ทุกคนต่างมองหน้ากันั์ตาแต่ละคนต่างสะท้อนความไม่อยากเชื่อ ช่างเป็เื่น่าขันในใต้หล้า นางไม่ยอมรับผิดเื่ที่สังหารคนต่อหน้าพระพักตร์แต่คิดจะขอพระราชทานรางวัลอย่างนั้นหรือ?
ทว่าเมื่อบรรยากาศเงียบกริบผ่านพ้นไปกงเซิ่งกลับหัวเราะเสียงดังลั่น เขาหัวเราะอย่างมีความสุขเวลานี้ไม่มีใครกล้าโต้แย้งคำพูดกงอี่โม่ ดูเหมือนว่ากงเซิ่งไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้วเขาหัวเราะออกมาจากใจ ทั้งใบหน้าและั์ตาต่างสะท้อนรอยยิ้มอย่างชัดเจน
ช่างเป็เด็กน้อยที่ฉลาดมีไหวพริบมากยิ่งนักเขาทำใจให้ไม่ชอบนางไม่ได้จริงๆ
“เ้าพูดได้ถูกต้องข้าก็คือกฎหมาย ข้า้ามอบรางวัลให้ใคร ข้าก็มอบให้เขาผู้นั้น ฉางสี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ถ่ายทอดคำสั่งข้าแต่งตั้งองค์หญิงเจ็ดเป็องค์หญิงจาวหยาง* มอบตำหนักไท่จี๋ให้องค์หญิงมอบตำหนักไท่เหอให้องค์ชายเก้า ให้ย้ายออกจากตำหนักเย็นั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฉางสี่สูดลมหายใจเข้าอย่างใตำหนักไท่จี๋เป็ตำหนักที่ฮ่องเต้ประทับตอนทรงพระเยาว์ แต่พระองค์กลับพระราชทานให้องค์หญิงเจ็ดอีกทั้งยังแต่งตั้งเป็องค์หญิงจาวหยาง หากสิ่งนี้ถูกประกาศลงไป คิดว่าคืนนี้ต้องมีคนจำนวนมากนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
ผู้ที่ตามเสด็จในครั้งนี้ต่างอิจฉาอยู่ในใจทว่ากงเจวี๋ยกลับไม่ค่อยดีใจนัก สำหรับเขาแล้วสถานที่ที่ดีที่สุดก็คือสถานที่ที่มีกงอี่โม่ เขาไม่อยากแยกจากนางแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้แล้วกงอี่โม่จึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก นางส่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจให้กับกงเจวี๋ยที่อยู่ใกล้ๆ ขณะคิดจะกล่าวอะไรบางอย่างนั้น เบื้องหน้าของนางกลายเป็สีดำสนิทนางพลันหมดสติไป
เมื่อสักครู่นางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายฝืนเอาไว้ ตอนนี้นางชนะแล้ว นางจึงทนไม่ไหวอีกแล้ว
“เสด็จพี่”
กงเจวี๋ยใขนาดหนักเขาคิดจะอุ้มนางไว้ ทว่าตัวเขาเองก็าเ็สาหัส เขาจะอุ้มนางไหวได้อย่างไรพวกเขาทั้งสองจึงล้มนั่งลงกับพื้น เมื่อเห็นนางมีสภาพเหมือนคนไร้ลมหายใจกงเจวี๋ยรู้สึกว่าโลกใบนี้กลายเป็สีแดงฉาน
หากนางไม่สามารถลืมตาขึ้นมาอีก หากนางไม่สามารถส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งถ้าเช่นนั้นสิ่งที่นางไขว่คว้ามาทั้งหมดจะมีประโยชน์อันใด? กงเจวี๋ยกอดนางไว้ดวงตาของเขาแดงขึ้นเรื่อยๆ จนแดงก่ำ
“หมอหลวง เร็ว รีบไปตามหมอหลวงเข้าวังให้เร็วที่สุด” ฮ่องเต้ร้อนพระทัยขมวดคิ้วรีบสั่งการ
บรรยากาศรอบๆพลันสับสนวุ่นวาย มีคนรีบร้อนเดินออกไป ส่วนกงเจวี๋ยทำท่าประหนึ่งไม่ได้ยินอะไรเลยสายตาของเขามองเห็นเพียงริมฝีปากซีดขาวและใบหน้าอ่อนแรงของกงอี่โม่ เขาค่อยๆเช็ดคราบโลหิตบนใบหน้าของนางทีละนิด
เสด็จพี่กงอี่โม่ บุคคลผู้นี้คือโลกทั้งใบของเขา
เวลานี้ไม่ต้องกล่าวถึงว่ากงเจวี๋ยทุกข์ใจขนาดไหนเมื่อหมอหลวงเห็นสภาพของกงอี่โม่แล้วจึงไม่สนใจกฎเกณฑ์บุรุษสตรีห้ามใกล้ชิดกันเพราะหากยื้อเวลาออกไปอาจไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว
ทว่ากงเซิ่งกลับตกตะลึงยิ่งกว่าบนร่างของกงอี่โม่มีาแเป็อันตรายถึงชีวิตมากถึงสิบสองแห่ง เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆเพื่อต่อรองเจรจากับเขาอย่างหยิ่งผยอง เด็กอายุเพียงสิบขวบเช่นนางต้องพยายามฝืนทนไม่ยอมหมดสติมากเพียงใด
ใบหน้าเล็กๆแสดงท่าทีอวดดีถึงเพียงนั้น นางไม่รู้สึกเ็ปบ้างเลยหรือ?
กงเซิ่งคิดว่าตอนเขาอายุสิบขวบยังทำได้ไม่ถึงขนาดนี้หากกงอี่โม่เป็เด็กชาย เกรงว่าเขาต้องปวดศีรษะเป็แน่แท้ ทว่าตอนนี้เห็นสภาพของนางแทบไร้ลมหายใจกงเซิ่งจึงมีเพียงความรู้สึกสงสาร
ตอนที่เสวี่ยเฟยเสียชีวิตนั้นเขามองว่ากงอี่โม่เป็เพียงลูกติดเท่านั้น จึงส่งนางเข้าตำหนักเย็น ภายหลังเขาเคยรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจทำเช่นนี้ทว่ามันเป็ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างเบาบาง พระราชวังแห่งนี้ใหญ่โตเกินไปการตายของเด็กน้อยหนึ่งคนไม่ได้เป็เื่ใหญ่เลยสักนิด
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างดุดันทรงพลังทำให้เขาตกตะลึงและใจอ่อน ทำให้ไม่อยากสั่งลงโทษ เขาทำไม่ลงจริงๆ นางดื้อรั้นเหมือนมารดาของนางแต่กลับมีความโดดเด่นมากกว่ามารดาของนางอยู่ไม่น้อย
กงเจวี๋ยอยู่ข้างกายกงอี่โม่ตลอดเวลาแม้ฮ่องเต้มีรับสั่ง เขาก็ไม่ฟัง ฮ่องเต้ใจอ่อนเห็นว่าเขาและกงอี่โม่อยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันมานานหลายปี จึงปล่อยตามใจเขา ดังนั้นกงเจวี๋ยจึงเห็นหมอหลวงฉีกชุดของนางพร้อมทำการรักษาสภาพของนางราวกับตุ๊กตาผ้าเก่าๆ เลยทีเดียว
ทุกรอยาแมีทั้งตื้นทั้งลึก าแเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเขาคนเดียว นางสวยงามเช่นนี้เพราะเหตุใดบนโลกใบนี้ยังมีคนใจร้ายกล้าลงมือโหดกับนางอีก?
สำหรับกงเจวี๋ยแล้วตลอดการรักษานี้เขารู้สึกดุจถูกปะาชีวิตด้วยวิธีหลิงฉือเขากุมมือกงอี่โม่ไว้แน่น เวลาปกติหากนางถูกแมลงกัดเพียงเล็กน้อยนางจะร้องโอดครวญอยู่ครึ่งค่อนวัน ต้องให้เขาคอยปลอบคอยโอ๋นางเป็คนกลัวเจ็บขนาดนี้ เพียงาแเล็กๆ นางยังแสดงออกจนทุกคนต่างรับรู้กันถ้วนหน้ากงเจวี๋ยนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่านางจะเ็ปมากมายขนาดไหนจากาแในเวลานี้
หากเป็ไปได้เขาหวังว่าาแเหล่านี้จะย้ายมาอยู่บนร่างของเขา ความรู้สึกผิดและความรู้สึกเ็ปที่เกิดขึ้นภายในใจจะได้ลดน้อยลงไปบ้าง
“องค์ชาย าแของท่านต้องทำแผลใหม่ทั้งหมดนะพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเห็นกงเจวี๋ยใส่ยาอย่างลวกๆเท่านั้น เขาจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
กงเจวี๋ยกลับไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายแม้แต่น้อยเขาทำเพียงมองใบหน้าสะอาดของนางที่ดูซีดขาวยิ่งกว่าเดิม เขายกมือัันางเบาๆ เพื่อยืนยันว่านางยังคงมีชีวิตอยู่ นางคือโลกใบนี้ของเขาอย่างแท้จริง
เมื่อฮองเฮากลับตำหนักแล้วนางทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าอย่างโกรธจัด นางเจ็บใจ เด็กที่เป็ลูกติดคนนั้น แค่มารดาเป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้ก็เหลือทนมากแล้วเพราะเหตุใดลูกติดคนนั้นจึงได้รับความสนใจจากฮ่องเต้เป็พิเศษอีก?
องค์หญิงจาวหยาง เพราะเหตุใดลูกติดคนหนึ่งจึงได้ชื่อว่าองค์หญิงจาวหยางส่วนพระธิดาของฮองเฮาอย่างบุตรสาวของนางกลับได้พระราชทานนามเพียงองค์หญิงชิ่งเจ๋อ นางไม่ยอมนางยอมรับไม่ได้จริงๆ
ตอนที่องค์รัชทายาทเดินทางมาถึงนั้นเขาจึงเห็นสิ่งของแตกกระจายอยู่เต็มพื้น รวมทั้งนางกำนัลทั้งหลายที่ไม่กล้าส่งเสียงราวกับจักจั่นในปลายสารทฤดูเขาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวกับฮองเฮา
“เพราะเหตุใดเสด็จแม่จึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้?” ในสายตาของเขานั้นผู้ที่ควรโกรธจัดน่าจะเป็ผู้สูญเสียผลประโยชน์อย่างหลิ่วเสียนเฟยมากกว่า แล้วเหตุใดมารดาของเขาจึงเดือดดาลถึงเพียงนี้?
“เช่อเอ๋อร์ มานี่สิ” เมื่อเห็นเขา ความโกรธของฮองเฮาจึงค่อยๆ ลดระดับลง กงเช่อเดินเข้าไปหานางอย่างว่าง่าย
กงเช่อวัยสิบสี่ปีเต็มมีั์ตาอ่อนโยนมากคู่หนึ่งเขาโบกมือให้กับเหล่านางกำนัล ผู้คนเ่าั้จึงรีบถอยออกไปอย่างสำนึกในบุญคุณ เวลานี้จึงเหลือเพียงมารดาและเขาสองคนสนทนากัน
เมื่อเห็นใบหน้างามตามวัยมากยิ่งขึ้นของกงเช่อฮองเฮาจึงรู้สึกใจเย็น บุตรชายของนางไม่เหมือนนางและไม่เหมือนฮ่องเต้ทว่าเขาเป็คนอ่อนโยนซื่อสัตย์ มีความฉลาดเหนือใครๆ ผู้คนในพระราชสำนักต่างชื่นชมเขากันถ้วนหน้า
เพราะเหตุใดบุตรชายที่มีความโดดเด่นของนางกลับไม่เป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้ล่ะ?นางต้องทนมองเขาโปรดปรานบุตรของหลงกุ้ยเฟยและหลิ่วเสียนเฟย เท่านี้นางยังพอทนได้ทว่าเพราะเหตุใดเขาจึงปฏิบัติต่อลูกติดอย่างกงอี่โม่เป็พิเศษเช่นนี้ด้วยล่ะ? เพียงคิดสีหน้าของนางก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“เสด็จแม่โกรธเื่น้องเก้าหรือ?” เมื่อสักครู่กงเช่ออยู่ด้านหลังของฮองเฮา จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตาตนเอง เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในสายตาของเขานั้นองค์ชายย่อมส่งผลร้ายต่อพวกตนมากกว่าองค์หญิง
“แม่โกรธเด็กที่เป็ลูกติดคนนั้น นางถือดีอะไร?” ฮองเฮาสบถเสียงเย็นก็แค่องค์ชายที่ไม่เป็ที่โปรดปรานคนหนึ่งนางไม่เห็นองค์ชายแบบนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
เมื่อกล่าวจบฮองเฮาพลันรู้สึกตัวว่าตนเองหลุดปากกล่าวในสิ่งที่ไม่ควร นางขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อเป็การรักษาพระเกียรติของฮ่องเต้ในตอนนั้น ผู้ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเื่นี้และสามารถสังหารได้ต่างถูกสั่งปะาไปหมดแล้วปัจจุบันนี้ผู้ที่รู้ว่ากงอี่โม่ไม่ใช่บุตรสาวที่แท้จริงของฮ่องเต้มีอยู่ไม่เกินห้าคน
ทว่ากงเช่อไม่ได้คิดลึกซึ้งนักคำพูดของเสด็จแม่ทำให้เขาคิดถึงร่างที่ยืนหยัดอย่างหยิ่งผยองของนางเขาจึงเริ่มเหม่อลอยไปไกล
เขาเคยเจอคุณหนูตระกูลใหญ่จำนวนมากมายพวกนางอ่อนโยนสง่างาม บ้างก็น่ารักไร้เดียงสา เขาจึงคิดว่าสตรีบนโลกนี้ย่อมมีลักษณะเช่นนี้สตรีที่เขาชื่นชอบก็มีลักษณะอ่อนโยนเช่นนี้ แต่คาดไม่ถึงว่ามีอยู่วันหนึ่งจะมีสตรีนางหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างหยิ่งผยองอีกทั้งยังกลายเป็ภาพประทับใจอยู่ในสมองของเขาจนไม่อาจลืมเลือน
* องค์หญิงจาวหยาง (朝阳公主) คำว่า จาวหยาง (朝阳) หมายถึง พระอาทิตย์ขึ้น พ้องเสียงกับชื่อตำหนักจาวหยาง(昭阳殿) เท่านั้น