ความจริงทุกอย่างถูกทุบทำลายลงฉับพลัน ฉินหยีหนิงคาดไม่ถึงเลย ราวกับว่าตนถูกหลอกด้วยภาพลวงตา แต่เมื่อมองดูเด็กสาวน่ารัก ผู้มีใบหน้าเป็รูปผิงกั่วและดวงตาโตซึ่งอยู่เบื้องหน้านี้ กลับทำให้ฉินหยีหนิงรู้สึกดีใจอีกครั้ง
โชคดีที่ถางเิไม่เป็อะไร
โชคดีที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็เหมือนอย่างที่ตนเองได้จินตนาการไว้
“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” ฉินหยีหนิงคำนับให้กับท่านอ๋องหนิงอย่างเคร่งขรึม “ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันขอพาคุณหนูถางเิออกไปนะเ้าคะ”
ท่านอ๋องหนิงยังอยู่บนที่นั่งหลักอย่างสง่าผ่าเผย เขาได้โบกมือให้เด็กสาว
ฉินหยีหนิงยิ้มให้กับถางเิและเอ่ยพูด “คุณหนูถางเิ โปรดตามข้ามาเถิด”
“คุณหนูอย่าเกรงใจเลยเ้าค่ะ เรียกชื่อข้าก็พอแล้ว วันข้างหน้าท่านคือเ้านาย ข้าคือบ่าว วันนี้ท่านต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมเพื่อมาช่วยข้า ในชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่ท่านทำให้กับข้าในวันนี้” ถางเิกะพริบตากลมๆ ของตนและพูดออกมาอย่างจริงจัง
ฉินหยีหนิงยิ้มขื่น “ข้าช่วยเ้าที่ไหนกัน ดูเหมือนว่าครั้งนี้ ข้าแค่เพียงยื่นมือนิดเดียวเอง”
ถางเิส่ายหน้าหลายครั้ง “คุณหนู ั้แ่ท่านพ่อของข้าให้ข้านำ ‘ตำรับยา’ ที่สืบทอดกันมาของตระกูลและออกไปบวชเป็แม่ชี ข้าก็รู้แล้วว่าครอบครัวถางจะต้องมีเื่เกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว ที่แท้เื่มันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ...
ถึงแม้ว่าข้าจะกลายเป็คนละทางโลกแล้ว แต่เป็เพราะเื่ที่เกิดขึ้นกับตระกูลถางเิ ทำให้ข้ายิ่งเข้าใจความทุกข์ในทางโลก เ้าหน้าที่คุมประพฤติได้พาตัวข้ากลับไป บังคับให้ข้าสึก แต่ว่าข้าไม่ยอมด้วย พวกเขาหยาบคายและล่วงละเมิดข้า หลังจากนั้นจ้าวหยุนซือก็เช่าตัวข้าออกไป ต่อมาข้าถูกท่านอ๋องหนิงนำตัวกลับมาที่จวนและได้มีชีวิตที่เงียบสงบอยู่หลายวัน”
ั์ตาของถางเิมีน้ำตาคลอ “คุณหนู นอกเหนือจากท่านอ๋องหนิงแล้ว หลังจากครอบครัวของข้าเกิดเื่ขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็คนเดียวที่ยื่นมือมาช่วยเหลือข้าทั้งที่ไม่มีความจำเป็ใดๆ ท่านกับข้าได้พบกันโดยบังเอิญ ท่านเป็ลูกตระกูลผู้ดี สามารถทนต่อแรงกดดันจากคำครหาต่างๆ มาที่จวนท่านอ๋องหนิงเพื่อช่วยชีวิตข้า และข้าก็รู้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวพันกัน บุญคุณนี้ ชั่วชีวิตของข้าก็ไม่สามารถชดใช้ได้ทั้งหมด”
คำของนางทำให้ฉินหยีหนิง หัวหน้าจง รุ่ยหลานและชิวหลู่ต่างรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
ที่ฉินหยีหนิงช่วยคนนั้น แต่เดิมเพียงแค่ไม่อยากให้ชีวิตของคุณหนูคนหนึ่งต้องพังทลาย อีกทั้งไม่อยากให้วิกฤตินี้ทำให้ครอบครัวของหัวหน้าจงต้องมาตายเหมือนปลาที่ต้องตายกันทั้งบ่อก็เท่านั้น ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าตนเองสมควรได้รับการขอบคุณหรือผลตอบแทนใดๆ ถึงกระนั้นเมื่อได้ยินในสิ่งที่ถางเิพูด ตนเองก็หน้าแดง ก่อนจะจับมือถางเิและคำนับท่านอ๋องหนิงเพื่อขอตัวลากลับไป พร้อมพาคนออกไปด้วยความเร่งรีบ
ท่านอ๋องหนิงนั่งสง่าผ่าเผยอยู่บนที่นั่งหลัก เขาเห็นทุกอย่าง ทันใดนั้นเขาได้เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “นึกไม่ถึงว่าสุนัขจิ้งจอกอย่างฉินเิ จะเลี้ยงลูกสาวออกมาเป็คนที่มีคุณธรรมเช่นนี้ได้”
“ใช่” มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางเข้าฝั่งฉากไม้อย่างช้าๆ คนนั้นก็คือชายหนุ่มที่พาฉินหยีหนิงเข้ามาในจวนนั่นเอง
ท่านอ๋องหนิงโบกมือให้กับชายหนุ่ม “ที่นางพูดเมื่อสักครู่นี้ ฝ่าาได้ยินหรือไม่?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ สายตามีความขมขื่นและกังวล “นางพูดถูก คนที่ดื้อรั้นในเมืองหลวง คิดว่าบนแผ่นดินนี้ไม่มีศัตรูและจะอยู่ยงคงกระพันได้ ช่างเป็กบที่อยู่ก้นบ่อจริงๆ จนถึงทุกวันนี้พวกเขายังมีเวลามาทะเลาะวิวาทกันอีก ว่าจะต่อสู้กับข้าศึกหรือจะเจรจาอย่างสันติดี”
“เปิ่นหวางรู้แจ้งมาก่อนแล้ว คนเ่าั้ต่างก็ใช้ไม่ได้ อนาคตหากเมืองแตกจริงๆ และถ้าใจนฉี่ราดก็คงไม่ขายหน้าแล้วล่ะ ฮ่าๆ” ท่านอ๋องหนิงหัวเราะดังก้อง
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพลอยส่งเสียงหัวเราะเยาะเช่นกัน เขายืนถัดจากท่านอ๋องหนิงและไพล่มือทั้งสองตนเองไว้ด้านหลัง พลางมองดู ‘ภาพอาชาแปดตัว’ เป็เวลานาน อึดใจหนึ่งก็มีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ท่านอ๋องหนิงเห็นอาการนั้นแล้ว แต่เขาไม่ได้ชี้ให้เห็นชัดมาก เขาเหลือบหันไปถาม “ฝ่าาได้ตัดสินใจแล้วจริงๆ หรือ?”
ชายหนุ่มนิ่งงันไปสักพักถึงได้กล่าวตอบ “ทำไม? หรือว่าท่านลุงไม่ยินยอมแล้ว อยากจะถอยออกมาแล้ว?”
ท่านอ๋องหนิงมองดูที่ดวงตาของชายหนุ่ม ั์ตาของเขาเฉียบคมและน้ำเสียงของเขาเหมือนเยาะเย้ย “เปิ่นหวางจะถอย? เปิ่นหวางเพียงแค่คิดไม่ถึงก็เท่านั้น ว่าฝ่าาจะเสนอเื่การถอดถอนฉาวไท่ซือออกจากตำแหน่งนี้ได้ ฝ่าาต้องทราบ เปิ่นหวางคิดมาโดยตลอดว่าฝ่าาเป็เพียงผู้เชี่ยวชาญด้านวาดภาพอย่างเดียว และไม่ได้สนใจเื่การเมืองเสียด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างขมขื่น “นี่ท่านลุงกำลังหัวเราะเยาะข้า ที่หลายปีมาแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จหรือ?”
ท่านอ๋องหนิงหัวเราะดังลั่นและหันไปพูดกับอีกฝ่าย “แต่เดิมเปิ่นหวางเพียงแค่อยากจะดึงให้ตาแก่ติ้งกั๋วกงมาเป็พันธมิตรด้วย แต่ว่าสุนัขจิ้งจอกซุนซื่อหยู่นั่นไม่แสดงท่าทีออกมาเสียที วันนี้คนที่ช่วยเ้ากับข้า แม้แต่ฉินเิก็ดึงเข้ามาด้วย ตอนนี้จะถอดถอนตำแหน่งตาแก่ฉาวปิ่งจงนั่นก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก”
ชายหนุ่มมีความกังวลอยู่หลายส่วนและเอ่ยขึ้น “ก็เกรงว่ามหาเสนาบดีฉินจะไม่เล่นด้วยนะสิขอรับ”
“ไม่เล่นด้วย? บุตรสาวของเขาได้ช่วยเขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถางเิเป็บ่าวของบุตรสาวเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะต้องได้รับการคุ้มครองจากจวนฉิน กลุ่มสตรีชั้นสูงและพวกหน้าไหว้หลังหลอกพวกนั้นก็กำลังรอดูผลลัพธ์นี้ จนต้องยืนเรียงแถวคอยชมอย่างแน่นอน”
ท่านอ๋องหนิงตบไหล่ปลอบชายหนุ่ม “ฝ่าาสบายใจได้ เื่นี้ทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน สตรีชั้นสูงพวกนั้นวันๆ ก็ได้แต่พูดเื่ที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ทำงานให้สำเร็จเสียที พวกนางยังไม่สามารถให้กำเนิดไข่ออกมาได้เลย แล้วยังจะคิดถอดถอนหวงโฮ่วของพี่ชายข้า? มันเป็ไปไม่ได้เลย แม้แต่เด็กสาวก็ยังรู้จุดจบของนาง หรือนางเองจะไม่รู้เื่นี้ดีกว่าใคร มันช่างตลกสิ้นดี เปิ่นหวางจะเอาิัตัวการสำคัญของนางลอกออกไป จะดูสิว่า ถ้านางไม่มีพ่อของนางคอยให้พึ่งพิงแล้วยังจะเป็อย่างไรได้อีก”
**
ขณะนั้นฉินหยีหนิงพาถางเิขึ้นรถม้าแล้ว หัวหน้าจง รุ่ยหลานและชิวหลู่ติดตามอยู่ด้านนอก เดินทางไปยังทิศที่ตั้ง ‘โรงเตี๊ยมท่าหยุน’ หนึ่งในสาขาของจ้าวหยุนซือ
ฉินหยีหนิงยิ้มและเอ่ยขึ้น “เ้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมก่อนเถิด ในสองวันนี้ข้าจะหาโอกาสออกมา เพื่อพาเ้าไปลาสึก หลังจากที่เ้าสึกจากการเป็แม่ชีแล้วให้เ้าติดตามข้ามาอยู่ในจวน พวกเราอยู่ในที่เดียวกันจะได้ดูแลกันได้”
“เ้าค่ะ” ถางเิผงกศีรษะพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนู ไม่จำเป็ต้องเกรงใจข้าเช่นนี้ วันข้างหน้าข้าก็เป็บ่าวของท่านแล้ว ท่านแค่ออกคำสั่งแก่ข้าก็พอ”
ฉินหยีหนิงผงกศีรษะ นางคาดไม่ถึงอยู่หลายส่วนว่าถางเิจะยอมรับความเป็จริงได้อย่างสงบ
อาจจะเป็เพราะว่า นางประสบภัยมาอย่างใหญ่หลวง หลังจากไม่มีแรงต่อสู้อยู่บนเส้นทางที่ไร้ซึ่งหนทางออก มนุษย์คงจะเข้าใจสถานะของตนเองได้ง่ายดายกว่ากระมัง
คนกลุ่มหนึ่งได้มาถึงโรงเตี๊ยมท่าหยุน ฉินหยีหนิงสั่งให้หัวหน้าจงจัดพื้นที่ซึ่งเงียบสงบให้ เมื่อได้จัดการเื่ที่พักของถางเิกระทั่งเรียบร้อย ก็ได้เรียกหัวหน้าจงให้มาหาพร้อมสั่งการ “ต้องรบกวนหัวหน้าจงให้ดูแลคุณหนูถางเิให้ดี สองวันนี้ข้าจะหาวิธีออกมาอีก”
หัวหน้าจงได้พ้นวิกฤตแล้ว ใบหน้าของเขาจึงสดชื่น ครั้นมองไปที่ฉินหยีหนิง สายตาของเขาคล้ายกำลังมองดูผู้มีพระคุณซึ่งช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาแสดงความใกล้ชิดและความเคารพอย่างจริงใจ จากนั้นก็โค้งคำนับและเอ่ยขึ้น “คุณหนูวางใจเถิด ข้าจะต้องทำให้ดีอย่างแน่นอน”
ฉินหยีหนิงได้ยินการเรียกของเขาต่อนางเปลี่ยนไป ทำให้ต้องหัวเราะ “ดี วันข้างหน้ามีเื่ต้องพึ่งหัวหน้าจงอีกเยอะ เพียงแต่ว่าวันนี้ก็ใกล้มืดแล้ว ส่วนเื่ดูบัญชีนั้นก็คงต้องเปลี่ยนเป็วันอื่นแล้วล่ะ”
“ขอรับ คุณหนูวางใจเถิด บัญชีที่ข้าได้ส่งไปนั้น ข้าน้อยได้ดูไว้หมดแล้ว เอาเป็ว่าวันไหนที่คุณหนูมีเวลาว่างแค่ตรวจผ่านๆ ก็ได้แล้วขอรับ หากล่าวเฟิงจุน1ถามขึ้นมา คุณหนูสามารถบอกได้ว่า ได้เดินตรวจตราร้านค้าสาขาของจ้าวหยุนซือ วันหลังไม่ต้องมาดูบัญชีก็ได้แล้วขอรับ ร้านอาหารสาขาของจ้าวหยุนซือมีสามแห่ง ได้แก่ ‘ตึกกุ้ยหลิน’ ‘ตึกจุ้ยเซียว’ และ ‘ตึกยวี้จ่าน’ มีโรงเตี๊ยมอยู่สองแห่ง หนึ่งคือที่ที่พวกเราอยู่ ณ ตอนนี้ ‘โรงเตี๊ยมท่าหยุน’ และยังมีอีกหนึ่งแห่ง ‘โรงเตี๊ยมเยว่เชิง’ อยู่บนถนนใหญ่ทิศตะวันออกขอรับ”
“หัวหน้าจงฉลาดมาก ข้าจะตอบไปแบบนี้ก็น่าจะได้” เมื่อฉินหยีหนิงเงยหน้ามองท้องฟ้า นางกล่าวขึ้นว่า “นี่เวลาก็เริ่มใกล้มืดแล้ว ข้าคงต้องกลับเสียที”
“ขอรับ ข้าน้อยจะเรียกรถไปส่งคุณหนูกลับไปให้นะขอรับ ครั้งนี้คุณหนูได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ครอบครัวของข้าน้อยทั้งหมดจะต้องตอบแทนบุญคุณคุณหนูให้ได้ และขอให้คุณหนูรับการคำนับจากข้าน้อยด้วยขอรับ” หัวหน้าจงพลางพูด พลางคุกเข่าลงโค้งคำนับ
ฉินหยีหนิงประคองหัวหน้าจงลุกขึ้น นางยิ้มอ่อนโยนยามเอ่ย “หัวหน้าจงอย่าได้เกรงใจเลย วันข้างหน้าพวกเราจะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันสิ ถึงจะสามารถไปได้ไกลกว่า”
หัวหน้าจงยิ้มพลางผงกศีรษะ “คุณหนูพูดถูก”
ฉินหยีหนิงกำชับให้หัวหน้าจงดูแลถางเิให้ดีอีกครั้งและได้จัดแจงเื่ลาสึกแล้ว จากนั้นจึงพารุ่ยหลานและชิวหลู่เดินออกไป เพื่อรีบกลับจวนมหาเสนาบดี
บนรถม้า รุ่ยหลานกับชิวหลู่ยังคงมีอาการตื่นเต้นกึ่งระแวดระวัง แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าของฉินหยีหนิงกลับต้องรู้สึกสงสัย
ช่วยเหลือคนออกมาได้สำเร็จ ทำไมคุณหนูดูไม่ดีใจเลย?
ใจของทั้งสองมีความสงสัย รุ่ยหลานคิดมากหน่อย จึงไม่ได้พูดออกมาในทันที แต่ชิวหลู่เป็คนตรงๆ ปริปากเอ่ยถาม “คุณหนู ทำไมท่านถึงไม่ดีใจแล้วล่ะเ้าคะ?”
ฉินหยีหนิงหันกลับมา จากนั้นก็ถอนหายใจและบ่นพึมพำ “คราวนี้ข้ากลัวว่าเื่มันจะไม่ดีแล้วนะสิ”
“อะไรนะ?” รุ่ยหลานและชิวหลู่ต่างส่งเสียงด้วยความตระหนกและพูดต่ออย่างประหม่า “ทำไมถึงพูดเช่นนั้นล่ะเ้าคะ? เื่อันใดที่ไม่ดีเ้าคะ?”
ฉินหยีหนิงกระซิบ “พวกเ้าคิดดูดีๆ สิว่า ดูการพูดและท่าทีของท่านอ๋องหนิงในวันนี้ก็รู้แล้ว ทั้งๆ ที่เขาทำเพื่อปกป้องจึงพาคุณหนูถางเิออกไป แต่เขากลับแสร้งทำเลอะเทอะและไม่ได้อธิบายอะไรกับจ้าวหยุนซือเลยแม้แต่น้อย และปล่อยให้ข่าวการปล้นของเขากลายเป็ข่าวดังลือกระจายไปทั่วเมืองหลวง เพื่ออะไรหรือ?”
รุ่ยหลานและชิวหลู่มีความสับสนมึนงงอยู่หลายส่วน
“เขาทำเช่นนั้น ก็เพื่อยืมมือของสตรีชั้นสูงเ่าั้ให้มากดดันจ้าวหยุนซือก็เท่านั้น ถ้าจ้าวหยุนซือไม่อาจทนต่อแรงกดดัน จากนั้นไปหาท่านอ๋องหนิงและขอคนกลับมา ข้าคิดว่าต้องเหมือนเหตุการณ์ในวันนี้แน่นอน ก็คือคืนคนให้อย่างง่ายดาย”
“คุณหนู ท่านหมายความว่า...” รุ่ยหลานมีความเข้าใจแล้ว อดไม่ได้ที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็สีขาวซีด
“ทุกคนต่างก็รู้ว่าท่านอ๋องหนิงปล้นคนไปแล้วไม่ยอมคืนให้ แต่เมื่อจ้าวหยุนซือไปรับแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องหนิงจะคืนกลับมาให้ ผู้คนคงคิดไปในทำนองเดียวกันว่า ท่านอ๋องหนิงกับจ้าวหยุนซือมีความสัมพันธ์ที่ดี และเป็พันธมิตรกัน เมื่อก่อน เ้าของกิจการจ้าวหยุนซือเป็พี่ชายใหญ่ เื้ัของพี่ชายใหญ่เป็คนในจวนติ้งกั๋วกง หากให้เื่เป็ไปเช่นนั้น ผู้คนย่อมเหมารวมว่าท่านอ๋องหนิงกับคนในติ้งกั๋วกงเป็พรรคพวกเดียวกัน และคนที่ออกหน้าในครั้งนี้ก็เป็ข้า ข้าเป็ทั้งลูกสาวของมหาเสนาบดีและเป็หลานสาวของติ้งกั๋วกง...”
ฉินหยีหนิงพูดถึงตอนนี้ สีหน้าของนางกลับซีดขาวลงฉับพลัน มือและเท้าเย็นะเืราวกับก้อนน้ำแข็ง
“ครั้งนี้ ข้ากลัวว่าจะติดกับดักของท่านอ๋องหนิงแทนพี่ชายใหญ่และไม่ระมัดระวัง จึงทำให้ติ้งกั๋วกงและจวนฉินได้ชื่อว่าเป็พรรคพวกเดียวกันกับท่านอ๋องหนิงไปแล้ว พวกเ้ารอดูว่า...ไม่ต้องรอนานนัก ก็คงจะมีข่าวลือลั่นไปทั่วว่าข้าพาตัวคุณหนูถางเิออกมาได้สำเร็จอย่างแน่นอน”
ชิวหลู่เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ ตาของนางก็เป็สีแดง นางกระทืบเท้าและเอ่ยขึ้น “บ่าวยังคิดว่าท่านอ๋องหนิงนั่นจะเป็คนมีคุณธรรมเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะใจดำได้ถึงเพียงนี้ จะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อดึงคนในจวนติ้งกั๋วกงเข้ามาด้วย”
“ใช่” รุ่ยหลานก็เอ่ยสมทบ “ถ้าพูดอย่างนี้ ฮูหยินติ้งกั๋วกงจัดการให้เช่นนี้ก็...” รุ่ยหลานรู้สึกได้ว่าคำพูดของตนนั้นอาจส่อแววยั่วยุก็เป็ได้ จึงรีบหุบปาก
ฉินหยีหนิงพูดบอก “ท่านยายอาจจะไม่ได้คิดร้ายอะไร เพียงแต่ว่าอาจจะคิดว่าข้าผู้หญิงตัวเล็กๆ วิธีเดียวที่คิดได้ก็คือให้หัวหน้าจงคอยรับหน้าไว้ จากนั้นข้าก็เปลี่ยนหัวหน้าใหม่ ไม่ได้เผชิญหน้าอะไรกับมัน ก็คงไม่เป็อะไรแล้ว ทว่า ไม่ว่าจะเป็ท่านยายหรือท่านพ่อต่างก็นึกไม่ถึงว่าข้าจะไปเอาคนกลับมา...”
รุ่ยหลานจึงกล่าวเตือน “คุณหนู เื่มันมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านทำไปเพราะความหวังดี แต่ว่าเื่ที่ติดกับดักในวันนี้ จะต้องคิดแล้วว่าจะตอบล่าวไท่จุนกับนายท่านอย่างไร แล้วถ้าพวกเขาตำหนิลงโทษขึ้นมาจะทำอย่างไรเ้าคะ?”
ฉินหยีหนิงยิ้มขื่น นี่เพียงแค่ไม่กี่วัน นางประสบกับใจคนที่มีทั้งร้อนหนาวและกลอุบายมากถึงเพียงนี้แล้ว
แต่เดิมนางคิดว่า กลับบ้านมาจะสามารถมีความสุขสงบอยู่ได้ บ้านตระกูลผู้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องเื่การกินการใช้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
ใครจะไปรู้ คนบ้านตระกูลใหญ่ๆ เหล่านี้ ทำเพื่อผลประโยชน์และอำนาจ สามารถคิดแผนการเพื่อทำร้ายคนอื่นได้มากกว่าคนในชนบทเสียอีก
ฉินหยีหนิงถอนหายใจยาว พลางบังคับให้ตนเองสงบใจลง จากนั้นเริ่มคิดถึงผลกระทบของเื่ในคราวนี้ต่อจวนมหาเสนาบดี จวนติ้งกั๋วกงและตนเอง
ในเมื่อติดกับดักแล้ว เวลาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก คงทำได้แค่คิดวิธีการรับมือแล้วล่ะ
***************************
1 ล่าวเฟิงจุน ใช้เรียกผู้ที่มียศไม่ทั้งชายและหญิงาุโ เป็ระบบของราชวงศ์ในยุคอดีต โดยจะแต่งตั้งยศให้ภรรยา บิดา มารดาของขุนนางตามยศและตำแหน่งของขุนนางท่านนั้น