“แม่...” เพียงแค่คำนั้นก็ดูเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดหมุน แม้กระทั่งทะเลตอนนี้ก็ไร้เสียงคลื่นลม บรรยากาศรอบกายหนักขึ้นอีกเป็เท่าตัว
“ผมกับม่าน เราคบ เรารักกัน เราหมั้นกันแล้ว และเรากำลังจะแต่งงานกัน”
ในชีวิตของรามสูรไม่เคยคิดว่าการพูดความจริงเป็เื่ยากแม้แต่นิด เขามักจะพูดความจริงอยู่เสมอด้วยเพราะเป็คนโกหกไม่เก่งั้แ่ไหนแต่ไร แต่วันนี้เวลานี้ที่เขาพูดความจริงออกไปแล้วนั้นเขากลับอยากเก็บเอาคำพูดเ่าั้กลับคืนมาและบอกกับแม่ว่าทั้งหมดมันเป็เื่โกหก
มารดาไม่ได้ถามย้ำหากแต่มองหน้าพี่ชายคนโตอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้องชายคนเล็กและคู่หมั้นที่เป็ผู้ชายด้วยกัน
“แต่งงาน...กับผู้ชาย”
“...ครับ” ความกล้าหาญของรามสูรแต่ก่อนเคยมีมากมายขนาดไหนก็ลดน้อยถอยลงได้เพราะมารดา
เคล้งงงง!!!
ช้อนกับส้อมถูกกระแทกลงบนจานข้าวอย่างแรง ถ้าหากไม่ใช่จานเซรามิกชั้นดีมันคงได้แตกไปแล้ว
“ผู้ชายคนนี้ที่บอกว่าเป็เพื่อน?”
“ครับ”
“ใครอนุญาต”
“ผมไม่ได้ขออนุญาต ผมแค่บอกแม่”
“อย่างนั้นเหรอ”
“...ครับ”
“คุยกับฉันหน่อยรามสูร ที่ห้องทำงาน...ตอนนี้” ว่าจบหญิงวัยกลางคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะอาหารทันที ทิ้งไว้เพียงแค่ความหวาดหวั่นในจิตใจให้คนร่วมโต๊ะอาหาร รามสูรบีบมือคนรักหนัก ๆ เป็นัยว่าทุกอย่างจะโอเค ถึงแม้ว่าใบหน้าคมเข้มนั้นจะฉายแววความกังวลออกมาล้นปรี่ ม่านหยี่ได้แต่มองชายคนรักเดินตามมารดาไปและหันมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของราม พี่อัสหลับตาพร้อมกับส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินตามไปอีกคน
เหลือเพียงแค่ม่านหยี่เท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเอาตัวเองไปวางไว้ที่ไหน พี่แสนและแม่บ้านคนอื่น ๆ เดินออกมาจากในครัวราวกับรู้ว่าตอนนี้เกิดเื่ไม่ดีที่โต๊ะอาหารและเ้านายก็ไม่สนใจจะกินอาหารบนโต๊ะอีกแล้ว
“เก็บโต๊ะเลยก็ได้ครับพี่แสน”
“แต่ว่า...” แสนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อมองเห็นปริมาณอาหารและจานข้าวที่ไม่ได้พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย ม่านหยี่ทำได้เพียงส่ายหน้าเพราะเขาเองก็ไม่ได้เข้าใจเื่ราวไปมากกว่าการที่คิดว่าตนเองเป็ต้นเหตุของการทะเลาะกันระหว่างคุณนายรุ่งฤดีและรามสูร
ม่านได้ยินเสียงคนพูดคุยกันแทบจะเรียกได้ว่าะโด้วยซ้ำเพราะห้องทำงานคุณแม่รามนั้นอยู่ปีกขวาเกือบสุดทางเดินของบ้าน เป็ไปได้ยากที่เวลาพูดคุยกันจะได้ยินมาถึงห้องทานอาหารที่อยู่บริเวณตอนกลางของบ้าน หากไม่ใช่ว่าแต่ละฝ่ายกำลังะโคุยกัน และใช่จริง ๆ ด้วย รามสูรกับมารดากำลังทะเลาะกัน
“ฉันไม่อนุญาต!”
“ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมไม่ได้มาขออนุญาต ผมกับม่านเราหมั้นกันแล้วและเรากำลังจะแต่งงานกัน!”
“อย่างนั้นเหรอ! เธอเป็ผู้ชายรามสูร แม่เลี้ยงเธอมาให้เป็ผู้ชาย!”
“ผมเป็ผู้ชายแล้วยังไงแม่! ผมรักม่าน เราสองคนรักกัน!”
“ผู้ชายกับผู้ชาย รักกันไม่ได้!”
“แม่...” รามสูรหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายที่ยืนกอดอกนิ่งมองเขาและแม่ทะเลาะกัน อัสนีเอาแต่ส่ายหน้าและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ รามไม่เห็นแก่หน้าแม่ไม่เห็นแก่หน้าพ่อหน่อยเหรอ อายเขาบ้างมั้ยรักกันน่ะ พวกเธอยังมียางอายอยู่มั้ย!”
รามเชื่อว่าบิดาคงยินดีในความรักครั้งนี้ ไม่เหมือนกับมารดา
“แม่จะให้รามอายอะไร”
“ก็อายที่...ที่เป็แบบนี้ไง” มารดาไม่ยอมรับการรักชอบในเพศเดียวกัน ถึงขั้นเกลียดเข้าไส้ไม่อยากเอ่ยมันออกมา แม่ไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่าอายที่มีลูกเป็เกย์
“ผมไม่อาย มีอะไรให้ต้องอาย”
“รามสูร!”
“...ครับ”
“อย่ามาพูดเสียงแบบนั้นใส่ฉันนะ ฉันเลี้ยงเธอมาให้รักดีไม่ใช่เป็แบบนี้ เธอคิดว่าฉันจะรับได้เหรอที่มีลูกชายเป็แบบนี้ทั้งสองคน”
“...” สองพี่น้องมองหน้ากัน รามสูรรู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งผู้เป็แม่ได้ ขนาดอัสนีพี่ชายของเขามันพยายามกว่าเขาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายความรักของมันก็พังทลายลงตรงหน้าอยู่ดี
“ปีกกล้าขาแข็งจนมันบินได้แล้วอย่างนั้นสินะ! คนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยเป็ผู้ชาย รามสูร ฟังแม่ให้ดี มันเป็ผู้ชาย!”
“แล้วยังไงล่ะแม่ เป็ผู้ชายแล้วทำไม!”
“เธอจะให้ฉันสาธยายเื่นั้นอย่างนั้นเหรอ”
ฟังดูแล้วคุณนายรุ่งฤดีคงเกลียดคำว่าเกย์หรือชายรักชายจนไม่อาจเอ่ยออกมาเป็คำพูดได้ เธอคงกลัวว่าถ้าหากพูดไปมันจะไปกระตุ้นต่อมเกย์ในตัวของลูกสายทั้งสองคน
“ใช่ แม่ก็พูดมาเลยว่ามันทำไม!”
“อย่ามาท้าทายฉัน เธอก็เคยเห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายเธอรามสูร!”
“แม่เอาอีกแล้วอะ แม่เป็แบบนี้อีกแล้ว! แม่ขัดขวางไอ้อัสเพราะมันมีแฟนเป็ผู้ชาย แม่อยากให้มันมีแฟนเป็ผู้หญิงโดยที่ไม่ถามมันซักคำว่ามันมีความสุขมั้ย แล้วแม่ดูไอ้อัสตอนนี้สิ! มันไม่มีความสุขกับสิ่งที่แม่บังคับมันเลยซักนิด!”
“ฉันไม่ได้บังคับใครรามสูร พี่ชายเธอสำนึกได้ด้วยตัวเอง! แต่เธอราม!-”
“แม่บังคับ แม่ไล่พ่อแม่ของเขาออกไปจากเกาะ แม่ทำให้เขาหมดหนทางทำมาหากิน แม่ทำลายชีวิตเขา!!!!”
“หยุด!!!”
เสียงแหลมก้องสะท้อนไปทั่วทั้งบ้านหลังใหญ่ คำว่าหยุดเป็วาจาสิทธิ์ เมื่อคุณนายรุ่งฤดีะโออกไปแล้วนั้นก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดได้อีกเลย เปรียบมารดาตอนนี้เป็เสมือนลูกะเิที่สลักถูกปลดทิ้งไปแล้วเรียบร้อย รอเวลาแค่ะเิจะทำงานและผลาญเอาทุกคนที่อยู่ในรัศมีใกล้ ๆ นี้ให้แหลกเป็จุณ
“พวกเธอมันไม่รักดี เธอทั้งสองคน ไม่คิดว่าฉันจะอายชาวบ้านชาวช่องเขารึไงที่มีลูกเป็แบบนี้” หญิงวัยกลางคนตัวสั่นเทิ้ม เธอชี้นิ้วโก่งงอไปยังลูกชายคนโตและจากนั้นก็ชี้ไปยังลูกชายคนเล็ก ความรู้สึกอับอายและสะอิดสะเอียนมันตีรวนอยู่ในอกจนทำให้เธอไม่อาจทนยืนอยู่ในห้องนี้ได้อีกแล้ว เธอไม่อยากรับรู้เื่อะไร ๆ ของลูกชายอีกแล้ว
“จะเลิกกับมันหรือจะออกไปจากเกาะนี้ฉันให้เลือกเอา”
“แม่!!!” ครานี้เป็อัสนีที่เรียกสติมารดาเอาไว้
“หยุดอัส แม่ไม่...ไม่ได้อยากฟังความเห็นจากเธอ” มารดาทำเหมือนสุดจะเหลือทนกับเื่แบบนี้แล้ว
“ผมไม่เลิกและผมก็จะอยู่ที่นี่ แม่ไม่เข้าใจเหรอ เราสองคนรักกันเหมือนพ่อกับแม่”
“ไม่เหมือน ฉันกับพ่อเธอเรารักกันได้เพราะฉันเป็ผู้หญิง มันถูกต้องตามขนบธรรมเนียมสังคมทุกอย่าง แต่พวกเธอ! ไม่ถูก!” ไม่คิดว่าพอเื่ของอัสนีจบไปเมื่อหลายปีก่อนคนน้องอย่างรามสูรยังดำเนินรอยตามพี่มันอีกคน เื่เมื่อคราวก่อนนั้นเป็เหมือนฝันร้าย กว่าเธอจะนอนหลับได้จริง ๆ ก็ต้องพึ่งยานอนหลับของหมออยู่หลายเดือน
“...”
“แต่งงานกับผู้ชายด้วยกันไม่พอ ยังไปคว้าเอาเด็กกำพร้ามาอีก ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า นี่เธอคิดว่าฉันจะรับได้จริง ๆ เหรอรามสูร!!!”
“แม่ห้ามผมไม่ได้ ผมจะแต่งงานกับม่าน”
“จะลองดีกับฉันเหรอรามสูร เธอไม่เคยเอาพี่ชายเธอเป็ตัวอย่างเลยใช่มั้ย!”
“สิ่งที่แม่ทำกับไอ้อัสมันคือความโหดร้ายแทบจะทารุณ แม่บีบบังคับมันทุกทาง แล้วแม่ดูสิว่าตอนนี้มันมีความสุขมั้ย แม่ถามมัน แม่ไม่คิดเหรอว่าทำไมมันถึงไม่เคยค้างที่บ้านเลย เพราะมันไม่อยากอยู่กับคนแบบแม่!”
เพียะ!!!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังลั่นห้องทำงานของคุณนายรุ่งฤดี แรงตบจากมือของมารดาให้ความรู้สึกเจ็บแสบในคราแรกจากนั้นรามก็ลิ้มรสได้ถึงกลิ่นคาวเืที่คลุ้งอยู่ในปาก
“งั้นก็ไปเลย ไปให้หมด ออกไปจากที่นี่ทั้งหมด พวกเธอ...รวมถึงมันคนนั้นด้วย”
สิ้นประโยคคำสั่งนั้นคุณนายรุ่งฤดีก็ทรุดกายนั่งลงที่โต๊ะทำงานและไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก เป็การบ่งบอกว่าบทสนทนาวันนี้ได้จบลงแล้ว และไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามฟื้นฝอยขุดคุ้ยมันขึ้นมาเป็ประเด็นอีก แบบนี้คงเรียกได้ว่าจบสวยที่สุดแล้ว
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
“กูจะอยู่นี่” รามพูดพร้อมกับเช็ดเืที่มุมปากจากฝีมือมารดา ลิ้นร้อนดุนดันกระพุ้งแก้มััได้ถึงความเจ็บแสบจากการฉีกขาดบริเวณมุมปาก
“อย่ารั้น กูบอกมึงกี่รอบแล้ว พาเขาขึ้นฝั่งไปนอนโรงแรมที่ฝั่งรอให้แม่ใจเย็นกว่านี้ค่อยกลับมา”
“กูจะไม่ยอมแพ้”
“ราม...มึงฟังกูนะ ตอนนั้นกูก็เป็แบบนี้ กูรั้น กูไม่ฟังใครทั้งนั้น พ่อบอกกูก็ไม่ฟัง กูจะเดินหน้าอย่างเดียว กูเชื่อว่ากูทำได้ กูเชื่อว่าเดี๋ยวแม่ก็ใจอ่อน สุดท้ายแล้วกูก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างมันพังลง กูเสียเขาไปและกูก็ไม่เหลืออะไรเลย” อัสนีส่ายหน้า ั์ตาสีน้ำหมึกฉายแววความเ็ปจนเอ่อล้นออกมา ความฝันและความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในครั้งนั้นเขากุมันขึ้นมาเพื่อเป็น้ำเย็นชโลมจิตใจ เฝ้าบอกตนเองทุกวันว่าสักวันแม่จะใจอ่อนและยอมรับในความรักของเขา แต่ความพยายามทั้งหมดนั้นมันก็สูญเปล่าไร้ค่าสิ้นดี
“ขึ้นฝั่งไปกับกู ถ้ามึงยังอยู่ที่นี่แม่เอามึงตาย”
“กูไม่กลัว”
“กูต้องบอกมึงกี่รอบว่าคนที่จะเจ็บไม่ได้มีแค่มึง แฟนมึงก็ด้วย” รามสูรนิ่งคิด แม่อาจลงโทษเขาอย่างที่เคยทำแต่เขาคิดว่ามารดาคงไม่ใจร้ายใจดำถึงขั้นลงไม้ลงมือกับม่าน ทว่าพี่ชายเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นด้วยเพราะมันเคยเจอกับตัวเองมาแล้ว
“อย่างนั้นก็ได้” ร่างสูงถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา
“เออ อีกสิบห้านาทีไปเจอกันที่หาด”
“อืม”
สองพี่น้องเดินแยกกันออกมาจากสวนหย่อมหน้าบ้าน วันนี้มารดาไม่อยากคุยก็ไม่เป็ไร อย่างที่เขาบอกกับแม่ไปว่าการแต่งงานครั้งนี้เขาไม่ได้มาขออนุญาตหากแต่มาบอกกล่าวให้แม่รับรู้ ก็ถือว่าแม่ได้รับรู้แล้วจากนั้นจะอย่างไรก็ขอเขาเลือกเส้นทางเดินเอง แม่อาจไม่ได้ยินดียินร้าย แต่ขอแค่อย่ามาขัดขวางเขาเป็พอ
“ม่าน...ม่านครับ”
“ฮะ เอ่อ...ว่าไงรามเป็ไงบ้าง” ม่านหยี่ที่นั่งเหม่อลอยไม่รู้ตัวเลยว่ารามเข้ามาั้แ่เมื่อไหร่ เขาเดินหลบออกมาั้แ่ที่เห็นว่าแม่ของรามฟาดฝ่ามือหนัก ๆ ลงบนใบหน้าของคนรัก ดวงหน้าคมยังคงมีรอยฝ่ามือสีแดงปื้นประดับเอาไว้อยู่เลย
“วันนี้เราจะไปนอนบนฝั่งกับไอ้อัสนะ เราทั้งสองคน”
“อ่อ...อืม” ด้วยเพราะรู้เื่ราวทุกอย่างเป็อย่างดี ม่านหยี่เลยไม่ถามอะไรให้มากความ รามก็คงยังไม่พร้อมจะเล่าเื่ราวทั้งหมดให้เขาฟัง
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไม” เป็ฝ่ายรามเองที่ไม่เข้าใจเมื่อเห็นคนรักว่าง่าย ปกติแล้วม่านจะถามหาเหตุผลอยู่ตลอด
“...” ม่านหยี่ไม่ตอบทำเพียงส่ายหน้า
“ม่านได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย”
“...” ครั้งนี้ใบหน้าสวยพยักหงึกหงัก เขาจะไม่แกล้งทำว่าความรักครั้งนี้ไม่มีปัญหา เขาจะไม่ยอมปล่อยให้รามสูรเผชิญปัญหานั้นอยู่ฝ่ายเดียว การลอยตัวเหนือปัญหาเป็เื่ที่คนรักกันไม่ควรกระทำต่อกัน หากเขาเสแสร้งว่าไม่รับรู้เื่ราวภายในห้องทำงานนั้น ไม่รับรู้ว่ามารดาของรามสูรไม่เห็นด้วยและค้านหัวชนฝากับความรักของพวกเขาทั้งสองคน ม่านหยี่คงจะต้องรู้สึกผิดบาปมากขึ้นกว่าที่เป็อยู่ การโกหกรามสูรเป็บาปมหันต์และการที่จะปล่อยให้รามแก้ปัญหาอยู่คนเดียวนั่นเป็บาปมหันต์ยิ่งกว่า
“ม่านไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวรามคุยกับแม่อีกรอบ-”
“ราม”
“ยังไงแม่ก็ต้องฟังราม ถ้า-”
“ราม...”
“ไม่มีอะไรต้องห่วงเลยม่าน เชื่อใจรามนะ”
“รามสูร...” รามสูรเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่พูดพร่ำให้เขาเชื่อใจ รามพยายามทำทุกอย่างให้เขาวางใจและเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเราสองคนจะผ่านมันไปได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
“ครับ”
“เราจะผ่านมันไปด้วยกัน รู้ใช่มั้ยรามยังมีม่านอยู่ตรงนี้ เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ” มือนุ่มยื่นออกไปัักอบกุมที่ใบหน้าของคนรัก ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่รามจะดูเสียศูนย์ได้มากเท่าครั้งนี้ ไม่ว่าจะผ่านเื่ร้ายหรือดีรามสูรจะยังยืนหยัดอยู่ตรงนั้น แข็งแกร่งและไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะลมหรือพายุคนรักของเขาจะเป็คนสุดท้ายที่หยัดยืนอยู่ตรงนั้น ทว่าตอนนี้รามกลับพร้อมที่จะล้มลงได้ทุกเมื่อแค่เพราะมารดาไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเราสองคน
“ไม่ให้แต่งก็ไม่เป็ไรเลย เราก็อยู่กันไปอย่างนี้ ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา” ม่านหยี่กำลังจะบอกว่ายังไงเสียเขาก็เป็ผู้ชายท้องไม่ได้ ไม่มีลูกไม่มีผู้สืบนามสกุลอยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็ว่าเื่นี้เป็อีกเหตุผลหนึ่งที่แม่ของรามไม่อนุญาตให้เราแต่งงานกัน
เพราะเขาเป็ผู้ชาย
และผู้ชายท้องไม่ได้
อย่างนั้นม่านหยี่เลยเก็บคำพูดนั้นเอาไว้และทำเพียงไล้นิ้วมือไปยังเนินแก้มของคนรักเพื่อปลอบประโลม เขาคงทำได้เพียงเท่านั้น
เพราะความจริงไม่เคยปรานีใคร
ไม่อย่างนั้นทุกคนบนโลกคงสมหวังในความรักไปแล้ว
“ม่านเห็นหมดเลยเหรอในห้องนั้น”
“อืม”
“รวมทั้ง...”
“ใช่...รวมทั้งแผลนี่ก็ด้วย” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปยังแผลแตกที่มุมปากของรามสูร เขาพยายามทำให้มันแ่เบาที่สุดด้วยเพราะกลัวว่าคนรักจะเจ็บ ไม่ชอบใจเลยที่รามต้องมาเจ็บตัวเพราะเื่ของเรา
“เจ็บมากมั้ย” ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคุณนายรุ่งฤดีดุอย่างไร
“ไม่เจ็บหรอก แค่แสบ ๆ ”
“แม่ตีแบบนี้บ่อยเหรอ”
“ไม่หรอก ปกติไม่ค่อยทะเลาะกันแรงแบบนี้ ถ้าคุยกันก็จะคุยเื่งานซะมากกว่า”
“แปลว่านี่โดนครั้งแรกสินะ”
“ครับ” ร่างบางถอนหายใจ รามคงใอยู่เหมือนกันที่โดนตบหน้า คงรู้สึกสับสนและสงสัยว่าทำไมถึงต้องโดนขนาดนี้แค่เพราะสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ใช่เื่ผิด ม่านหยี่ก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันในครั้งแรกที่บิดาฟาดฝ่ามือหนัก ๆ ลงบนใบหน้าของเขา แต่ครั้งต่อ ๆ ไปความรู้สึกนั้นก็จะค่อย ๆ หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกชินชา ไม่ตั้งคำถามกับการถูกลงโทษอีกแล้ว เพราะต่อให้เขาะโถามออกไปก็จะไม่ได้คำตอบกลับมาอยู่ดี บิดาตบเพราะ้าที่จะตบ นั่นล่ะคือเหตุผล
“ไม่เป็ไรนะ แม่คงโกรธมากจนเผลอทำแบบนี้”
“รามไม่เข้าใจ”
“...” มีเพียงรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เขาจะมอบให้รามสูรได้ในตอนนี้ สักวันรามคงจะเข้าใจในทุกเื่
และถ้าหากวันนั้นมาถึงก็ขอเถอะรามสูร
ได้โปรดอย่าเกลียดม่านหยี่คนนี้เลย
เมื่อคืนทั้งสองคนโดยสารเรือโดยมีอัสนีเป็คนขับข้ามกลับมายังฝั่ง เป็อีกเช้าที่ม่านหยี่ตื่นขึ้นภายในอ้อมแขนของคนรัก ณ ห้องของโรงแรมหรูในจังหวัดภูเก็ต น่าแปลกที่เมื่อคืนเขานอนหลับสนิทต่างจากหลายคืนที่ผ่านมาในตอนที่ยังอยู่บนเกาะ แต่ดูท่าแล้วคนที่อาการย่ำแย่กลับเป็รามสูร
“โอเคมั้ย นอนไม่หลับเหรอ” มือเรียวลูบไล้ไปยังใบหน้าที่ตอนนี้ดูหมองคล้ำ ใต้ตาทั้งสองข้างของรามบวมฉึ่งด้วยเพราะเขานอนไม่หลับเลยเมื่อคืนที่ผ่านมา
“ครับ เอาแต่คิดว่าจะทำยังไงดี”
“อย่าพึ่งคิดเลยน่า เรายังมีเวลากันอีกเยอะ ไม่ใช่จะตายวันตายพรุ่งซักหน่อย ค่อย ๆ เป็ค่อย ๆ ไปก็ได้ บางทีคงเพราะเราอาจเดินเร็วไป แม่อาจยังตามไม่ทัน แม่ก็พึ่งรู้เมื่อคืนเองนี่นะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน เราควรจะให้เวลาแม่นะรู้มั้ย” ถึงแม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่ภายในใจกลับรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ความเกลียดชังในเกย์หรือรังเกียจคนรักเพศเดียวกันมันคงฝังรากลึกลงไปในจิตใจของคุณนายรุ่งฤดีเสียจนไม่อาจขุดรากถอนโคนมันออกมาแล้ว ต่อให้เขาแต่งงานกับรามสูรได้สำเร็จแต่เธอคงชังน้ำหน้าเขาและไม่ยอมรับในตัวเขาอยู่ดี
“ต้องให้เวลาเหรอ”
“อืมใช่ ให้เวลา”
“นานแค่ไหนอะ”
“อืม...ก็จนกว่าแม่จะพร้อม เราก็อย่าพึ่งเร่งแม่เลย เราอยู่ไปอย่างนี้ก่อนก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเตรียมงานไว้ก่อนเลยมั้ย เพราะไม่ว่ายังไงรามก็จะแต่งกับม่านอยู่ดี”
“อืม เอาสิ” คราวนี้ม่านหยี่ไม่กล้าขัดใจรามสูรเลย เขาอยากให้รามสบายใจที่ยังมีกัน อย่างนั้นหากรามสูรอยากได้อะไรเขาก็คงไม่ขัด อยากทำอะไรก็จะปล่อยให้ทำตามใจอยาก เพราะแค่เื่มารดารามสูรก็เหลือจะรับแล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้า...คุณรามกับคุณม่านใช่มั้ยคะ ้าใช้บริการเดอะเวดดิ้งในด้านไหนคะ”
“งานแต่งงานครับ”
“แต่งงาน...อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวรอซักครู่นะคะ” ว่าเสร็จพนักงานหน้าตาสะสวยก็เดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์และคุยกับพนักงานหญิงอีกคนหนึ่ง รามพาเขามายังบริษัทที่เป็ออร์แกไนซ์รับจ้างจัดงานแต่งงาน ร่างสูงคุยโวั้แ่ขับรถออกจากโรงแรมว่างานแต่งของพวกเขาจะต้องยิ่งใหญ่อลังการ เอาให้คนรู้ทั้งจังหวัดภูเก็ต มารดาเป็คนรู้จักคนเยอะ หน้าใหญ่ใจโต ส่วนอัสนีก็คร่ำหวอดในวงการนักธุรกิจอสังหาและอู่ต่อเรือ รามสูรพูดคาดการณ์ไปถึงการเชิญแเื่ วันหมั้นหมายและวันจัดงาน บางครั้งก็หันมาขอความเห็นจากเขา จากนั้นก็หันกลับไปพูดเื่โรงแรมและอาหารว่าโรงแรมเดอะแกรนด์ที่ซึ่งพี่ชายเป็เ้าของอยู่นั้นมีห้องบอลรูมขนาดใหญ่สำหรับจัดงานแต่งงานที่ชั้นสองและชั้นสาม ส่วนดาดฟ้าหรือรูฟท็อปก็สามารถใช้เป็สถานที่สำหรับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ได้ด้วย เหมือนเซลล์ขายฝันไม่เกินจริง...
“ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ ชื่อแพงนะคะ แพงจะรับหน้าที่เป็ที่ปรึกษาและประสานงานระหว่างคุณรามกับคุณม่านและทางบริษัทค่ะ ั้แ่วันนี้จนถึงวันจัดงานเรียกใช้แพงได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ” พนักงานสาวทำท่ากำหมัดเข้าหากันอย่างที่เพื่อนเก่าเคยทำเวลาให้กำลังใจเขาในการสอบ ม่านหยี่ยิ้มรับเพื่อแก้เก้อ
“แล้วคุณรามกับคุณม่านมีแพลนจะแต่งงานกัน่ไหนคะ”
“เอ่อ...” ม่านหยี่หันไปมองหน้ารามสูร นั่นสินะ เราไม่ได้วางแผนกันมาก่อน ไม่ได้คุยกันว่าจะจัดงาน่ไหน วันงานฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวกยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แค่คิดว่าจะแต่งและอีกวันเราก็มาโผล่ที่บริษัทรับจัดงานแต่งแล้ว
“ม่านอยากแต่งวันไหน”
“ฮะ?” เดี๋ยวก่อนนะรามสูร ถามเอาโต้ง ๆ อย่างนี้เลยหรือ เดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่าไม่ได้วางแผนอะไรกันมาก่อนเลย
“เอ่อ...”
“เดือนหน้ามั้ย เดือนหน้า...วันเกิดม่านนี่ พอดีเลยม่าน!!!”
อะไรมันจะพอเหมาะพอดีขนาดนั้น สิ้นเดือนหน้าจะเป็วันเกิดอายุครบ 23 ปี ของม่านหยี่พอดี เขาลืมไปเสียสนิทแต่รามสูรยังอุตส่าห์จำได้
“เอาเดือนหน้าก็ได้ วันที่ 28 เดือนหน้า”
“ครับ แต่งวันที่ 28 เดือนหน้า”
“โอเคค่ะ” ดูเหมือนว่าที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันคงมือไวใจเร็วอยากแต่งกันโดยที่ไม่ได้วางแผนหรือดูฤกษ์ยามมาก่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็มีมาไม่บ่อยนัก ส่วนมากแล้วคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกันมักจะใช้เวลาแพลนงานกันเป็ปี น้อยสุดก็ประมาณสามเดือน แต่นี่หนึ่งเดือนก็ถือว่าเป็ความท้าทายแบบใหม่ในอาชีพแล้วกัน
“มีธีมในใจมั้ยคะ แบบว่าสีชุด สถานที่ ภาพที่เคยคิด ๆ กันเอาไว้ก่อนหน้าว่าอยากให้เป็ประมาณไหน” เธอเลียบเคียงถามคุณลูกค้า ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าลูกค้าสองคนตรงหน้าคงไม่ได้คิดกันมาก่อน
“ไม่มีเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นแพงมีเสนอนะคะ ทางเรา-” จากนั้นพนักงานขายก็เริ่มต้นสาธยายถึงบรรยากาศการแต่งงานว่าวันนั้นมันจะเป็การเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ของทั้งสองคน จะมีเพื่อน ๆ ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนที่เราลืมไปแล้วว่าเคยรู้จักมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะลากทั้งสองคนเข้าเื่ธีมงานที่เหมาะกับสถานที่ ถ้าหากเป็ทะเลก็มีโรงแรมแนะนำ หรือถ้าหากอยากจัดงานในโรงแรมหรูทางบริษัทก็สามารถประสานงานกับทางโรงแรมให้ได้ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังบรรยายถึงเื่ชุดสำหรับสวมใส่ในงาน หากสองคนเลือกที่จะจัดงานหมั้นและงานแต่งในวันเดียวกันทางร้านก็มีชุดหลากหลายแบบให้เลือก อีกทั้งยังมีดอกไม้สดไว้สำหรับประดับประดา เค้กงานแต่งงาน ของชำร่วย สุดท้ายคือช่างกล้องมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็ช่างถ่ายภาพหรือทีมงานช่างกล้องคนอื่น ๆ ที่เป็มืออาชีพ ทุกอย่างที่เธอพูดมานั้นล้วนแล้วแต่มีความจำเป็ต้องมีในงานแต่งงานในปัจจุบัน
“เนี่ยนะคะ ดารามาใช้บริการเราเยอะแยะเลยนะคะ ดาราดัง ๆ และนักธุรกิจระดับโลกก็มานะ” หญิงสาวปัดนิ้วไปยังหน้าจอไอแพดขนาดใหญ่เพื่อที่จะโชว์รูปงานแต่งงานที่ทางบริษัทเคยรับหน้าที่เป็ออร์แกไนซ์เซอร์จัดการทุกอย่างให้ มันมีทั้งรูปภาพที่ชายหญิงสองคนยืนตัดเค้กด้วยรอยยิ้มที่แสนจะปลื้มปริ่มดีใจ ภาพเ้าบ่าวเ้าสาวยืนเคียงข้างกันและห้อมล้อมไปด้วยครอบครัวและคนที่รัก ภาพบ่าวสาวกำลังแสดงความรักต่อกัน เื้ัเป็หมู่มวลดอกไม้นับพันและมีฟองอากาศลอยละล่องราวกับว่าทั้งสองคนกำลังอยู่ในแดนเนรมิต ภาพฝันที่ยากจะจินตนาการได้ถูกยกมาไว้ในงานแต่งงานของคู่รักที่กำลังจะเริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ใครเล่าจะไม่ดีใจ ยิ่งงานแต่งงานยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจ่ายเงินเพื่อซื้อความยิ่งใหญ่นั้น ในชีวิตของคนเราโอกาสในการแต่งงานครั้งที่สองหรือสามนั้นหาได้ยาก หรือมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ อย่างนั้นบ่าวสาวที่ดูมีความสุขอยู่ในรูปนี้เลยยอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อที่จะแสดงให้คนภายนอกเห็นถึงความรักและความร่ำรวยที่ตนเองมี
ม่านหยี่เชื่อว่าน่าจะเป็อย่างหลังเสียมากกว่า เวลารัก เรารักกันแค่สองคน แต่ว่าเวลาแต่งงานเรากลับอยากให้คนเป็ร้อยเป็พันรับรู้ด้วยเสียอย่างนั้น
“แล้วถ้ารวมทั้งหมดราคาเท่าไหร่เหรอครับ” เขารู้ว่าคนอย่างรามสูรคงไม่ถาม ก็นั่นแหละม่านหยี่ถามเองก็ได้...
“ทั้งหมดนี้เริ่มต้นที่สามแสนบาทค่ะ”
“...ครับ”