หายไปไหนแล้ว? จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล อยู่ภายในห้องเปลี่ยนชุดใหญ่ขนาดนี้ บริกรจะออกไปไหน ทำไมไม่บอกกันสักคำ
แต่สักพักจิตใจของเธอก็ค่อยๆสงบลง แขกที่สามารถมาที่แบบนี้ได้จะต้องเป็คนที่มีฐานะพอสมควร การที่บริกรจะรีบออกไปจากห้องนี้มันก็เป็เื่ปกติ เมื่อครู่หล่อนจะต้องเห็นท่าทางหลงใหลเสื้อผ้าหรูหราพวกนี้ของเธอจนทนมองต่อไปไม่ได้จึงรีบหนีออกไปแน่ๆ
เนี่ยเซิงเสี่ยวหัวเราะพรืดออกมาก่อนจะเริ่มเลือกชุด ผู้หญิงมักจะไม่มีความต้านทานต่อเสื้อผ้าและเครื่องประดับ โดยเฉพาะตอนที่ถ้าไม่เลือกก็ไม่สามารถออกไปเจอหน้าใครได้
แล้วเธอก็ถูกใจกับชุดกระโปรงยาวตัวหนึ่ง เธอยืนทาบชุดอยู่หน้ากระจกอยู่ครู่หนึ่ง ผิวของเนี่ยเซิงเสี่ยวเดิมทีก็ขาวมากอยู่แล้ว ยิ่งพอมาเจอกับสีดำก็ยิ่งทำให้ทั้งตัวของเธอขาวใสขึ้นไปอีก
เธอมองไปรอบๆ ด้วยความพอใจ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนถึงได้ถอดชุดที่สกปรกออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็ชุดใหม่
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็พบว่ามันไม่เลวเลย ขนาดก็พอดี เหมือนตัดมาเพื่อตัวเธอโดยเฉพาะ
ยืนส่องกระจกอยู่นาน สิ่งเดียวที่แย่สำหรับชุดนี้ก็คือซิปด้านหลัง เธอไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว แถมบริกรก็ออกไปแล้ว การจะให้จ้าวหยวนฟางช่วยก็คงไม่ได้ เธอจึงเปลี่ยนเป็ชุดกระโปรงสั้นอีกตัวแทน
แต่ชุดกระโปรงสั้นนี่ก็เหมือนจะใช้ไม่ได้ มันสั้นเกินไปหน่อย…
เธอลูบตรงส่วนกระโปรงที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมา แบบนี้ก็ไม่ได้ คิดๆ ไปแล้ว เธอก็ยังชอบชุดกระโปรงยาวสีดำตัวนั้นมากกว่า
ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดกระโปรงยาวอีกครั้ง พร้อมทั้งดูว่าเธอจะสามารถพยายามรูดซิปด้านหลังได้ไหม
สองแขนเอื้อมไปด้านหลัง แต่ความยืดหยุ่นของร่างกายที่มีจำกัด บนใบหน้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวจึงมีความผิดหวังฉายออกมา เหมือนระยะห่างที่จะเอื้อมมือไปถึงจะเหลืออยู่อีกมาก
ช่างเถอะ ไม่พยายามแล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวยอมแพ้ แรงที่มีอยู่ทั้งหมดเธอก็ใช้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ตัวเธอจึงอ่อนปวกเปียกไปหมด
ทันใดนั้นด้านหลังก็มีความเย็นเล็กๆ โผล่มา ครืด! ซิปถูกรูดขึ้นมาจนถึง้า จากนั้นร่างกายของเธอก็ถูกกดลงไปยังเสื้อผ้าราคาแพงมากมายพวกนั้น
จู่ๆ ก็ถูกจู่โจมเข้ามากะทันหันร่างกายของเธอจึงแข็งเกร็ง จนกระทั่งถูกจูบที่ด้านหลังคอ เธอถึงได้กลิ่นน้ำหอมผลไม้สะอาดของเขา ในตอนนั้นเธอถึงยกเท้าขึ้นไปเหยียบเท้าของเขาอย่างแรงเป็การลงโทษ
แต่เพราะเมื่อครู่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จจึงยังไม่ทันได้ใส่รองเท้า เท้าเธอในตอนนี้จึงเปลือยเปล่า ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการลงโทษไม่ได้ดีอย่างที่คิด กลับกลายเป็เหมือนการแสดงอาการแง่งอนและย่นระยะห่างของพวกเขาสองคน เหมือนเป็การพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแทน
“เหยียนจิ่งจื้อ ปล่อย” หญิงสาวที่ถูกแอบมองตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้ก็ยังมาถูกหยอกเย้าจากความอายก็เริ่มเปลี่ยนเป็โกรธ
เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่บนรองเท้าหนังของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ด้านหลังก็เป็ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้เธอ แล้วแบบนี้เหยียนจิ่งจื้อจะปล่อยเธอได้อย่างไร เขาก้มลงไปกัดที่ติ่งหู “เหมือนฉันจะมาช้าไป”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเหมือนถูกไฟช็อตจนไม่สามารถขยับตัวได้ ถ้าหากบอกว่าเหยียนจิ่งจื้อเมื่อหลายวันก่อนเป็คนที่ความทรงจำยังกลับมาไม่ครบ เช่นนั้นเขาในตอนนี้จะต้องเป็เหยียนจิ่งจื้อที่ความทรงจำกลับมาจนครบหมดแล้ว อีกทั้งจุดอ่อนไหวของเธออยู่ที่ติ่งหู เขาก็จำได้!
“นาย…”เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าเสียงของตัวเองแปลกๆ ไป แต่เมื่อคิดได้ว่าจ้าวหยวนฟางยังอยู่ด้านนอก และด้านล่างยังมีแขกอีกจำนวนมาก เธอจึงรีบสงบสติอารมณ์ก่อนจะเริ่มตำหนิเขา “จู่ๆ หนีขึ้นมารูดซิปให้ฉัน แบบนี้จะดีหรือคะท่านประธาน?”
เธอเพิ่งจะพูดจบด้านหลังก็มีเสียงครืด ซิปที่เพิ่งจะถูกเขารูดขึ้นตอนนี้ก็ถูกเขารูดลงอีกครั้ง
เหยียนจิ่งจื้อทำหน้าเหมือนเด็กที่กระทำความผิด “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รูดแล้ว” มือที่กอดเอวจากด้านหลังยกขึ้นมาไว้ที่คอของเธอ
ในตอนนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ถ้าหากชุดกระโปรงตัวนี้ไม่ใช่ชุดแนบเนื้อเกรงว่ามันคงจะร่วงลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว
เหยียนจิ่งจื้อมองไปที่คอของเนี่ยเซิงเสี่ยว เกิดความเกร็งขึ้นมา แต่ในงานเลี้ยงพิเศษแบบนี้ เขายังต้องควบคุมตัวเอง ลบเื่ราวมากมายออกจากหัวไปก่อน เหลือไว้เพียงแววตาที่มองเธออย่างเย้าแหย่
เนี่ยเซิงเสี่ยวจับชุดของตัวเองเอาไว้ “จิ่งจื้อ อย่าแกล้งเลย พอแล้ว” เธอหันหลังไปให้เขารูดซิปขึ้นให้ อย่างไรก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย อีกอย่างถ้าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่าจ้าวหยวนฟางที่อยู่ด้านนอกจะพังประตูเข้ามาก่อน
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้รูดซิปขึ้นให้เธอ กลับกันยังก้มลงมากัดคอของเธออย่างแรงจนเกิดรอย เมื่อเห็นสีหน้าไม่เป็มิตรของเธอถึงได้ฝืนปล่อยตัวเธอออก รูดซิปขึ้นให้ก่อนจะลูบหัว “ยังคิดจะออกไปเจอแขกกับจ้าวหยวนฟางอีกเหรอ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นตัวหนังสือสองคำเขียนบนใบหน้าของเขาว่า “ไม่ได้”
เธอหยิบรองเท้าส้นสูงที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาใส่ ก่อนจะพูดขอเสียงอ่อน “แค่ครั้งนี้ได้ไหม?”
เหยียนจิ่งจื้อไม่ตอบ
เนี่ยเซิงเสี่ยวใส่รองเท้าเสร็จก็รู้สึกแปลกใจเป็อย่างมาก เขาพูดง่ายขนาดนี้เลยหรือ?
ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมายังไม่ทันได้เห็นสีหน้าของเขา จู่ๆ ทั้งตัวของเธอก็ลอยขึ้น เอวของเธอถูกมือข้างหนึ่งของเขาโอบอยู่ ส่วนอีกมือก็ยกมาช้อนที่ข้อพับขาของเธอ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้น
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้อุ้มคนแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ถึงเขาจะเคยอุ้มเหยียนเจียอวี๋หรืออุ้มเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่เหมือนโลกทั้งใบได้กลับมาหาเขาแล้ว
เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็ชะงักไป เธอยกมือขึ้นไปโอบคอเขา มีบางการกระทำที่พอทำแล้วก็ไม่อยากจะผละออก
ทั้งสองจ้องตากันอยู่นานและไม่คิดจะผละออกจากกัน “นาย…จะทำอะไร?” และเป็เนี่ยเซิงเสี่ยวที่เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน เพราะเธอพบว่าตัวเองถูกเขาอุ้มพาไปไหนไม่รู้ ด้านนอกยังมีจ้าวหยวนฟางรออยู่นะ!
เหยียนจิ่งจื้อถึงขั้นเหยียบชุดราตรีตัวนั้นที่จ้าวหยวนฟางยกให้เธอ
ใช่ เหยียบแรงๆ ด้วย
“วางใจเถอะ” เหยียนจิ่งจื้อตบไปที่ก้นของเธอ “เธอคิดว่านี่เป็ถิ่นของใคร แถมยังมีห้องเปลี่ยนชุดที่ตัดมาพอดีตัวเธออยู่แบบนี้?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวมองเขาเปิดประตูที่ไม่เหมือนกับบานที่จ้าวหยวนฟางอยู่ เธอถึงรู้ตัวว่ามันยังมีทางออกอื่นอยู่! แถมทางออกนี้ยังเชื่อมไปยังลิฟต์ส่วนตัวอีก
ลิฟต์ตัวนี้ จะบอกว่าทำมาจากทองทั้งหมดก็ไม่เกินจริง ทุกลวดลายสวยงามจนน่ากลัว
“นี่เป็โรงแรมในเครือของเฉินตง? ห้องเปลี่ยนชุดเมื่อกี้ก็เตรียมเอาไว้ให้ฉัน?”
“ห้องที่เขตเถาฮวาหยวนเซ่อยังตกแต่งไม่เสร็จ ของที่ซื้อมาก็เลยย้ายมาไว้ที่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะได้เอามันมาให้เธอได้ใช้ก่อน”
“อะไรคือคิดไม่ถึง บริกรคนนั้นจะต้องเป็คนที่นายสั่งมาแน่!” เนี่ยเซิงเสี่ยวต่อว่าเขา เื่นี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยแล้ว
ทว่าก็ไม่ได้คำตอบจากเขา เพราะคำพูดทั้งหมดถูกกลบไปด้วยลมหายใจของเขา
ความหวานของน้ำค้างที่ไม่ได้เจอมานานพอได้มาลิ้มรสอีกครั้งก็ยิ่งทำให้คลุ้มคลั่ง โดยเฉพาะยิ่งอยู่ระหว่างจ้าวหยวนฟางกับงานเลี้ยงแล้วมันก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นมากเป็พิเศษ แม้แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวที่เก่งเื่การควบคุมตัวเองก็ยังถูกเขาอุ้มออกมาจากลิฟต์ จนกระทั่งถูกวางลงบนเตียงทรงกลมถึงจะรู้ตัว แถมเสื้อผ้าที่ใส่อย่างยากเย็นเมื่อครู่ก็ถูกถอดออกแล้ว
เพียงแค่เห็นหน้าที่มีความสุขพร้อมแฝงไปด้วยความซุกซนเหมือนเด็กของเหยียนจิ่งจื้อ เธอเองก็ไม่สามารถฝืนหยุดได้ อีกทั้งผู้ชายคนนี้รู้ถึงจุดอ่อนของเธอทั้งหมด ปฏิกิริยาของร่างกายเองก็ไม่ยอมให้เธอหยุดง่ายๆ
เหยียนจิ่งจื้อรักลำคอขาวสวยและก็หัวไหล่ของเธอมาก ทุกครั้งที่เห็นเธอใส่เสื้อผ้าที่เผยสองสิ่งนี้ออกมา ก็มักจะทำให้เขารู้สึกทั้งโกรธทั้งร้อนใจ เขาโกรธที่มันถูกผู้ชายคนอื่นมอง และร้อนใจ ในตอนนี้ใจเขาร้อนมาก
ถ้าหากเป็แบบนี้ต่อไปเธอคงถูกรอยคิสมาร์กที่เขาทิ้งเขาไว้ทำให้ไม่สามารถออกไปเจอใครได้อีกแล้ว ในตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวจะต่อต้าน ทั้งตัวของเธอก็ถูกทาบทับจนแนบสนิท
ทำไมเขาถึงได้เป็ซะแบบนี้นะ เอาแต่ใจในเื่นี้จนอยากจะถีบเขาออกไปจริงๆ
ใช่สิ จะอย่างไรเขาก็คือเหยียนจิ่งจื้อนี่ ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
สุดท้ายเนี่ยเซิงเสี่ยวก็หลับไปทั้งอย่างนั้น หลังจากที่เริ่มรู้สึกตัว ใน่ที่สะลึมสะลือนั้นเธอก็ได้ยินว่ามีคนเรียกประธานเหยียน ประธานเหยียนอยู่ด้านนอก
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่ามีจูบอุ่นๆ ประทับลงบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะถูกกอดแน่นๆ จากนั้นก็ถูกปล่อยออก แต่กลับปล่อยได้ไม่ถึงสามวิก็ถูกกอดแน่นๆ ใหม่อีกครั้ง
เนี่ยเซิงเสี่ยวผลักเขาออกอย่างขบขัน “ถ้ามีธุระก็รีบไป อย่ามัวแต่ลีลา” จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดเบาๆ ข้างหูสองสามประโยค ก่อนเธอจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังสู้แรงของเขาไม่ไหวอยู่ดี