หลิ่วเทียนลู่เ็ปจากการเสียแขนทั้งสองข้าง เจ็บจนฟ้าดินมืดดับ โลหิตไหลรินผ่านปากแผลแขนขาดของเขา
“เ้าขยะน้อย เ้า เ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้หรือ?”
“ฮ่าๆๆ ที่นี่มีแค่พวกเราสองคน ไยข้าจะไม่กล้าเล่า?”
หลิ่วเทียนลู่เห็นหลิ่วเทียนฉียิ้มได้ใจก็กัดฟัน “ข้า ข้าจะไปบอกท่านปู่ ข้าจะให้เ้าได้ลิ้มรสชาติของแส้ิญญา”
“ฮ่าๆๆ เ้าช่างโง่เสียจริง ยังคิดว่าจะมีโอกาสนั้นอีกหรือ?” หลิ่วเทียนฉีหยิบูเาทองน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ อุปกรณ์อาคมขั้นสองที่บิดาจัดเตรียมให้ออกมา
“เ้า ถ้าเ้ากล้าแตะข้า ท่านพ่อข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไว้แน่!” เห็นอีกฝ่ายเอาอุปกรณ์อาคมออกมา นาทีนี้ หลิ่วเทียนลู่รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“ฮ่าๆๆ พ่อข้าระดับดวงปราณ พ่อเ้าระดับสร้างรากฐาน เ้าคิดว่าพ่อเ้าจะร้ายกาจกว่าพ่อข้าหรือ?” พูดไปพลางโยนูเาทองในมือ
“อ๊าก ไม่นะ ไม่!” หลิ่วเทียนลู่เห็นูเาทองที่ถูกโยนออกมารับลมขยายใหญ่ขึ้นจนสูงเท่าครึ่งตัวคนอย่างรวดเร็วแล้วทับมาที่ศีรษะของตนตรงๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้อง
หลิ่วเทียนฉีก้มศีรษะ มองกองเนื้อแหลกเหลว เืเนื้อเละเทะอยู่บนพื้นก็เลิกคิ้ว ก้าวเข้าไปเก็บูเาทองขึ้นมา ปลายนิ้วปล่อยสายวารีออกมาสายหนึ่งเพื่อชำระล้างูเาทองให้สะอาด แล้วจึงท่องมนตร์ใหู้เาทองหดเล็กลง
“อุปกรณ์อามคมขั้นสองไม่เลวจริงหนอ!” เขามองูเาทองที่กลับมามีขนาดเท่าฝ่ามือแล้วเก็บเข้าไปในแหวนมิติอย่างพึงพอใจ
จากนั้นนำยันต์อัคคีสามแผ่นมาเผาศพของหลิ่วเทียนลู่จนเกลี้ยงแล้วจึงทำลายเขตแดน เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยอสูรอาชาของตนออกมา วิ่งจากที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว
……...
สองเดือนให้หลัง
หลิ่วเทียนฉีดูแผนที่ไปพลาง เร่งเดินทางไปพลาง สอบถามไปพลาง เดินทางตามเส้นทางตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ในที่สุดก็มาถึงเขาเงาจันทร์
ได้ยินชาวบ้านใกล้เคียงบอกว่าสัตว์อสูรที่เขาเงาจันทร์มีอยู่มากมาย ก่อนหน้านี้มักชอบมากินคนที่อยู่ใกล้มัน เพราะอย่างนั้น ชาวบ้านในบริเวณร้อยลี้บ้างก็ตาย บ้างก็หนีรอด จนในรัศมีร้อยลี้นี้ไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว
ที่ตีนเขา หลิ่วเทียนฉีเก็บอสูรอาชาของตน เขาไม่ได้รีบร้อนขึ้นเขาไป แต่นึกย้อนคำอธิบายเกี่ยวกับเขาเงาจันทร์แห่งนี้ในนิยายต้นฉบับอย่างละเอียด
จำได้ว่าในนิยาย คล้ายจะบอกว่านางเอกกับหลิ่วซือพบหญ้าบรรณมาศกับน้ำพุบรรณมาศในถ้ำของสัตว์อสูรตัวหนึ่ง สัตว์อสูรตัวนั้นชื่อ ชื่อ ใช่แล้ว สัตว์อสูรตัวนั้นชื่อว่าอสูรราชสีห์สามหาง เป็สัตว์อสูรขั้นสาม พลังอยู่ในระดับสร้างรากฐาน่ต้นซึ่งเทียบเท่ากับพลังของนางเอก พวกนางจึงสิ้นเปลืองกำลังไปมากโขถึงจะกำจัดสัตว์อสูรแล้วแย่งชิงโชควาสนานั้นมาได้ ดูเหมือนจะเป็อย่างนั้นสินะ?
“อสูรราชสีห์สามหาง!” เ้านี่คงจัดการไม่ง่าย! ดูท่าจะเป็ศึกหนักครั้งหนึ่งเสียแล้ว!
พักอยู่ที่ตีนเขาสามวัน ในวันที่สี่ หลิ่วเทียนฉีจึงแปะยันต์อำพรางกายแล้วขึ้นเขาไปตามลำพัง
เพราะมีเป้าหมายชัดเจน เขาจึงไม่เสียเวลากับรอบนอกมากนัก วิ่งตรงไปยังรังของอสูรราชสีห์สามหางที่เขตตะวันออกเฉียงเหนือด้านในูเา
ระหว่างทางพบสัตว์อสูรขั้นหนึ่งขั้นสองตัวสองตัว เขาจะเลือกล่าตัวที่สังหารง่าย พบตัวที่พลังแข็งแกร่งสักหน่อยก็จะอ้อมออกห่างทันที
เพราะในนิยายบอกเพียงอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ได้บอกตำแหน่งแน่ชัด เขาจึงต้องวนเวียนตามหาอยู่นานกว่าจะพบถ้ำที่อยู่ของอสูรราชสีห์สามหาง
อสูรราชสีห์สามหางตัวนี้เป็สัตว์อสูรขั้นสาม ดังนั้น ในอาณาเขตของมันจึงไม่พบสัตว์อสูรตัวอื่นเลย
โพรงถ้ำของอสูรราชสีห์สามหางอยู่ริมธารสายน้อยเส้นหนึ่ง ใกล้ๆ โพรงถ้ำมีต้นสนสูงเท่าคนสองคนเติบโตอยู่เต็มไปหมด
สถานที่แห่งนี้ มีเขามีน้ำมีป่า ทำให้หลิ่วเทียนฉีคิดว่าอสูรราชสีห์สามหางตัวนี้ช่างมีรสนิยมด้านความงามดียิ่งนัก ถึงกับหาที่พำนักประหนึ่งสรวง์ตัดขาดจากโลกมาอาศัยอยู่ได้เช่นนี้
คิดถึงน้ำพุบรรณมาศที่อยู่ด้านในถ้ำของอีกฝ่าย เขายิ่งรู้สึกว่าเ้าตัวคงอยู่อย่างสุขสบายเป็แน่
หลิ่วเทียนฉีขุดหลุมดินขนาดเล็กตื้นๆ ห้าหลุมห่างจากโพรงถ้ำของอสูรราชสีห์สามหางร้อยเมตร จากนั้นก็ฝังยันต์โจมตีขั้นสามที่บิดาให้ไว้หลุมละสองแผ่น กลบดินกำหนึ่งไว้บางๆ พลางวางอสูรกระต่ายขั้นสองตัวหนึ่งที่ตนล่ามาไว้ตรงกลางระหว่างหลุมทั้งห้า
เมื่อเตรียมการเรียบร้อย หลิ่วเทียนฉีจึงไปซ่อนอยู่เงียบๆ รอปลาใหญ่ติดเบ็ด ถึงแม้ที่ตัวเขาจะแปะยันต์อำพรางกายอยู่ แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็มีพลังขั้นสาม จะมองทะลุมาเห็นเขาหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก ได้แต่รอนิ่งๆ อยู่ด้านข้าง