การรวมตัวอันเคร่งเครียดเช่นนี้ กระทั่งเฟิงซื่อก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามานั่งฟังอยู่ข้างๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาในตระกูลเลย
“หากชวีหงไม่กลับมาก็อย่ากลับมาอีกตลอดไป หวังลี่ตงรับโทษโบยสามสิบไม้ คราวนี้ข้าจะโบยมันให้หนัก ให้มันหลาบจำไว้ให้ดี หากทำผิดอีกจะยึดที่ดินมาเป็ของตระกูล”
“ข้าพูดกับหวังฝูจื้อแล้ว เื่ที่เกิดขึ้นนี้ให้เขารับผิดชอบตนเอง ไม่ต้องมาขอร้องให้ตระกูลออกหน้าให้อีก ต่อไปนี้จะไม่อนุญาตให้หวังฝูจื้อและครอบครัวเหยียบย่างเข้าไปในศาลบรรพชน ไม่ว่าตระกูลจะมีเื่ดีอันใด ก็จะไม่มีส่วนของครอบครัวเขาอีก หากมีครั้งต่อไปจะลบชื่อครอบครัวหวังฝูจื้อออกจากตระกูล”
“ตระกูลหลี่เป็ผู้มอบวิธีการก่อเตียงเตาให้พวกเรา หวังฝูจื้อเป็คนของตระกูลเรา แต่กลับทำวิธีก่อเตียงเตาหลุดลอดออกไป นั่นเท่ากับว่าตระกูลเราทำหลุดออกไป ข้าคิดจะมอบูเาลูกหนึ่งของตระกูลให้บ้านหลี่เพื่อเป็การชดเชย”
หวังไห่กล่าวประโยคแล้วประโยคเล่า ผู้าุโในตระกูลก็พากันพยักหน้าตาม เห็นด้วยทั้งหมด
คืนเดียวกันนั้น หวังลี่ตงที่ถูกครอบครัวหวังฝูจื้อตีไปแล้ว ก็ถูกคนในตระกูลลากตัวลงจากเตียงออกไปยังลานบ้านแล้วโยนลงกับพื้นราวกับหมูตัวหนึ่ง จากนั้นก็ถอดเสื้อออก ถกกางเกงขึ้นถึงต้นขา โบยหลังและก้นของเขาด้วยแส้ที่ทำจากเถาวัลย์
หวังลี่ตงส่งเสียงร้องดังลั่นอยู่หลายรอบในยามค่ำคืน สุดท้ายก็ถูกตีจนสลบไป
หวังซื่อนิวใมาก รีบวิ่งไปโขกศีรษะให้หวังไห่ กล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านพ่อข้าถูกโบยจนใกล้ตายแล้ว ขอร้องเถิด ช่วยท่านพ่อด้วยเถิดเ้าค่ะ”
หวังไห่ย่อมปวดใจเช่นกัน แต่หากไม่สั่งสอนหวังลี่ตงเช่นนี้ต่อไปก็อาจทำความผิดใหญ่กว่านี้อีกก็เป็ได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา กล่าวพึมพำว่า “ตายก็ตายไปเถิด ตายแล้วข้าจะไปส่งเขาด้วยตนเอง”
เฟิงซื่อเข้าไปพยุงหวังซื่อนิวให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง นางคิดว่าเด็กคนนี้นิสัยไม่เลว ไม่เหมือนหวังลี่ตงและชวีหงที่เห็นแก่ตัว โลภมาก และชั่วร้าย นอกจากนี้หวังไห่ก็พูดไปแล้ว สุดท้ายนางจึงกล่าวขึ้นว่า “ซื่อนิว มารดาเ้าถูกบิดาเ้าหย่าแล้ว บิดาเ้าก็มีคดีติดตัว มิแน่ว่าวันใดอาจขายเ้าเพื่อเงินก็เป็ได้ ต่อไปเื่แต่งงานของเ้าก็ให้ปู่เ้าเป็คนจัดการเถิด”
“ขอบคุณเ้าค่ะท่านย่า” หวังซื่อนิวรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริง ถึงกับน้อมคารวะให้เฟิงซื่อและหวังไห่
วันนั้นหวังซื่อนิวถูกเจิ้งโหย่วเลี่ยงใช้สายตาหยาบช้าจ้องมองจนเก็บไปฝันร้าย นางฝันว่าหวังลี่ตงและมารดาของตนขายนางไปเป็อนุภรรยาของเจิ้งโหย่วเลี่ยง จากนั้นก็ถูกภรรยาหลวงของเจิ้งโหย่วเลี่ยงตีจนตาย เมื่อนางสะดุ้งตื่นก็รู้สึกเจ็บใจจนร้องไห้ออกมา
เป็เช่นนี้ก็ดี หวังไห่และเฟิงซื่อจะจัดการเื่แต่งงานให้นางแล้ว นางจะได้ไม่ต้องกังวลว่า จะถูกหวังลี่ตงและชวีหงขายออกไปอีก
วันต่อมาหวังไห่ไปที่บ้านชวีหงด้วยตนเอง นำหนังสือหย่าไปมอบให้บิดาของชวีหง ซึ่งก็คือลุงของชวีซื่อ ผู้ที่เป็ภรรยาคนแรกของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเื่สินเดิม ตอนที่ชวีหงแต่งให้ตระกูลหวังมีสินเดิมไม่ถึงสองร้อยทองแดง แต่สินสอดนับเพียงเงินก็มากถึงหกตำลึงแล้ว
บิดาของชวีหงโกรธจัด “หงหงของข้าทำเื่อะไร ตระกูลหวังของพวกเ้าถึงได้จับนางหย่า?”
“นางทำให้ญาติของข้าเกือบตาย” หวังไห่เล่าเื่ที่หวังฝูจื้อถูกหลอกให้ฟัง จากนั้นจึงสะบัดชายแขนเสื้อ ไม่ถามเลยว่าชวีหงอยู่บ้านหรือไม่
เมื่อหวังไห่กลับไปแล้ว ชวีหงก็เดินร้องไห้ออกมาจากหลังบ้าน ชวีหงถูกตระกูลหวังจับหย่าแล้ว เื่ของชวีหงถูกบอกต่อแล้ว
ชวีหงร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก จะไปเอาเื่ตระกูลหวังให้ได้
“เอาเื่อะไรกัน หวังฝูจื้อญาติของหวังไห่เกือบเอาชีวิตไม่รอด วิธีการก่อเตียงเตาของบ้านหลี่ก็ถูกคนหลอกเอาไปแล้ว เพียงสองเื่นี้ต่อให้ชดใช้ด้วยชีวิตเ้าก็ยังไม่พอ”
“เ้าโง่ยิ่งกว่าหมูเสียอีก บ้านชวีของพวกเราไม่มีสตรีที่ถูกหย่ากลับมาหลายปีแล้ว เ้าจะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
“สตรีที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป เ้าจะกลับมาอีกทำไม”
บิดา มารดา และพี่สะใภ้ของชวีหงล้วนกัดฟันชี้หน้าด่านาง
ยามที่ชวีหงอยู่บ้านสามี เมื่อมีเงินก็ซื้ออาหารและเสื้อผ้าดีๆ ให้แต่ตนเอง ไม่ได้สนใจบ้านเดิมเท่าใดนัก นึกไม่ถึงว่าหวังลี่ตงจะหย่ากับนางจนต้องซมซานกลับมาบ้านเดิม หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้สมควรทำดีต่อบ้านเดิมให้มาก
ชวีหงมีนิสัยชั่วช้าจริงๆ ตอนออกจากตระกูลหวังก็นำเงินทั้งหมดของครอบครัวมาด้วย เป็เงินราวสิบกว่าตำลึง เมื่อกลับมาถึงบ้านเดิมก็กลัวว่าคนบ้านเดิมจะขโมยไป จึงนำเศษก้อนเงินไปซ่อน พกติดตัวไว้เพียงยี่สิบสามสิบทองแดง
เื่ที่หวังซานนิวบุตรสาวของชวีหงขโมยของถูกเล่าลือออกไปไกลหลายสิบลี้ จนคนรู้กันทั่วแล้ว หากชวีหงปกป้องคนบ้านเดิม คนบ้านเดิมก็จะปกป้องชวีหงเช่นกัน
พี่สะใภ้ของชวีหงมีรอยตีนกาอยู่บริเวณหางตาทั้งสองข้าง ดูท่าทางร้ายกาจ นางชี้ไปยังชวีหงแล้วกล่าวว่า “เทพเซียนเช่นเ้าบ้านเล็กๆ ธรรมดาของพวกเรารับไม่ไหวหรอก สุดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านมีบ้านเก่าอยู่หลังหนึ่ง เ้าก็ไปอยู่ที่นั่นเถิด”
บ้านเก่าสุดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เป็กระท่อมที่ผุพังจนไม่อาจผุพังได้อีก ก่อนหน้านี้มีสามีภรรยาเฒ่าไร้บุตรหลานคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ต่อมาเมื่อพวกเขาตายจึงกลายเป็บ้านอัปมงคล อีกทั้งยังมีสภาพย่ำแย่เกินไปจึงไม่มีผู้ใดไปอยู่ ถูกปล่อยทิ้งร้างมาตลอด
“จะให้ข้าไปเช่นนี้น่ะหรือ ไม่มีทาง ต้องซ่อมบ้านเสียก่อนและต้องเตรียมหม้อ ชาม ตะเกียบ และเครื่องนอนให้ข้าด้วย” ชวีหงกระทืบเท้าด่า ทะเลาะกับคนบ้านเดิมไปสองชั่วยาม จนได้เงินมาห้าสิบทองแดงและเครื่องนอนชุดหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปด่าไป มุ่งหน้าสู่กระท่อมหลังนั้น ใช้เงินสามสิบทองแดงจ้างชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านมาช่วยซ่อมแซมกระท่อมจนอยู่ได้
“หวังลี่ตง เ้าตัวโง่งม เ้ากล้าหย่าข้าหรือ หากข้ามีเงินจะแต่งกับคนที่ดีกว่าเ้าให้ดู”
“ไอ้แก่หวังไห่มันต้องไม่ตายดีแน่ นางแพศยาเฟิงซื่อนั่นด้วย หากออกจากบ้านขอให้ฟ้าผ่าตาย”
“ทุกอย่างต้องโทษบ้านหลี่ หากบ้านหลี่ไม่สอนวิธีก่อเตียงเตาให้ตระกูลหวัง ข้าจะถูกหย่าหรือ”
“จ้าวซื่อก็เป็นางจิ้งจอกเ้าเล่ห์ ขอให้เด็กในท้องของมันเป็เด็กพิการ ส่วนนางโสเภณีน้อยหลี่หรูอี้นั่น หากมันปีนหลังคาก็ขอให้ตกหลังคา หากออกจากหมู่บ้านก็ขอให้หินทับตาย”
ยามดึกสายลมพัดโชยเข้ามาตามรอยแตกของกระท่อมจนชวีหงนอนไม่หลับ นางได้แต่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มพลางก่นด่าผู้อื่นไปอย่างเคียดแค้นชิงชัง
ณ หมู่บ้านหลี่ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ คนบ้านหลี่ที่ถูกชวีหงก่นด่ากำลังใช้ลาลากเครื่องโม่ เพื่อทำเต้าหู้กันอยู่ในห้องขนาดใหญ่
ลาคอยลากเครื่องโม่ ส่วนคนคอยเติมถั่วเหลือง หลี่ซานและหลี่สือตื่นเช้าสุดจึงรับผิดชอบโม่ถั่วเหลือง
ยามเช้ามืด หลี่หรูอี้ลุกออกจากเตียงเตาอุ่นขึ้นมาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินไปที่ลานด้านหลังนำดีเกลือไปทำเต้าหู้
ผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ก็ตื่นขึ้นมา พวกเขาฝึกมวยทหารตามที่หลี่หรูอี้เคยสอน เสร็จแล้วจึงไปทำอาหารและทานอาหารเช้าด้วยกัน
ฟ้าสว่างแล้ว ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อก็มารับเต้าหู้ ฝ่ายหนึ่งมอบเงินอีกฝ่ายหนึ่งมอบสินค้า ใสสะอาดทั้งสองฝ่าย
หลี่ซานขับเกวียนลาที่มีเต้าหู้ของสองบ้านมุ่งตรงไปด้านหน้า โดยมีอู่โก่วจื่อ ซื่อโก่วจื่อ และสี่พี่น้องบ้านหลี่เดินตามอยู่ด้านหลัง
ถึงตำบลจินจีแล้ว ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อช่วยกันขนเต้าหู้ร้อยชั่งไปยังรถเข็น ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอซั่ง ท่ามกลางสายลมยามเช้าอันหนาวเหน็บ
สี่พี่น้องบ้านหลี่ไปสำนักศึกษา หลี่ซานร้องะโเรียกลูกค้าเพื่อขายเต้าหู้และเต้าฮวย
นี่เป็ครั้งแรกที่หลี่หรูอี้ทดลองขายส่งเต้าหู้ นางกำลังรอข่าวของพวกซื่อโก่วจื่ออยู่ที่บ้าน
ขณะที่พวกซื่อโก่วจื่อยังไม่กลับมา สตรีสองคนของตระกูลหวังก็มาเยือนบ้านหลี่พร้อมรอยยิ้มประจบประแจง
“หรูอี้ วันนี้ข้าไปขายไข่ไก่ที่ตำบล เห็นบิดาเ้าเอาเต้าหู้จำนวนมากให้ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อ ข้าลองไปถามดูแล้ว บิดาเ้าบอกว่า บ้านเ้าขายส่งเต้าหู้ให้พวกเขา ข้าจึงอยากมาถามเ้าว่า จะซื้อเต้าหู้ราคาส่งจากบ้านเ้าได้หรือไม่”
“เ้าจะขายเต้าหู้บ้านเ้าให้พวกเราได้หรือไม่”
ทุกคนล้วนเป็คนหมู่บ้านเดียวกัน คนบางส่วนรู้จากเฟิงซื่อว่าความจริงแล้วผู้ที่เป็คนตัดสินใจเื่การค้าของบ้านหลี่ก็คือหลี่หรูอี้ จึงมาถามนางโดยตรง
หลี่หรูอี้กล่าวกับสตรีสองนางนั้นว่า “วันนี้พวกซื่อโก่วจื่อเพิ่งซื้อเต้าหู้จากบ้านข้าเป็ครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าการค้าขายจะเป็เช่นไร อีกสองสามวันค่อยว่ากันเถิด”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้