กงอี่โม่เข้าใจอย่างชัดเจน ในเมื่อกงเจวี๋ยสามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกทั้งฮ่องเต้ยังเสด็จมาที่นี่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้นั่นก็หมายความว่าฮ่องเต้ไม่้าชีวิตของนาง ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางขอเป็ผู้ออกหน้าเสียเองดังนั้นนางจึงมองเื้ัของกงเจวี๋ยด้วยสายตาเ็า
“หลีกไป”
แม้ว่ากงเจวี๋ยจะตัวเล็กอีกทั้งร่างกายยังอาบย้อมไปด้วยโลหิต ทว่าเขากลับยืนอยู่เบื้องหน้าของนางอย่างมั่นคงแตกต่างจากครั้งอื่นๆเขาไม่ได้หันศีรษะกลับมาแม้แต่น้อย
“เสด็จพี่ข้าไม่มีทางหลีกไปอย่างแน่นอน”
ความขัดแย้งท่ามกลางค่ำคืนอันเย็นเฉียบการกระทำของกงเจวี๋ยทำให้ร่างกายและจิตใจอันอ่อนล้าของกงอี่โม่พลันอบอุ่นขึ้นมามุมปากของนางขยับเล็กน้อย ทว่ากลับนึกไม่ออกว่าควรจะเอ่ยเช่นไร
ขณะที่กงอี่โม่คิดจะผลักกงเจวี๋ยออกไปนั้นฮองเฮาพลันกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ทหารจับตัวองค์หญิงเจ็ดไว้ สังหารคนต่อหน้าพระพักตร์ถือเป็โทษมหันต์ ลงโทษปะาโดยไม่มีการต่อรอง”ครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่กงอี่โม่รู้ว่าตนเองเป็องค์หญิงลำดับที่เจ็ด
เมื่อได้ยินเช่นนี้กงเจวี๋ยจึงมองฮองเฮาด้วยสายตาเ็า เวลานี้หลิ่วเสียนเฟยในอ้อมกอดของฮ่องเต้เริ่มคลึงขมับของตนพร้อมกล่าวอย่างอ่อนแรง“เดิมทีคืนนี้เป็คืนมงคลองค์ชายเก้ากลับบุกสังหารผู้คนภายในวังจนโลหิตกลายเป็สายน้ำ ช่างอัปมงคลเสียจริงนะเพคะ”
“พระโอรสกระทำความผิดมีความผิดเสมือนประชาชนหากไม่ลงโทษอย่างหนักคงไม่อาจทำให้ผู้คนยอมรับพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางใหญ่คนหนึ่งกล่าวขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“อายุยังน้อยแต่มีวรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนี้ช่างน่าสงสัยยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
“โเี้อำมหิตถึงเพียงนี้ หากไม่กำจัดเสียั้แ่ตอนนี้ต่อไปต้องเป็อันตรายต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานี้ผู้คนกว่ายี่สิบคนด้านหลังฮ่องเต้ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายต่างใส่ความเด็กน้อยทั้งสองด้วยคำพูดน่ากลัวเกินจริงกงเจวี๋ยฟังคำพูดโหดร้ายเหล่านี้ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ทั้งๆที่พวกเขาทำเพื่อปกป้องตนเอง แต่กลับถูกผู้คนมากมายพยายามสกัดกั้นทำร้ายพวกเขาไม่ยอมให้พวกเขามีโอกาสพลิกสถานการณ์ เพราะอะไร
?!
เขารู้สึกเย็นเฉียบอย่างไร้เหตุผลดวงตาของเขากำลังจดจำใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้ให้ขึ้นใจ คนเหล่านี้ลอบสังหารเขามีเจตนาร้ายต่อเขา และคิดทำร้ายเสด็จพี่ของเขา เขาไม่มีทางปล่อยคนพวกนี้ไปอย่างแน่นอน รวมทั้ง...โลกใบนี้
โลกใบนี้ไม่ได้อบอุ่นสวยงามเหมือนที่เสด็จพี่เคยกล่าวไว้ มันช่างสกปรกโสมมสับสนวุ่นวาย มีเพียงการสังหารเท่านั้นจึงจะสามารถขจัดความเลวร้ายจนหมดสิ้น
อารมณ์ด้านลบทั้งหมดพร้อมะเิขึ้นทำให้ไอสังหารของกงเจวี๋ยกำลังเดือดพล่านอยู่ในร่างกายของเขาทว่าเมื่อกงอี่โม่ดึงชายแขนเสื้อของเขาไว้ ความรู้สึกเหล่านี้จึงหายไปในชั่วพริบตาเวลานี้กงเซิ่งค่อยๆ เอ่ยปาก เมื่อเขาเอ่ยขึ้นจึงไม่มีใครกล้าโวยวายอีก
“ผู้ดูแลตำหนักเย็นอยู่ที่ไหน?”
แม่นมสวี่รู้ตัวทันทีว่าหายนะกำลังมาถึงตนนางรีบคุกเข่าต่อหน้ากงเซิ่งอย่างรวดเร็ว ทว่ากงเซิ่งกลับไม่ได้มองนางแม้แต่น้อย
“บุตรของข้าถูกลอบสังหารอย่างไร้เหตุผล เ้าดูแลตำหนักเย็นไม่เหมาะสม ทหาร ปะาให้ตายคาที่”
น้ำเสียงทุ้มต่ำสิ้นสุดลงจึงมีคนรุดเข้ามาอุดปากแม่นมสวี่ เป็การปะาท่ามกลางสายตาผู้คนนางถูกมัดตัวไว้กับม้านั่งยาวที่องครักษ์ยกมา เสียงโบยกระทบเนื้อดังขึ้นทันที
โบยเพียงไม่กี่ครั้งร่างของแม่นมสวี่กลับอาบไปด้วยโลหิต ปากของนางถูกปิดไว้นางจึงส่งเสียงอู้อี้เหมือนสัตว์ป่า ถลึงตาอย่างโกรธแค้น เพียงไม่นานก็ขาดใจตาย
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต่างสะท้านอยู่ในใจไม่มีใครไตร่ตรองว่าการกระทำของฮ่องเต้ในครั้งนี้มีความหมายเช่นไร กลิ่นโลหิตสดๆทำให้ผู้คนสามสี่สิบคนภายในเรือนแห่งนี้นิ่งเงียบไร้สรรพเสียง ทุกๆคนต่างปิดปากสนิท รวมทั้งหลิ่วเสียนเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้ นางเกร็งร่างแข็งค้างไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีกเลย
“ส่วนเ้า”
ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดกงเซิ่งพบว่า เมื่อสายตาดุดันเฉียบขาดของตนที่สามารถทำให้ขุนนางใหญ่ทั้งหลายต่างเกรงกลัวสบตากับดวงตาเ้าเล่ห์ของเด็กน้อยคู่นั้นแล้วสายตาเขาพลันอ่อนลงไปบางส่วน
“ส่วนเ้า สังหารคนต่อหน้าข้า มีโทษปะา สั่งคนอื่นให้บุกพระราชวังก็มีโทษปะา เ้ามีอะไรจะแก้ตัวไหม?!” เขาถลึงตาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้กงเจวี๋ยจึงรู้สึกโกรธจัดจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างเมื่อััได้ว่ากงเจวี๋ยใกล้ะเิอารมณ์เต็มที กงอี่โม่พลันใ นางรีบพลิกมือดึงอีกฝ่ายกลับมาพร้อมกอดร่างเล็กๆ ของกงเจวี๋ยไว้ในอ้อมกอดอย่างแ่า นางเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้โดยตรงพร้อมคลี่ยิ้ม
“คำพูดของเสด็จพ่อไม่ถูกต้องนะเพคะ เสด็จพ่อทรงมีอำนาจบารมี มีวรยุทธ์สูงส่งในใต้หล้าข้าในฐานะที่เป็บุตรสาวของเสด็จพ่อ เมื่อมีศัตรูเข้ามาบุกรุกข้าไม่สามารถทำตัวอ่อนแอ และไม่สามารถหลบหนี แต่ข้าต้องสังหารอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็เพราะอำนาจบารมีของเสด็จพ่อแล้วข้ามีความผิดอันใดหรือเพคะ?”
สายตาดุดันเฉียบขาดของนางกวาดตามองไปยังรอบๆตัว
“ส่วนเื่สั่งคนอื่นให้บุกพระราชวัง”กงอี่โม่หยุดชะงัก นางอาเจียนเป็เือย่างฉับพลัน ทว่ามือของนางยังคงกอดกงเจวี๋ยไว้อย่างแ่าเวลานี้ร่างของกงเจวี๋ยเกร็งค้าง ผ่านไปชั่วครู่นางจึงเงยหน้าคลี่ยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น
“มีคนสังหารบุตรชายบุตรสาวของท่านในอาณาเขตของท่านเป็การมองข้ามอำนาจบารมีของท่าน ลูกไม่สามารถปล่อยให้เสด็จพ่อถูกคนชั่วทรยศ การเสี่ยงตายเข้าเฝ้าเช่นนี้ข้ามีความผิดอันใดหรือเพคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างชาญฉลาดของนางกงเซิ่งจึงโกรธจนหัวเราะออกมา เขาคิดจะโต้แย้งทว่าเมื่อเห็นเด็กน้อยร่างกายอาบโลหิตสองคนกอดอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งพยายามเถียงเขาอย่างมีเหตุมีผลทำให้น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดุดันเฉียบขาดเหมือนเคย
“ในเมื่อกล่าวเช่นนี้เ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นไร?”
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็ผู้ค้ำจุนในใต้หล้า เวลานี้กลับสอบถามความคิดเห็นของเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ข้าคิดว่าเสด็จพ่อควรพระราชทานรางวัลให้กับข้า” ดวงตาทั้งคู่ของกงอี่โม่พลันเป็ประกายน้ำเสียงที่พยายามฝืนทำเป็เข้มแข็งในตอนแรกจึงเริ่มมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม คำพูดของนางทำให้เกิดเสียงอื้ออึ้งจากผู้คนบริเวณนี้ทันทีทว่ากงอี่โม่ไม่รู้สึกกลัว นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าเมื่อสักครู่กงเซิ่ง้าเชือดไก่ให้ลิงดูอีกฝ่ายกำลังยืนอยู่ข้างเดียวกับนาง
เวลานี้กงเจวี๋ยยังคงถูกนางกอดไว้จมูกของเขากดอยู่บนหัวไหล่ที่เต็มไปด้วยโลหิตของกงอี่โม่ กลิ่นคาวคละคลุ้งทว่านางกลับดูไม่เ็ปแม้แต่น้อย นางพยายามไขว่คว้าหาโอกาสให้กับเขาอย่างเต็มที่โลหิตอุ่นๆ ไหลเข้าปากของกงเจวี๋ยครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่เขาร้องไห้โดยไม่มีเสียงใดๆ
ตอนที่เสด็จแม่เสียชีวิตเขาอายุน้อยเกินไปที่จะร้องไห้ เมื่อถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ชีวิตตกจาก์อย่างฉับพลันจากนั้นถึงถูกทรมานเพียงใดเขาก็ไม่เคยร้องไห้ เขาจดจำได้ตลอดเวลาว่าเขาเป็พระโอรส ต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง ทว่าตอนนี้ เขาที่เป็พระโอรสกลับร้องไห้ในอ้อมกอดของเสด็จพี่ที่มีอายุมากกว่าเขาเพียงหนึ่งปี ช่างอ่อนแอไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เขาพามามีเพียงการลอบสังหารและอันตรายต่างๆนานา
เสด็จพี่มักกล่าวอยู่เสมอว่าเขายังเล็กนักนางมักปกป้องเขาอย่างไร้ข้อแม้ นางไม่เคยโอดครวญแต่กลับลืมไปว่านางก็ยังเป็เด็กเช่นกัน โลหิตมากมายขนาดนี้มันซึมเข้าสู่ชุดของเขาแล้ว นางไม่เ็ปหรือ? นางไม่เ็ปเลยหรือ?!
เมื่อเห็นกงเซิ่งไม่ได้กล่าวอะไรฮองเฮาจึงเริ่มร้อนใจ “ช่างเป็วาจาไร้เหตุผลสิ้นดี ฝ่าาเพคะ หากปล่อยนางไปต่อไปคงไม่อาจใช้กฎหมายควบคุมผู้คนนะเพคะ”
คำพูดของนางตรงประเด็นอย่างแท้จริงกงเซิ่งพลันขมวดคิ้วอีกครั้ง
เวลานี้กงอี่โม่เริ่มรู้สึกวิงเวียนแล้วความเ็ปทั้งหมดกลายเป็ความด้านชา นางรู้ว่านี่เป็ผลลัพธ์จากการสูญเสียโลหิตมากเกินไป ทว่านางยังคงฝืนยิ้มเย้ยหยัน
“กฎหมาย?เสด็จพ่อก็คือกฎหมายนะเพคะ”
แม้จะเป็คำพูดเหิมเกริมแต่กลับไม่มีขุนนางใหญ่ผู้ใดกล้าคัดค้าน กงอี่โม่จึงกล่าวต่อไปนางมองกงเซิ่งด้วยสายตาจริงจัง
“ในฐานะที่ฝ่าามีอำนาจสูงสุดกฎหมายที่ฝ่าากำหนดก็คือสิ่งที่นำไปใช้ควบคุมผู้อื่นหากบุคคลเหล่านี้รวมฝ่าาด้วย แล้วโอรส์และประชาชนจะแตกต่างกันตรงไหน?แต่ไหนแต่ไรผู้กำหนดกฎหมายก็มีอำนาจอยู่เหนือกฎหมาย บนแผ่นดินนี้ ฝ่าาควรจะเป็บุคคลที่เที่ยงธรรมที่สุดและสามารถทำตามใจปรารถนาได้มากที่สุดแล้วความปรารถนาของฝ่าาย่อมเหนือกว่าทุกสรรพสิ่งนะเพคะ”
คำกล่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วนางสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ในที่สุดจึงกล่าวอย่างอ่อนแรงและเสียใจ
“ฝ่าาโปรดรับสั่งเถิดตอนนี้ ฝ่าาจะพระราชทานรางวัลให้กับข้าหรือไม่เพคะ?”