ชั่ววินาทีนี้สีใบบัวจางหาย ดูเหมือนว่าโลกจะกลายเป็ภาพวาดสีน้ำหมึกขนาดใหญ่ส่วนนางยังคงเป็สีสันเพียงหนึ่งเดียว
กงเช่อกดบริเวณหัวใจ ่นี้ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆมันถี่จนกระตุ้นให้เขาต้องหาข้ออ้างต่างๆ นานาแวะมาที่วังหลัง ขอแค่เขาได้เห็นนางเพียงแวบเดียวความรู้สึกเช่นนี้จะสงบลงในชั่วพริบตา
หลายครั้งขอแค่นางทำท่ากระตือรือร้นมากกว่าปกติเล็กน้อยความรู้สึกแปลกประหลาดเหล่านี้จะพลุ่งพล่านจนทำให้เขาต้องจมลึกอยู่ในนั้นผ่านไปนานพอสมควรเขาจึงค่อยๆ ดีขึ้น
เห็นนางเหยียบหัวเรือ หัวเรือจึงพุ่งหาฝั่งราวกับกระบี่นางยืนต้านลมอยู่บนหัวเรือ ท่าทางสง่างามเป็ธรรมชาติ ราวกับสามารถต้านลมพร้อมจากไป
กงเช่อเกิดความรู้สึกเช่นนี้ เขาเหลือบมองนางอยู่ชั่วขณะแต่กลับเห็นอีกฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับเขา เมื่อเรือเข้าถึงฝั่งคนของตำหนักไท่เหอเห็นเช่นนี้จึงรีบเข้ามาทำความเคารพ
“คารวะองค์รัชทายาทคารวะองค์หญิง”
ผู้นำอยู่หน้าสุดคือขันทีน้อยที่ชื่อหย่งฝูหลังจากทำความเคารพด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้ว เขาจึงกล่าวกับกงอี่โม่
“องค์หญิงมาหาองค์ชายเก้าใช่ไหม? องค์ชายเก้าไปเลือกม้าที่ใช้ในการเดินทาง ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
กงอี่โม่ไม่ได้รู้สึกเสียใจนางโบกมือให้เขากลับไปก่อน ทำไมจึงไปนานขนาดนี้นางยังมีเื่ที่ต้องกำชับเขาอีก
เมื่อคนอื่นจากไปแล้ว กงอี่โม่จึงหันมามองกงเช่อนางเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้อย่างฉับพลัน นางเลิกคิ้วขึ้นดวงตาของนางมองเขาเป็ประกาย
“ท่านพี่รัชทายาทต้องรีบกลับจวนหรือเปล่า?”
ขันทีที่ติดตามองค์รัชทายาทคิดจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่กลับเป็องค์รัชทายาทที่ส่ายศีรษะ “ไม่รีบ”
“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่รัชทายาทยินดีไปเที่ยวชมดอกบัวกับข้าไหม? ดอกบัวในทะเลสาบบานกำลังสวยพวกเราสามารถชมทิวทัศน์ใต้ใบบัว มันต้องสวยงามมากอย่างแน่นอน” กงอี่โม่พลันส่งยิ้มจนดวงตาเป็เส้นโค้งนางชี้ไปที่เรือลำน้อยที่จอดอยู่ใต้เท้าของนางลำนั้น
ผู้ติดตามองค์รัชทายาทมองเรือลำนั้น เขาจึงรู้ทันทีว่านั่งได้เพียงสองคนแล้วเขาจะรักษาความปลอดภัยขององค์รัชทายาทได้อย่างไร ขณะที่คิดจะกล่าวปฏิเสธนั้น กลับเห็นองค์รัชทายาทตวัดสายตาใส่ตนเล็กน้อยเขาจึงก้มหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก
เมื่อเห็นเขาตอบรับ กงอี่โม่จึงพอใจมากนางยื่นมือออกมาพร้อมโค้งตัวลงอย่างสง่างามทว่าเมื่อกงเช่อเห็นมือข้างนั้นของนางแล้ว เขาพลันนิ่งไปเล็กน้อยสุดท้ายเขาจึงกุมมือเรียวเล็กของนางพร้อมก้าวเท้าลงบนเรือลำน้อย
เวลานี้ตัวเรือโคลงเล็กน้อย กงเช่อยืนไม่มั่นคง ทว่ากงอี่โม่จับเขาไว้แน่นนางจึงยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าของเขา มือข้างนั้นส่งความอบอุ่นและพลังออกมาใน่คิมหันตฤดูเช่นนี้ เหตุการณ์นี้ได้บันทึกอยู่ในสมองของกงเช่ออย่างชัดเจนทำให้เขารู้สึกคอแห้ง
กงอี่โม่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา นางคลี่ยิ้มพร้อมใช้ปลายเท้าดันออกเรือลำน้อยจึงลอยเข้าสู่กลางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วก้อนเมฆย้อมไปด้วยสีแดง พวกเขาสองคนต่างนั่งหันเข้าหากัน สายลมแ่เบาพัดผ่านเป็บรรยากาศเย็นสบายจนอยากหลับใหล
ยามอาทิตย์อัสดงช่างดีเหลือเกิน ซินเอ๋อร์ที่อยู่บนฝั่งเม้มริมฝีปากยิ้มนางเหลือบมองคนขององค์รัชทายาทที่ดูร้อนใจอย่างไม่เข้าใจพวกเขาเคร่งเครียดเกินไปแล้ว องค์รัชทายาทไปกับองค์หญิงจะเกิดปัญหาอะไรได้หรือ?
“มีบุปผามีวารี แล้วจะขาดสุราได้อย่างไร?”
เรือเคลื่อนออกไปอย่างมั่นคง กงอี่โม่คลี่ยิ้มพร้อมทำลายความเงียบนางหยิบถุงสุราจากชายแขนเสื้อ ''โพละ'' เสียงเปิดจุกสุราดังขึ้นกลิ่นหอมน่าหลงใหลของสุราคลุ้งออกมา เมื่อดมกลิ่นแล้วกงเช่อจึงทราบทันทีว่าเป็สุราในคลังของเสด็จพ่อ เป็สุราที่ถูกเก็บไว้นานแปดสิบปี
นางเงยศีรษะจิบหนึ่งคำอย่างอดไม่ได้ กิริยาท่าทางสง่างามเป็ธรรมชาติขณะที่นางกลืนลงไป ลำคอของนางขยับเล็กน้อย ของเหลวสีอำพันไหลลงมาตามมุมปากของนางท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงเพลิง กงเช่อมองอย่างหลงใหล เขารู้สึกลำคอแห้งผากทันที
“สุราดี” เวลานี้เองกงอี่โม่จึงรำพึงออกมา
“นี่คือสุราที่ข้าต้องพยายามตั้งมากมายกว่าจะขโมยจากฉางสี่กงกงได้เป็อย่างไรบ้าง? ท่านพี่รัชทายาทอยากลองลิ้มรสบ้างไหม?” นางเช็ดริมฝีปาก จากนั้นจึงมองกงเช่ออย่างเ้าเล่ห์
ขณะที่นางกำลังเอ่ยปากนั้นผีเสื้อสีสดใสที่ประดับอยู่บนศีรษะของนางก็กระพือปีกราวกับพร้อมโบยบินช่างสดใสมีชีวิตชีวาไม่เหมือนใคร
กงเช่อมองมือเล็กขาวเนียนของนางที่กำลังถือถุงสุรา ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจเขาจึงรับมันมา ในขณะที่เขายังไม่ได้คิดอะไรนั้นก็ได้จิบลงไปหนึ่งคำ สุรานี้เป็สุราสำหรับสตรีเพราะไม่ได้แรงมากนัก รสหวานติดปลายลิ้นยาวนาน กลิ่นหอมติดลึกถึงภายใน
ทว่าเมื่อสักครู่นางเพิ่งดื่มไปพวกเขาสองคนดื่มถุงสุราร่วมกัน หลังจากรู้สึกตัวแล้วกงเช่อจึงหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ยกจิบอีกหนึ่งคำเป็การกลบเกลื่อน
“เป็สุราดีจริงๆ”
กงอี่โม่คลี่ยิ้มน้อยๆนางถูมือเข้าด้วยกัน
“ท่านพี่รัชทายาท มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้ดี กินของผู้อื่นปากอ่อน* ข้าพาท่านขึ้นเรือลำน้อยความจริงแล้วข้ามีเื่อยากขอร้องท่านสักหน่อย”
“อ้อ? เื่อะไรหรือ?” เวลานี้กงเช่อไม่ได้ตั้งใจฟังว่านางกล่าวอะไรเขาก็แค่ตอบรับไปตามความรู้สึก
เมื่อเห็นเขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา กงอี่โม่จึงไม่ได้พูดจาอ้อมค้อม
“ข้าขอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ในเมืองหลวงนี้ แม้ข้าจะไม่เคยออกจากวังแต่ข้ายืมมือคนอื่นจึงมีร้านค้าอยู่ในมือไม่น้อย ไม่ทราบว่าท่านพี่ทราบไหม?”
กงเช่อมองนางอีกครั้ง เขารู้สึกประหลาดใจความจริงแล้วคนอย่างพวกเขาต่างมีทรัพย์สมบัติอยู่ในมือมากมายเพราะพวกเขาจำเป็ต้องใช้เงินไปกับหลายๆ เื่ทว่ากงอี่โม่เป็เพียงองค์หญิงคนหนึ่ง แม้นางจะฉลาดหลักแหลมแต่นางไม่มีตระกูลทางมารดาคอยช่วยวางแผนให้นางทว่านางกลับมีความคิดยาวไกลอีกทั้งยังจัดการได้สำเร็จเช่นนี้จึงทำให้กงเช่อต้องประเมินนางสูงขึ้นอย่างอดไม่ได้
เวลานี้กงอี่โม่กลับขมวดคิ้ว นางเอ่ยถามซ้ำอีกครั้งเสียงเบา“ปัญหาเกิดขึ้นตรงนี้ วันนี้คนของข้ารายงานว่ารอบๆ เมืองหลวงเกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งคิดว่าท่านพี่รัชทายาทก็ต้องได้ยินมาแล้ว”
นางเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกล่าวต่อ “น่าจะเกิดขึ้นราวสองเดือนก่อนพวกข้าวและธัญพืชคุณภาพด้อยที่สุดในร้านค้ารอบๆ เมืองหลวงเริ่มมีขายไม่เพียงพอแม้กระทั่งข้าวเก่าก็ถูกคนอื่นกว้านซื้อในราคาต่ำ มีการซื้อขายปริมาณมากแม้ว่าพวกเขาจะลงมืออย่างลับๆ แต่ข้าก็ยังสังเกตเห็นอยู่”
ขณะที่นางกล่าวถึงเื่นี้สายตาของกงเช่อเปลี่ยนเป็เคร่งเครียดขึ้นมา
ตอนแรกเขาคิดว่าน้องสาวของตนอาจเปิดร้านเครื่องประทินผิวสองสามร้านเท่านั้นหรือถึงมีร้านอื่นๆ นางก็ไม่น่าจะมีร้านค้าเยอะนักทว่าเมื่อวานนี้คนของเขาเพิ่งรายงานเื่นี้ขึ้นมาวันนี้น้องสาวคนนี้กลับกล่าวถึงเื่นี้กับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าน้องคนนี้มีความสามารถไม่น้อยเลยนางต้องมีทรัพย์สินมากพอสมควร
แม้จะถูกเขาจับจ้อง ทว่ากงอี่โม่ยังคงยิ้มอย่างร่าเริง ตอนนี้นางยังเยาว์วัยยิ้มหวานของนางดูบริสุทธิ์ไร้พิษภัย
ยิ่งเวลาผ่านไปอย่างยาวนานผู้คนจำนวนมากจึงลืมความดุดันของนางขณะที่พบเป็ครั้งแรกพวกเขาจำได้เพียงนางชอบทำตัวอวดดีเป็ที่โปรดปรานเหนือใครๆพวกเขาไม่ได้ระวังในตัวนางเลย ช่างเป็เื่ไม่สมควรจริงๆ เมื่อเห็นว่ากงเช่อครุ่นคิดถึงข้อมูลนี้แล้วนางจึงเอ่ยปากอย่างช้าๆ
“ภัยแล้งแดนประจิมจำเป็ต้องมีสิ่งของบรรเทาทุกข์นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ หากมีคนสนใจ รู้ข่าวนี้อย่างชัดเจนก่อนจากนั้นจึงมีการส่งข่าวด่วนแปดร้อยลี้ คนในเมืองหลวงก็สามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้า”
ความจริงแล้วเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็ครั้งแรก สิ่งของถูกสับเปลี่ยนนี่คือเหตุการณ์ธรรมดา ราชวงศ์ต้าอวี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ ดังนั้นการควบคุมดูแลจึงลำบากยิ่งนักแม้ว่าฮ่องเต้จะทรงพระปรีชาสามารถ ทว่าไม่สามารถลงโทษปะาขุนนางทุจริตได้ทั้งหมดส่วนใหญ่ขอแค่ไม่ทำผิดร้ายแรงจนเกินไป ฮ่องเต้มักทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น
ทว่าครั้งนี้ห้ามเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เด็ดขาดเพราะครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่กงเจวี๋ยรับตำแหน่ง ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงเกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา
สิ่งที่กงอี่โม่รู้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ คนเ่าั้้าเล่นงานกงเจวี๋ยนอกจากเข้ามายุ่งกับสิ่งของบรรเทาทุกข์แล้วแม้กระทั่งพวกเสื้อผ้าและยาก็มีคนกว้านซื้อของคุณภาพต่ำพวกเขา้าใช้ของคุณภาพต่ำแทนที่ของคุณภาพดี
* กินของผู้อื่นปากอ่อน หมายถึงได้รับผลประโยชน์จากผู้อื่นก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นหรืออาจกล่าวได้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี