ครั้นถึงจวนมหาเสนาบดี ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ทั้งยังมีหิมะโปรยปรายลงมา ฉินหยีหนิงมีบ่าวสองคนที่คอยดูแลถือร่มให้ พวกนางเดินตามทางไปยังเรือนสื่อเซี่ยว เพื่อไปคำนับล่าวไท่จุนก่อน
เวลานั้นในเรือนของล่าวไท่จุนเพิ่งจะจัดวางอาหารเย็นเสร็จ มีซุนซื่อ ฮูหยินสองและฮูหยินสามคอยดูแลอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ ฉินหยีหนิงจึงได้รับประทานอาหารพร้อมๆ กับล่าวไท่จุน
“หยีเจี่ยร์กลับมาแล้ว ยังไม่ได้รับประทานอาหารใช่หรือไม่? มารับประทานอาหารพร้อมๆ กับข้ามา” ล่าวไท่จุนเห็นฉินหยีหนิงเดินผ่านประตูเข้ามา จึงยิ้มและสั่งจี๋เสียง “เ้าไปเรียกคนให้นำภาชนะอาหารมาให้คุณหนูด้วย”
จี๋เสียงยิ้มและเอ่ยตอบ “เ้าค่ะ” ตอนที่เดินผ่านฉินหยีหนิงนั้น นางดูมีความเคารพอย่างมาก แล้วก็เดินออกไป
“ขอบพระคุณล่าวไท่จุน” ฉินหยีหนิงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
อย่างน้อยเย็นนี้ นางยังได้ทานอาหาร
ในระหว่างทางกลับจวน ฉินหยีหนิงได้ตั้งข้อสมมุติฐานไว้หลายข้อ นางคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าท่านพ่อกับล่าวไท่จุนจะใช้วิธีไหนในการลงโทษนาง ทุกข้อล้วนรุนแรงทั้งนั้น สิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นทันที จนทำให้นางไม่มีเวลาตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
ทว่าสถานการณ์ที่นางคาดคะเนกลับถูกชะลอไว้ มิหนำซ้ำนางยังได้ทานอาหารก่อน ก็ถือว่านางโชคดีแล้ว
ขณะที่ฉินหยีหนิงกำลังคิดในแง่ดี ทันใดนั้น นางทันรู้สึกตัวว่าคิดแต่เื่กิน หากถูกท่านพ่อและล่าวไท่จุนรู้เข้าจะต้องโมโหมากแน่ๆ ถึงกระนั้นมันช่างน่าขบขันเสียจริงๆ นางคิดว่าตนเองทำสิ่งที่ดีแต่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ได้ก่อปัญหาขึ้น ก็บังเกิดความรู้สึกหดหู่ใจเสียได้ สุดท้ายหลังจากครุ่นคิดไปมากมายกลับเป็ผลให้รู้สึกโล่งใจอยู่หลายส่วน
หลังจากรับประทานอาหารเย็น ฉินหยีหนิงจึงรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ให้ล่าวไท่จุนฟังตามที่ได้นัดแนะกันไว้กับหัวหน้าจง
“วันนี้ได้ตรวจตราทุกที่แล้ว แต่ว่าเวลาไม่เพียงพอ จึงต้องเปลี่ยนเป็วันอื่นเพื่อไปเทียบบัญชีเ้าค่ะ”
ล่าวไท่จุนไม่ได้สนใจเื่เ่าั้ ฉินหยีหนิงเป็ผู้หญิง ไม่ทำเื่เดือดร้อนจนกระทบมาถึงนางก็เพียงพอแล้ว
ในจังหวะที่บรรยากาศในห้องยังคงมีแต่ความสงบสุขนั้น ฉับพลันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอกเดินเข้ามา ตามด้วยคำทักทายอย่างเคารพนอบน้อม “นายท่านใหญ่”
“ล่าวไท่จุน นายท่านใหญ่กลับมาแล้วเ้าค่ะ”
มีคนเข้ามาแจ้งพร้อมเลิกผ้าม่านให้กับฉินหวยหยวน
ฉินหยีหนิงใพลางรับรู้ว่าเื่มันไม่ดีแล้ว นางยืนอยู่ข้างๆ ฉินฮุ่ยหนิง
หลังจากฉินหวยหยวนเข้ามาถึง เขาคำนับกับล่าวไท่จุนก่อน จากนั้นทักทายซุนซื่อ ฮูหยินสองและฮูหยินสาม
ล่าวไท่จุนเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง “เิเกอร์ รับประทานอาหารเย็นหรือยัง? ข้าจะเรียกให้พวกเขาไปเตรียมให้”
“ไม่จำเป็แล้วขอรับท่านแม่ ข้ามีเื่สำคัญจะต้องทำนะขอรับ” ฉินหวยหยวนหันไปมองฉินหยีหนิงด้วยสายตาเยือกเย็น เป็สายตาที่น่ากลัวซึ่งฉินหยีหนิงไม่เคยเห็นจากบิดามาก่อนเลย
ฉินหวยหยวนมองใบหน้าที่คล้ายตนตอนสมัยยังหนุ่มๆ แต่เดิม เขากำมือแน่น จากนั้นกำหมัดแน่นแล้วก็ยิ่งกำแน่นขึ้นไปอีก
น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง ดุดัน แต่เห็นได้ชัดเจนว่าพยายามลดทอนความโกรธเคืองลง “ฉินหยีหนิง วันนี้เ้าได้ทำอะไรไว้?”
หลังจบคำถาม บรรยากาศเมื่อสักครู่ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีความสุขพลอยต้องหยุดชะงัก
ทุกคนต่างมองไปที่พ่อลูกคู่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย
ฉินฮุ่ยหนิงพยายามอย่างมากเพื่อไม่แสดงสีหน้าดีใจออกมา ในขณะที่คนอื่นกำลังเดือดร้อนอยู่
ใบหน้าของซุนซื่อมีความงุนงงและสงสัยอย่างมาก “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ? มีอะไรก็พูดดีๆ ก็ได้ อย่าทำให้ท่านแม่ต้องใเลยนะเ้าคะ”
ฉินหวยหยวนคร้านจะสนใจผู้หญิงอย่างซุนซื่อ เขาไม่ได้หันไปมองภรรยาเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่จ้องมองไปที่บุตรีตลอด
ฉินหยีหนิงถอนหายใจเบาๆ จับกระโปรงและคุกเข่าลง นางตอบอย่างเรียบง่าย “ตอบท่านพ่อ วันนี้ลูกติดกับดักของท่านอ๋องหนิงแล้ว เื่ราวมันไม่ได้เป็ไปตามที่ลูกได้คาดการณ์ไว้เ้าค่ะ”
ล่าวไท่จุน ซุนซื่อ ฉินฮุ่ยหนิงและคนอื่นๆ เมื่อฟังแล้ว ต่างก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร
ฉินหวยหยวนเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เดิมซึ่งมีความโมโหสุดขีดจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว กลับต้องกลืนมันเข้าไปแล้ว
เขาเคยคิดว่า ฉินหยีหนิงเป็เพียงเด็กสาวเืร้อน ที่มีความกล้าหาญ อุปนิสัยเป็เหมือนคุณหนูลูกผู้ดีคนอื่นๆ ที่หุนหันพลันแล่นไม่ใช้สมอง
ทว่า ‘ติดกับดักท่านอ๋องหนิง’ ประโยคนี้ กลับแสดงถึงไหวพริบของนางเกี่ยวกับการเมืองได้อย่างสงบนิ่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินลูกสาวของตนต่ำเกินไปแล้ว
นางไม่ได้มีเพียงความกล้าหาญเท่านั้น แต่นางยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดอีกด้วย
แรกเริ่มฉินหวยหยวนมีความโมโหและ้าจะลงโทษฉินหยีหนิง แต่เวลานั้นกลับรู้สึกไม่มีทางเลือก ในใจมีความคิดออกมาว่า ‘ถ้านี่ไม่ใช่ลูกสาว แต่เป็ลูกชายก็น่าจะดีสินะ’
แค่เสียดาย...
ฉินหวยหยวนเลียริมฝีปาก พลางจ้องมองไปที่ฉินหยีหนิงโดยไม่ได้พูดอะไร
ฉินหยีหนิงคุกเข่าลง แผ่นหลังของนางเหยียดตรงและก้มศีรษะลงด้วยสายตาเชื่อฟัง ใบหน้าถึงแม้ว่าจะสงบนิ่ง แต่ความเป็จริงแล้วนางประหม่าจนมือเท้าเย็นเฉียบไปหมด
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่เข้าใจ พ่อลูกคู่นี้กำลังเล่นอะไรที่ลึกลับอยู่ ล่าวไท่จุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น “เิเกอร์ ตกลงเกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?”
ฉินหวยหยวนถอนหายใจแล้ววางเสื้อผ้าของเขาลงที่ด้านข้าง พลางหย่อนตัวนั่งลงและได้เล่าเื่ที่ฉินหยีหนิงไปที่จวนท่านอ๋องหนิงด้วยตนเองเพื่อไปขอคนคืน แล้วนำคนกลับมาได้สำเร็จ
ครั้นเล่าจนจบเื่ ทุกคนที่ฟังอยู่ต่างก็อึ้งตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง
“ช่างกล้านัก หยีเจี่ยร์ เ้าช่างกล้านัก!” ล่าวไท่จุนชี้ไปที่ฉินหยีหนิง “เป็ผู้หญิง นึกไม่ถึงว่าเ้าจะกล้าไปพบผู้ชายข้างนอก กฎระเบียบที่เ้าเรียนมาเ้าเอาไปไว้ที่ไหนหมดแล้ว!” จากนั้นจ้องซุนซื่อเขม็งด้วยความโมโห “สะใภ้ใหญ่ นี่ก็คือลูกสาวคนดีที่เ้าสอนออกมา!”
ซุนซื่อรู้สึกเสียหน้า ปราดไปหาฉินหยีหนิงและตบหน้าบุตรีหนึ่งที ครั้งนี้นางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด เล็บคมของนางได้ข่วนผิวหน้าของฉินหยีหนิงจนปรากฏรอยเืสองรอย มือที่นางตบนั้นยังรู้สึกเจ็บเลย แก้มของฉินหยีหนิงบวมแดงขึ้นทันตา มุมปากมีเืออกมาด้วย
ซุนซื่อไม่สามารถแก้ไขความเกลียดชังของนางได้ ที่ถูกล่าวไท่จุนบริภาษว่าไม่สอนลูกสาว อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจ จึงเอ่ยตำหนิขึ้น
“ข้าบอกเ้าแล้วว่าหลังจากกลับมาในจวน ให้นำความเคยชินจากชนบทนั้นออกไป เ้าก็ไม่เชื่อฟัง เ้าเป็เด็กผู้หญิงเอาความกล้าดีนี้มาจากไหนกัน ยังมีหน้าไปหาผู้ชายข้างนอกอีก สิ่งที่ข้าพูดมามันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรืออย่างไร เ้าไม่เป็เด็กดี อีกทั้งยังทำให้บ้านใหญ่ต้องอับอายขายขี้หน้าด้วย ข้าจะตบเ้าลูกอกตัญญู” ซุนซื่อยกมือจะตบอีกครั้ง
ฉินหวยหยวนจ้องมองล่าวไท่จุนกับซุนซื่อด้วยสายตาเ็า แค่เพียงฟังผู้หญิงเ่าั้พูด ก็ไม่สามารถจับใจความสำคัญได้เลย แล้วยังเอาเื่นี้ไปล้อมเื่ ‘อย่าไปเจอผู้ชายข้างนอก’ หัวข้อประเภทนี้ แค่คิดก็รู้สึกว่าเหนื่อยใจแล้ว
เื่ในราชสำนัก พวกนางจะไปรู้เื่อะไร?
ครั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขากลับรู้สึกว่า ถ้อยคำที่ฉินหยีหนิงได้พูดเมื่อครู่นี้ที่ว่า “ติดกับดักของท่านอ๋องหนิงแล้ว” มีความชัดเจนอย่างมาก แม้ว่านางจะกระทำผิดพลาดไป แต่บุตรีผู้นี้ ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเอือมระอาแต่อย่างใด
“พอได้แล้ว” ฉินหวยหยวนทนไม่ได้อีกแล้ว จึงรั้งมือซุนซื่อที่กำลังง้างสูงทำท่าจะตบบุตรีอีกหนไว้ พร้อมเอ่ยตำหนิ “กฎระเบียบของเ้าก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก สั่งสอนลูกสาวแต่กลับตบแรงๆ เช่นนี้ ข้าคิดว่าเ้าต่างหากที่จะต้องเรียนกฎระเบียบ!”
ซุนซื่อเบิกตาสองข้างด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ น้ำตารื้นเอ่อล้นออกมาอย่างรวดเร็ว นางโมโหและเอ่ยขึ้น “ท่านพี่พูดอะไรเ้าคะ? ข้าสั่งสอนลูกสาวก็ไม่ใช่เพราะเพื่อท่านพี่หรอกหรือ? หากท่านไม่อยากให้ข้าสั่งสอน ทำไมต้องพูดเช่นนี้ออกมาด้วย? ไม่อยากสั่งสอนนาง ท่านก็ไม่ต้องบอกพวกเราสิ!”
“เ้า! มันรักษาไม่ได้แล้วจริงๆ!” ฉินหวยหยวนขมวดคิ้วแน่น หันมองฉินหยีหนิง “หยีเจี่ยร์ เ้าตามข้ามา” เมื่อเอ่ยพูดเสร็จก็หันหลังก้าวเท้าเดินออกไป
ฉินหยีหนิงลุกขึ้นยืนอย่างเคร่งขรึม คำนับให้ล่าวไท่จุนและคนอื่นๆ จากนั้นก็เดินตามหลังฉินหวยหยวนออกไปจากห้องโถง
ในห้อง หลังคล้อยหลังฉินหวยหยวนกับฉินหยีหนิง ซุนซื่อจึงส่งเสียงร้องไห้ดังฮือๆ นางน้อยใจทุบโต๊ะเตี้ยจนเครื่องชาที่อยู่บนโต๊ะกระทบกันเกิดเป็เสียงดัง “ข้าว่าข้าเห็นชัดเจนแล้ว ข้ามันแก่แล้ว ไม่เข้าตาฉินเิแล้ว ฉินเิไม่รักข้าแล้ว จะบังคับให้ข้าตาย”
อึดใจก่อน ล่าวไท่จุนกำลังครุ่นคิดเื่ราวที่ผ่านมา อีกทั้งกำลังสังเกตการตอบสนองของฉินหวยหยวน และในขณะที่กำลังไตร่ตรองอย่างวุ่นวายอยู่นั้น ใครจะไปคิดว่าซุนซื่อจะมีปากเสียงขึ้นมา มีปากเสียง...ดังเสียจนไม่สามารถมีสติคิดว่าเหตุใดลูกชายถึงได้มีท่าทีเช่นนั้น ฟังในสิ่งที่นางพูดเช่นนั้นอีก ก็ยิ่งไม่ชอบนางมากขึ้น
ซุนไห่หาน หากว่าไม่ใช่ลูกสาวคนโตของติ้งกั๋วกง นางคงจะโยนขี้นี้ออกไปนานแล้ว
ล่าวไท่จุนจึงพูดอย่างโมโห “เ้ายังร้องเอะอะอยู่ได้ ข้าว่าเิเกอร์ดูเ้าไม่ผิดหรอก กฎระเบียบของเ้าก็อย่างนี้แหละ จะร้องไห้ อย่าร้องไห้ที่นี่ กลับไปร้องไห้ที่เรือนซิ่งหนิงโน่นไป ถ้าเ้ายังโกรธด้วย ตอนนี้ก็เก็บข้าวของกลับไปบ้านแม่ยายก็ยังได้”
เมื่อเห็นว่าล่าวไท่จุนพูดแรงเช่นนี้ ฮูหยินสองกับฮูหยินสามก็เดินเข้ามาตักเตือน
ฉินฮุ่ยหนิงร้องไห้และกอดแขนซุนซื่อ “ท่านแม่ รีบยอมรับผิดต่อท่านย่าเถิดนะเ้าคะ ท่านจะกลับบ้านท่านยายไม่ได้นะเ้าคะ”
อารมณ์ของซุนซื่อร้อนรุ่ม เืร้อนอยู่บนใบหน้าไม่ได้ครุ่นคิดอะไร เพียงแต่ทำตามความรู้สึกของตนเอง หลังฟังคำห้ามปรามของฉินฮุ่ยหนิง นางกลับทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืนตอบโต้
“ไม่ได้? ข้ามีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง มีความสามารถจริงๆ ก็ให้ฉินเิมาขอหย่าข้าตอนนี้เลยสิ ข้าก็กำเนิดลูกชายให้ไม่ได้ อนุของฉินเิแต่ละคนก็ไม่มีใครออกไข่ได้เลย ข้ารู้ว่าล่าวไท่จุนโทษข้ามาก่อนนี้แล้ว ไม่ชอบข้า ถ้าพวกเ้ามีคนให้เลือกละก็ ก็ยกมาให้ฉินเิเพื่อกำเนิดลูกชายให้เลยสิ ข้าไม่ขอยุ่งด้วยแล้ว”
ซุนซื่อพูดเสร็จก็หมุนตัวจะออกไปข้างนอก แต่ก้าวเท้าไปเพียงสองก้าว ก็หันหลังโดยไม่ลืมดึงฉินฮุ่ยหนิงออกไปด้วย “ฮุ่ยเจี่ยร์ เ้าไปกับแม่ อยู่ในจวนเดี๋ยวจะโดนรังแกเปล่าๆ”
สีหน้าของฉินฮุ่ยหนิงเปลี่ยนไป รีบส่ายศีรษะ “ท่านแม่ ท่านอย่าไปเลย ลูกก็ไม่อยากไปกับท่านแม่” ล้อเล่นเถอะ! ตอนนี้หากกลับไปจวนติ้งกั๋วกง ก็คงจะถูกฮูหยินติ้งกั๋วกงเกลียดชังอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ซุนซื่อได้ตัดสินใจแล้ว
คืนนี้นางเสียหน้า นางต้องให้ฉินหวยหยวนไปรับนางอย่างยิ่งใหญ่ ถึงจะยอมกลับมา ครั้งก่อนนางกลับมาเองแถมยังต้องขอโทษรับผิดอีกด้วย เท่านี้ก็ทำให้นางดูตกต่ำมากเกินพอแล้ว หรือว่าทุก ๆ ครั้งจะต้องอดทนหรือ?
ซุนซื่อไม่ได้สนใจที่ฉินฮุ่ยหนิงพูด พลันดึงมือนางออกไป
ล่าวไท่จุนทุบโต๊ะและขว้างกล้องยาสูบออกไปจากมือ “ออกไปเถอะ คนมีการศึกษาเช่นนี้ ข้าก็เพิ่งจะได้เห็น เิเกอร์เป็คนอ่อนโยนและมีความรู้ ทำไมข้าถึงได้ตาบอดให้แต่งงานกับผู้หญิงปากร้ายไม่มีเหตุผลนะ”
ฮูหยินสองแอบกลอกตา
เมื่อก่อนไม่ใช่เพราะว่าทำเพื่อปีนจวนติ้งกั๋วกงต้นไม้ใหญ่หรอกหรือ? ยืมแรงของเขามาใช้เพื่อปีนขึ้น ตอนปีนทำไมไม่เห็นจะว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็ผู้หญิงปากร้ายไม่มีเหตุผลล่ะ
ฮูหยินสองไม่ชอบล่าวไท่จุนที่มีท่าทีลืมบุญคุณคน แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ
ฮูหยินสามรีบเข้าไปปลอบ โน้มน้าวไม่ให้ล่าวไท่จุนโมโห
ฉินหยีหนิงเดินตามฉินหวยหยวนมาจนถึงห้องหนังสือ เพิ่งจะคุกเข่าลง ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงาน “นายท่าน คนข้างในมาบอกว่าฮูหยินใหญ่จะกลับบ้านแม่ยายอีกแล้ว ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ แม่นมจินเรือนซิ่งหนิงให้คนมารายงาน ขอให้แหย่กลับไปดูหน่อยนะขอรับ”
ฉินหวยหยวนปวดหัวจนหน้านิ่ว เพียงแค่โบกมือให้กับบ่าวผู้นั้น แต่กลับยังนั่งอยู่บนที่นั่งหลักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม