บทที่ 202 ภัยเมฆาน้ำค้าง์
“ซินเหยา... ซินเหยา! ท่านได้ยินข้าไหม?” น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นทุ้มต่ำ ดวงตาสีเข้มของเขามีแต่ความวิตกกังวล
แม้ว่าฉู่อวิ๋นในตอนนี้จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังกอดคนงามไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน เพราะกลัวว่าจะทำร้ายนาง
ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉู่ซินเหยาไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ฉู่อวิ๋นก็กัดฟัน ค่อนข้างตำหนิตัวเอง และถามอย่างรวดเร็ว “ผู้าุโ ทำไมซินเหยายังไม่ตื่นอีก?”
“หรือข้าถ่ายพลังปราณให้นางมากเกินไปจนนางเจ็บ?”
ไข่มุกะเิไทวะลอยพลางส่องแสงวาบวับ โยวกู่จือครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “วางใจเถอะ ตอนนี้พลังชั่วร้ายของผนึกหงส์สีเืถูกขับออกจากร่างของนางแล้ว ที่เหลือเป็เพียงเื่ของเวลาเท่านั้น”
“แต่เ้าหนู เ้าซ่อนเื่นี้ข้าอยู่นานนม ทั้งยังมีพร์ิญญายุทธ์ที่เฉียบคมเช่นนี้ ิญญายุทธ์นี้ไม่ธรรมดาเลย”
ขณะที่พูด โยวกู่จือก็หวนนึกไปถึงภาพลวงตาของกระบี่หักที่โผล่ขึ้นมาด้านหลังของฉู่อวิ๋น เขากำลังจินตนาการถึงมันด้วยอารมณ์ที่น่าใ
แต่แม้ว่าโยวกู่จือจะรอบรู้และมีขุมปัญญาที่คงอยู่มานับพันปี แต่เขาก็ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับกระบี่หักบาป์เลย และไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับิญญายุทธ์เช่นนี้มาก่อนด้วย
ิญญายุทธ์เศษเดน สามารถแสดงรูปธรรมิญญาแท้ได้จริงๆ แม้ว่าจะเป็เพียงชั่วครู่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ใต้หล้าใ
“ปิดบังผู้าุโ ข้าขออภัย” ฉู่อวิ๋นพูดเบาๆ น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง
“เ้าหนูฉู่ ไม่ต้องมากพิธีหรอก ไม่ว่าอย่างไร ปราณกระบี่ัแดงของเ้าก็เสี่ยงต่อชีวิตเ้าเกินไป ต่อไปนี้ห้ามใช้มันอีก! ไม่เช่นนั้น สูญเสียแขนไปอาจเป็เื่เล็กน้อย แต่สูญเสียชีวิตเป็เื่ใหญ่”
“ส่วนเื่แก้แค้นในยามนี้ก็วางลงก่อน พวกเรารีบถือโอกาสหนีออกไปเถอะ”
ในที่สุด ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม โยวกู่จือควบคุมไข่มุกะเิไทวะให้บินไปที่แขนเสื้อของหลิงจื้อด้วยเสียง “หวือ”
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าคนนี้ต้องผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดหลายรอบ ใช้พลังจิตไปมาก เพื่อปกป้องตัวเองจากผู้แข็งแกร่งที่พุ่งเข้าหาจากทุกด้าน
“ไปหรือ?…” ฉู่อวิ๋นที่ได้ยินคำแนะนำของโยวกูจื่อ ดวงตาของเขามืดมนและลังเล
ใน่เวลาสำคัญนี้ ฉู่อวิ๋นมองไปรอบๆ มองหาฉู่เจียง ฉู่อวิ๋นจะฆ่าเขา สาบานว่าจะล้างแค้นให้ฉู่ซินเหยา!
น่าเสียดาย เมื่อพูดถึงการเอาชีวิตรอด คนคนนี้กลับหัวหมอกว่าฉู่เจิ้นหนานนัก ตอนนี้มองไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาด้วยซ้ำ
ไม่นาน เมื่อมองดูฉู่ซินเหยาที่อ่อนแอถึงที่สุด ฉู่อวิ๋นก็โกรธจนกัดฟันกรอด ไม่คิดจะพัวพันต่อไปอีก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหลบหนีจากเมืองชุยเสวี่ย!
“ไป!”
ฉู่อวิ๋นกอดฉู่ซินเหยาแน่นแล้วเริ่มออกเดินทางทันที รวมถึงหลิงจื้อ พวกเขาพบทิศทางที่มีคนบางตา และหลบหนีออกจากจัตุรัสศาลเ้า
ด้วยเสียง “ฟุ่บ” ทั้งสองก้าวไปข้างหน้า เหยียบย่ำซากปรักหักพังของศาลเ้า ทำให้ก้อนหินกระเด็น และขณะที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
“มารร้าย เ้าบอกจะไปก็ไปได้หรือ?!”
“ปีศาจ! ทิ้งชีวิตไว้!”
แต่ตอนที่พวกฉู่อวิ๋นกำลังจะออกจากลานจัตุรัสไป ก็ได้ยินเสียงะโหลายครั้ง ดังก้องไม่รู้จบ ด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าโกรธอย่างยิ่ง
“ฟิ้ว ฟิ้ว---”
ทันใดนั้น ลมโชยที่เย็นเฉียบก็ปรากฏขึ้น มันคือกระแสน้ำแข็ง แต่ละอันมีหนามน้ำแข็งมากล้น น่าอัศจรรย์
มองเห็นว่าภายใต้ท้องฟ้า มีหนามน้ำแข็งกระจัดกระจาย หมุนวน สวยงาม เปล่งแสงเย็นเยียบ นำอากาศเย็นจากทุกทิศทุกทางมารวมกัน ราวกับัน้ำแข็งที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทรงพลังมาก
“ฟึ่บ ฟึ่บ—”
ฉับพลัน กระแสน้ำแข็งพุ่งทะลุอากาศ ตรงไปยังทิศทางของฉู่อวิ๋น พวกมันมากมายจนใครที่เห็นต่างรู้สึกกลัว หากถูกโจมตีเข้า คงจะตายอย่างน่าสังเวชยิ่ง
“ผู้มีพระคุณ ระวัง!” เมื่อหลิงจื้อเห็นสิ่งนี้ เขาก็เตือนอีกฝ่ายทันที ด้วยการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมและความไวที่ไม่ธรรมดา เขาสามารถตรวจจับความเฉียบคมของการโจมตีที่น่าประหลาดใจนี้ได้ทันที
แต่ในขณะที่เตือน เขาก็พบว่าฉู่อวิ๋นไม่ใช่เป้าหมายเดียวของกระแสน้ำแข็ง แต่ตัวเขาเองก็เป็เป้าหมายเช่นกัน
กระแสน้ำแข็งพุ่งสูงขึ้น แสงเย็นเยียบท่วมท้น กระทบกับหลิงจื้อโดยตรง แต่เขาได้รับาเ็มานานแล้ว ไม่อาจหลบพ้นได้อีก และกำลังจะถูกกระแสน้ำแข็งโจมตี!
“ตูม--”
ทันใดนั้น แสงจากฝ่ามือก็กระทบกับอากาศ แรงฝ่ามือนั้นดุดันและอ่อนโยน ทาบไว้ที่แผ่นหลังของหลิงจื้อ ทำให้เขากระเด็นไปไกลหลายร้อยหมี่อย่างฉับพลัน
แต่ชายชราไม่ได้รับาเ็
“ผู้มีพระคุณ เ้าจะทำอะไร?!” ในไม่ช้า หลิงจือก็รู้สึกตัว รับรู้ได้ทันทีว่าฉู่อวิ๋นเพิ่งให้วิชามือช่วยเขา
ยามนี้ ปราณกระบี่ท่วมท้น เปลวไฟทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉู่อวิ๋นหันกลับมาและยกมือขึ้น เรียกใช้วิชากระบี่ิญญาศักดิ์สิทธิ์ แผดเผาไปทุกทิศทุกทาง ทันใดนั้น จตุรัสก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ได้ยินเสียงน้ำแข็งที่ไหม้เกรียมไม่รู้จบ
น้ำแข็งก้อนหนาไหลวนในความว่างเปล่า ไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ภายใต้ปราณกระบี่ัแดง มันระเหยไปในทันที ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง
“ควับ!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็หยุดและโบกมืออย่างทรงพลัง ทำให้เกิดเสียง “ปัง ปัง” ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ทันใดนั้น เศษน้ำแข็งทั้งหมดก็ะเิเป็ชิ้นๆ ทั้งลานเต็มไปด้วยควันสีขาว ทำให้ผู้าุโตระกูลเสวี่ยทุกคนกัดฟัน รู้สึกโกรธมาก
“ผู้าุโโยว ผู้เฒ่าหลิง พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ น้ำใจของพวกท่านที่มีต่อข้า ผู้เยาว์คนนี้จะไม่มีวันลืม หากในอนาคตมีโอกาส ข้าค่อยมาตอบแทน”
ฉู่อวิ๋นส่งผ่านข้อความ ร่างของเขาพร่ามัว มองเห็นได้ยาก
“เ้าหนู เ้าบ้าไปแล้วหรือ? มานี่เร็วเข้า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น โยวกู่จือก็กรีดร้องทันที
“ถ้าเราร่วมมือกันต้าน ข้าจะทำให้พวกท่านเดือดร้อนไปด้วย” แต่ฉู่อวิ๋นก็ปฏิเสธ
เสียงของเขาทุ้มต่ำและหนักแน่น เขาพูดกับหลิงจื้อ “ผู้เฒ่าหลิง ที่นี่มีคนไม่น้อยปองร้ายผู้าุโโยว ท่านจะทนมองดูเขากลายเป็ยาเพิ่มพลังให้คนอื่นกับตาตัวเองหรือ?”
“นี่…” หลิงจื้อกัดฟัน นี่เป็ปัญหาจริงๆ
“ไม่ต้องกังวลแล้ว ไปเถอะ! คนเหล่านี้... ข้าจะต้านไว้ให้เอง!” ฉู่อวิ๋นะโ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ร่างกายเต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาโบกมือขวาที่มีปราณกระบี่ัแดงอีกครั้ง พลังปราณที่หลั่งไหลพุ่งเข้าทำลายน้ำแข็งทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ โยวกู่จือก็ทั้งเศร้าทั้งโกรธ เขาะโ “เ้าคนโง่! เหตุใดต้องยืนหยัดคนเดียวด้วย? ข้าเป็คนที่ต้องให้เ้ามาปกป้องหรือ? รีบมาเร็วเข้า!!!”
“ข้ายังมีแรงสู้! ให้ตายเถอะ นี่เ้ากล้าดูถูกข้าหรือ? ข้าจะสั่งสอนให้เ้าเห็นด้วยตาตัวเอง!”
“เร็วเข้า... หืม นี่! เ้าหนูเฒ่า ทำอะไรน่ะ?! รักตัวกลัวตาย! ปล่อยข้า!”
ยามนี้ หลิงจื้อหลั่งน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาจับไข่มุกะเิไทวะไว้แน่นจนเหลือแต่ภาพเงา แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากฉู่อวิ๋น
“ข้าขอโทษ บรรพบุรุษ! ผู้มีพระคุณพูดถูก แม้ว่าเราจะอยู่ เราก็จะเป็แค่ตัวถ่วง! การแบ่งกำลังเป็สองทางเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด!” หลิงจื้อพูดด้วยเหตุผล แต่น้ำมูกน้ำตาของเขากลับไหลไม่หยุด เขาเศร้ามาก
การตัดสินใจครั้งนี้ ยากเย็นเหลือเกิน
ในความเป็จริง ตอนนี้หลิงจื้อและโยวกู่จือใกล้หมดแรงแล้ว หลังจากสู้รบตบมือกันมาหลายรอบ แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง แต่ก็เข้าใจความจริงข้อนี้ดี
“เ้าหนู—! อย่าตายนะ! ไม่เช่นนั้น...ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเ้า!”
มีเสียงกรีดร้องอันโศกเศร้าของโยวกู่จือจากไกลๆ ฟังดูเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ เหมือนเด็กที่รบเร้าเอาของเล่น
“ผู้าุโโยว ผู้เฒ่าหลิง รักษาตัวด้วย” ฉู่อวิ๋นกระซิบ เสียงของเขายังคงแหบห้าว และเฝ้าดูผู้เฒ่าทั้งสองจากไป
ยามนี้ รอบข้างเขามีแต่ควันสีขาว ซึ่งเป็ภาพหลังจากที่เศษน้ำแข็งแตกออกเป็เสี่ยงๆ
แต่แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะสามารถทุบหนามน้ำแข็งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็เริ่มหอบเล็กน้อย การหายใจของเขาก็เริ่มหนักหน่วง
เห็นได้ชัดว่าภาระในการใช้แผดเผาแปดทิศนั้นหนักหนามากสำหรับฉู่อวิ๋น มันทำให้ทั้งแขนขวาของเขาค่อยๆ ปกคลุมไปด้วยเส้นสีดำ
เมื่อใดที่แขนของเขาเป็สีดำสนิท มือขวาของเขาก็จะแหลกสลาย กลายเป็เศษขี้เถ้า
“ดูท่าต้องรีบรบรีบจบ ต้องพาซินเหยาไปจากที่นี่” ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นพูดกับตัวเองพร้อมกับกอดฉู่ซินเหยาแน่นด้วยท่าทีมุ่งมั่น
เมื่อควันหายไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง พยายามค้นหาแหล่งที่มาของหนามน้ำแข็งที่ตกลงมา แต่ภาพนี้กลับทำให้เขาขมวดคิ้ว
“ตูม--”
มองเห็นก้อนแสงสีน้ำเงินขนาดั์ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองชุยเสวี่ย ปกคลุมท้องฟ้า บดบังดวงอาทิตย์ ทอดยาวหลายพันหมี่ โดยมีหนามน้ำแข็งโผล่ออกมาอย่างกระจัดกระจาย รังสีของแสงที่เปล่งประกายอันตรายอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเท่านั้นที่เคร่งขรึม แม้แต่ชาวเมืองเองก็ยังประหลาดใจ สถานการณ์ที่ว่านี้ไม่ได้พบมานับร้อยปี ก้อนน้ำแข็งั์นี้จะปรากฏขึ้นเฉพาะยามที่เมืองชุยเสวี่ยตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น
“นี่มันโหดร้ายเกินไป ถึงกับใช้อาวุธสังหารยิ่งใหญ่นี้ แต่คู่ต่อสู้ยังเป็แค่เ้าหนูคนหนึ่ง” บนหลังคาที่ไหนสักแห่ง หยางเจิ้ง เ้าสำนักเถี่ยเฉวียนมองดูท้องฟ้าจากไกลๆ แสดงอาการประหลาดใจ
“ฮะๆ เ้าหนู? ไม่คิดว่าท่านจะพูดออกมาได้ เขาสามารถสังหารนักรบขั้นมหาสมุทรได้ด้วยกระบี่เพียงเล่มเดียว เขาแข็งแกร่งอย่างสัตว์ประหลาดเสียขนาดนั้น ลึกลับจะตายชัก” หานซื่อเหนียงกล่าว สายตาอ่อนโยนของนางหายไปแล้ว เหลือเพียงดวงตาที่จริงจังเท่านั้น
คนสองคนนี้ต่างรักชีวิต นับั้แ่ฉู่อวิ๋นปลดปล่อยรูปธรรมิญญาแท้ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบอยู่ให้ห่างจากจัตุรัสศาลเ้าทันที
“ปีศาจตัวนี้สังหารทั้งเ้าเมืองทั้งหานเฟย! โทษไม่อาจอภัย!”
“เราต้องล้างแค้นให้พวกเขาทั้งสองคน!”
“ภัยเมฆาน้ำค้าง์ สร้าง!”
ในจัตุรัสของศาลเ้า ผู้าุโหลายคนจากตระกูลเสวี่ยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ดวงตาลุกเป็ไฟ ยอมเผาผลาญแก่นแท้และเืเนื้อ เพื่อเปิดใช้งานมัน
ทันทีที่เสียงะโอันเ็าดังออกมา แผ่นดินก็สั่นะเื ปราณน้ำแข็งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก้อนแสงสีฟ้าลูกใหญ่เปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ดูราวกับดวงอาทิตย์สีครามงามตา
“เป็ปราณน้ำแข็งที่ทรงพลังมาก” ฉู่อวิ๋นพึมพำ จ้องมองท้องฟ้าท่ามกลางลมหนาว ผมสีดำของเขายุ่งเหยิง สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด
เขารับรู้ได้ว่าก้อนแสงสีฟ้านี้ ไม่เพียงแต่จะปล่อยหนามน้ำแข็งออกมาได้เท่านั้น
“ควับ--!”
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ตกลงมา ส่องสว่างอย่างน่าประหลาดใจ ก้อนน้ำแข็งขนาดั์เรืองแสงและยิงลำแสงออกมาปกคลุมฉู่อวิ๋น มันเร็วมากจนเขาตอบโต้ไม่ทัน
มีเสียง “ฟุ่บ” ดังขึ้น และทันใดนั้น ม่านโปร่งแสงก็ล้อมรอบจัตุรัสทั้งหมด ทั้งลานถูกปกคลุมด้วยอากาศเย็นอย่างแ่า
“นี่คืออะไร?” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า พยายามทะลุผ่านม่านโปร่งแสง แต่พบว่าแม้แต่ปราณกระบี่ัแดงก็ยังทำอะไรม่านแสงนี้ไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น ฉู่อวิ๋นยังพบว่าพลังและเืของเขาเริ่มนิ่งลงมากขึ้น และความเร็วก็ช้าลงเรื่อยๆ
“ฮึ่ม! เ้าปีศาจ นี่คือค่ายกลโบราณที่สร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเช่นเ้า เตรียมตัวตายเสียเถอะ!” ผู้เฒ่าจากตระกูลเสวี่ยที่มีใบหน้าซีดเซียวคำรามพร้อมกับกระตุ้นแก่นเื
“เพื่อที่จะฆ่าปีศาจ ถึงกับเปิดใช้งานอาคมภัยเมฆาน้ำค้าง์ คนตระกูลเสวี่ยช่างพยายามจริงๆ”
ยามนี้ ผู้คนจำนวนมากในจัตุรัสต่างตกตะลึง นี่มันน่าใเกินไป ที่จะใช้ค่ายกลอันทรงพลังเช่นนี้เพียงเพื่อจัดการกับชายหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
การก่อตัวของภัยเมฆาน้ำค้าง์ที่ขับเคลื่อนโดยแก่นแท้และเืของผู้คนในจวนตระกูลเสวี่ย สามารถสร้างก้อนน้ำแข็งขนาดั์และยิงกระแสน้ำแข็งได้ พลังนั้นมหาศาลและไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ ค่ายกลนี้ยังสามารถจำกัดพื้นที่ทั้งหมด ทำให้เป็ไปไม่ได้เลยที่สิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังอยู่ภายในจะหลบหนีพ้น และในเวลาเดียวกัน ความเร็วของพวกเขาก็จะค่อยๆ ลดลง
นี่คือ ค่ายกลป้องกันเมืองของเมืองชุยเสวี่ย มันอยู่ในมือของจวนตระกูลเสวี่ยรุ่นต่อรุ่น เป็ค่ายกลสมบัติที่ใช้ต่อต้านกองทัพ จะถูกใช้เฉพาะเมื่อเกิดาหรือมีสัตว์ปีศาจบุกเข้ามา ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ฮ่าๆ หลังจากที่ความเร็วของเด็กหนุ่มคนนี้ช้าลง เขาก็จะเป็เหยื่อในกำมือเราแล้วมิใช่หรือ?” ผู้แข็งแกร่งบางคนหัวเราะ พวกเขาเป็พันธมิตรของจวนตระกูลเสวี่ย
“เด็กคนนี้มีความลับมากมาย เราต้องจับเขาทั้งเป็!” แต่ก็ยังมีคนที่คิดต่างออกไป
ทันใดนั้น ทุกคนก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ติดอยู่ในจัตุรัส โดยแต่ละคนต่างก็มีจุดประสงค์ของตนเอง
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นอยู่ภายใต้การควบคุม รอบตัวรายล้อมไปด้วยศัตรู!
ฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่เป็เ้าสำนัก ผู้นำตระกูล หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง!