เวลาเที่ยงศาลาฉีอวิ๋นไม่มีแขก
อวิ๋นจื่อนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำอย่างมีความสุข เมื่อมองดูสิ่งของที่นางนำติดตัวมาจากวังด้วย หญิงสาวก็คลายความคิดถึงไปชั่วขณะ
นางนั่งเงียบๆ
จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
ซูเจินนั่นเอง
ชุดสีแดงเืหมูที่เขาสวมอยู่ อีกทั้งรอยยิ้มเ้าเล่ห์และดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายระยิบระยับของเขาทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้
อวิ๋นจื่อเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “คุณชายซูดูงดงามยิ่งกว่าม่านอู่เสียอีก”
ร่องรอยความไม่สบายใจฉายอยู่ในดวงตาของซูเจิน เขากล่าวด้วยท่าทีของคุณชายเ้าสำราญว่า “น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่หญิงสาว แต่ข้าจะรับคำชมนี้ไว้”
อวิ๋นจื่อรู้สึกขบขันกับคำกล่าวของเขา นางจึงส่งยิ้มให้
เมื่อทั้งสองฝ่ายนั่งลง อวิ๋นจื่อก็มองไปที่ซูเจินอย่างลึกซึ้งด้วยดวงตาที่อ่อนโยนและเปล่งประกาย ในใจของนางมีความกังวลเล็กน้อย นางสังเกตเส้นผม ติ่งหู และหลังคอของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่ซูเจินจะทันได้พูดอะไร อวิ๋นจื่อก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“คุณชาย ดูเหมือนข้าจะค้นพบความลับบางอย่าง”
ซูเจินยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “หือ ความลับอะไร? เ้าหมายถึงความลับของข้าหรือ?”
รอยยิ้มของอวิ๋นจื่อกว้างขึ้น “คุณชายซู ข้ามีสหายคนหนึ่งที่สนใจเื่การปลอมตัวมาก เขาเคยบอกความลับบางอย่างแก่ข้า ข้าสงสัยว่าคุณชายซูอยากรู้หรือไม่?”
ซูเจินหยิบภาพวาดออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่เร่งรีบและกล่าวว่า “แม่นางดูนี่ก่อนเถิด”
อวิ๋นจื่อหยิบภาพวาดนั้นขึ้นมา หลังจากมองเพียงครู่เดียวนางก็รู้สึกว่าปลายนิ้วของตนเองเย็นเฉียบ
เป็ภาพวาดหญิงสาวนั่งพิงต้นไม้ หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนาง!
นางไม่รู้ว่าซูเจินไปหามาภาพวาดนี้มาจากที่ใด
อวิ๋นจื่อสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “เดิมทีคุณชายซูเป็สตรีใช่หรือไม่?”
ซูเจินยิ้มอย่างเ็าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวแบบทีเล่นทีจริงว่า “เ้าเป็คนแรกที่รู้ความลับที่ข้าซ่อนไว้มาหลายปี”
มิตรภาพของเหล่าหญิงสาวเริ่มต้นด้วยการแลกเปลี่ยนความลับ
ต่างคนต่างมองตากันด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นช่วยเก็บความลับให้ข้าด้วย”
“เ้าก็ต้องเก็บความลับให้ข้าเหมือนกัน”
ทั้งสองพยักหน้าเงียบๆ ต่างคนต่างสงบนิ่งราวกับบ่อน้ำลึก
หลังจากนั้นครู่หนึ่งอวิ๋นจื่อก็ถามว่า “คุณชายรู้จักโจวยี่หรือไม่?”
ดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายของซูเจินดูคมกล้าขึ้นก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้นางอยู่ที่สำนักชิงซาน ประมุขคนก่อนของสำนักชิงซานทำทุกอย่างเพื่อนางและไม่มีใครสามารถฆ่านางได้ แต่เ้าไม่ต้องกังวลว่านางจะฆ่าเ้า บิดาของเ้าคือคนที่นางรักที่สุด นางย่อมไม่แตะต้องเ้าแน่”
อันที่จริงซูเจินก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ด้วยความเฉลียวฉลาดของโจวยี่ อวิ๋นจื่อย่อมไม่สามารถหลบหนีจากเมืองอวิ๋นเมิ่งได้อย่างง่ายดาย แต่กลับกลายเป็ว่าหญิงสาวผู้นี้มีความหลังกับบิดาของอวิ๋นจื่อ
ซูเจินกล่าวต่อว่า “อันที่จริงโจวยี่เกือบจะได้เป็อวิ๋นเมิ่งหวังเฟยแล้ว แต่กลับเกิดเื่ขึ้นเสียก่อน”
เดิมทีอวิ๋นจื่อก็ชื่นชอบเื่ซุบซิบอยู่แล้ว นางอยากถามว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร แต่ก็อายเกินกว่าจะทำเช่นนั้น
ซูเจินกล่าวต่อว่า “เ้าอาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเื่ราวความรักของบิดาเ้าตอนที่เขายังเป็หนุ่ม แต่ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ครั้งที่อ๋องอวิ๋นเมิ่งยังเด็ก เขาเคยไปร่ำเรียนวรยุทธ์ที่สำนักชิงซาน ต่อมาตระกูลโจวได้ส่งโจวยี่ไปที่สำนักชิงซาน สองคนนี้จึงกลายเป็ศิษย์ร่วมสำนักกัน กล่าวกันว่าโจวยี่เป็สตรีคนเดียวในบรรดาศิษย์รุ่นนั้น ทุกคนจึงปฏิบัติต่อนางอย่างดี ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา”
อวิ๋นจื่อรู้สึกไม่ค่อยพอใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงถามด้วยน้ำเสียงที่เ็าเล็กน้อย “เหตุใดนางถึงเข้าวังได้?” อวิ๋นจื่อไม่ได้กล่าวต่อว่า ‘เหตุใดนางถึงได้เป็สนมของฮ่องเต้?’
“เพราะอ๋องอวิ๋นเมิ่งสิ้นพระชนม์” ซูเจินกล่าวอย่างเป็ธรรมชาติมาก “มีข่าวลือว่าฮ่องเต้เซิ่งหยวนเป็คนสังหารอ๋องอวิ๋นเมิ่ง”
เหตุใดเสด็จแม่ไม่เคยกล่าวถึงเื่เหล่านี้เลยจวบจนสิ้นพระชนม์?
เหตุใดเสด็จพ่อถึงไม่ค่อยพูดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัชศกเทียนโหย่ว?
เหตุใดเสด็จพ่อจึงไม่กล่าวถึงมัน?
แม้แต่จินเหนียงก็ไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ
ยังมีอะไรอีกบ้างที่นางยังไม่รู้?
ในใจของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความสงสัย และนางไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
ซูเจินยิ้ม “อันที่จริงสหายของเ้ารู้เื่นี้เป็อย่างดี”
อวิ๋นจื่อรู้สึกงงงวยมากยิ่งขึ้น
ดวงตาดอกท้อของซูเจินนั้นสว่างสดใส เขาทำปากเป็คำบางคำโดยไม่เปล่งเสียงออกมา
อวิ๋นจื่ออ่านปากและรู้สึกประหลาดใจมาก
เซียวเหยียนน่ะหรือ?
แล้วเหตุใดซูเจินที่มาจากตระกูลขุนนางจึงรู้เื่นี้?
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่ามุมปากของนางกระตุก “คุณชายซูช่างรอบรู้จริงๆ”
ซูเจินยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ความสิ้นหวังฉายอยู่ในดวงตาดอกท้อ “เ้ามีเื่ที่ไม่รู้ ข้ามีเื่ที่ไม่รู้ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ข้าไม่รู้เลยว่าเ้ารักเย่เช่อหรือไม่”
หลังจากได้ยินคำกล่าวนี้ อวิ๋นจื่อก็รู้สึกว่ามีอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจของนาง นางจึงกล่าวออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า
“ดูเหมือนคุณชายจะสนใจเื่นี้มาก เ้ารักเขาหรือ?”
“ความรักน่ะหรือ? มันไม่มีอยู่จริงแต่เป็เพียงความรู้สึก” ซูเจินกล่าวเสริมว่า “แม่นางโปรดเตรียมตัวให้ดี ทุกปีข้าจะเป็แขกผู้มีเกียรติในพิธีประชันสาวงามของที่นี่”
อวิ๋นจื่อยังคงงุนงงและไม่รู้จะตอบอย่างไร
กว่านางจะได้สตินางก็มองเห็นเพียงชายผ้าของซูเจินที่กำลังเดินออกไปแล้วเท่านั้น
นางต้องเข้าร่วมพิธีประชันสาวงามด้วยหรือ?
คนผู้นี้บอกว่าจะมาไถ่ตัวนางไม่ใช่หรือ?
แล้วเหตุใดต้องให้นางเข้าร่วมพิธีประชันสาวงามด้วย?
นางเติบโตในวังั้แ่เด็กและเข้าใจความสำคัญของผู้หนุนหลังที่มีต่อหญิงสาวมากที่สุด ถ้านางกลายเป็คณิกาอันดับต้นๆ ที่โดดเด่นสะดุดตา ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งอดีตที่สวยงามเช่นนี้จะย้อนกลับมาทำลายนางหรือไม่?
ซูเจิน้าทำอะไรกันแน่?
อวิ๋นจื่อคิดไม่ออกจริงๆ
ใน่นี้มีหลายอย่างที่นางไม่เข้าใจ
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และชายผ้าสีเขียวก็เคลื่อนผ่านกรอบประตูเข้ามา
ในที่สุดคนที่นาง้าพบก็มาถึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้