โกวเที่ยวรีบรุดเดินทางไปถึงตำหนักเย็น คิดจะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จโดยไว ทว่าด้วยความเป็มือสังหารมืออาชีพ เขายังคงระมัดระวังอย่างยิ่งยวด เห็นประตูใหญ่ของตำหนักเย็นถูกเปิดกว้าง เขาไม่กล้าเข้าไปทางประตูหลักแต่เลือกที่จะอ้อมกำแพงวังไปรอบหนึ่ง เมื่อทำความเข้าใจในพื้นที่แล้วสังเกตเห็นว่าทางทิศเหนือของกำแพงวังมีต้นหวายอายุนับร้อยปีอยู่ต้นหนึ่ง ลำต้นของมันแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โต ต่อให้มีคนสองคนซ่อนอยู่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกพบ ช่างเหมาะสำหรับเป็ที่ซ่อนตัวอย่างมาก
เขาตัดสินใจเลือกกำแพงวังทางทิศเหนือ ย่องเบาเข้าไปโดยไม่กล้ารั้งอยู่นาน นาทีถัดมาเขาะโขึ้นไปยังกิ่งก้านของต้นหวาย—
เท้าทั้งคู่ของเขายังไม่ทันจะได้ัักับพื้นดิน ทันใดนั้นพลันมีเงาร่างของคนๆ หนึ่งมุดออกมาท่ามกลางต้นไม้อันหนาแน่นราวกับเป็ภูติผีอย่างไรอย่างนั้น คนๆ นั้นหัวเราะกับเขา จากนั้นตวัดจวักรูปร่างประหลาดในมือเข้าใส่ปลายคางของเขาอย่างจัง!
“อ๊ากๆๆๆๆ...” เห็นเพียงบนกำแพงวังทางด้านทิศเหนือ มีเงาร่างสีดำที่ยังไม่ะโเข้ามากลับถูกกวาดออกไปจนร่วงตกลงบนพื้นระเนระนาด เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ให้ตายเถอะ! เ้าจี้เฟยตัวดี กล้าหลอกลวงข้าหรือ ข้าจะจัดการเ้าให้เข็ดหลาบ!” หลังจากโกวเที่ยวก่นด่าไปยกหนึ่งก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดจวักแปลงกายพันชั่งในมือ ยืนแค่นหัวเราะเสียงเย็น นางจะรอคอยโอกาสอันงดงามอยู่ที่นี่แหละ
ตามประสบการณ์ในอดีตของนาง หากภารกิจของมือสังหารยังไม่สำเร็จลุล่วง ผู้จ้างวานจะต้องส่งมือสังหารชุดที่สองมาเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จแน่นอน!
โดยเฉพาะคนเยี่ยงองค์หญิงหลานซิน วันนี้ต้องเสียเปรียบนางต่อหน้าธารกำนัล จะเก็บไม้เก็บมือยอมเลิกราโดยง่ายจึงนับว่าเป็เื่แปลก!
ดังนั้น หลังจากที่ได้คิดและวิเคราะห์สถานการณ์แล้ว นางจึงเจตนาเปิดประตูใหญ่ของตำหนักออกกว้าง เพื่อล่อมือสังหารข้ามกำแพงมา จากนั้นจึงซ่อนตัวอยู่ข้างต้นไม้ รอเพียงให้ปลามาติดเบ็ด
ปรากฏว่าไม่ผิดไปจากที่นางคาดเอาไว้ มือสังหารนำตัวเองใส่พานมาให้เรียบร้อย และติดกับดักที่นางวางไว้!
ห่างจากตำหนักเย็นไม่ไกลนัก ลั่วหยิ่งเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตาตนเอง เขาตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง
เขานั้นสะกดรอยตามมือสังหารมา แต่คาดไม่ถึงว่าตนเองจะมาพบภาพเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้!
ความสามารถของมือสังหารสองคนนั้นเป็เทพยุทธ์ ระดับสอง อาจไม่นับว่าเป็ยอดฝีมือ ทว่าหากต่อกรกับชาวบ้านสามัญเรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้ ทว่ามือสังหารทั้งสองคนนี้กลับถูกฮองเฮาใช้จวักด้ามหนึ่งจัดการเสียจนงอมพระราม นี่ทำให้คนเปิดหูเปิดตาแล้ว!
หากมิใช่ว่าเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง เขาไม่มีทางเชื่อ ฮองเฮาผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าไร้สมอง ถึงกลับมีสติปัญญาและความสามารถเพียงนี้ ดูท่าแล้วจะเป็กระบี่ที่คมในฝักเสียแล้ว!
ราวกับฮองเฮารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง สายตาคมกริบนั้นตวัดมายังทิศทางที่เขาพรางตัวอยู่ เขารีบหลบหลีกไปอย่างไร้ร่องรอย!
เฟิ่งเฉี่ยนรับรู้ได้ว่ามีคนจับจ้องสายตามองตน เมื่อนางหันกลับมาอีกครั้งคนผู้นั้นได้หายไปแล้ว ทว่านางแน่ใจได้เลยว่าเมื่อสักครู่มีคนลอบมองนางอยู่! รัศมีอันตรายนั้นบังเกิดขึ้น ดูท่าแล้วคนที่จับจ้องมองนางอยู่มีไม่น้อย ดังนั้นนางจะต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น
จื่อซูเดินหิ้วน้ำถังหนึ่งเข้ามาในตำหนักเย็น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นเฟิ่งเฉี่ยนยืนอยู่บนกิ่งไม้สูง นางสะดุ้งโหยง “เหนียงเหนียง ไฉนท่านจึงขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูงเช่นนั้นเล่าเพคะ ระวังตกลงมา! ...ใช่แล้ว เมื่อสักครู่บ่าวได้ยินเสียงเหมือนคนร้องด้วยความเ็ป ท่านได้ยินหรือไม่เพคะ”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือ “เ้าฟังผิดแล้วกระมัง ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
พูดแล้วนางก็ปีนลงมาตามกิ่งไม้ด้วยท่าทีคล่องแคล่วว่องไว จื่อซูเห็นแล้วได้แต่รู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
“เหนียงเหนียง ท่านร้ายกาจเหลือเกินเพคะ! ท่านยังปีนต้นไม้ได้ด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ ในใจยังคงใคร่ครวญเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามประเมินฝีมือของนางต่ำไป จึงส่งมาเพียงมือสังหารชั้นสวะ หากครั้งหน้าส่งยอดฝีมือที่ดีกว่านี้มาเล่า นางตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้ว! ในเวลากระชั้นชิด หาก้าพัฒนาความสามารถของตนให้สูงขึ้นโดยการใช้อาวุธนั้นมิใช่แผนการรับมือระยะยาว!
ในขณะที่กำลังไตร่รอง พลันมีเสียงฝีเท้าสับสนดังขึ้นจากนอกประตู เป็เสียงฝีเท้าของคนราวๆ สิบคน หยุดลงนอกประตูวัง ไม่ได้ก้าวล่วงเข้ามา
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย “จื่อซู ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
จื่อซูออกไปแล้วกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าร้อนรน “เหนียงเหนียง พวกเขาเป็องครักษ์ที่ฝ่าาส่งมาเพคะ บอกว่านับั้แ่วันนี้ไป ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าออกตำหนักเย็น! เหนียงเหนียง ทีนี้เราจะทำอย่างไรดีเพคะ”
“ยุ่งยากเล็กน้อย...” เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วเมื่อเข้าสู่ความคิด แม้นางจะออกไปไม่ได้ แต่หากมือสังหารคิดจะเข้ามาก็เป็เื่ยากเช่นกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้ กลับคิดได้ว่านี่ไม่ใช่เื่เลวร้ายอันใด
คิดๆ แล้วนางก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตำหนักบรรทม
จื่อซูประหลาดใจ “เหนียงเหนียง ท่านจะไปทำอะไรเพคะ”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบนางทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา “นอน!”
นอนพอแล้ว สมองจะได้ปลอดโปร่งแจ่มใส จึงจะรบชนะ!
ห้องทรงพระอักษร เซวียนหยวนเช่อฟังลั่วหยิ่งเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ดวงตาทั้งคู่อันเยียบเย็นราวกับบ่อน้ำลึกมองไม่เห็นก้นนั้นยิ่งนิ่งลงอีก ส่งผลให้ใบหน้าหนุ่มนั้นมองไม่เห็นถึงอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น เ็าประดุจน้ำแข็ง
“เ้ากำลังจะบอกว่า ในมือของฮองเฮาถือจวักรูปร่างประหลาดด้ามหนึ่ง ใช้มันโจมตีมือสังหารสองคนจนเตลิดเปิดเปิงหรือ”
ลั่วหยิ่งตอบ “พ่ะย่ะค่ะ! จวักเหล็กด้ามนั้นมีอิทธิฤทธิ์ไม่สามัญ มีลักษณะคล้ายอาวุธเทพยิ่งยวดพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อนิ่งฟังไม่พูดจา
ลั่วหยิ่งลอบมองฮ่องเต้ปราดหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ ถามออกมาว่า “้าให้บ่าวส่งคนไปจับตาดูฮองเฮาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงหลานซินส่งมือสังหารไปอีก จะได้คุ้มกันฮองเฮาได้ทันท่วงทีพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อกลับโบกไม้โบกมือ พูดเสียงเย็น “ไม่จำเป็ต้องสนใจ! เวลานี้สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดก็คือจับตาดูการเคลื่อนไหวของแคว้นหนานเยียนอย่างเป็ความลับ!”
ลั่วหยิ่งรับคำและลอบถอนใจ ฝ่าายังคงไม่เห็นสตรีทั้งหลายอยู่ในสายตาเช่นนี้อีกหรือ! กระทั่งฮองเฮาก็ไม่ได้รับการยกเว้น!