ่งนั้นคือสิ่งที่คนจำนวนน้อยมากจะยอมรับมันได้ ความนิยมส่วนมากของคนก็เหมือนกับสไตล์พื้นฐานของเสื้อผ้า และสไตล์ที่มันเว่อร์เกินไปมักจะถูกจับคู่กับของที่โดดเด่นได้” เนี่ยเซิงเสี่ยวฟังเจินเนี้ยนพูดจนจบกแย้งขึ้นมาบ้าง พวกเธอเป็เพื่อนมหาลัยเดียวกันและยังเรียนสาขาเดียวกันด้วย นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเข้าถกเถียงกับหล่อนแบบนี้
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเนี่ยเซิงเสี่ยวทำเอาเจินเนี้ยนโกรธจนปากบิดเบี้ยว ในตอนที่จะพูดอะไรอีก จู่ๆ คนที่อยู่ข้างเธอก็แปรพักตร์ไป
ทุกคนเริ่มหันไปเข้าพวกกับหญิงแก่คนนั้น ต่างพูดว่าหล่อนมีความรู้กว้างขวางสายตากว้างไกล! ลืมไปเสียสนิทว่าเจินเนี้ยนคือคนที่ทำให้เกิดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ขึ้นมา!
“ศาสตราจารย์หยาง วันนี้ว่างมาที่งานด้วยหรือ? โชคดีจริงๆ” มีคนเริ่มทักทายขึ้นมา
ศาสตราจารย์หยางหันไปพยักหน้าให้กับหญิงสาวที่พูดช่วยเธอเมื่อครู่ ในสมัยนี้มีเด็กที่สามารถต่อสู้กับ “อำนาจมืด” ได้อีกมากมาย
เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็พยักหน้าให้กับศาสตราจารย์หยาง จากนั้นก็หมุนตัวเดินไป หวังว่าคุณป้าคนนั้นจะไม่ถูกเจินเนี้ยนแก้แค้นจนมีสภาพอนาถเกินไปนะ
ในงานแฟชั่นโชว์มีแค่เวทีรูปตัวทีเท่านั้น ไม่ได้มีที่นั่งอะไรให้ ด้านล่างเวทีต่างเป็พื้นที่ที่สามารถทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ เนี่ยเซิงเสี่ยวหามุมเงียบๆ ยืน พลางหยิบไวน์จากบริกรที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาดื่มพลาง มองคนที่อยู่รอบๆ ตัว และเธอก็เห็นเหยียนจิ่งจื้อยืนอยู่ใจกลางกลุ่มคนพวกนั้น
เธอยืนมองเขาพูดคุยกับแขกด้วยท่าทางสูงส่งเงียบๆ เมื่อคิดไปถึงความอ่อนโยนที่เขามีต่อเธอ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
“เดิมทีฉันคิดว่าเธอจะไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่แท้ก็เป็พวกที่หลงใหลประธานเหยียนเหมือนกัน”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวดึงตัวเองกลับมาอยู่กับความจริง ก่อนจะเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือ “ศาสตราจารย์หยาง” เมื่อครู่
เนี่ยเซิงเสี่ยวหัวเราะ ไม่ได้ปฏิเสธเื่ที่เธอเป็พวกคลั่งไคล้เหยียนจิ่งจื้อ เธอไม่เพียงคลั่งไคล้
เหยียนจิ่งจื้อ แต่ยังเป็คนที่คลั่งไคล้เขาที่สุดในบรรดากลุ่มคนที่ชอบเหยียนจิ่งจื้ออีกด้วย
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์หยาง ฉันชื่อเนี่ยเซิงเสี่ยวค่ะ” อย่างไรเสียเมื่อครู่ก็เพิ่งจะร่วมรบกับเจินเนี้ยนมา แถมั้แ่เรียนหนังสือมาเธอก็นับถือศาสตราจารย์คนนี้มาก ตอนนี้ได้มาเจอกับคนที่ตัวเองนับถือตัวจริง เธอจึงแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาทออกไป
ศาสตราจารย์หยางกลับตะลึงตาค้าง มองเนี่ยเซิงเสี่ยวด้วยแววตาที่เบิกกว้างขึ้น “เธอก็คือเนี่ยเซิงเสี่ยว?”