เพราะเป็กังวลว่ากลิ่นเฟิงเยี่ยนบนตัวจะยังไม่จางหาย อวี๋มู่จึงอยากวนเวียนอยู่ข้างนอกอีกสักพัก เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเช้า ก็รีบเข้าไปช่วย
เสี่ยวเหยียนเห็นอวี๋มู่เดินเป๋ จึงไม่กล้าให้เขาช่วย จึงผลักเขากลับห้อง “พี่ชาย ท่านาเ็อยู่ รีบไปพักดีกว่า เื่พวกนี้ให้ข้าจัดการเอง”
เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ อวี๋มู่อยากปฏิเสธแต่เห็นทีจะไม่ได้
เขาถูกผลักเข้าห้อง แล้วปิดประตูไล่หลัง อวี๋มู่เกาหัว ในใจตุ้มๆ ต่อมๆ
เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังดูเหมือนคนแอบไปหาชู้กลับมาบ้านแล้วกลัวสามีรู้
พอเห็นเว่ยจวินหยางนอนอยู่บนเตียงเหมือนยังไม่ตื่น อวี๋มู่ก็โล่งใจ
“ยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ? ” ใครจะรู้ว่าเขาดีใจได้แป๊บเดียว เว่ยจวินหยางก็ลืมตาตื่น ลุกขึ้นนั่ง ทั้งยังกวักมือเรียกเขา “เ้าเนื้อตัวาเ็ อย่าไปไหนมาไหนไปเรื่อย มานั่งข้างๆ ข้า”
แม้รูปร่างจะเล็ก แต่พลังยังคงอยู่ เขายังใช้น้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหอง แต่พอรวมกับใบหน้าราวเทพบุตรตัวน้อย จะให้มองข้ามนิสัยเขาไปบ้างก็ดูน่ารักน่าชังพอสมควร
คำโบราณกล่าวไว้ดี คนรูปโฉมงามไม่ว่าทำอะไรก็มักได้รับการอภัยอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเด็ก คำกล่าวนี้อวี๋มู่เห็นด้วยอย่างมาก
“ขอรับ นายท่าน”
เขาโค้งคำนับ จากนั้นสะบัดเสื้อผ้าให้ลมโกรก แล้วค่อยจ้ำอ้าวไปหาเว่ยจวินหยาง
เว่ยจวินหยางขมวดคิ้ว “......เ้าเป็บ้าอะไร? ”
“เรียนนายท่าน เมื่อครู่ตอนข้าออกไป เสี่ยวเหยียนกำลังใส่มูลฝอยลงสวนผัก จึงมีกลิ่นติดตัว กลัวว่าจะรบกวนท่าน เลยสะบัดกลิ่นออก ”
ขณะพูด ก็เดินไปข้างหน้า
“ช้าก่อน! เ้าไม่ต้องเข้ามาแล้ว” เว่ยจวินหยางสีหน้าเปลี่ยน เขาชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ “เ้านั่งตรงนั้น รอจนกลิ่นหายแล้วค่อยเข้ามา”
เขาอ่อนไหวกับเื่กลิ่นมาก เพียงแค่คิดถึงกลิ่นเหม็นของมูลฝอย ก็รู้สึกขยะแขยง
อวี๋มู่คิดไม่ถึงว่าเื่ที่เขาแต่งจะได้ผลชะงัด แอบยิ้มในใจ
เห็นทีอีกหน่อยต้องใช้ข้ออ้างนี้บ่อยๆ ให้เ้าลูกหมานี่ขยะแขยงให้ตายเลย
อวี๋มู่นั่งลงอย่างว่าง่าย เว่ยจวินหยางมองเขา พลางถูนิ้วสองสามทีแล้วเอ่ย “ข้านึกออกแล้ว”
“? ”
“ความทรงจำสองคืนที่ร่วมรักกับเ้า”
“! ”
เสียงก้องดังในหัวของอวี๋มู่ รู้สึกเพียงว่าความอับอายพุ่งปรี๊ดขึ้นในใจ ผิวหน้าร้อนผ่าวเหมือนเป็ไข้
ให้ตายเถอะ์ เ้าลูกหมานี่นึกได้แล้ว!
วินาทีแรกอวี๋มู่ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือโมโหกันแน่
“ที่ข้าโดนคือยาเร้ากำหนัดทั่วไปหรือ? ” เว่ยจวินหยางรู้เพียงแค่ว่าที่ตัวเองมีอะไรกับอวี๋มู่เพราะยาแปลกประหลาดนั่น แต่เขาไม่ช่ำชองเื่พิษเท่าไร
อวี๋มู่พูดตามความเป็จริง “เรียนนายท่าน ที่ท่านโดนคือพิษดอกเสน่หาของทางตะวันตก ทันทีที่โดนพิษท่านต้องร่วมรักกับใครสักคนในคืนนั้น จากนั้นก็ต้องร่วมรักกับคนผู้นั้นวันเว้นวัน ไม่อย่างนั้นไข้จะขึ้นสูงไม่ยอมลด ชีพจรแตกซ่านจนเสียชีวิตได้”
เว่ยจวินหยางตกตะลึง จากนั้นใบหน้าเขามืดมนลงทันใด เขากำหมัด เอ่ยเสียงชิงชัง “เ้าพวกสารเลวช่างกล้าทำเื่บัดสีแบบนี้กับข้า! ”
เื่แบบนี้เพียงแค่ลองไตร่ตรองดูก็รู้ หากว่าเว่ยจวินหยางไม่ได้ถูกอวี๋มู่ช่วยออกมาจากสำนักชิงอี สิ่งที่รอเขาอยู่จะเป็เช่นไร
เขาคงต้องมีเื่อย่างว่ากับใครก็ไม่รู้ เหมือนกับพวกเศษเดนที่ยอมให้คนกระทำ พวกนั้นจะหัวเราะเยาะเขา หยอกล้อเขา ทรมานทารุณเขา โยนเกียรติและศักดิ์ศรีของเขาลงขี้โคลน!
แบบนี้ฆ่าเขาโดยตรงเสียยังจะดีกว่า!
รอเขากลับไป!
รอเขากลับไป เขาจะฆ่าพวกสารเลวชั่วช้าสามานย์นั่นกับมือ!
“นายท่านอย่าเพิ่งโกรธไป หมอเทวดาบอกว่าพิษตัวนี้กับอาการวิชามารคืนกลับนั้นสามารถรักษาได้ในคราวเดียว ขอเวลาแค่อีกนิดเดียว”
อวี๋มู่พูดไม่ผิด พิษนี้สามารถแก้ได้
ใช้ตำราสูตรลับที่โม่เหิงให้เขาเล่มนั้น เื่พวกนี้ไม่ใช่เื่ใหญ่
เคล็ดวิชาลับนี้น่ากลัวตรงที่สามารถถ่ายพิษจากดอกเสน่หาที่ทำลายอวัยวะภายในและการคืนกลับของธาตุไฟเข้าแทรกให้กับผู้รับในคราวเดียว ซึ่งก็คืออวี๋มู่นั่นเอง
บวกกับยาที่โม่เหิงผสมไว้ให้ กินทุกวัน ไม่เกินหนึ่งเดือน เว่ยจวินหยางไม่เพียงแค่สามารถแก้พิษได้ ทั้งยังฟื้นฟูพลังสูงสุดและบรรลุขั้นได้อีกด้วย
“นานเพียงใด? ” เว่ยจวินหยางใคร่รู้
“เพียงหนึ่งเดือน”
“อืม สมกับที่เป็หมอเทวดาล้ำเลิศในยุทธภพ” หลังจากได้ยิน เว่ยจวินหยางก็เริ่มรู้สึกนับถือโม่เหิงขึ้นมา
แต่พอเขานึกถึงคำพูดที่คนผู้นั้นพูดกับเขา สีหน้าก็เยือกเย็น มองมาทางอวี๋มู่ สำรวจขึ้นลง แล้วเอ่ยถาม “เ้ากับโม่เหิงมีสัมพันธ์อย่างไรกันแน่? ”
อวี๋มู่สะดุ้ง ในใจบ่นเมื่อวานเขาก็อธิบายเื่นี้ไปแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมยังถามอีก?
แต่เขานั้นสวมบทบาทข้ารับใช้ผู้ภักดีได้ทันที จึงตอบกลับ “เรียนนายท่าน ข้ากับหมอเทวดาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน พอพูดคุยสนทนากันได้บ้าง”
เว่ยจวินหยางทำหน้าบูดเบี้ยว รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองแท้จริงก็เพียงเท่านี้ จึงเอ่ยถามต่อ “แล้วเหลียงหานล่ะ คือใคร? ”
หืม?
อวี๋มู่กะพริบตา พลันนึกว่าตัวเองข้ามมิติอีกแล้ว : ระบบ เขารู้เื่เหลียงหานได้ยังไง?
[โฮสต์ครับ เว่ยจวินหยางเขา…….เหมือนกำลังหึงนะครับ! ]
อวี๋มู่ตื่นเต้นและเข้าใจทันใด ถึงอย่างไรหัวใจก็สามดวงครึ่งแล้ว ถ้าตามที่ระบบติดตั้ง หมอนี่น่าจะเริ่มชอบเขาแล้ว
ช่าง…เหลือเชื่อ
ทั้งยังรู้สึกรับไม่ค่อยได้
ถูกเ้าลูกหมาเว่ยนี่ชอบ รู้สึกแปลกเกินไป
อวี๋มู่เริ่มหน้านิ่งพูดไร้สาระ “เรียนนายท่าน เหลียงหานคือน้องชายของข้าน้อย”
[โฮสต์ เอาอีกแล้ว มุกน้องชายนี่ใช้ไม่เบื่อเลยนะครับ! ]
อวี๋มู่ไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่จ้องมองเว่ยจวินหยางอย่างจริงใจ
“น้องชาย” เว่ยจวินหยางขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินมาว่า เ้าเป็เด็กกำพร้า ถูกอาจารย์รับอุปถัมภ์ั้แ่เล็ก ไปมีน้องชายตอนไหนกัน? ”
แววตาจริงใจของอวี๋มู่แหลกสลาย
ระบบหัวเราะสาแก่ใจ [ฮ่าๆๆๆ เื่ราวพลิกเลยนะครับ! ]
เว่ยจวินหยางจ้องเขม็ง “เ้าบังอาจโกหกข้า? ”
“ข้าน้อยมิกล้า! ” อวี๋มู่รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ คุกเข่าต่อหน้าเว่ยจวินหยาง ก้มหน้าอธิบาย “เหลียงหานนั้นไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของข้า แต่เป็่ที่ข้าผ่านไปยังหมู่บ้านที่ถูกโจรูเาปล้นฆ่า แล้วช่วยเขาเอาไว้ได้ พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าตาย ข้าเลี้ยงดูเขาหลายปี ต่อมาจึงยกเขาให้กับคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง หลังจากเข้าร่วมสำนักชิงอีก็ติดต่อกันน้อยมาก”
อวี๋มู่รีบข่มอารมณ์ตัวเอง แล้วใช้แววตาจริงใจจ้องมองเขาอีกครั้ง
ราวกับว่ากลัวคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตจะเข้าใจเขาผิดอย่างไรอย่างนั้น [นี่ต้องเป็สิ่งที่เว่ยจวินหยางกำลังคาดเดา]
เว่ยจวินหยางที่หลังจากรู้ว่าตัวเองคาดเดาถูกต้องก็รู้สึกดีขึ้นมาเอง
คะแนนความประทับใจก็ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ลุกขึ้นเถอะ” เว่ยจวินหยางเอ่ย “ข้าไม่ได้กล่าวโทษเ้าเลย ขาเ้ายังาเ็ รีบลุกขึ้นนั่ง”
อวี๋มู่ค่อยกล้าเกาะเก้าอี้แล้วลุกขึ้น
เขาเพิ่งนั่งลง เว่ยจวินหยางก็พูดเสริมอีก “ในเมื่อคิดถึงเพียงนี้ งั้นวันหลังก็พาเขามาให้ข้ารู้จักบ้างสิ”
อวี๋มู่เกือบเซจนตกจากเก้าอี้
*
โม่เหิงทำท่าทีเหมือนรังเกียจพวกเขา แต่ความจริงนอกจากเวลาที่อวี๋มู่อยู่ข้างเว่ยจวินหยาง โม่เหิงมักชักสีหน้าใส่เว่ยจวินหยาง นอกจากนั้นเขาก็ให้การต้อนรับไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
เมื่อวานเว่ยจวินหยางไม่ได้กินอะไรทั้งวัน ตอนที่นั่งลงบนโต๊ะไม้ จึงกินไปเยอะพอสมควร แก้มสองข้างนั้นเต็มไปด้วยอาหาร เนื่องจากดูน่ารักน่าชัง จึงลดความชิงชังไปได้มากทีเดียว
เสี่ยวเหยียนยื่นมือไปลูบหัวเขาเบาๆ ให้เขากินช้าหน่อย
เว่ยจวินหยางตัวแข็ง หรี่ตาคู่นั้น ั์ตาเผยจิตสังหารและความไม่พอใจ
โม่เหิงรู้สึกได้ วางตะเกียบในมือลง ทำท่าพร้อมปะทะ บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเปลี่ยนเป็อึมครึมในทันใด
อวี๋มู่รู้สึกปวดหัว เขาดูท่าทีแล้วรีบจับมือเสี่ยวเหยียนออกทันที หลังจากนั้นก็วางมือตัวเองลงไปแทน แล้วลูบเบาๆ
ลูบเสร็จเขาเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เหลียงเสี่ยวหาน หากแต่เป็เว่ยจวินหยางที่นิสัยโคตรสุนัขไม่รับประทาน
เขาตัวแข็งไปชั่วขณะ
โม่เหิงก็ใ เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่อวี๋มู่มีต่อเว่ยจวินหยาง ก็ตกตะลึงจนวางตะเกียบลงมา แล้วรอดูปฏิกิริยาของเว่ยจวินหยาง
ใครจะรู้ว่าจิตสังหารของเว่ยจวินหยางกลับหายไปทันทีเพราะการกระทำของอวี๋มู่ จ้องเขม็งไปที่เขาทีหนึ่ง แล้วกินข้าวต่อ
ไม่พูดไม่จา
และไม่ได้โกรธจนน่าฉงน
ถึงขนาดที่ว่าคะแนนความประทับใจก็เพิ่มขึ้นอีกนิดด้วย!
อวี๋มู่ชักมือกลับอย่างมึนงง ไม่พูดไม่จา
โม่เหิงเองก็มองดูทั้งสองอย่างมึนงง และไม่พูดไม่จา
ตลอดมื้ออาหารมีเพียงเสี่ยวเหยียนที่ยิ้มร่า ที่เหลือสามคนต่างคิดอะไรฟุ้งซ่านในหัว
เวลา่กลางวันที่เหลืออยู่ อวี๋มู่หันหลังให้เว่ยจวินหยางแล้วอ่านตำราต้องห้าม ด้วยความช่วยเหลือของระบบที่ให้ใช้วิธีจำลองจิตใต้สำนึกด้วยพลังภายใน
อ่านอยู่อย่างนั้นหลายสิบรอบ จนจำส่วนที่สำคัญได้ ถัดจากนี้ก็คือ่ที่ต้องนำไปใช้ตอนที่มีอะไรกับเว่ยจวินหยาง
ถูกกระทำไปสองหน อวี๋มู่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว
ถึงอย่างไรก็ทำเพื่อภารกิจ อีกอย่างเขาก็สู้เว่ยจวินหยางไม่ไหว ตอนนี้เว่ยจวินหยางก็ได้ความจำคืนมา คะแนนความพอใจน่าจะเพิ่มขึ้นมาบ้าง คิดดูแล้วเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว แล้วยังอืม…...สนุกสนานหน่อยหนึ่ง ก็ไม่ได้เสียอะไร
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่พอตกดึกอันเงียบสงัด ตอนที่คนผู้นั้นมากอดเขาจากด้านหลังนั้น เขาก็ยังตัวแข็งจนขนลุกซู่ทั้งตัวอยู่ดี
“พอมีความทรงจำของสองคืนนั้น มีเื่หนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ” เว่ยจวินหยางคืนกลับสู่ร่างปกติ น้ำเสียงนิ่งขรึม ตอนที่เขาพูดแล้วแนบหูฟังดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ
อันที่จริงอวี๋มู่เริ่มคิดเถลไถล
เขาพบว่าทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ เว่ยจวินหยางมักจะแสดงออกมาอย่างอ่อนโยนทั้งน้ำเสียงและท่าทาง ราวกับว่าเขาชอบตัวเองจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
นี่มันต่างจากเว่ยจวินหยางชายที่ทารุณนายบำเรออย่างที่ได้รับการกล่าวขานอย่างสิ้นเชิง
“นายท่านไม่เข้าใจเื่อะไรหรือ? ” ความนึกคิดถูกขัดเพราะมือที่เริ่มซุกซนของเว่ยจวินหยาง อวี๋มู่ควบคุมสติที่อยากจะอัดหน้าเขา แล้วสวมบทบาทข้ารับใช้ผู้ภักดีต่อ
“ทั้งๆ ที่เ้าเป็นายบำเรอของข้า แล้วทำไมสองคืนนั้นถึงขัดขืนข้า? ทั้งยังแสดงสีหน้าท่าทีไม่ยินยอม? ” เว่ยจวินหยางนั่งข้างลำตัวฝั่งซ้ายเขา มือที่วางบนคออวี๋มู่เริ่มเกร็ง ดวงตาคู่นั้นมืดมนสนิท
เขาถาม “หรือว่าในใจเ้ามีผู้อื่นอยู่? ดังนั้นจึงขัดขืนข้าถึงเพียงนั้น? ”
เว่ยจวินหยางเป็คนแบบนี้ แม้ตอนนั้นจะเชื่อคำพูดอวี๋มู่ แต่ก็ยังอยากถามซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเพื่อตอกย้ำให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีใครอยู่ในใจถึงจะวางใจ
อวี๋มู่สะกดกลั้นความอยากมองตาบน แล้วตอบกลับ “เรียนนายท่าน ข้าน้อยเพียงแต่ไม่ชื่นชอบในการร่วมรักกับผู้ใด ในใจข้าน้อยนอกจากท่านหาได้มีผู้อื่นอีก”
โอ้โห้!
อวี๋มู่เกือบจะอ้วกเพราะความน้ำเน่าของตัวเอง แต่พอนึกถึงภารกิจ จึงอดทนไว้
เว่ยจวินหยางกลับถูกคำว่า ‘ในใจข้าน้อยนอกจากท่านหาได้มีผู้อื่นอีก’ ทำให้ลุ่มหลงไปเรียบร้อยแล้ว
ยกมุมปากขึ้นสูงเล็กน้อย เขาค่อยถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นระหว่างข้ากับเหลียงหาน ในใจเ้า ใครสำคัญกว่า? ”
“......”
เว่ยจวินหยางเห็นเขาลังเล จึงเก็บรอยยิ้ม ทำหน้าบูด น้ำเสียงเข้ม “ตอบข้ามา”
อวี๋มู่หลุบตาลง “...แน่นอนว่าท่านสำคัญกว่า”
เขา! นี่มัน! หมดคำบรรยายจริงๆ!
สีหน้าของเว่ยจวินหยางดีขึ้น แล้วเอ่ยถาม “แล้วข้ากับโม่เหิงนั่นล่ะ? ”
“......”
อวี๋มู่กัดฟัน ตอบกลับ “ข้าน้อยกับหมอเทวดาเพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน แม้ว่าเขาจะเป็คนดี แต่สำหรับข้าแล้ว ย่อมเป็ท่านที่สำคัญกว่า”
เว่ยจวินหยางอารมณ์ดีขึ้นทันตา
เขากอดคออวี๋มู่ไว้ จูบใบหูเขา แล้วเอ่ยเสียงค่อย “เ้าาเ็อยู่ คืนนี้ข้าจะอ่อนโยนกับเ้า เ้าต้องให้ความร่วมมือกับข้านะ ข้าจะไม่ทำให้เ้ารู้สึกอึดอัด”
อวี๋มู่ทำหน้าเบะปากในองศาที่เขามองไม่เห็น แล้วตอบอย่างเคารพ “ขอรับ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------