“เ้า!” เหยียนชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีปฏิกิริยากลับมา ใบหน้าแดงระเรื่อทันที “เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้ากำลังพูดถึงอะไร!”
จริงๆ เลยคนผู้นี้ เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ พูดออกมาได้ อีกฝ่ายถึงตี้จวิน หึงอะไรที่เป็ไปได้หน่อยไม่ได้หรือ?
ตี้จวินไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้มีแผนการบางอย่างก็ไม่มีทางคิดไม่ซื่อกับบัณฑิตที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีสวมกวาน และใช่ว่าทุกคนจะชอบบุรุษ ชาติที่แล้วตี้จวินไม่มีชายาชายคนไหนที่โปรดปราน
อีกอย่าง เขาดูเหมือนคนที่ชอบออกนอกลู่นอกทางขนาดนั้นเลยหรือ ไม่ไว้ใจกันขนาดนี้เชียว พอกลับมาถึงบ้านก็สงสัยแล้วกัน…
“อย่าตื่นเต้นไปเลย…”
เว่ยซูหานรู้ว่าหากตนพูดเช่นนี้แล้วจะรู้สึกเสียดาย ทำเช่นนี้เขาดูเหมือนคนโผงผางเกินไป แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเอาคำที่พูดออกไปแล้วกลับคืนมา จึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับเท่านั้น
ชาติที่แล้วเหยียนชิงกลายเป็ราชครูของเหล่าองค์ชาย ตี้จวินก็มิได้รับพระสนมอีก จนสุดท้ายก็ไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท ต่อมาก็มักจะเรียกเหยียนชิงเข้าวังเพื่อคุยเื่งาน หลังจากพูดคุยเื่สำคัญเสร็จแล้วก็หาหัวข้อสนทนาอื่นคุยกับเหยียนชิง พวกเขาเป็คนประเภทเดียวกัน ดังนั้นต่อให้ตี้จวินจะยับยั้งชั่งใจ แต่เขาก็สามารถเข้าใจความคิดในใจของตี้จวินได้ แต่เหยียนชิงไม่รู้เื่เหล่านี้…
เหยียนชิงใช้ฟันขบริมฝีปากเบาๆ ขมวดคิ้วมองเขา “ความคิดเช่นนี้ของเ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี หรือว่าในหัวเ้าว่างเปล่า”
เว่ยซูหานจับมือเขา “ข้าผิดไปแล้ว”
เหยียนชิงดึงมือกลับก่อนลุกขึ้นยืน “ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ถ้าเ้าสำนึกผิดก็ทบทวนให้ดีเถิด”
“ชิงเอ๋อ” เว่ยซูหานลุกขึ้นตามไป “อย่าทำแบบนี้…”
“ห้ามตามมา ข้าไม่อยากทะเลาะเื่น่าเบื่อแบบนี้กับเ้า”
เหยียนชิงรู้สึกหงุดหงิดเสียจริง เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป สั่งหลินชวนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตู
“หลินชวน รับใช้ฮูหยินน้อยให้ดี นอกจากจะทำธุระไปข้างนอก ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามเขาออกจากเรือนเด็ดขาด”
คําพูด และการกระทำนับวันยิ่งผิดแปลก เขาต้องฟื้นฟูอำนาจของสามีกลับมาให้ได้
เว่ยซูหานที่เดินตามหลังมาได้ยินเขาพูดพอดี จึงหยุดฝีเท้าลงแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ
เอาฐานะมากดดันเขา เวลาสามีเขาโกรธขึ้นมาก็น่ารักเหมือนกันแฮะ
หลินชวนมองเว่ยซูหานที่อยู่ข้างประตูซึ่งกำลังหยุดมองเหยียนชิงที่เดินลงบันไดไป จึงได้แต่พยักหน้า “ข้าน้อยทราบแล้ว”
เหยียนชิงไม่ได้พูดอะไรอีก ออกไปกับอิ้งหลีที่รออยู่ด้วยสีหน้าเ็า
เห็นพวกเขาเดินออกจากลานบ้านไปแล้ว หลินชวนก้าวเท้าเล็กๆ มาหยุดตรงหน้าเว่ยซูหานที่กุมหน้าผาก พลางเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ
“ฮูหยินน้อย เหตุใดท่านถึงทำให้คุณชายโกรธเล่า?”
ั้แ่อยู่ด้วยกันมา พวกเขากับเว่ยซูหานก็สนิทกันดี พวกเขารู้ว่าเว่ยซูหานไม่ได้เข้มงวดหรือเ็าอย่างที่ภายนอกของเขากำลังแสดงออก แต่กลับชอบหยอกล้อกับพวกเขา และชอบสอบถามเกี่ยวกับคุณชาย พวกเขาจึงยินดีที่จะช่วยเขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชาย
“พูดผิดแล้ว…” เว่ยซูหานยิ้มเจื่อน “เพราะใส่ใจมากเกินไปจึงหลุดปากไปง่ายๆ”
หลินชวนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วปลอบใจเขาว่า
“ไม่เป็ไร คุณชายนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว สามีไม่มีทางโกรธข้ามคืนแน่นอน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฮูหยินน้อยควรล้างหน้าแล้วพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะเริ่มจัดเตรียมงานไหว้พระจันทร์ของตระกูลแล้ว คงจะยุ่งมาก”
เว่ยซูหาน “ข้ารู้ ข้าไม่ได้กลุ้มใจ เขาก็ไม่ได้โกรธข้าจริงๆ นี่”
พรุ่งนี้เขาจะหาโอกาสขอโทษก็น่าจะหายแล้ว
เว่ยซูหานทางนี้ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่อีกด้านที่กำลังเดินกลับหอชิงเฟิงแล้วตรงเข้าไปในห้องหนังสือ สีหน้าเหยียนชิงยังคงตึงเครียด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็โกรธอยู่ดี อาจเป็เพราะเว่ยซูหานเอาตี้จวินมาหยอกล้อตามอำเภอใจ หรือไม่ก็โกรธเพราะเขาไม่เชื่อตน สรุปก็คือเขาโกรธจริงๆ
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
เมื่อเฉินเซียงยกชาเข้ามา นางกระซิบถาม ก่อนจะมองอิ้งหลีโดยไม่รู้ตัว แต่อิ้งหลีกลับส่ายหน้าเพื่อแสดงว่าเขาไม่รู้เช่นกัน เื่ในห้องของคุณชาย และฮูหยินน้อยเขาไม่อาจถามได้
เหยียนชิงจิบชาอึกหนึ่งก่อน จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าไม่เป็ไร แค่รู้สึกว่าคำพูดของเว่ยซูหานไม่รู้จักต่ำที่สูงเท่านั้น ข้าเลยหงุดหงิดนิดหน่อย”
อิ้งหลีที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ใกล้เทศกาลแล้ว การที่ท่านห้ามไม่ให้ฮูหยินน้อยออกมาเช่นนี้จะเหมาะสมหรือขอรับ”
เหยียนชิงส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ห้ามเขาออกมา แค่ให้เขาคิดทบทวนให้ดีจะได้ไม่ต้องมาก่อกวนข้าอีก”
“อ้อ ท่านกำลังจะฉวยโอกาสนี้สั่งสอนฮูหยินน้อย”
อิ้งหลีหัวเราะ เฉินเซียงเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “คุณชายคิดว่าฮูหยินน้อยกระตือรือร้นเกินไปรึ?”
เหยียนชิงเขินอาย ก่อนจะกระแอมไอออกมาสองทีจากนั้นก็ไม่ตอบอะไร เอาเถอะ เขาต้องฉวยโอกาสนี้สั่งสอนเสียบ้าง มิเช่นนั้นเว่ยซูหานจะตามตื๊อเขาไม่เลิกแน่ เขาจะทำอะไรก็ไม่สะดวก เื่บางเื่ตอนนี้ก็บอกเว่ยซูหานไม่ได้ แน่นอนว่ายังโกรธอยู่ ใครใช้ให้เขาพูดแบบนั้น
เฉินเซียงสบตากับอิ้งหลี ก่อนจะกล่าว
“คุณชาย ข้าขอพูดอะไรบ้าง ฮูหยินน้อยเป็ห่วงท่านจริงๆ ท่านลองยอมรับเขาดูน่าจะดีกว่านะเ้าคะ”
เหยียนชิงชำเลืองมองพวกเขาแวบหนึ่ง “เขาใส่ยาเสน่ห์ลงในน้ำแกงของพวกเ้ารึ เหตุใดถึงเข้าข้างเขาเช่นนี้”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมรับเว่ยซูหาน แต่เป็เพราะเื่ที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ต้องปิดบังเอาไว้ หากเขาตัวติดกับเว่ยซูหานเกินไปจะต้องถูกจับได้แน่ ความคิดของเว่ยซูหานไม่ใช่ธรรมดา และใช่ว่าจะหลอกลวงได้ง่ายๆ มีเพียงการรักษาระยะห่างไว้ให้มากเท่านั้นจึงจะสะดวกต่อการลงมือทำอะไร
เฉินเซียงก้มหน้าลงพลางหัวเราะเบาๆ
“พวกเราแค่รู้สึกว่าฮูหยินน้อยจริงใจมาก ฮูหยินบอกว่าตอนนี้ฮูหยินน้อยยุ่งอยู่กับงานั้แ่เช้าจรดเย็น ทั้งยังต้องเจียดเวลามาอยู่เป็เพื่อนท่าน เพื่อรีบไปรับท่านกลับมา งานที่ต้องจัดการในจวนก็เพียงพอจะทำให้เขาเหนื่อยล้าพอแล้ว ดังนั้นท่านอย่าเข้มงวดกับฮูหยินน้อยมากเกินไปเลย…”
“…” เหยียนชิงไม่พูดไม่จา แต่สีหน้าดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเว่ยซูหานดีต่อเขาเพียงใด แต่เขายังต้องมีสติเพื่ออนาคต เว่ยซูหานไม่สามารถเป็ภรรยาชายของเขาไปได้ตลอด…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยียนชิงก็นึกถึงเื่อื่นขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจพูดกับพวกเขาว่า
“เื่พวกนี้เอาไว้ก่อน ข้าจะจัดการเอง และไม่ทำให้เขาลำบากใจ… ตอนนี้พวกเ้าสองคนช่วยข้าจัดการเื่หนึ่งก่อน นำไปบอกหลินชวน ไป๋เส่ากับหงเย่าด้วยว่าอย่าให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”
อิ้งหลีกับเฉินเซียงถามออกมาพร้อมกันว่า “มีอะไรหรือ”
“อะแฮ่ม…” เหยียนชิงกระแอมไอด้วยความอับอายเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็เอ่ยขึ้นว่า
“ไปหอนางโลมแล้วช่วยข้าหาหญิงสาวมาสักคน แต่ต้องสวย แล้วก็ว่าง่าย”
“เอ๊ะ?”
“หืม?”
เฉินเซียงและอิ้งหลีเริ่มสงสัยพร้อมกัน ก่อนจะถามพร้อมกันว่า “คุณชายจะเอาสตรีมาทำอันใดรึ?”
เหยียนชิงหลุบตาลง ยกชาขึ้นมาจิบ “ไม่ใช่ข้า แต่ให้เว่ยซูหาน”
เฉินเซียงและอิ้งหลีตะลึงงัน “ทำไมเล่า?”
เหยียนชิงไม่้าอธิบายเพิ่มเติม เพียงแต่กล่าวว่า “เขา้า”
เว่ยซูหาน้ากลับไปเป็ขุนนางอีกครั้ง ฐานะภรรยาชายคงทำเช่นนั้นไม่ได้แน่นอน หลังจากเวลาที่เหมาะสมแล้ว เขาจะหย่ากับเว่ยซูหาน จะรั้งเขาไว้ไม่ได้ ไม่ว่าความสัมพันธ์สุดท้ายของพวกเขาจะเป็อย่างไร ขั้นตอนนี้ก็เป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ หากวันหน้ามีวาสนาต่อกันก็ค่อยว่ากันอีกที
ดังนั้นในเมื่อเว่ยซูหานมีความปรารถนาที่ไม่รู้จบ เขาก็จะให้ความสะดวกสบายกับอีกฝ่าย เผื่อวันหน้าเว่ยซูหานจะได้ไม่ต้องขาดแคลนสตรี
เฉินเซียง และอิ้งหลีมองหน้ากันครู่หนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าในใจกลับมีความคิดเดียวกัน
ฮูหยินน้อยมีคุณชายน้อยแล้วจะยังอยากได้สตรีใดอีก หรือว่าคุณชายน้อยจะรับมือกับฮูหยินน้อยไม่ได้?
เมื่อสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของเฉินเซียง และอิ้งหลี เหยียนชิงก็รู้ว่าพวกเขาต้องคิดถึงเื่อื่นแน่ เขาจึงต้องกระแอมเบาๆ เพื่อเตือนพวกเขา
“หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็พานางมา แต่อย่าให้นางรู้ว่าเป็ตระกูลเหยียน พวกเ้าก็อย่าเปิดเผยตัว ปลอมตัวซะ”
“ไม่ เอ่อ…” เฉินเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวอย่างลังเลว่า “คุณชาย ทำเช่นนี้จะดีหรือ? ฮูหยินน้อยไม่เหมือนคนที่้าสตรีเลยนะเ้าคะ”
“เฉินเซียง”
เหยียนชิงมองนางอย่างหมดคำจะพูด เป็สาวเป็นางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร เื่แบบนี้คนอื่นจะมองออกได้อย่างไร? มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นถึงจะรู้ว่าการที่เว่ยซูหานลงมือกับเขาเช่นนี้คือกำลัง้าเื่อย่างว่า
“เ้าค่ะ…” เฉินเซียงเม้มปากและก้มหน้าลง
อิ้งหลีกลั้นหัวเราะ “คุณชาย ท่านทำเช่นนี้ ข้าว่าฮูหยินน้อยจะต้องโกรธแน่”
“ไม่หรอก” เหยียนชิงส่ายหัว หลังจากมองพวกเขาครู่หนึ่งจึงอธิบาย
“ข้าจะช่วยฟื้นฟูตระกูลเว่ย ด้วยความสามารถของเขาในอนาคตจะต้องสำเร็จแน่ แล้วจะยอมเป็ภรรยาชายของข้าได้อย่างไร? ข้าอยู่กับเขาก็ไม่รังเกียจที่เขาจะมีสตรี ตระกูลเว่ยมีทายาทเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาไร้ทายาทสืบสายเืเช่นนี้ได้”
พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักบุญ แต่เขาจะเห็นแก่ตัวไม่ได้
เฉินเซียงกับอิ้งหลีไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากฟังแล้ว ทำได้เพียงรับคำสั่งอย่างนอบน้อมก่อนจะออกไปเตรียมการ
ไม่กี่วันถัดมา เหยียนชิงก็หลบหน้าเว่ยซูหาน เื่ในจวนที่เว่ยซูหานต้องจัดการก็มีมากมาย จึงไม่ได้ไปตามตื๊อมากมายนัก พริบตาเดียวก็ถึงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ฤดูเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึงอย่างราบรื่น และบ้านก็มีชีวิตชีวามาก เหยียนลั่วยังไม่กลับบ้านเช่นเคย แต่พอส่งจดหมายกลับมาก็บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ฮูหยินเหยียนกับเหยียนชิงก็สบายใจขึ้นมาก
่เช้า เว่ยซูหาน และลุงฟูแจกจ่ายเงินขวัญถุงเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีนให้บ่าวไพร่อยู่ในห้องบัญชี พอเดินออกจากประตูมาก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาในลานบ้าน นางมีดวงตาสดใสฟันขาว อายุราวๆ สิบสี่สิบห้าปี ผมดำขลับเอวบาง สวมชุดกระโปรงสีชมพู ในมือถือพัด ทั้งยังกำลังยิ้มหวานอยู่
เว่ยซูหานมองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือเหยียนหานน้องสาวของเหยียนชิง ไข่มุกงามของจวนตระกูลเหยียน
“พี่ชาย”
เหยียนหานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาผลซิ่งเป็ประกายมองสำรวจเขาั้แ่หัวจรดเท้า สีหน้าแฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยม
เว่ยซูหานพยักหน้า “หานหานกลับมาแล้ว”
ในชาติที่แล้วเขาไม่ค่อยได้ติดต่อกับนางมากนัก ในความทรงจำของเขาคือนางเป็คนมีไหวพริบ และเฉลียวฉลาด พอโตขึ้นก็เป็ซิ่วเหนียง[1] ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทุกสารทิศ เก่งทั้งบุ๋นบู๊ ตอนนี้เรียนในสำนักเย็บปักถักร้อยอันดับหนึ่งของราชวงศ์ นางมักจะติดตามอาจารย์ไปข้างนอกบ่อยๆ
เหยียนหานกะพริบตากลมโตมองดูเว่ยซูหานอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยชมอย่างไม่ตระหนี่
“ตอนที่ท่านแม่พูดข้ายังไม่เชื่อ ตอนนี้พอดูแล้ว พี่ชาย ท่านเป็คนมีความสามารถคู่ควรกับพี่รองจริงๆ พี่รองมีสายตาเฉียบคมไม่น้อย ถ้าไปติดตามพี่ใหญ่จอมเสเพลนั่นคงเสียเปล่า”
เว่ยซูหานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา สายตาชิงเอ๋อร์ของเขาดีเสมอ
[1]ซิ่วเหนียงหมายถึง หญิงสาวที่ปักผ้าเก่ง