ประธานเซี่ยกระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจ
เธอยังไม่ทันจะกล่าวคำว่า ‘แม่’ ออกไปเลย หลิวเฟินกลับคุกเข่าอ้อนวอนคนอื่นเพื่อเธอเสียแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ สานต่อสถานะและความทรงจำส่วนใหญ่จากเ้าของเดิมทว่าเื่ราวที่เ้าของเดิมประสบมานั้นทำให้เธอสลดใจอยู่ไม่น้อย—‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ผู้มีใบหน้าสะสวยแต่ในหัวกลับกลวงโบ๋ไม่ว่าเธอจะสุขหรือเศร้าล้วนมีเสน่ห์น่ามอง อีก 30 ปีข้างหน้าเธอจะต้องเป็ของล้ำค่าที่ใครๆพร้อมไล่ตาม แต่ในยุค 80 อย่างเธอน่ะเรียกว่า ‘ไร้แก่นสาร’!
คนชนบทไม่รู้จักคำวิเศษณ์ดีๆ แบบนี้เท่าไร พวกเขาจึงอธิบายเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยคำคำเดียวว่า‘...ไปทั่ว’
เป็เพราะรูปลักษณ์แบบนี้ปกติแล้วชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ดีนัก เธอยังแย่งคนรักของเซี่ยจื่ออวี้ผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องอีกเื่อื้อฉาวคือเธอเปลื้องผ้ายั่วว่าที่พี่เขยในเวลากลางวันแสกๆ ไม่เพียงแต่ถูกคนในหมู่บ้านครหาอย่างหนักแม้แต่ตระกูลเซี่ยเองก็ทนเธอไม่ไหว
ถึงเื่แย่งคนรักจะยังพอเถียงได้
แต่เื่แก้ผ้ายั่วว่าที่พี่เขยกลางวันแสกๆนี่ พูดไม่ออกจริงๆ !
พูดไปใครก็ไม่เชื่อบางคนถึงกับสาบานอย่างขึงขังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ยั่วยวนพี่เขยของเธอเท่านั้น แต่ยังไปนอนเปลือยกายกลิ้งเกลือกบนกองหญ้ากับพวกเร่ร่อนหมู่บ้านใกล้เคียงข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านจนถึงขั้นรู้กันทั่วสารทิศ เซี่ยเสี่ยวหลานหมดสิ้นหนทางโต้แย้งบ้านเซี่ยเองก็มาหนุนให้คลื่นมันสูง[1]เข้าไปอีก ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเลือกวิธีเอาหัวโขกเสาฆ่าตัวตาย
ประธานเซี่ยมีประสบการณ์เธอรู้ว่าโลกนี้มีผู้ถูกปรักปรำอย่างอยุติธรรมอยู่มากมาย ทว่าเธอจะเข้าไปจัดการทุกเื่ได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เคราะห์กรรมครั้งนี้เธอต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจเสียแล้ว
คนตระกูลเซี่ยล้วนท่าทางเกรี้ยวกราดอยากจะต้อนเธอจนตายเสียให้ได้ หญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคือแม่บังเกิดเกล้าของร่างนี้และเป็คนที่รักเ้าของร่างเดิมมากที่สุดในตระกูลเซี่ยประธานเซี่ยไม่คิดทนอีกต่อไป
“แม่ ลุกขึ้นก่อนเถอะ!”
เธอพยายามดึงหลิวเฟินให้ลุกขึ้นหลิวเฟินกลัวจะไปโดนาแของลูกสาวเข้าจึงมิได้ขัดขืนแต่อย่างใด
เอาเข้าจริงแล้วเรียกคำว่า‘แม่’ ออกไปมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดมีสองสิ่งที่ประธานอิจฉาในตัว ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ที่สุด หนึ่งคือเธอสวย และไม่ใช่สวยแบบดาษดื่นธรรมดาเสียด้วย สองคือเธอมีแม่ที่รักเธอสุดหัวใจส่วนประธานเซี่ยเองสูญเสียพ่อแม่ไปั้แ่วัยเยาว์ เธอจึงไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้!
เธอคือประธานเซี่ยหญิงผู้แข็งแกร่ง
และยังเป็เซี่ยเสี่ยวหลานที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค80
ไม่มีโอกาสให้เลือกมีเพียงแต่สองตัวตนที่รวมเป็หนึ่งเดียว
“เสี่ยวหลานฟังแม่นะ ยอมรับผิดกับย่าเถอะ...”
ใบหน้าของหลิวเฟินเต็มไปด้วยความเศร้าโศกหลิวเฟินมักต้องรองรับอารมณ์ของแม่สามี รวมถึงสะใภ้คนอื่นๆ สามี และลูกสาวอยู่เสมอยอมจำนนอดทนกับทุกๆ เื่ น่าเสียดายที่ไม่มีใครในบ้านเซี่ยหันมาใส่ใจในจุดนี้ กลายเป็ยิ่งเธอทนเท่าไรคนเหล่านี้ก็ยิ่งข่มเหงเธอมากขึ้น...—เ้าของร่างเดิมเองก็ทำไม่ดีเท่าไรในเื่นี้
หญิงชราเซี่ยกลับแผดเสียงขึ้นมาโดยพลัน
“หลานสาวฉันไม่ทำตัวสำส่อนไม่ใช่หญิงชั่วไร้ยางอาย ขนาดคนรักของจื่ออวี้แกยังแย่งได้ลงคอ!”
ประธานเซี่ยขมับกระตุกตุบๆ
พอหน้าที่การงานของเธอก้าวหน้ามากขึ้นจึงไม่ได้เปิดศึกตัวต่อตัวกับหญิงปากร้ายระดับล่างมานานแล้ว
แต่สองมือที่ฉีกทึ้งพนักงานขายสาวสวยและกำปั้นที่จัดการลูกหนี้ซัพพลายเออร์[2]เหนียวหนี้ทั้งหลายยังคงอยู่!
“คุณย่า!”
เธอฮึดแรงกายทั้งหมดะโออกไปสุดเสียงพอที่จะข่มหญิงชราเซี่ยได้ชั่วคราว
“ย่าไม่ยอมรับฉันในฐานะหลานสาวแต่ฉันก็จะเรียกคุณว่าย่า ตัวฉันเคารพรักตระกูลเซี่ยอย่างเต็มเปี่ยม... ย่าเอาแต่ด่าทอฉันคำก็สำส่อน คำก็ชั่วร้าย จะรอให้คนทั้งหมู่บ้านมาสอดส่องว่าเราเอะอะอะไรกันหรือ? ฉันมันไม่มีเกียรติอะไรแล้วอยู่แล้ว แต่พวกพี่สาวน้องสาวในครอบครัวก็ต้องออกเรือนนี่มานับพี่น้องกับคนสำส่อนอย่างฉันมันมีหน้ามีตามากหรือไง?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจจริงๆลำเอียงแล้วยังไม่สนอะไรต่อมิอะไรอีก ทำให้ศัตรูชอกช้ำได้พันส่วนแต่ฝั่งตนเองดันเจ็บไปแปดร้อย[3] ความไม่ลงรอยกันในครอบครัวจะเหยียบย่ำเธอจนตาย? ในหมู่บ้านนี่ชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ดีอยู่แล้ว แต่หากหญิงสาวตระกูลเซี่ยขายไม่ออกเพราะเื่วุ่นวายแล้วจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร!
แม่เฒ่าเซี่ยสะอึกไปในทันทีหน้าตาท่าทางอาสะใภ้สามของเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ดูไม่ได้
สามสาวคนโตแห่งบ้านเซี่ยประกอบด้วยเซี่ยจื่ออวี้อายุ 20 ปี ไม่เพียงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ยังมีคู่หมายที่พึงใจไว้แล้ว คนต่อมาคือเซี่ยเสี่ยวหลานอายุ 18 ปี ใครเห็นก็คิดว่าเธอคือหญิงสำส่อนที่ไม่มีโอกาสได้ออกเรือนอีก และลูกสาวคนโตของอาสะใภ้สามที่มีอายุ17 ปี ไม่ทันไรเธอก็ต้องพูดคุยเื่แต่งเข้าบ้านแม่สามีแล้ว
อาสะใภ้โกรธเกลียดเซี่ยเสี่ยวหลานเสียจนฟันกระทบกันดังกรอดแต่ก็จำเป็ต้องเบาเสียงลง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางต่อว่า
“แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้หรือ หงเซี๋ยของพวกเราถูกแกถ่วงรั้งไว้ไม่ได้ออกเรือน ทำไมถึงไม่ไปตายเสีย!”
ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเซี่ยหงเซี๋ยเองก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นกันเธออยู่หลังแม่ตัวเองพร้อมทำท่าอยากเอาเื่ตัวต่อตัวเต็มแก่
หลิวเฟินเคืองจนหน้าขึ้นสี
“พี่ เสี่ยวหลานเพิ่งฟื้นนะ...”
ร่างกายผ่ายผอมของหลิวเฟินเข้ามาบังลูกสาวเอาไว้ถึงอยากจะถกเถียงออกไป แต่เดิมทีเป็คนใจเสาะ โดนคนอื่นกดดันเข้าแค่ประโยคเดียวก็ยากที่จะต่อปากต่อคำให้ลื่นไหลต่อได้
เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ ดึงแม่ให้มาหลบด้านหลังตน
“แม่ไม่ต้องกังวลฉันไม่ทะเลาะกับพวกเขาหรอก ฉันเองก็มีเหตุผลนะ”
หญิงชราเซี่ยอยากจะบี้คนดื้อด้านตรงหน้าให้ตายทว่าเ้าตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สายตากวาดไปรอบๆ แล้วดันยิ้มออกมาแทน
“ฉันชนเสาไปรอบหนึ่งแล้วแต่นรกยังก็ไม่ต้อนรับนี่นาตอนนี้ฉันคิดว่าจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดี ฉันจะมีชีวิตที่ดี และถ้าใครมันทำให้ฉันไม่มีความสุขฉันก็จะทำให้มันไม่มีความสุข—ย่าบอกว่าฉันอยู่ที่นี่ทำให้ทุกคนอยู่ไม่สุขไม่เช่นนั้นก็ให้ฉันย้ายออกไป?”
ย้ายออกไป?
จะย้ายไปไหนได้ล่ะ?
หลิวเฟินร้อนรนใจมีผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานคนไหนเขาย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเองเล่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานที่ชนเสาแต่รอดตายและดูจะคุยยากขึ้นเหลือเกินท่าทางตัวปัญหานั่นทำเอานางเซี่ยโกรธจนเกือบจะเป็ลมไป
แต่ว่าเดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มีนิสัยโอนอ่อนผ่อนตามอยู่แล้วหญิงชราเซี่ยแสนเ้าเล่ห์ อาสะใภ้สามก็ช่างแดกดัน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ใช่คนที่หาเื่ได้ง่ายเสียด้วยอาสะใภ้สามอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานออกไปอยู่ไกลหูไกลตาเหลือเกิน จะได้ไม่ต้องสร้างความอัปยศให้ใครเห็นอีก
“แกจะย้ายไปไหนได้? อย่าได้คิดหนีปัญหาไปบ้านยายแกเพียงไม่กี่วันแล้วกระเสือกกระสนกลับมาเชียว!”
ย้ายออกไปก็ดีห้องที่บ้านใช้สอยไม่พออยู่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเองอยู่คนเดียวถึงหนึ่งห้อง พอย้ายออกห้องจะได้ว่างอาสะใภ้สามประเมินห้องโกโรโกโสแต่สะอาดเอี่ยมนี้พร้อมตัดสินใจจะให้ลูกสาวตนเองเซี่ยหงเซี๋ยย้ายเข้ามาอยู่—หญิงสาวโตจนใกล้ออกเรือนแล้ว ควรมีห้องส่วนตัวเสียที
“ตระกูลเราไม่ใช่ว่ามีบ้านเก่าริมแม่น้ำอีกหรือ? หลังหนึ่งหน้าหมู่บ้าน อีกหลังท้ายหมู่บ้าน ฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั้น ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตาใคร!”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวตามแผนเดิมที่คิดเอาไว้
แม่เฒ่าเซี่ยยังคงไม่ยอมปล่อย
“แกทำงามหน้าขนาดนี้ไม่ตีแกจนตายก็ปรานีแค่ไหนแล้ว ยังต้องมาแบ่งบ้านให้แกอาศัยอีกหรือ? ”
แม้ว่าบ้านเก่าริมแม่น้ำจะโอนเอนใกล้ร่วงหน้าร้อนยุงชุม หน้าหนาวหนาวจัด คอกวัวที่อยู่ในหมู่บ้านข้างเคียงก็กลิ่นแรง แต่หญิงชราเซี่ยนั้นไม่อยากตกปากรับคำให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้อยู่อย่างเป็สุขจนเกินไป
เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปั้แ่เซี่ยเสี่ยวหลานฟื้นขึ้นมา
แม้จะยังเป็ตัวปัญหาแต่กลับดูมีความคิดขึ้น...แม่เฒ่าเซี่ยถือว่าความรู้สึกไวไม่หยอก และไม่อยากปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานพ้นเงื้อมมือตนไป
เซี่ยเสี่ยวหลานคลี่ยิ้มหวาน
“ฉันไม่ย้ายออกไปก็ได้อยู่บ้านน่ะมีให้กินให้ดื่ม อย่างไรเสียชื่อเสียงของฉันมันป่นปี้ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เป็สาวเทื้อคาบ้านอย่างสงบดีกว่า!พี่ใหญ่เป็ถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย อีกหน่อยคงไม่ปล่อยให้น้องสาวตัวเองอดตายหรอกนะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดยากเสียเหลือเกินทำเอาป้าสะใภ้ใหญ่ที่เงียบมาตลอดถึงกับหนังตากระตุกอย่างแรง
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะเกาะจื่ออวี้ลูกสาวตนอย่างนั้นหรือ?!
“เอาน่า ป้าใหญ่ไม่เชื่อคำพูดคนพวกนั้นหรอกเสี่ยวหลานยังโมโหทุกคนอยู่ เป็สาวเป็แส้จะออกไปอยู่คนเดียวอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวป้าคุยกับย่าให้ พวกเราทุกคนก็ถอยคนละก้าว ใจเย็นๆ กันก่อนเถอะนะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่พาแม่สามีออกจากห้องอาสะใภ้สามก็กุลีกุจอตามไปเช่นกัน
เหล่าผู้น้อยที่เหลือในห้องล้วนใช้สายตาอาฆาตจ้องมองมาที่เซี่ยเสี่ยวหลานหลิวเฟินกำลังร้องไห้เงียบๆ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงได้แต่ถอนหายใจ
“แม่อย่าร้องไห้เลยฉันใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านต่อไปไม่ได้หรอก”
คำด่าดูแคลนน่ะไม่เท่าไรบ้านเซี่ยไม่มีทางเอาเธอถึงตายหรอก... แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากทน เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้งทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!
ผ่านไปไม่นานนักหญิงชราเซี่ยพร้อมพรรคพวกก็เข้ามาในห้องอีกรอบ
“แกไปอยู่บ้านเก่าเสียแล้วจะเป็จะตายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราตระกูลเซี่ยอีก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานได้คืบจะเอาศอกมิวายขอเครื่องเรือนสำหรับย้ายบ้านนางเซี่ยสุดจะทนกับตัวปัญหาคนนี้เสียจริง แต่สุดท้ายก็โยนหัวมันถุงเล็กให้เธอ
“รีบไสหัวไป!”
เชิงอรรถ
[1]推波助澜 หนุนคลื่นลมให้สูง หมายถึง ทำให้ปัญหาหรือเื่ราวที่เกิดขึ้นยิ่งแย่ขึ้นไปอีก
[2]ซัพพลายเออร์ Suppliers หมายถึงผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายให้กับบริษัทต่างๆ ที่ได้ยื่นใบสั่งซื้อสินค้าให้
[3]伤敌一千,自损八百 จัดการศัตรูได้หนึ่งพัน ฝั่งตนสูญเสียไปแปดร้อย หมายถึง ดูเหมือนจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายหรือเจ็บได้มากแต่แท้จริงแล้วฝั่งตนก็เสียหายไปไม่น้อยเช่นกัน ในที่นี้นางเซี่ยด่าทอเซี่ยเสี่ยวหลานเสียๆหายๆ แต่ก็เป็การประจานให้คนนอกมานินทาว่ากล่าวคนตระกูลตัวเองเช่นกัน