หลิ่วเทียนฉีรออยู่หลังต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ครึ่งชั่วยามเต็ม ถึงได้เห็นอสูรราชสีห์เพศผู้ที่มีหางสามเส้นตัวหนึ่งหาวพลางเดินออกมาจากในโพรงถ้ำอย่างเกียจคร้าน
เขาเห็นราชสีห์ตัวนั้นเดินมาทางกับดักของตนก็รีบร้อนหยิบโอสถเสริมพลังทิพย์เม็ดหนึ่งมากลืนลงท้อง อีกเดี๋ยวจะใช้ยันต์วิเศษขั้นสามรวดเดียวสิบแผ่นซึ่งต้องใช้ปราณทิพย์ไปเกือบครึ่ง จึงต้องเสริมให้ทันเวลา
หลิ่วเทียนฉีมองอสูรราชสีห์สามหางเดินเข้าใกล้อสูรกระต่ายตัวนั้นทีละก้าว เขาผนึกลูกบอลวารีลูกหนึ่งกลางฝ่ามือเงียบๆ รอจนถึงตอนที่อสูรตัวนั้นเตรียมถลกหนังกระต่ายแล้วเขมือบคำโต เขาก็ยิงลูกบอลวารีกลางฝ่ามือออกไปทันที
“ตูม ตูม...”
ยันต์ะเิขั้นสามสิบแผ่นถูกกระตุ้นพร้อมกัน เสียงะเิประหนึ่งอสนีบาตฟาดดังขึ้นบริเวณนั้นอยู่นาน หลังเสียงเงียบลง ทั่วบริเวณพลันเกิดฝุ่นควันฟุ้งตลบ ล้วนมองสิ่งใดไม่ชัด
หลายลมหายใจให้หลัง ฝุ่นควันค่อยๆ จางหาย
“โฮก...โฮก”
หลิ่วเทียนฉีได้ยินเสียงอสูรราชสีห์ร้องอย่างทรมานหนแล้วหนเล่า เขาขยับไปข้างหน้าสองก้าวช้าๆ มองเห็นหลุมลึกจากการะเิบนพื้น และเสียงร้องก็ดังมาจากในนั้น
เขานำยันต์ทองขั้นสามออกมาสามแผ่น เข้าไปใกล้ด้านข้างหลุมลึกนั่นอีกสามก้าว สะบัดมือทีหนึ่งโยนยันต์ทั้งหมดเข้าไป
“โฮก...โฮก” เสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานดังขึ้นอีกครั้ง
หลิ่วเทียนฉียืนรออยู่ที่เดิม ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าเป็เวลาดื่มชาหนึ่งถ้วย จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงครวญครางของอสูรราชสีห์สามหางอีก
“ตายแล้วหรือ?” เขามองหลุมลึกที่อยู่ห่างร้อยก้าว เอ่ยพึมพำ
พูดตามหลักแล้ว อสูรราชสีห์สามหางตัวนี้เป็ขั้นสามระดับต้น ตนใช้ยันต์วิเศษขั้นสามสิบสามแผ่น สูญเสียพลังทิพย์สองในสามจัดการมัน มันควรไม่มีโอกาสรอดแล้วใช่ไหมนะ?
ถึงแม้ในใจจะรู้ชัดว่าราชสีห์ตัวนั้นท่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แต่เขายังไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปสำรวจ คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงโยนูเาทองน้อยของตนเข้าไปในหลุมลึก
“โฮก...” พร้อมกับทีู่เาทองทับลงมา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น
หลิ่วเทียนฉีหยุดอยู่ที่เดิม รอเวลาอีกหนึ่งก้านธูป มั่นใจแล้วว่าไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก จึงแกะยันต์อำพรางกายบนร่าง วิ่งไปถึงด้านหน้าหลุม
หลุมนั่นลึกถึงสามเมตร เวลานี้ทั้งร่างอสูรราชสีห์สามหางล้วนมีาแที่ถูกะเินับร้อย ท่อนล่างมีที่หางสามเส้น สองขาหลังกับสันหลังถูกยันต์ทองตัดขาด ส่วนูเาทองก็ทับขาหน้าได้พอดี
เขามองอสูรราชสีห์หลับตานิ่งไม่ขยับอยู่ในหลุมลึกแล้วแปะยันต์วายุแผ่นหนึ่งบนขา บินเข้าไปในหลุม เก็บูเาทองของตนไปพลางหยิบยันต์ทองแผ่นหนึ่งออกมา ชั่วขณะที่คิดจะแหวกกะโหลกเอาผลึกอสูร ทันใดนั้น อสูรราชสีห์สามหางก็อ้าปากสีแดงอันใหญ่โต คำเดียวงับขาขวาของตนได้
“อ๊าก...” หลิ่วเทียนฉีกรีดร้อง เจ็บจนตัวสั่น ยันต์ทองในมือหวิดจะหล่นกับพื้น
“แควก!” เหมือนจะแก้เค้น อสูรราชสีห์สามหางกัดฉีกเนื้อก้อนโตบนน่องเขาอย่างแรง
พริบตาที่เนื้อหนังถูกฉีก หลิ่วเทียนฉีรู้สึกถึงความเ็ปที่ทิ่มแทงหัวใจพัดตลบไปทั่วร่าง แต่เขารู้ว่านี่เป็จังหวะดีในการหนีจึงไม่ชักช้า เผ่นร่างบินขึ้นสูงราวสองเมตร
“เฮอะ!” เขาตวาดลั่นทีหนึ่งแล้วโยนยันต์ทองในมือออกมา สะบั้นศีรษะอสูรราชสีห์สามหางที่หายใจรวยรินอยู่ใต้เท้าเป็สองเสี่ยง
“โฮก...” อสูรราชสีห์สามหางส่งเสียงร้องทุกข์ทรมานครั้งสุดท้าย คราวนี้ตายสนิท
หลิ่วเทียนฉีนำโอสถห้ามเืกับโอสถรักษาอาการาเ็มากลืนลงท้อง เขานั่งอยู่ข้างหลุมลึก ยกขาขวาโชกเืที่เผยกระดูกขาวน่ากลัว เอาผงยาออกมา กัดฟันทายาให้ตนเอง ฉีกเสื้อออกมาแถบหนึ่งแล้วพันาแให้เรียบร้อยถึงบินเข้าไปในหลุมลึกแห่งนั้นอีกครั้ง เก็บผลึกอสูรกับซากศพของอสูรราชสีห์สามหางไป
หลังเก็บศพก็บินกลับมาบนพื้นดินอีกครั้ง แกะยันต์วายุบนขา เขาไม่มีเวลาสนใจความเ็ปมากนัก ได้แต่เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในโพรงถ้ำ
เมื่อเข้ามาก็เห็นบ่อน้ำพุน้อยขนาดหนึ่งเมตรกว่าด้านข้างผนังหินทันที ใบหน้าซีดขาวจึงแย้มรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ยื่นมือไปวักน้ำสีทองขึ้นมาดูอย่างยินดี เป็ถ้ำูเาแห่งนี้จริงๆ ด้วย
หลิ่วเทียนฉีเอายันต์เก็บของสองแผ่นออกมาเก็บน้ำพุในบ่ออย่างไม่เกรงใจทันที
เมื่อน้ำพุในบ่อค่อยๆ ถูกดูดจนเหือดแห้ง สมุนไพรทิพย์อย่างหญ้าบรรณมาศที่มีใบสีทองหกใบซึ่งอยู่ใต้บ่อก็โผล่พ้นออกมา เขายิ่งตื่นเต้นหนัก
ขอโทษด้วยนะพี่สาวทั้งสอง โชควาสนาน่ะ เดิมทีก็มีแต่ผู้มีวาสนาเท่านั้นที่ล่วงรู้ พวกท่านคงได้แต่โทษน้องเล็กอย่างข้าที่รู้มากเกินไป
หลิ่วเทียนฉีคิดเช่นนั้นพลางะโเข้าไปในบ่อ ขุดหญ้าบรรณมาศต้นนั้นออกมาเก็บเข้าไปในแหวนมิติของตนอย่างระมัดระวัง