เดิมทีเขาคิดว่ามาเพื่อดูการขอความช่วยเหลือของกงเจวี๋ยในใจของเขารู้สึกกังวลถึงวรยุทธ์อันยอดเยี่ยมของอีกฝ่าย ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจเสด็จพี่ที่อีกฝ่ายกล่าวถึงเลยเมื่อเขาและคนอื่นตามมาถึงตำหนักเย็นแล้วบรรยากาศอันน่าหดหู่พร้อมกลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งไปทั่วแห่งนั้นทำให้เขาต้องขมวดคิ้วมุ่น
ประตูเรือนถูกเปิดออก ตำหนักเย็นมืดสลัว ศพมากมายเต็มพื้นมีหยาดฝนโปรยปรายลงมา เกิดเป็ภาพราวกับนรกเลยทีเดียว
จนกระทั่งมีแสงโคมส่องเข้าไปเด็กหญิงที่นั่งอยู่บนแท่นหินสูงจึงเริ่มเคลื่อนไหว ผมยาวพันยุ่งบนหน้าผากนางเชิดใบหน้างามดุจหยก ดวงตาคู่นั้นมองมาราวกับสายฟ้าฟาด
กงเช่อหายใจติดขัดกะทันหัน สมองของเขาราวกับถูกดับสลายสิ่งที่เห็นมีเพียงสายตาอันเ็าของนาง
กงเช่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายมองเห็นเขาั้แ่แวบแรกจากนั้นจึงเบนสายตามองไปทางเสด็จพ่อ ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง
บนโลกนี้ทำไมจึงมีสตรีเช่นนี้ได้ล่ะ? นางไม่เหมือนผู้คนที่เขาเคยพบเจอมา กระบี่ของนางอาบย้อมไปด้วยโลหิตหากนาง้าสังหารใครก็ลงมืออย่างไม่ลังเล
หยาดโลหิตกระเซ็นเต็มใบหน้า นางเช็ดอย่างไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
ปลายเท้าของนางมีศพเต็มพื้น มีหยาดฝนและคราบโลหิตปะปนกันนางโเี้อำมหิต แต่กลับกอดน้องเก้าไว้ในอ้อมกอดต่อหน้าทุกคนนางตัวคนเดียวเผชิญหน้ากับการรุมใส่ร้ายจากผู้คนรอบๆ
นางเจรจาต่อรองกับเสด็จพ่อด้วยร่างกายที่อาบย้อมไปด้วยโลหิต
นางขอรางวัลจากเสด็จพ่อด้วยท่าทางดื้อรั้นหยิ่งผยอง
ไม่แปลกใจที่เสด็จพ่อจะชอบนาง เด็กน้อยผู้นี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมีความมุ่งมั่น อีกทั้งโดดเด่นสะดุดตา แม้ตัวเขาเองก็ยังชอบนางเช่นกัน
ความคิดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อกงเช่อได้สติกลับคืนมาเขาก็ลืมคำว่า ''ลูกติด'' ของฮองเฮาที่กล่าวออกมาก่อนหน้านี้ไปนานแล้วเขาปลอบฮองเฮาหลายประโยคจนนางยิ้มออกเขาจึงจากไป เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
เสี่ยวเฉียวยกโคมไฟขึ้นครุ่นคิดถึงองค์รัชทายาทที่อยู่เื้ัของตน เขาแอบถอนหายใจเบาๆรัชทายาทเป็รัชทายาทที่ดี เพียงแต่เนื่องจากฮองเฮามีอำนาจลดลงส่วนพระชายารักทั้งสองมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ รัชทายาทจึงมีชีวิตไม่ราบรื่นนักอีกทั้งแต่ไหนแต่ไรพระราชวังแห่งนี้ก็มีองค์ชายองค์หญิงจำนวนมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีองค์ชายองค์หญิงรอแย่งความโปรดปรานจากรัชทายาทเพิ่มอีกสองพระองค์
“ตำหนักไท่จี๋มีข่าวแล้วหรือ?”
“ได้ยินมาว่าาเ็สาหัส เกรงว่าสองสามวันนี้คงไม่มีข่าวใดๆพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉียวได้ยินเสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้นกะทันหันเขาชะงักงันไปชั่วครู่ จากนั้นจึงส่ายศีรษะ
เขาคิดถึงร่างสง่างามที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้นร่างนั้นไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็น้องสาวของตน เขาคิดอยู่ในใจเดี๋ยวกลับไปเขาจะมอบอวี้หรงส่านที่ทาเพื่อช่วยสร้างผิวพรรณลบรอยแผลเป็ขวดนั้นให้กับนางเด็กผู้หญิงหากมีรอยแผลเป็บนร่างกายถือเป็เื่ใหญ่มาก
เมื่อกงอี่โม่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ผ่านไปถึงสิบวันแล้ว นางลืมตาขึ้นมาจึงเห็นร่างผอมแห้งจนน่าใของกงเจวี๋ยเพราะความผอมของกงเจวี๋ยทำให้ดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นดูถลนออกมาเป็พิเศษนางจึงใขนาดหนัก
“เ้าเป็อะไร?”
เสียงของนางแหบแห้ง เนื่องจากไม่ได้ทานอาหารมานานกงเจวี๋ยจึงไร้เรี่ยวแรง เมื่อถูกนางดุใส่ เขาจึงค่อยรู้สึกตัวพร้อมเอ่ยอย่างดีใจ
“เสด็จพี่ ท่านฟื้นแล้ว”
น้ำเสียงของเขาก็แหบแห้งจนน่ากลัว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นโลหิตสภาพของเขาดูแย่ยิ่งกว่าสภาพของนางที่นอนนิ่งมาเป็เวลาเป็สิบวันเสียอีก
“ไอ้ตัวแสบ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว” มือของกงอี่โม่ถูกเขาจับไว้แน่นจนนางรู้สึกเจ็บนางถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห
เมื่อสิ้นเสียงของนาง กงเจวี๋ยจึงนิ่งไปชั่วครู่จากนั้นจึงหันกายวิ่งไปตามคนส่งสำรับอย่างรวดเร็ว เวลานี้เขาดูเบิกบานมีชีวิตชีวาไม่เหลือสภาพเหี่ยวแห้งเหมือนคนใกล้ตายอีกแล้วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กงอี่โม่มองร่างเล็กๆ ที่วิ่งไปอย่างรวดเร็วของเขา นางยิ้มอย่างอ่อนใจแต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น
“กว่าจะเลี้ยงจนมีเนื้อมีหนังขึ้นมาไม่ง่ายเลยแต่ตอนนี้กลับผอมเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว”
เนื่องจากฮ่องเต้สั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมอย่างเด็ดขาดดังนั้นหลายวันมานี้กงอี่โม่จึงใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ผ่านไปอีกครึ่งเดือนนางก็สดใสเริงร่าะโโลดเต้นได้แล้ว เวลานี้นางกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขในขณะเดียวกันนางก็ยัดเยียดตักอาหารใส่ในชามของกงเจวี๋ยเมื่อเห็นท่าทางอ่อนใจของอีกฝ่าย นางจึงรำพึงรำพันออกมา
“นี่แหละคือชีวิต พอเทียบกับสิ่งที่พวกเราทานกันในสมัยก่อนตอนนั้นพวกเราทานอะไรกัน”
กงเจวี๋ยมองอาหารที่ทำออกมาอย่างวิจิตรตระการตาจนมองไม่ออกว่าวัตถุดิบคือสิ่งใดเขาไม่ได้รู้สึกว่าอาหารเบื้องหน้ามีรสชาติเลิศเลอมากนัก ในความทรงจำของเขานั้นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดก็คือน่องไก่ที่พวกเขาแบ่งกันทานเป็ครั้งแรกส่วนครั้งอื่นๆ ขอแค่มีเสด็จพี่อยู่ข้างกายไม่ว่าจะทานอะไรก็เป็สิ่งที่ดีทั้งนั้น
“เ้าต้องทานให้มากหน่อย เป็เด็กเป็เล็กทานให้มากหน่อยถึงจะน่ารัก”
กงอี่โม่หยิกแก้มกงเจวี๋ยในที่สุดกงเจวี๋ยก็ไม่ได้ดูผอมแห้งจนน่าใเหมือนเมื่อครึ่งเดือนก่อนอีกแล้ว
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว” กงเจวี๋ยวางตะเกียบลง เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
กงอี่โม่ถลึงตาใส่นางจ้องจนเขาจำเป็ต้องหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้งเวลานี้นางจึงคลี่ยิ้มอย่างสวยงาม “ทานเยอะๆ จะได้โตเร็วๆเชื่อฟังคำพูดเสด็จพี่ของเ้าต้องไม่ผิดอยู่แล้ว”
ทำไมฟังแล้วดูเหมือนกำลังเลี้ยงสุกรเลยล่ะ? กงเจวี๋ยได้แต่ถอนหายใจ สำหรับเสด็จพี่นั้นดูเหมือนว่าแค่กินอิ่มนอนหลับก็ไม่มีปัญหายากใดๆ อีก แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มมีชีวิตชีวาเบื้องหน้าแล้วถึงเขาต้องทานจนรู้สึกจุกก็ไม่ใช่เื่สำคัญ
เมื่อพวกเขาทานอาหารเสร็จแล้ว กงเจวี๋ยจึงไปเรียนหนังสือตอนนี้เขาเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงแล้ว เนื่องจากเขาไม่มีพื้นฐานใดๆ จึงต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดแต่เป็เพราะเขาเพิ่งาเ็สาหัส ดังนั้นการเรียนวิชาอื่นๆของเขาจึงถูกชะลอออกไปก่อน
กงเจวี๋ยคาดไม่ถึงว่าเมื่อเขาเดินออกมาเพียงไม่นานตำหนักไท่จี๋ก็มีแขกไม่คาดคิดมาเยี่ยมเยียนคนหนึ่ง
เมื่อได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้แล้วกงเช่อจึงสามารถเดินเข้ามาภายในตำหนักเขาคิดว่าเสด็จพ่อ้าปกป้องกงอี่โม่จึงมีรับสั่งเช่นนี้ทว่าการปกป้องเช่นนี้ทำให้นางกลายเป็ที่อิจฉาริษยามากที่สุด
เขาคิดไปพลางส่ายศีรษะไปพลางในขณะเดียวกันเขาก็สาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน
สำหรับกงอี่โม่แล้ว ความรู้สึกที่นางมีต่อกงเช่อช่างซับซ้อนยิ่งนักชาติที่แล้วนางยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือบุรุษผู้นี้อย่างเต็มที่ทว่าเขากลับรักสตรีนางอื่น ส่วนชาตินี้ นางไม่ได้เป็กงอี่โม่ที่เดินทางออกไปจากวังแต่เป็น้องสาวที่ไม่ได้มีสายเืเดียวกับเขาทว่าความลับนี้กลับมีคนรู้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยบางทีเขาอาจต้องมองนางเป็น้องสาวไปตลอดชีวิต
แม้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทว่ากงอี่โม่กลับไม่รู้ว่านางควรทำตัวเช่นไร
พูดจาไม่ดี? นางไม่จำเป็ต้องสร้างศัตรูให้ตนเองปัญหายุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้ ในเมื่อนางคิดไม่ออก จึงตัดสินใจไม่ครุ่นคิดให้วุ่นวายอีกแล้ว
ไม่ว่าในอนาคตเขากับซูเมี่ยวหลันจะมีความสัมพันธ์แบบใดก็ตามทว่าตอนนี้นางกอดขาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคตไว้อย่างแ่าแล้วหากนางจะกอดขาฮ่องเต้ในอนาคตอีกสักคนก็ไม่เห็นจะเป็ไร เมื่อคิดได้เช่นนี้กงอี่โม่จึงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับอีกฝ่าย อันที่จริงนางก็คาดไม่ถึงว่าจะสามารถปล่อยวางอย่างง่ายดายราวกับคนเสียสติถึงเพียงนี้
ตอนนี้เครื่องหน้าของนางเริ่มเด่นชัดขึ้นแล้วนางสืบทอดผิวพรรณงดงามราวกับหิมะของเสวี่ยเฟย ใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเป็ประกายรวมทั้งฟันขาวสะอาด ภาพเช่นนี้ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก กงเช่อนิ่งงันไปชั่วครู่เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างอย่างไม่เคยเป็มาก่อนเขาไม่สามารถมองนางในปัจจุบันซ้อนทับกับภาพปีศาจเพชฌฆาตที่เขาเห็นในคืนนั้น
ทว่าอีกฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดูเขาจึงยกมือลูบศีรษะนางอย่างอดไม่ได้ ท่าทางน่ารักเชื่อฟังทำให้เขาใจอ่อนเด็กน้อยที่เติบโตในตำหนักเย็นย่อมมีจิตใจเข้มแข็งผิดปกติทว่านางยังรู้จักทำตัวน่าเอ็นดู ช่างเป็เด็กที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน
“ท่านพี่รัชทายาท ข้าเรียกท่านเช่นนี้ได้ไหม?” ถึงจะถูกลูบศีรษะก็ไม่เป็ไร กงอี่โม่กะพริบตาปริบๆพร้อมเอ่ยถามอย่างประจบ
“ได้สิ ข้าชื่อกงเช่อ ชื่อรองเหิงหย่ง หากนับตามลำดับแล้วข้าเป็พี่สามของเ้า” กงเช่อส่งยิ้ม
“ดีจังเลย ข้ามีพี่ชายแล้ว ท่านพี่รัชทายาทช่างรูปงามจริงๆท่านเป็คนที่งามที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา” กงอี่โม่กลั้นหายใจเล็กน้อย นางตั้งใจทำให้ใบหน้าของตนแดงระเรื่อจากนั้นจึงพยายามทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู
กงอี่โม่ไม่ได้โกหกเลยสักนิด กงเซิ่งหน้าตาดีส่วนพระสนมชายาในวังหลังต่างไม่มีใครหน้าตาไม่ดี ดังนั้นเด็กที่เกิดออกมาจึงมีหน้าตางดงามทั้งสิ้นทว่ากงเช่อและกงเจวี๋ยถือเป็คนหน้าตาดีที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้