“แม่ช่วยฉันถือหน่อย”
เซี่ยเสี่ยวหลานเอาถุงใส่มันเทศยัดเข้าอ้อมอกของหลิวเฟินในขณะที่ผู้เป็แม่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“เสี่ยวหลาน ลูกจะออกไปได้อย่างไร... พ่อลูกกลับมาแล้วจะทำอย่างไรเล่า...”
หลิวเฟินจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมเื่ราวมันมาถึงจุดนี้ได้แม้ลูกสาวจะยังไม่โดนอะไรแต่ก็ถูกแบ่งแยกออกไปใช้ชีวิตคนเดียวไล่เด็กสาวอายุสิบกว่าออกไปอยู่นอกบ้าน ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตอย่างไรกัน? เธอเองอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับผิดไปเสีย แต่ก็กลัวว่าจะไปขัดเคืองลูกสาวเข้า
“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไปอยู่ข้างนอกกับฉันสิ รอพ่อกลับมาค่อยว่ากันฉันทำอาหารไม่เป็นะ อยู่คนเดียวมีหวังได้หิวตายก่อนแน่!”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะปล่อยหลิวเฟินไว้คนเดียวอยู่แล้วถ้าหากเธอไปแล้วคนบ้านเซี่ยยังรังแกหลิวเฟินอย่างเอาเป็เอาตายล่ะ? เธอคิดไว้แล้วว่าหลิวเฟินจะใจอ่อน แค่ต้องทำท่าทางยืนหยัดจริงจังสักหน่อยแล้วพาหลิวเฟินไปกับเธอให้ได้
คนบ้านเซี่ยไม่รั้งหลิวเฟินไว้คาดว่าคงรอให้เซี่ยต้าจวินหรือบิดาของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาก่อนค่อยคิดบัญชีกับสองแม่ลูกฝนตกหนักติดต่อกันมาสักพักทางตัวเมืองกังวลว่าน้ำหลากจะทำให้คันกั้นน้ำในหมู่บ้านรอบๆ พังทลาย ไม่ไกลจากที่นี่ได้เรียกรวมพลเหล่าชายฉกรรจ์ผู้ชายตระกูลเซี่ยจึงออกไปซ่อมแซมคันกั้นน้ำกันหมด
แต่ไหนแต่ไรหลิวเฟินเป็คนที่ไม่มีจุดยืนนักแม้ยังงุนงงแต่ก็อุ้มถุงใส่มันเทศตามลูกสาวไป
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งพ้นประตูได้ก้าวเดียวก็หันกลับไปถ้วยเอากระเบื้องเคลือบที่บรรจุไข่ตุ๋นถือติดมือไปด้วยหลานชายตัวน้อยประจำบ้านเซี่ยที่เล็งไข่ตุ๋นจนน้ำลายสอเอาไว้ไม่คิดว่าจะโดนเซี่ยเสี่ยวหลานฉวยเอาไป จึงได้ร้องไห้โยเยไม่หยุด
คนทั้งบ้านได้แต่รุมด่าเซี่ยเสี่ยวหลาน ถึงกระนั้นก็ต้องโอ๋เด็กๆด้วยเสียจนวุ่นวาย
เมื่อโผล่พ้นจากบ้าน ไออากาศบริสุทธิ์ได้โชยมากระทบใบหน้าในทันที
ไม่มีหมอกควัน ไม่มีท้องฟ้าเจือมลพิษ พอย้อนจาก 30ปีข้างหน้ามาตอนนี้ถึงได้รู้ว่าอากาศที่บริสุทธิ์มันล้ำค่ามากเพียงใดเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกตกตะลึงโดยพลัน
เมื่อกลางวันบ้านเซี่ยเอะอะกันไปยกใหญ่ไม่รู้ว่าบ้านไหนแอบสอดหูมาฟังเื่คนอื่นบ้าง
เมื่อพบเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดา คนเ่าั้ก็ไม่หลบซ่อนแถมยังชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปยังสองแม่ลูกอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าหลิวเฟินไม่ได้ถูกสนใจเท่าไรพวกเขานินทาเซี่ยเสี่ยวหลานเสียมากกว่า
“โดนไล่ออกจากบ้านแล้วหรือ?”
“เหอะ สมน้ำหน้า พี่เขยก็ไม่เว้น!”
“ถึงขนาดไปเกลือกกลั้วบนกองหญ้ากับพวกเสเพลหมู่บ้านข้างๆทำเอาตระกูลเซี่ยขายหน้าจริงๆ ”
“แซ่เดียวกันแท้ๆ พี่สาวน่ะเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว ดูมันเหลวไหลสิ”
“เซี่ยต้าจวินกลับมาเมื่อไรล่ะก็โดนเฆี่ยนจนตายแน่”
“เฆี่ยนน่ะเคยแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว มันดันรั้นไม่แก้ตัวเอง ดูมันเดินสิก้นบิดไปมาเชียว”
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะฟาดพวกแม่บ้านปากยื่นปากยาวเสียจริง เธอดูเหมือนกำลังเดินบิดก้นหรือเป็เพราะเธอหิวและอ่อนแรงมากต่างหาก! เหล่าแม่บ้านจอมสะเออะได้ทำลายความอภิรมย์จากอากาศบริสุทธิ์จนหมดสิ้นเซี่ยเสี่ยวหลานมองไปรอบตัว ทิวทัศน์ของไร่นาที่งดงาม? นั่นเป็สิ่งที่เมื่อความสุขทางวัตถุถูกเติมเต็มแล้วถึงจะมีอารมณ์มาชื่นชมหรอก
ในปี 83 นั้นชนบทได้รับการยกย่องความน่าพิสมัยผ่านบทประพันธ์จากเหล่าบัณฑิตสาย ‘วรรณกรรมท้องถิ่น’
ดูจากภาพรวมแล้ว ในหมู่บ้านมีบ้านดินหลายหลังบ้านที่ก่อด้วยอิฐนั้นน้อยมาก บ้านส่วนใหญ่เป็ทรงเตี้ยผนังอิฐผนังดินถูกโบกด้วยปูนขาวและมีคำขวัญของเมื่อ 10 ปีก่อนที่เขียนด้วยสีแดงแปะไว้
ที่นี่ไม่อยู่เหนือไม่อยู่ใต้ เป็มณฑลที่อยู่ติดฝั่งทะเลในดินแดนมาตุภูมิสายลมฤดูใบไม้ผลิของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน [1] พัดมาไม่ถึงที่นี่ จึงเป็เพียงหมู่บ้านต้าเหอที่ไกลปืนเที่ยง
ถ้าอยากจะหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมนี้ก็จำต้องเรียนหนังสืออย่างเดียว
เส้นทางชีวิตที่พี่สาวของเซี่ยเสี่ยวหลานเลือกนั้นถูกครรลองเซี่ยจื่ออวี้เป็นักศึกษามหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวของหมู่บ้านต้าเหอในรอบ 30 ปีนับั้แ่ยุคสร้างชาติ[2]มาจนถึงยุคฟื้นฟูเกาเข่า[3] ลองจินตนาการดูก็รู้ได้เลยหากเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดเปลี่ยนวิถีชีวิต พอเซี่ยจื่ออวี้เข้าเรียนแล้วเส้นทางของทั้งคู่ก็คงต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ต่อให้เสียเปรียบเซี่ยจื่ออวี้แล้วมันจะเป็อะไรล่ะ?
คนหนึ่งคือนักศึกษาสาวในยุค 80 ผู้มีอนาคตสดใสไม่แปลกใจว่าคนทั้งบ้านพร้อมใจกันมองเธอเป็หงส์ฟ้าทอง อีกคนหนึ่งชื่อเสียงป่นปี้ทักษะใดๆ ไม่มี อีกหน่อยคงได้แค่แต่งงานกับพ่อม่ายหรือกลายเป็สาวทึนทึกช่วยอะไรพี่ป้าน้าอาที่บ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ
ความแตกต่างของฟ้ากับดิน
พอเข้าใจได้ว่าที่ตระกูลเซี่ยเย่อหยิ่งเห็นแต่ตัวเองนั้น... ก็นับว่าเป็อารมณ์ปกติของมนุษย์แหละนะ
เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันเคียงข้างเซี่ยจื่ออวี้ ส่วน ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ นั้นครุ่นคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจชายหญิงไปมาหาสู่กันจนเกือบกลายเป็คนพิเศษเป็ตัวเธอเองด้วยซ้ำที่สนับสนุนให้ฝ่ายชายสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เธอยังไปก้มหัวขอยืมหนังสือจากเซี่ยจื่ออวี้มาให้ฝ่ายชายเรียนรวมถึงไปส่งเขาเข้าสอบคัดเลือกในตัวเมืองอีกด้วย
สอบเสร็จแล้วก็ไม่เกิดอะไรผิดวิสัยแล้วทำไมพอจดหมายตอบรับเข้าเรียนมาถึง เขาจึงได้กลายเป็คู่หมายของเซี่ยจื่ออวี้อย่างเปิดเผยเล่า?
เพราะเธอไม่คู่ควรกับหวังเจี้ยนหัว?
การเลือกผู้เป็พี่คิดดูแล้วก็เป็สิ่งที่เหมาะสมนักศึกษาคบกับนักศึกษา ราวกับ์สรรสร้างมาให้คู่กัน
แต่ทำไมตอนพวกเธอจะจากไปนั้นต้องหันมาเหยียบย่ำ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนนี้ด้วย?
เพราะ้ารู้ว่าข่าวลือร้ายแรงที่เกือบคร่าชีวิตคนนั้นแพร่ไปทั่วได้อย่างไร ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ จึงไปหาหวังเจี้ยนหัวเพื่อถามถึงเื่ราวที่แท้จริงทว่าดันพบกับเซี่ยจื่ออวี้ในห้องของหวังเจี้ยนหัว เซี่ยจื่ออวี้ช่างมีเหตุผลกว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ มากนัก เธอพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ หันหลังกลับได้แล้ว
ระหว่างทางกลับบ้านเธอได้พบกับหนุ่มเสเพลหมู่บ้านข้างๆคนคนนี้เคยตามตอแย ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ มาก่อน คราวนี้เขาอุกอาจมาฉีกแขนเสื้อเธอจนหลุดลุ่ย หวังเจี้ยนหัวและเซี่ยจื่ออวี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันหวังเจี้ยนหัวราวกับผิดหวังในตัว ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เป็ที่สุด เขาไม่แม้แต่จะรอเธออธิบายที่มาที่ไปอีกทั้งยังจูงมือเซี่ยจื่ออวี้จากไปทั้งอย่างนั้น
หรือว่าคนเสเพลหมู่บ้านถัดไปนั้นจะเป็คนปล่อยข่าวลือ? ปีนี้มันปีปราบปราม[4]เสียด้วย ถ้าอย่างนั้นก็วิสามัญพวกเลวทรามนั่นด้วยลูกปืนได้แล้วสิ!
ไม่เป็ไร ในเมื่อเธอได้เกิดในร่างใหม่โดยใช้ชื่อแซ่เดิมแล้วเื่ราวที่ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ยังไม่เข้าใจ เธอจะทำให้มันแจ่มแจ้งเองและจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เ้าของร่างเดิมนี้ด้วย
ริมแม่น้ำนั้นปรากฏบ้านเก่าซอมซ่อขึ้นในสายตา
รั้วไผ่หงิกงอ ประตูไม่มีกลอนสักอัน ผนังและหลังคาเต็มไปด้วยรูหลิวเฟินที่อุ้มมันเทศไว้กับอกรู้สึกหมดสิ้นหนทางนัก
ที่นี่ใช้หลบลมฝนไม่รอดด้วยซ้ำ
“เสี่ยวหลาน ฟังแม่นะ...”
เซี่ยเสี่ยวหลานกุมศีรษะตัวเองไว้ “แม่ ฉันเจ็บแผลอีกแล้ว!”
เธอเรียกมารดาได้คล่องปากมากขึ้นแล้วหลิวเฟินจึงเบนความสนใจจากสิ่งที่กำลังจะพูดทันที “แผลลูกมันปริหรือ? ให้แม่ดูหน่อย”
ประตูไร้กลอน ในบ้านรกรุงรัง เตียงนอนก็เหลือแต่โครงหลิวเฟินบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานรีบกินไข่ตุ๋นเสียไข่ตุ๋นที่เย็นชืดแล้วเริ่มมีกลิ่นคาวเซี่ยเสี่ยวหลานเองไม่อยากเห็นแก่ตัวกินคนเดียวจึงกินไปแค่ครึ่งพร้อมบอกว่าตัวเองอิ่มแล้ว
“ที่เหลือแม่กินเถอะ เหลือเอาไว้พรุ่งนี้ก็เน่าเสียไปเปล่าๆ ”
หลิวเฟินถือถ้วยเคลือบเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ปะปนกันไปไม่เคยเกิดเื่แบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย หลังจากลูกสาวเอาหัวชนเสาไปทีก็ดูท่าจะเข้าใจความรู้สึกคนที่รักใคร่ห่วงใยเธอมากขึ้น
“อีกสองวันพ่อของลูกก็กลับมาแล้ว”
การกล่าวถึงสามีตนเองขึ้นมาทำให้หลิวเฟินห่อไหล่อย่างเสียไม่ได้เธอรู้สึกหวาดกลัวเข้ากระดูก
เชิงอรรถ
[1]改革开放 การปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในปี 1978 โดยปรับระบบเศรษฐกิจให้กลายเป็ ‘สังคมนิยมแบบจีน’ โดยโอนกรรมสิทธิ์การทำเกษตรกรรมคืนให้ประชาชนมีการเปิดประเทศค้าขายกับต่างชาติ
[2]建国 ยุคสร้างชาติในที่นี้คือนับั้แ่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1949
[3]高考 เกาเข่า คือระบบการสอบมหาวิทยาลัยที่ใช้อย่างเป็ทางการในประเทศจีน
[4]严打1983 แคมเปญปราบปรามอาชญากรรมในปี 1983 โดยมีการใช้ความเด็ดขาดในการปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศจีน