เห็นชุนหงมองมาทางตนกู้เจิงก็พยักหน้า “ทำตามที่ท่านแม่บอกเถอะ” นางรู้ว่าคำเรียกยกย่องเหล่านี้ชาวบ้านคนธรรมดาล้วนไม่สนใจเพราะเพียงแค่เื่การทำงานการใช้ชีวิตและการหุงหาข้าวปลาอาหารก็มีเื่ให้ต้องคิดมากพอแล้ว
ชุนหงรับคำ “แล้วบ่าวจะเรียกนายท่านว่าอย่างไรเ้าคะ?”
“เรียกเขาว่าพ่อเฒ่าเสิ่นแล้วกัน” นายหญิงเสิ่นมองลูกสะใภ้คนใหม่และสาวรับใช้ที่ยังคงชั่งใจอยู่ตรงหน้านางแล้วกล่าวว่า “พวกเ้าไปเดินเล่นรอบๆ บ้านค่อยๆทำความคุ้นเคยไปก่อน อีกสักครู่ข้าจะให้อาเยี่ยนไปตามเ้ามากินอาหารเช้า”
“ท่านแม่ ท่านพี่เขาไปไหนหรือเ้าคะ?” เมื่อต้องเปลี่ยนคำที่ต้องใช้เรียกเสิ่นเยี่ยนกู้เจิงยังรู้สึกกระดากปาก
“อาเยี่ยนไปหว่านแหจับปลาในแม่น้ำกับพ่อเขาน่ะ”
กู้เจิงอึ้ง เสิ่นเยี่ยนจับปลา? เขาเป็ถึงที่ปรึกษาขององค์ชายห้าแล้วยังจะต้องไปจับปลาอีกหรือ? เห็นนายหญิงเสิ่นกำลังจะเข้าไปในห้องครัวจึงรีบถามว่า “ท่านแม่้าให้ข้าช่วยอะไรไหมเ้าคะ?”
“ลูกสะใภ้ที่เพิ่งเข้าตระกูลมาสามวันแรก ไม่จำเป็ต้องทำงานเ้าไม่จำเป็ต้องกังวล” นายหญิงเสิ่นพูดจบก็เดินเข้าห้องครัวไป
ชุนหงกับกู้เจิงงุนงน ไม่รู้ว่ามีเื่แบบนี้ด้วย
บ้านเรือนของชาวบ้านทั่วไปกำแพงจะฉาบด้วยดินโคลน เรือนของตระกูลเสิ่นมีสภาพดีกว่าหน่อยเพราะปูด้วยกระเบื้องเขียวเมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมของที่นี่กับจวนตระกูลกู้แล้วที่นี่ไม่อาจเทียบบ้านเดิมของนางได้เลย แต่ทว่ากู้เจิงกลับรู้สึกถึงความเป็อิสระ
ชุนหงเห็นสายตาพออกพอใจของคุณหนูใหญ่ก็ยิ้มตามจนตาหยีคุณหนูใหญ่ดูผ่อนคลายและสบายอกสบายใจอย่างไม่เคยเป็มาก่อน คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณหนูใหญ่จะชอบตระกูลเสิ่นถึงเพียงนี้ แม้คุณหนูใหญ่จะไม่พูดอะไรแต่สำหรับท่านบุตรเขยจะต้องปลื้มแน่ๆ
“นี่ไม่ใช่เ้าสาวของอาเยี่ยนหรอกหรือ?” หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งะโถามเสียงดัง
กู้เจิงหมุนตัวไปก็เห็นป้าสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเสิ่นกำลังเก็บผักสดๆจากสวนหลังบ้าน เมื่อวานตอนบ่าย ป้าสะใภ้ใหญ่ได้มาทักทายนางที่ห้อง นางจำได้
“ทำไมลูกสะใภ้ของเ้าสี่ถึงหน้าตางดงามขนาดนี้” ป้าใหญ่เสิ่นรูปร่างเตี้ยอ้วน ถึงจะชอบพูดจาเสียงดังแต่ก็ยิ้มแย้มและเป็กันเอง
อีกฝ่ายเอ่ยปากชมว่านางสวยกู้เจิงก็ส่งยิ้มเจิดจ้ากลับไปแล้วโค้งคารวะ “ท่านป้าใหญ่”
ชุนหงย่อมทำความเคารพเช่นกัน
“โอ๊ยตาย ข้าอยู่มาครึ่งชีวิต นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนมาคารวะ” ป้าใหญ่เสิ่นปิดปากด้วยความดีใจ “แม้แต่คำนับก็งามขนาดนี้”
กู้เจิงกับชุนหงถูกนางพูดจาหยอกล้อจนขำขัน
“เ้าเป็สะใภ้ใหม่ วันแรกจะต้องกินข้าวที่บ้านของตัวเองข้าจะยังไม่ชวนเ้าไปกินอาหารเช้าที่บ้านแล้วกัน”
คนในตระกูลเสิ่นที่ได้พบเมื่อวานล้วนเป็มิตรอย่างมากดูแล้วน่าจะเข้ากันได้ง่าย
“ท่านบุตรเขยกลับมาแล้วเ้าค่ะ” ชุนหงชี้ไปที่ถนนใหญ่หน้าเรือน
เสิ่นเยี่ยนถือตะกร้าลูกพลับใบใหญ่เดินมาอย่างมั่นคงเมื่อเขาเห็นกู้เจิงหน้าตาก็เคร่งขรึมขึ้น
เสิ่นเยี่ยนไม่คิดว่าจะเจอภรรยา
“กลับมาแล้วหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเดินเข้าหา
เสิ่นเยี่ยนตอบอืมเสียงเรียบ “ไปเก็บลูกพลับสดมา”
“ท่านแม่บอกข้าว่าท่านและท่านพ่อไปจับปลา? ท่านเก็บลูกพลับมาเยอะขนาดนั้นได้ยังไง? แล้วท่านพ่อเล่า?” กู้เจิงแสร้งทำท่าทีเป็ธรรมชาติอย่างมาก
คำเรียกขานของภรรยาทำให้เสิ่นเยี่ยนอึ้งไป “ข้าเด็ดลูกพลับตามทาง วันนี้จับปลาได้เยอะมากท่านพ่อจึงเอาไปส่งให้พวกท่านลุง”
ทั้งสองคนเดินตามกันเข้ามาในเรือนโดยไม่พูดอะไรกันสักคำเมื่อถึงเรือนก็เห็นนายหญิงเสิ่นกำลังยื่นเงินสองอีแปะ[1] ให้แก่เด็กคนหนึ่งเขาเก็บเงินอย่างดีใจจากนั้นก็ไปจูงวัวแล้วพาออกไป
“เด็กคนนี้มาช่วยข้าพาวัวไปกินหญ้าที่นอกเมืองทุกวันท่านแม่จึงให้เงินเขาสองอีแปะเป็ค่าตอบแทน” เสิ่นเยี่ยนอธิบายเมื่อเห็นภรรยามองอย่างสนใจ
“กลับมาแล้วหรือ?” แม่สามีเอ่ยเมื่อเห็นบุตรชายและลูกสะใภ้“รอให้พ่อเ้ากลับมาก็กินข้าวได้แล้ว” จากนั้นนางก็เข้าไปในห้องครัว
อาหารเช้าวันนี้เป็อาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงเมื่อวานนี้กู้เจิงอยู่ในจวนป๋อเจวี๋ยไม่เคยกินอาหารที่เป็ของเหลือมาก่อน
เมื่อมากันครบทั้งครอบครัวจึงได้เวลาทานอาหาร นายท่านเสิ่นเห็นชุนหงที่ยืนคอยรับใช้กู้เจิงอยู่ก็เรียกนางอย่างเป็มิตรให้นั่งลง “นั่งลงแล้วมากินข้าวด้วยกันเถอะ ยืนอย่างนั้นแล้วดูแปลกๆ”
ชุนหงรีบส่ายหน้า “บ่าวรับใช้กินข้าวร่วมกับเ้านายมีที่ไหนกันเ้าคะให้บ่าวยืนคอยรับใช้แบบนี้ดีแล้วเ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นกวาดตามองสามีแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ชุนหงเป็คนของอาเจิง ย่อมต้องให้นางเป็คนตัดสินใจ”
นายท่านเสิ่นหัวเราะ ท่าทางยิ้มแย้มของเขาดูแล้วน่าจะเป็คนใจดี “ก็จริง ลูกสะใภ้อย่าโทษข้าที่พูดมากไปเลยนะ”
“ไม่หรอกเ้าค่ะ ตอนอยู่ที่บ้านชุนหงก็กินข้าวกับข้าและซู่เหนียงอยู่บ่อยๆ เ้าค่ะ” มาที่นี่แล้วไม่คุ้นชิน ชุนหงย่อมต้องกังวลอยู่บ้างอย่างไรเสียก็ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของคนตระกูลเสิ่น แต่ในเมื่อนายท่านเสิ่นเอ่ยเช่นนี้กู้เจิงจึงยิ้มให้ชุนหงพลางตบลงที่นั่งตำแหน่งด้านข้าง
ชุนหงคารวะทั้งนายท่านและนายหญิง “บ่าวขอบพระคุณท่านป้าเสิ่นและพ่อเฒ่าเสิ่นเ้าค่ะ”
เห็นนายบ่าวสองคนยิ้มให้กัน เสิ่นเยี่ยนก็ประหลาดใจกู้เจิงเวลาคุยกับองค์ชายห้าและเขานั้นช่างแตกต่างกับเวลานี้จริงๆ รอยยิ้มของนางดูจริงใจ และท่าทีของชุนหงก็ดูไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
แม่สามีมองกู้เจิงกินอาหารเช้าอย่างปกติ นางก็โล่งอกกู้เจิงกินอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงได้โดยไม่แสดงท่าทีรังเกียจเด็กคนนี้ดูไม่เหมือนกับที่อาเยี่ยนเคยพูดไว้นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองบุตรชายด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย
เสิ่นเยี่ยนโตมาขนาดนี้แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ท่านแม่ตำหนิเขาทางสายตา
------------------------------------------
[1] อีแปะ(ภาษาจีนกลางอ่านว่า เหวิน)เป็หน่วยเงินสำริดในสมัยจีนโบราณซึ่งมีมูลค่าน้อยที่สุดลักษณะเหรียญจะมีรูสี่เหลี่ยมจัตุรัสตรงกลาง โดย 1,000 อีแปะ มีค่าเท่ากับ 1 ตำลึง