ตอนที่ 5 เคล็ดวิชาตัวเบา ก้าวย่างเมฆา
ปาฏิหาริย์... คือคำเดียวที่ทุกคนในตระกูลเสี่ยวสามารถสรรหามาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้
ภาพของนายน้อยเสี่ยวเฟิงหลิว ผู้ถูกตราหน้าว่าเป็ขยะมาตลอดสิบห้าปี ใช้พลังปราณลึกลับสีดำสนิทหลอมโอสถพิษเพื่อชุบชีวิตนายหญิงที่แม้แต่หัวหน้านักหลอมโอสถยังส่ายหน้า มันได้สั่นะเืรากฐานความเข้าใจของทุกคนอย่างรุนแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหวสิบริกเตอร์
ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วจวนด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าโรคระบาด จากเื่น่าขันในตอนเช้า กลายเป็เื่น่าอัศจรรย์ในตอนบ่าย และแปรเปลี่ยนเป็เื่น่าหวาดหวั่นในยามค่ำคืน
“พวกเ้าเห็นหรือไม่! พลังปราณสีดำนั่น! มันเย็นเยียบจนกระดูกแทบแข็ง! ไม่ใช่เคล็ดวิชาของตระกูลเราแน่!”
“ข้าได้ยินมาว่าตอนที่โอสถสำเร็จ มันส่งกลิ่นอายแห่งความตายออกมา! นี่มัน วิชาหลอมโอสถสายมารชัดๆ!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว นายน้อยเฟิงหลิว เขาไปได้วิชาประหลาดเช่นนี้มาจากที่ใดกัน? หรือว่าตอนที่ตกน้ำไปคราวนั้น เขาไม่ได้พบพานวาสนา แต่กลับถูกปีศาจร้ายเข้าสิงร่าง!”
ความหวาดระแวงและความอิจฉาริษยา คือเชื้อไฟที่ดีที่สุด มันสามารถแผดเผาความจริงให้กลายเป็เถ้าถ่าน และสร้างปีศาจขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างง่ายดาย
ภายในเรือนประมุขที่บัดนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นยาจางๆ และความอบอุ่นของครอบครัว เสี่ยวเฉินกำลังนั่งปอกผลไม้ให้มารดาที่สีหน้าดีขึ้นมากแล้วอย่างคล่องแคล่ว ทุกการเคลื่อนไหวของมีดในมือเขานั้นแม่นยำและงดงามราวกับศิลปินชั้นครูกำลังรังสรรค์ผลงาน
เจียงซินเย่มองภาพนั้นด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความสุขจนเอ่อล้น “พอแล้วลูก แม่ทานไม่ไหวแล้ว” นางกล่าวพลางลูบศีรษะบุตรชายอย่างอ่อนโยน “ไม่คิดเลยว่าแม่จะมีวันนี้ วันที่ได้เห็นเ้าเติบโตเป็ผู้ใหญ่และดูแลแม่ได้เช่นนี้”
เสี่ยวฟู่เจี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองภาพภรรยาและบุตรชายแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ฮ่าๆๆ! เ้าเห็นรึยังซินเย่! ข้าบอกแล้วว่าลูกของเราชะตาแข็งแกร่งดั่งขุนเขา! แค่ก้าวผ่านความเป็ความตายครั้งเดียว ก็ราวกับได้เกิดใหม่! นี่สิถึงจะสมเป็บุตรชายข้า!”
แม้ปากจะโอ้อวด แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย พลังปราณนั้น เคล็ดวิชาหลอมโอสถนั้น ลูกชายของเขาไปได้มันมาได้อย่างไร? แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะซักไซ้ เขารู้ดีว่าทุกคนย่อมมีความลับของตนเอง ตราบใดที่มันไม่ได้นำมาซึ่งหายนะ เขาก็พร้อมจะปกป้องความลับนั้นให้ลูกชายสุดชีวิต
“ท่านพ่อ” เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสงบนิ่ง “ลูกมีเื่อยากจะขอ”
“ว่ามาเลย! ต่อให้เ้าอยากได้ดาวบนฟ้า พ่อก็จะหาทางไปสอยลงมาให้!” เสี่ยวฟู่เจี่ยนตบอกรับปากอย่างเต็มที่
“ลูกอยากได้สิทธิ์ในการเข้า-ออกหอโอสถและหอตำราได้อย่างอิสระ รวมถึงสิทธิ์ในการเบิกใช้เตาหลอมโอสถส่วนตัว”
คำขอนั้นทำให้เสี่ยวฟู่เจี่ยนและเจียงซินเย่หันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ มันไม่ใช่คำขอเพื่อความสนุกสนานฟุ่มเฟือยเหมือนในอดีต แต่เป็คำขอเพื่อการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างแท้จริง
“ได้!” เสี่ยวฟู่เจี่ยนตอบรับแทบจะทันที “ไม่เพียงเท่านั้น! พ่อจะมอบป้ายหยกัเขียว ของพ่อให้เ้า! ผู้ใดในตระกูลที่เห็นป้ายนี้ ก็เหมือนเห็นตัวข้า! จะไม่มีใครกล้าขัดขวางเ้าอีก!”
เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหีบไม้ที่หัวเตียง หยิบป้ายหยกสีเขียวมรกตที่แกะสลักเป็รูปัอย่างวิจิตรบรรจงออกมาส่งให้บุตรชาย นี่คือสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของประมุขตระกูล! การมอบป้ายนี้ให้บุตรชาย เท่ากับเป็การประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เขาสนับสนุนการกระทำของเสี่ยวเฟิงหลิวอย่างเต็มที่!
เสี่ยวเฉินรับป้ายหยกนั้นมา เขาััได้ถึงไออุ่นจางๆ และพลังที่แฝงอยู่ในนั้น นี่ไม่ใช่แค่ป้ายหยกธรรมดา แต่ยังเป็เครื่องรางป้องกันตัวชั้นดีอีกด้วย
“ขอบคุณท่านพ่อ”
“ไม่ต้องขอบคุณ” เสี่ยวฟู่เจี่ยนโบกมือ “สิ่งที่เ้าทำเพื่อแม่ของเ้าในวันนี้ มันมีค่ามากกว่าป้ายหยกนี่ร้อยเท่าพันเท่า แต่เฟิงหลิว เ้าต้องสัญญากับพ่อหนึ่งอย่าง”
“ขอรับ?”
แววตาของเสี่ยวฟู่เจี่ยนจริงจังขึ้นมา “พลังของเ้า มันแปลกประหลาดและทรงพลังเกินไป จงใช้มันอย่างระมัดระวัง อย่าได้แสดงออกมาโดยไม่จำเป็ โลกของผู้ฝึกยุทธ์นั้นอันตรายกว่าที่เ้าคิด คนธรรมดากลัวอัจฉริยะ แต่อัจฉริยะ กลัวปีศาจ”
“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ” เสี่ยวเฉินพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น เขารู้ดีว่าบิดากำลังเตือนสติเขาอยู่ ต้นไม้ที่สูงเด่นในป่า ย่อมถูกลมพัดโค่นก่อนเสมอ
ค่ำคืนนั้น ณ เรือนพักของลุงใหญ่เสี่ยวหลิงเฉิน
บรรยากาศภายในห้องนั้นเย็นเยียบและหนักอึ้งยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก เสี่ยวหลิงเฉินนั่งจิบชาอยู่ที่หัวโต๊ะ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนดูน่ากลัว ตรงข้ามกับเขาคือเสี่ยวจื่อหานที่ใบหน้าบูดบึ้งเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ท่านพ่อ! ท่านจะปล่อยให้เื่มันเป็แบบนี้ไปจริงๆ หรือ! ไอ้ขยะนั่นมันไม่ใช่แค่ฟลุ๊ค แต่มันมีวิชาประหลาด! วันนี้มันรักษาท่านป้าได้ วันหน้ามันอาจจะใช้พลังนั่นมาคุกคามตำแหน่งของเราก็ได้นะขอรับ!”
เสี่ยวหลิงเฉินวางถ้วยชาลงอย่างแ่เบา เสียงกระเบื้องกระทบไม้ดังกริ๊ก แต่กลับก้องกังวานในความเงียบ
“แล้วเ้าจะให้พ่อทำอย่างไร?” เขาถามเสียงเรียบ “ลุกขึ้นไปป่าวประกาศว่าหลานชายของตัวเองเป็พวกนอกรีต? หรือจะส่งคนไปลอบฆ่ามันอีกครั้ง แล้วก็ทำงานพลาดเหมือนเ้าอีกงั้นรึ?”
คำพูดนั้นเฉียบคมราวดาบน้ำแข็ง ทำให้เสี่ยวจื่อหานถึงกับสะอึก!
“ข้า...ข้าไม่ได้พลาด! ใครจะไปคิดว่ามันจะดวงแข็งถึงเพียงนั้น!”
“ดวงแข็ง?” เสี่ยวหลิงเฉินแค่นเสียงหัวเราะ “ในโลกนี้ไม่มีคำว่าดวง มีแต่คำว่า เตรียมการมาไม่ดีพอเท่านั้น! เ้าประเมินมันต่ำไปั้แ่แรก และตอนนี้เ้าก็ยังคงประเมินมันต่ำไปอยู่อีก!”
เขาจิบชาอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบยิ่งขึ้น “เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันในตอนนี้ไม่ใช่พลังประหลาดนั่น แต่เป็สมองของมันต่างหาก”
“จากเด็กโง่ที่เอาแต่ใช้กำลังและอารมณ์ กลายเป็คนที่สุขุมเยือกเย็น รู้จักใช้คำพูดเป็อาวุธ รู้จักอดทนรอคอย การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ มันน่ากลัวกว่าการได้มาซึ่งพลังใดๆ เสียอีก เ้าเข้าใจหรือไม่?”
เสี่ยวจื่อหานนิ่งเงียบไป เขากำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
“แล้ว...แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”
“ทำตัวตามปกติ” เสี่ยวหลิงเฉินตอบอย่างคาดไม่ถึง “ไปเยี่ยมเยียนมัน แสดงความยินดีกับมัน ทำให้มันตายใจ ในเมื่อท่านพี่รองมอบป้ายหยกัเขียวให้มันแล้ว การเคลื่อนไหวอย่างผลีผลามก็เท่ากับหาเื่ตาย”
“แต่...!”
“ไม่มีแต่!” เสี่ยวหลิงเฉินตวาดเสียงกร้าว! “การแข่งขันประลองสมุนไพรใกล้เข้ามาแล้ว นี่คือโอกาสของเ้า! เ้าต้องใช้เวทีนั้น บดขยี้มันให้ย่อยยับต่อหน้าทุกคน! ไม่ใช่ด้วยกำลัง แต่ด้วยความสามารถในฐานะนักหลอมโอสถ!”
“พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าต่อให้มันมีพลังวิเศษแค่ไหน มันก็เป็ได้แค่พวกนอกรีต ส่วนเ้า คืออัจฉริยะที่แท้จริงของตระกูลเสี่ยว! คือผู้ที่จะนำพาตระกูลไปสู่ความรุ่งโรจน์! นี่ต่างหาก คือวิธีการเอาชนะมันอย่างสมบูรณ์แบบ!”
แววตาของเสี่ยวจื่อหานลุกวาวขึ้นมาด้วยความเข้าใจในที่สุด ใช่แล้ว! เขาไม่จำเป็ต้องลงมือเองให้สกปรก เขาแค่ต้องเก่งกว่ามัน เหนือกว่ามันในทุกๆ ด้าน!
“ลูกเข้าใจแล้วท่านพ่อ! ลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง!”
เสี่ยวหลิงเฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขามองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด
“ส่วนเื่พลังประหลาดของมัน พ่อจะส่งข่าวไปให้คนผู้นั้นรับรู้เอง หึ... ในใต้หล้านี้ ยังมีคนอีกมากที่สนใจของเล่นชิ้นใหม่ๆ เช่นนี้”
วันรุ่งขึ้น เสี่ยวเฉินก็ได้พิสูจน์ถึงอำนาจของป้ายหยกัเขียวด้วยตัวเอง
เมื่อเขาไปถึงหอโอสถอีกครั้ง ผู้ดูแลคนเดิมที่เคยขวางเขาไว้กลับมีท่าทีเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เขารีบวิ่งออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจงยิ่งกว่าอะไรดี
“คารวะนายน้อย! วันนี้ท่าน้าสมุนไพรอันใดขอรับ บอกบ่าวได้เลย บ่าวจะรีบไปจัดหามาให้ทันที!”
เสี่ยวเฉินเพียงแค่ชูป้ายหยกขึ้นมาให้ดูเงียบๆ
ใบหน้าของผู้ดูแลพลันซีดเผือดราวกับไก่ต้ม เขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นทันที! “บะ...บ่าวสมควรตาย! บ่าวมีตาหามีแววไม่! โปรดนายน้อยเมตตาไว้ชีวิตบ่าวด้วย!”
“ลุกขึ้นเถอะ” เสี่ยวเฉินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ถือสาเื่ไร้สาระเช่นนี้หรอก ไปเตรียมสมุนไพรตามรายการนี้ให้ข้า แล้วก็จัดหาเตาหลอมโอสถชั้นดีที่สุดมาให้ข้าที่เรือนด้วย”
“ขอรับ! ขอรับ! บ่าวจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้!” ผู้ดูแลรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหายเข้าไปในหอโอสถราวกับหนีตาย
หลังจากได้วัตถุดิบที่้าครบถ้วนแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังหอตำราอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาตรงๆ ผู้าุโซูเพียงแค่เหลือบมองป้ายหยกที่เอวของเขาแล้วก็โบกมือให้เขาเข้าไปได้อย่างอิสระ
“หลู่ปิง เริ่มการสแกนชั้นสาม”
[รับทราบ กำลังวิเคราะห์ค่ายกลป้องกัน โครงสร้างซับซ้อนกว่าที่คาดไว้ ต้องใช้เวลาในการถอดรหัสประมาณ 10 นาที]
เสี่ยวเฉินจึงแสร้งทำเป็เดินเลือกดูตำราที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองไปพลางๆ แต่ในใจกลับจดจ่ออยู่กับผลการสแกน และแล้ว...
[...ถอดรหัสสำเร็จ! กำลังสแกนชั้นสาม ตรวจพบตำราเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรระดับปฐีขั้นสูง 3 เล่ม ระดับปฐีขั้นกลาง 12 เล่ม และ... ตรวจพบพลังงานแฝงที่มุมในสุด พลังงานนี้คล้ายคลึงกับปราณาเยือกแข็งของโฮสต์!]
หัวใจของเสี่ยวเฉินเต้นแรงขึ้นมาทันที!
เขารีบเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ที่นี่มีตำราน้อยกว่าชั้นล่างมาก แต่ทุกเล่มล้วนแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา เขามุ่งตรงไปยังมุมในสุดตามที่หลู่ปิงบอก ที่นั่นมีแท่นหินโบราณตั้งอยู่ บนแท่นนั้นมีม้วนคัมภีร์เก่าแก่ที่ทำจากหนังสัตว์ชนิดพิเศษวางอยู่ มันถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ิญญาเส้นเล็กๆ
[วิเคราะห์สำเร็จ! นี่คือเคล็ดวิชาตัวเบา ก้าวย่างเมฆา ฉบับสมบูรณ์! แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ภายในม้วนคัมภีร์นี้ มีเศษเสี้ยวของ หินิญญาเยือกแข็งา ซ่อนอยู่! มันคือวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการบำเพ็ญเพียรของท่าน!]
ดวงตาของเสี่ยวเฉินทอประกายวาววับ!
นี่มันคือการส่งหมอนให้ยามง่วงนอนโดยแท้! เขากำลัง้าเคล็ดวิชาสำหรับหลบหนีและป้องกันตัวอยู่พอดี และยังได้พบกับวัตถุดิบที่จะช่วยเสริมสร้างพลังของเขาอีก!
เขายื่นมือออกไปหมายจะหยิบม้วนคัมภีร์นั้น
ฟุ่บ!
เงาร่างสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นขวางหน้าเขาไว้ราวกับภูตผี!
มันคือเงาของชายชรา ผู้าุโซู!
“เคล็ดวิชาบนแท่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะแตะต้องได้ตามใจชอบหรอกนะ นายน้อยเฟิงหลิว”
