“จู้จื่อมานี่” เมื่อตาบ้าเซวียนได้ฟังที่กัวไฮว่พูดจบก็ะโออกไปทางข้างนอกเด็กหนุ่มตัวใหญ่ดุดันสูงเกือบสองเมตรเดินเข้ามาหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มพวกนี้กลับมาอยู่ในครัวของร้านอาหารส่วนตัวเล็กๆร้านหนึ่งได้
“คุณปู่!” จู้จื่อเห็นตาบ้าเซวียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“จู้จื่อฉันจะออกไปสักระยะหนึ่งจะนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจน่าจะหนึ่งปีหรืออาจจะไม่กลับมาแล้วก็ได้แกดูแลร้านนี้ให้ฉันดีๆ นะแล้วจำไว้ด้วยล่ะว่าถ้านักเรียนพวกนี้มากินข้าวที่นี่ต้องให้กินฟรีตลอดนะ”ตาบ้าเซวียนมองจู้จื่อแล้วพูดขึ้น
“คุณปู่ผมไปด้วย” จู้จื่อจับศีรษะแล้วพูดขึ้น
“แกรู้เหรอว่าฉันจะไปทำอะไร แกจะตามไปทำอะไร” ตาบ้าเซวียนถลึงตามองจู้จื่อแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างมีน้ำโห
“คุณปู่จะไปไหนทำอะไรผมก็จะตามไปด้วยตอนที่พ่อผมจะจากไปเคยบอกไว้ว่าให้ผมตามปู่ไปด้วย” จู้จื่อพูดเสียงเบา
“ฉันอายุแปดสิบกว่าแล้วแกตามฉันมาตอนนี้แล้วถ้าฉันตายไปล่ะแกจะยังตามใครอีก” ตาบ้าเซวียนมองจู้จื่อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์แล้วพูดขึ้นอย่างจนใจ
“นายท่านเด็กนี่ดูไม่เลวเลยนะ จริงๆ ถ้าท่านไปแล้วกลัวว่าร้านนี้จะปิดตัวลง”กัวไฮว่พูดเสียงเบา
“จู้จื่อก่อนหน้านี้พ่อแกให้แกฟังฉันทุกอย่างไม่ใช่เหรอ” ตาบ้าเซวียนมองกัวไฮว่แวบหนึ่งั์ตาเป็ประกายจากนั้นก็พูดกับจู้จื่อยิ้มๆว่า
“ครับผมจะเชื่อฟังคุณปู่” จู้จื่อกล่าวขึ้นอย่างสัตย์จริง
“ไอ้น้องไฮว่ฉันมีเื่อยากจะขอร้องเธอ เธอช่วยฉันหน่อยจะได้ไหม” ตาบ้าเซวียนพูดขึ้นเบาๆ
กัวไฮว่ไม่ได้พูดจาแต่สายตาของเขาตกไปอยู่บนร่างของจู้จื่ออีกครั้งจู่ๆ ไอความประหลาดระลอกหนึ่งก็พลันเข้ามาในสมองของกัวไฮว่อย่างเงียบเชียบ
“จะ...จะเป็ไปได้ยังไง” ใจของกัวไฮว่เต้นแทบจะหลุดออกมา“เืลมนักเวทไม่คาดคิดว่าภายในร่างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้านี้จะมีเืลมนักเวทอยู่”
“ฉันจะออกจากเมืองอู่เฉิงแล้ว ส่วนจะไปที่ไหนนั้นฉันก็ยังไม่รู้ฉันอยากให้จู้จื่อเ้าเด็กนี้ติดตามเธอไป เดี๋ยวฉันไปบอกทางโรงเรียนเองฉันอยากให้เขาได้เรียนรู้อะไรๆ จากเธอน่ะ” ตาบ้าเซวียนพูดเสียงเบา
“ฮ่าๆ นายท่านคุณคงเคยได้ยินเื่สี่ตัวอันตรายมาใช่ไหม ผมก็คือเ้าสี่หนึ่งในสี่ตัวอันตรายนี่แหละคุณจะให้เด็กบริสุทธิ์นี่มาอยู่กับผมคุณมั่นใจเหรอว่าเขาจะสะอาดบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อน เชื่อเหรอว่าผมจะไม่พาเขาเสียคนน่ะ”กัวไฮว่มองตาบ้าเซวียนแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“จู้จื่อต่อไปแกก็ตามน้องไฮว่ไปนะ เชื่อฟังเขาทุกอย่างเขาให้แกทำอะไรแกก็ทำแกเข้าใจแล้วหรือยัง” ตาบ้าเซวียนพูดเสียงดัง
“คุณปู่ผมอยากตามคุณปู่ไป” จู้จื่อพูดดึงดัน
“นี่ปู่ยังไม่ทันไปแกก็เริ่มจะไม่เชื่อฟังปู่แล้วเหรอ” ตาบ้าเซวียนถลึงตามองจู้จื่อแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นเสียงดัง “ตามคนที่อยู่ตรงหน้านี่ไป ภายหลังแกถึงจะได้เป็ใหญ่เป็โตคนทั้งหมู่บ้านถึงจะให้ความสำคัญกับแก จะได้ดีกับพ่อและแม่ที่ต่ำต้อยของแก”
“คุณปู่ผมจะฟังปู่ สวัสดีครับนายท่านไฮว่!” จู้จื่อหันศีรษะกลับไปมองกัวไฮว่ะโทำความเคารพนายท่านไฮว่ทำเอานักเรียนหญิงตาเบิกโพลง
“คนกันเองทั้งนั้น วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ไปย้ายเก้าอี้มาแล้วมากินด้วยกันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“นายท่านไฮว่เดี๋ยวผมไปเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมาเสิร์ฟ พวกคุณลองชิมฝีมือผมดูนี่เป็อาหารที่ผมถนัดที่สุดแล้ว” จู้จื่อพูดแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องครัว
“อร่อย อร่อยจริงๆ พี่จู้จื่ออันที่มันกรุบๆ นี่มันคืออะไรเหรออร่อยจังเลยทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยว่ามีอาหารเมนูนี้ด้วย” ซูเยี่ยกินคำใหญ่โดยไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ผู้หญิงแม้แต่นิดเดียว
“เหอะๆ เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่หรอกเธอเป็ผู้หญิงของนายท่านไฮว่เรียกฉันว่าจู้จื่อก็ได้” จู้จื่อยิ้มแหยๆแล้วพูดขึ้น “นั่นคืออันนั้นคือ...”
จู้จื่อไม่ทันจะพูดออกมาก็ถูกกัวไฮว่ดึงเอาไว้
“เอ็นวัวเธอกินแล้วดูไม่ออกเหรอว่าเป็เอ็นวัว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จู้จื่อในเมื่อร้านนี้จะไม่เปิดแล้วนายยังมีอะไรที่ถนัดอีกก็ไปทำสักสองอย่างเดี๋ยวนายกลับมาฉันจะให้นายกินของดีๆ”
“จู้จื่อฉันจะบอกนายให้นะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนายท่านไฮว่อะไรสักหน่อย”ซูเยี่ยพูดเสียงดังลั่นกับจู้จื่อที่วิ่งเข้าไปในครัว “โมโหชะมัด กินข้าวไปนิดเดียวก็ถูกหมอนี่เอาเปรียบจนได้”
นั่งกินข้าวกลางวันกันจนถึงบ่ายสองกัวไฮว่ก็เรอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา “โลกมนุษย์นี่ดีจริงๆเมนูจื่อชี่ตงไหลนั่นไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าเอาอาชา์มาทำเมนูจื่อชี่ตงไหลจะกรุบกว่านี้ไหมนะ”เมื่อกัวไฮว่ออกมาจากร้านอาหารมองแผ่นเมฆที่อยู่กลางอากาศก็พลันคิดขึ้นมาในใจ
“เยี่ยจื่อในมือถืออะไรอยู่เหรอ” เมื่ออกจากร้านอาหารมาถังซีก็เห็นถุงใสที่อยู่ในมือของซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“วัตถุดิบเมนูจื่อชี่ตงไหลน่ะสิ เอ็นวัวนี่ไม่เลวเลยนะเดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเอาไปที่บ้านให้นายท่านได้ชิมด้วย” ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวเยี่ยจื่อเธอยกโทษให้ฉันเถอะเอาของมาให้ฉันถ้าเธอเอาไปให้นายท่านบ้านเธอ กลัวว่าเขาจะมาฆ่าเราที่โรงเรียนน่ะสิถึงเวลานั้นตาบ้าเซวียนไม่อยู่จู้จื่อจะซวยเข้านะ” กัวไฮว่หันศีรษะกลับไปมองแล้วพูดด้วยเสียงดัง
“ตาบ้า ก็แค่ซื้อวัตถุดิบกลับบ้านเอง ฉันก็แค่ไม่อยากไปซื้อที่ร้านค้าต้องเว่อร์ขนาดนี้เลยเหรอ” ซูเยี่ยถลึงตามองแล้วพูดขึ้น
“เยี่ยจื่อมานี่ ฉันมีเื่อยากบอกเธอ” กัวไฮว่ข่มใจไม่ไหวและไม่ทันให้ซูเยี่ยมีปฏิกิริยาตอบกลับก็ดึงซูเยี่ยมายังข้างกาย
“ตาบ้า ตาบ้า นายไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ น่าขยะแขยงที่สุด” เมื่อซูเยี่ยได้ยินที่กัวไฮว่พูดขึ้นข้างหูก็โวยวายเสียงดังจากนั้นก็ทิ้งของในมือไป
“ทิ้งไปเสียดายแย่เลย เอาของมาให้ฉันเถอะ เอาไว้เวลาฉันอยากฉันจะทำกินฮ่าๆ “กัวไฮว่เห็นซูเยี่ยมีท่าทางผิดหวังก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ครูหลินพวกเขาเป็อะไรไปเหรอ ของที่เยี่ยจื่อถือมีปัญหาอะไรเหรอคะ”ถังซีมองหลินซวงด้วยใบหน้าอึ้งๆ แล้วถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกกะ...ก็แค่เนื้อวัวที่มีคอลลาเจนเยอะ ไม่ควรจะกินเยอะน่ะ”หลินซวงเป็ใครเธอเรียนจบมาหลายปีแล้วอย่างน้อยก็รู้เยอะกว่าเด็กสาวแรกรุ่นพวกนี้เยอะตอนที่อาหารเพิ่งเสิร์ฟเธอกัดไปคำหนึ่งก็รู้แล้วว่ามันคืออะไรแต่เื่นี้จะให้พูดออกมากลางโต๊ะได้ยังไงกัน
“เหอะๆ ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร ตาบ้าเซวียนตาแก่บ้านี่” เมื่อโหยวโยวโยวเห็นหลินซวงหน้าแดงเถือกก็พลันเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่กินเมื่อครู่คืออะไรเธอไม่เคยกินทั้งยังไม่เคยได้ยินด้วยแต่เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกขยะแขยงสิ้นดี
“ไม่พูดแล้วตอนบ่ายเตรียมตัวกลับบ้าน โยวโยว เวยเวยพวกเธอมีแพลนอะไรกันหรือเปล่า”ถังซีถามขึ้นยิ้มๆ
“เดี๋ยวพี่ชายฉันขับรถมารับน่ะ เธอไปด้วยกันไหม” โหยวโยวโยวถามขึ้นยิ้มๆ
“เดี๋ยวฉันไปดูก่อนว่าอาจารย์ฉันไปหรือยัง ถ้ายังฉันจะไปหาเขาที่นั่นแต่ถ้าเขาไปแล้วฉันจะนั่งรถไปด้วยนะ” มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ
“ฉันไม่พูดกับพวกเธอแล้ว เดี๋ยวฉันไปจัดการเื่ประมูลก่อนฝากพวกเธอบอกกัวไฮว่หน่อยนะว่าถ้าเขาอยากได้น้ำเต้าให้ไปหาฉันบ่ายนี้” หลินซวงพูดเสร็จก็เดินจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“โหยวโยวโยวเธอว่าทำไมครูหลินซวงถึงหน้าแดงล่ะ หรือว่าครูชอบพี่ไฮว่เหรอ”ถังซีถามโหยวโยวโยวขึ้นเสียงเบา
“ครูหลินเป็ผู้ใหญ่แถมยังไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาแบบพวกเราแล้วจะไปชอบตาบ้านั่นได้ยังไง” โหยวโยวโยวพูดเสียงดังแต่เมื่อพูดจบใบหน้าของตัวเธอเองดันแดงระเรื่อขึ้นมา