กู้เจิงกินข้าวไปพลางพร้อมมองดูคนอื่นไปพลางนายหญิงเสิ่นและเสิ่นเยี่ยนกินข้าวแบบเงียบๆ อย่างมีมารยาทและคีบอาหารอย่างคนที่ได้รับการอบรม
ทั้งนิสัยและหน้าตาของเสิ่นเยี่ยนล้วนถอดมาจากมารดาของเขาทั้งสิ้นไม่ได้สืบทอดท่าทีที่ชอบหัวเราะยิ้มแย้มมาจากบิดาแม้แต่น้อย
“อาเยี่ยน หลังจากกินข้าวเสร็จ เ้าก็พาภรรยาไปเดินดูรอบๆ สักหน่อย” พ่อสามีมองไปยังบุตรชายผู้หล่อเหลาและลูกสะใภ้แสนงามยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าคนทั้งสองคู่ควรกันจริงๆ
“ขอรับ” เสิ่นเยี่ยนพยักหน้า
กู้เจิงส่งยิ้มให้พ่อสามี
นายท่านเสิ่นกินข้าวเสร็จก็เดินออกไปหยิบจอบจากห้องเก็บฟืน น่าจะไปทำงานที่คันนา
หลังจากกินข้าวเสร็จกู้เจิงก็กำลังจะเก็บทำความสะอาดชามข้าวของตัวเอง นายหญิงเสิ่นที่เห็นจึงพูดว่า “วางไว้เถอะ ข้าจัดการเอง ่สามวันนี้เ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
นี่เป็ครั้งที่สองที่แม่สามีพูดกับนาง กู้เจิงจึงวางลง “ขอบคุณเ้าค่ะท่านแม่”
“ท่านป้าเสิ่น บ่าวจะช่วยท่านเก็บกวาดเองเ้าค่ะ” ชุนหงม้วนแขนเสื้อขึ้น
นายหญิงยิ้มบางๆ มองชุนหงแวบหนึ่ง “ก็ดี” ชุนหงอยู่ที่นี่เพื่อช่วยนางจะได้ให้อาเยี่ยนกับลูกสะใภ้ไปเดินเล่นรอบๆ ด้วยกันสองคน
ถึงแม้จะใช้เวลาร่วมกันมาไม่นาน แต่กู้เจิงก็คิดว่านางพอเข้าใจเสิ่นเยี่ยนอยู่บ้างแม้เขาจะไม่ค่อยชอบพูด แต่บุคลิกลักษณะนิสัยนับว่าไม่เลวเลย
“เ้าอยากไปดูอะไร?” เมื่อออกจากห้องครัว เสิ่นเยี่ยนก็ถาม
“ท่านกับท่านพ่อไปเก็บลูกพลับมาจากที่ไหนหรือเ้าคะ?” กู้เจิงถามไปตามอำเภอใจ
“ที่บ้านมีทุ่งนาอยู่นอกเมืองต้นพลับที่ปลูกที่นั่นมีทั้งหมดสองต้นเป็ต้นไม้เก่าแก่อายุหลายสิบปีแล้ว”
“อ้อ”
“เ้าอยากไปดูหรือ?”
“ไกลมากไหมเ้าคะ?”
“ใช้เวลาหนึ่งก้านธูป* ได้กระมัง”
(* 1 ก้านธูปเท่ากับเวลาประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง)
ขณะที่กู้เจิงกำลังจะพยักหน้าก็มีเด็กหนุ่มที่เป็บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาในเรือนหลังจากคารวะเสิ่นเยี่ยนแล้วจึงเอ่ยว่า “คุณชายเสิ่น องค์ชายห้าเรียกให้ท่านไปพบบอกว่ามีเื่ต้องปรึกษาขอรับ”
กู้เจิงแปลกใจ เพิ่งจะแต่งงานวันแรกก็เรียกเสิ่นเยี่ยนไปไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร
“ไปบอกองค์ชายห้าว่าข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เสิ่นเยี่ยนกล่าว
“ขอรับ” บ่าวรับใช้รีบจากไป
เสิ่นเยี่ยนเห็นท่าทางไม่พอใจของกู้เจิงจึงเอ่ยว่า “น่าจะไม่นานก็กลับมา พอกลับมาแล้วข้าจะพาเ้าไปดูต้นพลับนะ”
กู้เจิงจะพูดอะไรได้ นางได้แต่พยักหน้า
ชุนหงเข้ามาในห้องเห็นคุณหนูใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่ที่หน้าต่างจึงกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านบุตรเขยเพิ่งจะออกไป ท่านก็เริ่มคิดถึงเขาแล้วหรือเ้าคะ?”
“ข้าไม่ได้คิดถึงเขา”
“แล้วท่านกำลังคิดอะไรอยู่เ้าคะ?”
“องค์ชายห้า”
คุณหนูใหญ่คิดถึงองค์ชายห้าหรือ? ชุนหงหน้าซีดเผือด กล่าวอย่างร้อนรนว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านแต่งงานแล้ว ทำไมถึงได้คิดถึงองค์ชายห้าเ้าคะ?”
ดูจากท่าทางของชุนหงก็รู้แล้วว่านางคิดไปไกล กู้เจิงหลุดหัวเราะ “ไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด ชุนหง เ้าคิดว่าองค์ชายห้าแปลกหรือไม่? เมื่อวานเขามาขวางข้า ไม่ยอมให้ข้าเข้าเรือนทางประตูใหญ่” เป็เพียงแค่การเดิมพันเท่านั้นจริงๆ น่ะหรือ? รอเสิ่นเยี่ยนกลับมา นางจะถามเขาว่าเป็การเดิมพันอะไรกันแน่
ชุนหงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชุนหงเองก็รู้สึกแปลกๆกับท่าทีขององค์ชายห้าเช่นกัน
เสิ่นเยี่ยนไม่ได้กลับมาจนเย็น บ่าวรับใช้ที่มาเรียกเสิ่นเยี่ยนนั้นได้กลับมาแจ้งว่าองค์ชายห้าเชิญคุณชายเสิ่นเยี่ยนไปพูดคุยเื่สำคัญดังนั้นคืนนี้คุณชายเสิ่นจะนอนที่จวนขององค์ชายห้า
ในเช้าวันต่อมา ชุนหงได้เข้ามาปลุกนางให้ตื่น “คุณหนูใหญ่ ท่านบุตรเขยกลับมาแล้วเ้าค่ะ”
แต่ไหนแต่ไรกู้เจิงนอนบนเตียงคนเดียวมาตลอดแม้เมื่อวานจะนอนเบียดกันจนหลับไป แต่นางก็ยังไม่ชินเมื่อคืนนางนอนคนเดียวอย่างสุขสบายพอถูกชุนหงปลุกเช่นนี้จึงตื่นขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก บ้านสามีไม่เหมือนบ้านนางเมื่อสามีกลับมาแล้ว คนที่เพิ่งเป็เ้าสาวเช่นนางย่อมต้องออกไปต้อนรับ
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยและเดินออกจากห้องไปก็ได้ยินพ่อสามีบ่นอยู่ในลานบ้านว่า “องค์ชายห้าผู้นี้ก็จริงๆ เลย ทั้งที่รู้ว่าเ้าเพิ่งแต่งงานวันที่สองก็เรียกเ้าออกไป ซ้ำยังให้นอนค้างอีกหนึ่งคืน ในเมื่อมีเื่สำคัญก็ช่างมันเถอะแต่ถ้าแค่พูดคุยกันจะคุยเมื่อไหร่ก็ได้กระมัง?”
นายหญิงเสิ่นไม่ได้พูดอะไรทว่าดูจากสีหน้าแล้วน่าจะคิดแบบเดียวกับสามี
“อาเจิงตื่นแล้วหรือ?” นายหญิงเสิ่นเห็นกู้เจิงเดินออกมาจากห้อง ก็พูดว่า “ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย แล้วเตรียมตัวกินอาหารเช้ากันเถอะ”
นายหญิงเสิ่นเข้าไปในห้องครัว นายท่านเสิ่นจึงรีบเข้าไปช่วย
ในลานจึงเหลือเพียงเสิ่นเยี่ยนกับกู้เจิงสองคน
“ท่านพี่เ้าคะ” กู้เจิงเรียกเสียงหวาน
เสิ่นเยี่ยนงุนงง นางคิดจะทำอะไร?
“ท่านพี่เื่ที่เกิดในวันแต่งงานที่ท่านบอกองค์ชายห้าว่าท่านชนะเขาพวกท่านพนันอะไรกันหรือเ้าคะ?”