หลังจากจุนห่าวและหานรุ่ยกลับไปยังบ้านถ้ำ พักผ่อนครู่สั้นๆ แล้ว ก็นำสิ่งที่ได้รับจากงานประมูลออกมาดู “ของทุกอย่างอยู่ตรงนี้” จุนห่าวนำสิ่งของออกจากเทศะ และวางไว้บนโต๊ะระหว่างเขากับหานรุ่ย หานรุ่ยมองดูสิ่งที่จุนห่าวนำออกมามีขวดหยกห้าขวด ในนั้นคือยาวิเศษที่ประมูลได้ในครั้งนี้
หานรุ่ยหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมา เปิดฝายาพร้อมสูดดมความหอมของยา หานรุ่ยดมกลิ่นยาแล้วปิดฝาในทันที
จุนห่าวสูดจมูกและพูดว่า “กลิ่นยาช่างเข้มข้นนัก มันช่างดีจริงๆ แต่แพงซะเหลือเกิน”
หลังจากได้ยินคำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยโยนขวดให้แก่จุนห่าว พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าลองดูว่ามันคุ้มค่าไหม นี่คือยาวิเศษหยุนหลิงที่เพิ่มพูนพลังปราณได้”
จุนห่าวรับขวดไว้ในมือแล้วเปิดฝา ใส่ยาวิเศษขวดเดียวนั้นเข้าไปในปากของเขา ขณะที่ยาวิเศษละลายอยู่ในปาก จุนห่าวััถึงความความกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาที่เข้าสู่เส้นลมปราณ และในที่สุดก็เข้าสู่จุดตันเถียน เมื่อจุนห่าวผสานกับพลังของยาแล้ว จากนั้นกฌเปิดตาขึ้น
หานรุ่ยพูดกับจุนห่าวขณะที่ผสานกับพลังของยาว่า “เป็อย่างไรบ้าง?”
“มันดีกว่ายาิญญานัก ยาวิเศษเพิ่มพลังปราณได้ไม่น้อย หากมียาวิเศษมาช่วย เราจะยิ่งบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วขึ้น” จุนห่าวพูดด้วยความตื่นเต้น เห็นทีเขาจะต้องรีบศึกษาวิธีการปรุงยาวิเศษแล้ว
“ถูกต้อง น่าเสียดายที่ยาวิเศษหาซื้อไม่ง่าย” หานรุ่ยพูดพร้อมหมุนขวดไปรอบๆ เขาเคยกินมาก่อนหนึ่งเม็ด ครานั้นลูกผู้พี่หานเฟิงนำกลับมา ได้ยินมาว่าในสำนักนั้น ยาวิเศษชนิดนี้มีค่ายิ่งนัก ลูกผู้พี่เก็บสะสมเป็ 10 ปีกว่าจะสะสมได้ 10 เม็ด
“หาซื้อยาก ตนเป็ที่พึ่งแห่งตนแล้ว” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยยิ้มๆ “ที่เหลือ 4 เม็ดนั้น เ้าเก็บมันไว้เถอะ เ้าจำเป็มากกว่าข้า”
หานรุ่ยก็มิได้เกรงใจจุนห่าว พวกเขาทราบสถานการณ์ของกันและกันดี ยาวิเศษนี้มีประโยชน์ต่อเขามากกว่าจุนห่าวจริงๆ เขาจึงเปิดมันบ้าง
1 ขวด คือ 1 เม็ด เมื่อผสานกันแล้ว พลังปราณจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย หานรุ่ยคิดในใจ การมียาวิเศษนี้ เขาคงบุกทะลวงเข้าสู่ขั้นที่เก้าได้ง่ายขึ้น
หานรุ่ยหยิบกล่องอีกกล่องขึ้นมาพร้อมเปิดดู และหยิบไข่มุกสีขาวขุ่นมัวหนึ่งเม็ดขึ้นมาแล้วส่งให้จุนห่าว และพูดว่า “เ้าลองดูดซับมัน”
จุนห่าวรับไข่มุกมาถือไว้ในมือ และเริ่มหมุนเวียนพลัง กระแสพลังทางจิติญญาอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่จุดตันเถียน หลังจากผสานเรียบร้อยแล้ว พลังปราณก็เพิ่มขึ้นอีก จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยว่า “นี่ก็เป็ของดี”
หานรุ่ยมองไข่มุกทั้งเก้าที่อยู่ในกล่อง พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่ามันเป็ของดี มิฉะนั้นทุกคนในเมืองเย่ว์เซียนคงไม่แย่งสิทธิ์ในการมัน และทำการประมูลครั้งใหญ่”
ในหนึ่งกล่องมีทั้งหมด 10 เม็ด จุนห่าวใช้ไป 1 เม็ด ที่เหลืออีก 9 เม็ดจุนห่าวไม่้า ให้หานรุ่ยเก็บไว้อีกครั้ง ั้แ่ที่เขาดูดซับพลังจื่อเหมยเบิกฟ้า ความเร็วในการดูดซับพลังิญญาของเขาก็เร็วขึ้นหลายเท่า ต่อให้ไม่มียาวิเศษและไข่มุกิญญาคอยช่วย เขาย่อมดูดซับพลังิญญาได้ทั้งสิ้น และความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขาก็เร็วกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะไม่แย่งกับหานรุ่ยที่มีทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรจำกัด
หานรุ่ยประทับใจต่อพฤติกรรมของจุนห่าว สิ่งเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน หานรุ่ยและจุนห่าวทราบดี ระหว่างพ่อลูก พี่น้อง หรือคู่รัก ที่หันหลังให้กันตั้งมากมาย เพื่อแย่งชิงทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรจนกลายเป็ศัตรู ทว่าจุนห่าวไม่เคยคิดจะแย่งชิงกับหานรุ่ยเลย เขายอมให้ตนตรากตรำมากขึ้น เพื่อทิ้งสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่หานรุ่ย ความดีงามนี้ หานรุ่ยจดจำไว้ในสายตาของเขา คนรักที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาขนาดนี้ หานรุ่ยจะไม่รักได้อย่างไร?
จุนห่าวก็เห็นความซาบซึ้งใจและความรักในสายตาของหานรุ่ย เขารู้สึกว่าการทำเช่นนี้ของตนเองนั้นคุ้มค่าแล้ว สำหรับทรัพยากรการบำเพ็ญเพียรเหล่านี้ เขาไม่แยแสสักนิด ทว่าเมื่อเทียบกับหานรุ่ย สิ่งเหล่านี้ไม่คุ้มค่าพอจะกล่าวถึงด้วยซ้ำ เขาหามันอีกได้ แต่หากสูญเสียหานรุ่ย เขายอมตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ เขามีเครื่องชั่งอยู่ในใจ น้ำหนักของเครื่องชั่งไปทิศทางใด เขาเข้าใจแจ่มชัดดี จุนห่าวเชื่อว่า หานรุ่ยก็มีเครื่องชั่งอยู่ในใจ และน้ำหนักของเครื่องชั่งกำลังย้ายมาทางเขา ทว่าจุนห่าวไม่รู้ว่าเครื่องชั่งได้ย้ายมาทางเขาเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคัดแยกรายการประมูลอยู่ในบ้านถ้ำ คนที่ตามหาพวกเขาข้างนอก กำลังบ้าคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีสุนัขหมาป่า ที่ตกเป็เป้าหมายในการตามหา
ณ สถานที่องค์ชายสาม...สุ่ยเย่ว์หรูหวาประทับอยู่
องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวานั่งบนบัลลังก์ มองไปที่กลุ่มคนที่กำลังคุกเข่า ด้วยใบหน้าที่โกรธกริ้วจนหน้าเขียวของเขา เขาปัดแก้วแตก และพูดอย่างเดือดดาลว่า “สวะ แค่กลุ่มสวะ พวกเ้ามีคนตั้งมากมาย ขนาดคนสองคนยังตามหาไม่ได้ ที่ข้าเลี้ยงดูปูเสื่อพวกเ้ามา ไม่มีประโยชน์อะไรเลย?”
กลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ได้ยินเสียงกริ้วของสุ่ยเย่ว์หรูหวา ต่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้น องค์ชายสามดูเป็คนสบายๆ ทว่าลึกๆ แล้วกลับโเี้ มักจะใช้อำนาจป่าเถื่อนกับคนที่อยู่ใต้อาณัติ พวกเขาที่อยู่ใต้อาณัติเหล่านี้ ไม่กล้าแม้แต่จะทำให้เขาเคืองโกรธ
“ข้าน้อยสมควรตาย สองคนนั้นฉลาดแยบยลเหลือเกิน เราสะกดรอยไปตามทางแล้ว อยู่ๆ ร่องรอยของพวกมันก็หายไป” ผู้นำกลุ่มกล่าวพร้อมรวบรวมความกล้า
“พวกเขามีเด็กสองคนและสุนัขหนึ่งตัว พวกเ้ายังปล่อยพวกมันไปได้ โถ่โว้ย....” สุ่ยเย่ว์หรูหวาโกรธเสียจนเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น แม้แต่สวะพวกเ้าก็ยังสู้ไม่ได้ ยามนี้พวกเ้ายังจะไม่ไปตามหาให้ข้าอีก หาไม่พบ ก็ไม่ต้องกลับมา ที่นี่ข้าจะไม่เลี้ยงดูสวะ”
สุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดจบ คนกลุ่มนั้นก็จากไปอย่างเศร้าหมอง แม้ว่าโอกาสในการหาคนจะริบหรี่ ทว่าพวกเขาก็ไม่้าอยู่ต่อหน้าองค์ชายสาม่ระยะเวลาหนึ่ง
คนขององค์ชายสาม สำรวจเมืองอันหวาทั้งเมืองเพื่อตามหาจุนห่าวและหานรุ่ยอีกครั้ง ส่วนพวกเฉินิ่โหรวและจุนอี้ผู้รู้ตัวตนที่แท้จริงของจุนห่าวและหานรุ่ย เมื่อออกมาจากงานประมูล พวกเขาก็รีบกลับ จึงไม่รู้ว่าองค์ชายสามออกตามหาจุนห่าวทั่วทั้งเมืองแล้ว เฉินิ่โหรวนั่งอยู่ในรถม้า พร้อมพูดกับจุนอี้อย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “เมื่อครู่เ้ากำลังตามหาองค์ชายสามหรือ?”
จุนอี้มองออกว่าสีหน้าของเฉินิ่โหรวไม่สู้ดีนัก ทว่าเขายังกล่าวตามความจริงว่า “ถูกต้อง ข้าเดาว่าองค์ชายสามไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของจุนห่าว ข้าจะให้เบาะแสกับเขา ไม่แน่ว่าข้าอาจได้รับรางวัล สำหรับตัวละครอย่างองค์ชายสาม การมีบางอย่างรั่วไหลออกมาจากมือของข้า คงเพียงพอให้ใช้ไปหลายปี น่าเสียดายนัก ยังมิทันได้ไปพบ เราก็ออกมาเสียก่อน” เมื่อคิดถึงเื่นี้ จุนอี้ ยังคงเจ็บใจอยู่บ้าง และทรัพยากรจำนวนมากก็บินไปต่อหน้าต่อตาเขา
เฉินิ่โหรวฟังจุนอี้ที่กล่าวออกมาอย่างพออกพอใจ เห็นตัวตนของจุนอี้อย่างลึกซึ้งที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่น้องชายแท้ๆ ของตัวเองยังขายได้ แล้วภรรยาอย่างเธอล่ะ? เฉินิ่โหรวคิดกับตัวเอง เมื่อถึงเวลาวิกฤติ จุนอี้ต้องทอดทิ้งเธอเป็แน่ ก่อนหน้านี้เธอช่างตาบอดเสียจริง ถึงตกหลุมรักชายที่จิตใจโเี้เช่นนี้ ตอนนี้จุนอี้ยังไม่รู้ตัวว่า เป็เพราะคำพูดของเขา ที่ทำให้เฉินิ่โหรวเกิดความคิดที่จะทอดทิ้งเขา
ลมและเมฆข้างนอกมิได้รบกวนความเงียบสงบในบ้านจุนห่าว จุนห่าวและหานรุ่ยยังคงเฝ้าดูของที่พวกเขาได้รับมา
จุนห่าวกำลังบีบไข่มุกหนึ่งเม็ดในมือ พลางพูดกับหานรุ่ยว่า “เ้าบอกว่ามันมีฤทธิ์กันน้ำได้ใช่ไหม?” พูดจบก็มองดูอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง
“เ้าก็เห็นเช่นนั้นมิใช่หรือ? หากเ้าไม่เชื่อว่ามันมีฤทธิ์นี้ เ้าจะใช้เงินตั้งมากมายประมูลมันมาทำไม?” หานรุ่ยพูดก้มลงมองก้อนหินที่ไม่รู้จักที่อยู่ในมือของเขา
จุนห่าวเห็นว่าหานรุ่ยไม่เงยหน้าขึ้น จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “เสี่ยวรุ่ย เ้าตอบแบบขอไปทีอ่า”
หานรุ่ยเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้จุนห่าวพลางพูดว่า “ข้ามิได้ตอบแบบขอไปที หากเ้าไม่เชื่อข้า เราออกไปลองดูก็รู้แล้ว”
“มิได้ตอบแบบขอไปทีหรือ? ข้ารู้สึกว่าคำพูดของเ้าก็คือตอบแบบขอไปที” จุนห่าวพูดจบพลางจ้องมองหานรุ่ยที่กำลังก้มศีรษะ ไม่รอให้หานรุ่ยตอบ พูดอย่างกลั้นยิ้มต่อว่า “เหตุใดคุณยังมองหินแตกๆ นั่นอยู่อีก อย่าบอกนะว่ามันคือสมบัติล้ำค่าจริงๆ” หินเทาหม่นๆ ก้อนนั้น จุนห่าวดูยังไงก็เป็แค่ก้อนหินธรรมดา
หานรุ่ยขมวดคิ้ว มองหินที่อยู่ในมือ แล้วพูดว่า “ข้าแค่คิดว่ามันไม่ธรรมดา ข้ารู้สึกว่าในหินก้อนนี้มีบางอย่างที่ข้าก็ไม่แน่ใจนักว่าคืออะไร?”
“เ้ามองเห็นข้างในได้?” จุนห่าวถามอย่างสงสัย เขาหยิบก้อนหินจากมือของหานรุ่ย และมองดูอย่างพินิจพิจารณาอีกรอบ ก็ยังไม่เห็นความพิเศษอะไรเกี่ยวกับหินก้อนนี้ ยิ่งมองไม่เห็นอะไรที่อยู่ข้างใน
“ข้าบอกแล้วว่าเ้าเป็คนบ้านนอก เ้าก็ไม่ชอบฟังอีก เห็นสมบัติล้ำค่าอะไรไม่เคยรู้จักเลย เ้าสู้ภรรยาของเขาไม่ได้จริงๆ ก้อนหินที่หานรุ่ยถืออยู่ในมือ มิใช่ของธรรมดา มันคือจื่อหยางเกิงจิน เป็หินชิ้นหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินบะซอลต์ มีค่ายิ่งนัก มันคือวัสดุที่ดีที่สุดในการกลั่นอาวุธวิเศษแล้ว” เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นจุนห่าวมองดูหินก้อนนี้
หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ จุนห่าวหยิบหินในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “มันคือสมบัติจริงๆ หรือ? ข้ายังมองไม่ออกเลย ถือว่าเสี่ยวรุ่ยช่างมีวิสัยทัศน์ที่ดียิ่งนัก” จุนห่าวพูดพร้อมยกนิ้วให้หานรุ่ย เพื่อแสดงให้เห็นว่าหานรุ่ยมีวิสัยทัศน์
“วิสัยทัศน์ต้องดีกว่าเ้าอยู่แล้ว สำหรับหานรุ่ยที่เห็นว่ามีบางอย่างอยู่ในนั้น หากหานรุ่ยพูดไม่ผิดไป ข้างในคงจะเป็แผ่นทองคำ หากเป็แผ่นทองคำจริงๆ งั้นเ้าช่างโชคดีจริงๆ เ้าใช้แผ่นทองคำนี้กลั่นอาวุธธาตุทองได้ แผ่นทองคำจะกลายเป็อาวุธวิเศษที่มีพลังิญญา เมื่อมีอาวุธวิเศษนี้ ย่อมมีอำนาจเหลือล้นในอนาคตเป็แน่” เสี่ยวไป๋บอกสิ่งที่เขารู้แก่จุนห่าว และจุนห่าวก็นำไปบอกแก่หานรุ่ย
“ถ้าอย่างนั้น เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในล่ะ?” จุนห่าวสักถามอย่างไม่เข้าใจ พลังปราณของเขาและหานรุ่ยอยู่ในระดับเดียวกัน เว้นเสียแต่ว่าหานรุ่ยจะมีความพิเศษอะไร
หลังจากได้ยินคำพูดของจุนห่าว เสี่ยวไป๋กล่าวพลางครุ่นคิดว่า “หานรุ่ยคงมีทักษะพิเศษ เขาน่าจะมีตาเสกสรรปั้นเท็จ เมื่อบำเพ็ญเพียรถึงระดับสูงสุดหนึ่ง จะมีทักษะพิเศษรูปแบบหนึ่งคือ สามารถมองเห็นสิ่งเสกสรรปั้นเท็จภายใน และมองทะลุได้ ดังนั้นจึงมองเห็นแผ่นทองคำที่อยู่ในจื่อหยางเกิงจิน เพียงแค่ว่าดวงตาเสกสรรปั้นเท็จของเขายังคงอ่อนแอมาก ดังนั้นเขาจึงไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทั้งนี้ ตาเสกสรรปั้นเท็จก็จะเก่งกาจขึ้น ตามพลังปราณที่เพิ่มขึ้น” เสี่ยวไป๋พูดกับจุนห่าว สิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่มันอ่านมาจากบันทึกที่ตกทอดมา
“ถ้าอย่างนั้น หากข้าอยู่ต่อหน้าหานรุ่ย มิเท่ากับว่าไม่สวมใส่เสื้อผ้ารึ?” จุนห่าวเอ่ยถาม เขาไม่ใส่ใจที่หานรุ่ยจะเห็น ทว่าหากหานรุ่ยเห็นเขาได้จริงๆ ก็เท่ากับว่ามองเห็นคนอื่นไม่ใส่เสื้อผ้า? คิดถึงเื่นี้ เขาก็รับไม่ได้
“เ้าคิดมากไปแล้ว หากหานรุ่ยไม่เป็ฝ่ายใช้ตาเสกสรรปั้นเท็จ ดวงตาของเขาก็เหมือนกับดวงตาธรรมดาทั่วไป การกระตุ้นดวงตาเสกสรรปั้นเท็จ ยังสิ้นเปลืองพลังิญญาด้วย” เสี่ยวไป๋กล่าวอธิบาย
“เป็เช่นนั้นข้าก็เบาใจ ขอเพียงเสี่ยวรุ่ยไม่ใช้ตาเสกสรรปั้นเท็จกับคนอื่นตามอำเภอใจก็พอแล้ว” จุนห่าวกล่าวพลางตบหน้าอกกับเื่ราวเมื่อครู่อย่างหวาดหวั่น
เสี่ยวไป๋เห็นจุนห่าวเป็เช่นนี้ คิดในใจ พอจุนห่าวจะเกรงกลัว ก็ไม่ใช่เื่ที่ต้องเกรงกลัวเลย คนที่ต้องเกรงกลัวควรจะเป็คนอื่นเสียมากกว่า อันตรายจากการเปิดเผยร่างกายอยู่ตลอดเมื่อเผชิญหน้ากับหานรุ่ย ใครบ้างจะไม่กลัว
