ลำแสงอันเยียบเย็นลอดเข้ามาทางหางตา กระบี่ยาวเล่มหนึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังการสังหารพุ่งเข้ามาจากด้านหลังขวาของนาง—
กล่าวได้ว่าเวลานั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เฟิ่งเฉี่ยนเอนกายไปด้านหลัง เอวคอดกิ่วของนางพลันหมุนเป็วงกลมอย่างเหลือเชื่อ กระบี่ยาวแนบไปกับผิวบริเวณหน้าท้องของนาง
มือสังหารในชุดดำปิดหน้าเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง เมื่อเขาพลิกมือกลับมาเพื่อจะแทงกระบี่เข้ามาอีกรั้ง เฟิ่งเฉี่ยนได้เหินกายออกไปจากตำหนักบรรทมแล้ว เขาคำรามเสียงต่ำ “เจอปีศาจแล้ว” จากนั้นรีบไล่ล่าตามออกไป!
รอเมื่อเขาไล่ตามมาถึงลานเรือนด้านนอก เห็นในมือเฟิ่งเฉี่ยนมีสิ่งของสองอย่างเพิ่มขึ้นมา มือซ้ายมีกระทะเหล็ก มือขวามีจวักหลัก ยืนรอเขาอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีประหลาดอย่างที่สุด
“พูด ใครส่งเ้ามา” เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วด้วยสายตาเ็า บุคลิกเช่นนั้นผนวกกับกลิ่นอายรัศมีเข่นฆ่าในตัวของเปล่งประกายออกจากร่างของนาง!
มือสังหารชุดดำสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ถูกต้อง มิใช่บอกว่าฮองเฮาเป็คนไร้สมองคนหนึ่งหรือ ไม่มีวรยุทธ์มิใช่หรือ เหตุใดรัศมีเข่นฆ่าที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของนางยังดูน่ากลัวกว่าเขาที่เป็นักฆ่ามืออาชีพได้เล่า
“เ้าไม่จำเป็ต้องรู้!” กระบี่เล่มยาวในมือตวัดเป็วงกลมรอบหนึ่งพลางตวาดด้วยพลังของการปลิดชีพ “ดูกระบี่ ยอมรับความตายเถอะ!”
คนที่อยู่เื้ั้าให้นางตายนี่นา! ทั้งๆ ที่รู้ว่านางไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน ยังส่งมือสังหาร ระดับสองมาสังหารนางอีก นี่มันง่ายดายยิ่งกว่าการบดขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย!
ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาคำนวณพันครั้งคำนวณหมื่นครั้ง แต่กลับพลาดไปจุดหนึ่ง นางไม่ใช่ฮองเฮาคนเดิมอีกแล้ว และในมือของนางมีจวักแปลงกายพันชั่งและกระทะหรูอี้สลักลายั!
ติ๊ง—มือสังหาร : พลัง 210, พลังการสู้รบ 210!
เมื่อเห็นข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งปราศจากความหวาดกลัว!
นางเก็บกระทะหรูอี้ลายัขึ้นมา มือทั้งคู่กุมกระชับที่ด้ามของจวักแปลงกายพันชั่ง จากนั้นยืนบิดเอวนิดๆ ด้วยท่วงท่าตามมาตรฐานของการตีกอล์ฟ จวักตวัดออกไปพร้อมกับตวาดเสียงดังลั่น “พลังทำลายล้าง!”
เวลานั้นลมพัดเป็พายุทอร์นาโด ข้างหูได้ยินเสียงราวกับัคำรามดังครืนๆ ผ่านไป ส่งผลให้กระบี่สีแดงถูกกดข่ม ท่ามกลางแววตาอันหวาดกลัวของมือสังหาร กระบี่ของเขาและตัวเขาคล้ายกับว่าวที่สายป่านขาด ถูกโจมตีจนกระเด็นหวือออกไปไกล หายลับไปนอกกำแพงวัง
“อ๊ากๆๆๆๆ...” เสียงร้องด้วยความเ็ปของมือสังหารดังขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเสียงการโจมตีอันหนักหน่วงผ่านพ้นไปก็ได้ยินเสียงด่าทอผรุสวาทของเขาดังขึ้นรางๆ “ให้ตายเถอะ! นี่หรือที่บอกว่าคนไร้ประโยชน์ ข้าจะไปสังหารมารดาเ้า!”
เสียงเดินล้มลุกคลุกคลานดังไกลออกไปเรื่อยๆ มือสังหารหลบหนีไป
“ร้ายกาจนี่นา!” เฟิ่งเฉี่ยนลูบคลำจวักแปลงกายพันชั่ง ราวกับกำลังลูบไล้ของล้ำค่า
นางไม่ได้ไล่ตามออกไป ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนที่้าชีวิตของนางที่สุดในวังหลวงแห่งนี้...มีเพียงนางแล้ว!
ณ ตำหนักอีหลัน สตรีนางหนึ่งนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย อิริยาบถของนางเปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และงดงาม ทว่าสิ่งที่ไม่เข้ากับนางอย่างยิ่งก็คือร่องรอยนิ้วมือนับสิบรอยที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง เมื่อเห็นแล้วทิ่มแทงสายตายิ่งนัก!
นางไม่ใช่ใครอื่น นางคือองค์หญิงหลานซินผู้ถูกฮองเฮาตบตีจนใบหน้ากลายเป็หัวสุกร!
“คนที่เ้าส่งไป ตกลงว่าไว้ใจได้หรือไม่กันแน่ ไฉนถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีข่าวคราว” องค์หญิงหลานซินพูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้
หมัวมัววัยกลางคนนางหนึ่งลุกขึ้นยืนขึ้นด้านข้างกล่าวว่า “จี้เฟยเป็มือสังหารที่บ่าวฝึกฝนขึ้นมากับมือเพคะ แม้ขั้นของเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงนัก ทว่าหาก้าต่อกรกับฮองเฮาแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรงเพคะ!”
“ออกไปเป็เวลากว่าครึ่งก้านธูป ควรกลับมาได้แล้ว” องค์หญิงหลานซินครุ่นคิด ยังคงไม่วางใจ “เพื่อความแน่ใจ เ้าส่งมือสังหารออกไปอีกคนหนึ่ง ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ในตำหนักในยังไม่มีองครักษ์เฝ้า จะต้องสังหารนางแทนเปิ่นกงให้สำเร็จให้ได้! โอ๊ย ใบหน้าของข้า...”
อารมณ์ที่ฉุนเฉียวเกินเหตุทำให้ดึงรั้งาแบริเวณใบหน้า เ็ปเสียจนองค์หญิงหลานซินต้องขบฟันแน่น
โจวหมัวมัวเห็นแล้วปวดใจ “ได้เพคะ บ่าวจะส่งโกวเที่ยวไปตำหนักเย็นเดี๋ยวนี้ มีจี้เฟยและโกวเที่ยวสองคนผนึกกำลังร่วมกันต่อกรกับฮองเฮา ต่อให้ฮองเฮามีปีกก็ยากจะหนีรอดไปได้เพคะ!”
องค์หญิงหลานซินขมวดคิ้ว “เหตุใดคนของเ้าล้วนตั้งชื่อไม่เป็มงคลทั้งสิ้น ไฉนจึงดูเหมือนจงใจตั้งชื่อ “จีเฟยโก่วเที่ยว”[1] อัปมงคลเกินไปแล้ว!”
“อุ๊บ...” โจวหมัวมัวเหงื่อตก “นี่...เป็เื่บังเอิญโดยแท้เพคะ บังเอิญจริงๆ!”
เมื่อโกวเที่ยวได้รับคำสั่งก็รีบเร่งรุดไปยังตำหนักเย็นทันที ระหว่างทางได้พบกับจี้เฟยที่ตกอยู่ในสภาพอเนถอนาจ เขาถึงกับหัวเราะเยาะเสียงดัง “พี่จี้เฟย เกิดอันใดขึ้นกับท่าน แค่สังหารสตรีเพียงคนเดียวถึงกับทำให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ”
จี้เฟยเอามือกุมก้นของตนเดินตุปัดตุเป๋ เดิมทีเขาก็หัวเสียมากพออยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดหัวเราะเย้ยหยัน เขายากจะระงับโทสะ จึงคิดจะสั่งสอนสักหน่อย ดังนั้นจึงกล่าวอย่างจงใจว่า “พี่โกว ท่านมาได้เวลาพอดี ข้าแผลเก่ากำเริบ เกรงว่าจะปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จแล้ว...”
“ที่แท้เป็เพราะาแกำเริบนั่นเอง ข้ายังคิดว่าท่านตกเรือในคูน้ำเพราะตกอยู่ในเงื้อมือของฮองเฮาเสียอีก ฮ่าๆๆ...” โกวเที่ยวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
จี้เฟยในใจกระจ่างแจ้งว่าข้านั้นเรือคว่ำอยู่ในคูน้ำจริงๆ น่ะแหละ แต่เื่อะไรที่เขาจะบอกอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงได้แต่แสร้งหัวเราะและกล่าวว่า “จะเป็ไปได้อย่างไรกัน เดิมทีฮองเฮาไม่มีวรยุทธ์ สังหารนางมิใช่ง่ายเช่นขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายหรือ แต่น่าเสียดายที่ข้าาแเก่ากำเริบ เกรงว่ากระทั่งกำแพงวังก็ไม่อาจข้ามไปได้...”
“พี่จี้เฟยกลับไปรักษาาแก่อนเถิด รอข่าวดีจากข้า!” โกวเที่ยวตบไหล่ของเขาแล้วดึงผ้าคลุมมาปกปิดใบหน้า เตรียมมุ่งหน้าไปยังตำหนักใน
จี้เฟยมองส่งเขาจากด้านหลัง บนใบหน้าปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเ็า “พี่โกว ขออภัยด้วย! หากข้าต้องถูกตำหนิเพียงคนเดียว มิสู้ลากท่านมารองหลังด้วยกัน”
[1] จีเฟยโก่วเที่ยว หมายถึง ไก่ะโสุนัขบิน หรืออุปมาอุปมัยว่าเหตุการณ์วุ่นวายจนยากจะควบคุม