ตอนที่ 33
จากงานแถลงข่าวและการให้สัมภาษณ์ของศิลาเมื่อวันก่อนต่างก็ยังเป็ประเด็นร้อนแรงในโซเชียลอยู่ มีหลายรายการที่ติดต่ออยากให้ศิลาไปออกรายการเพื่อสัมภาษณ์เพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้เ้าตัวยังไม่อยากจะไป ในส่วนของบริษัทก็มีศรุตคอยเคลียร์ให้อยู่ หลังจากที่เมื่อวานศรุตได้มีการโพสต์โปรโมทซีรีส์วายที่กำลังจะออนแอร์ที่ช่อง พร้อมกับข้อความที่บ่งบอกถึงการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ไม่ได้สื่อถึงศิลาโดยตรงแต่ทำให้เห็นว่าทางบริษัทให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าเพศสภาพหรือความชอบส่วนบุคคล
แม้จะบอกว่าไม่คิดอะไรไม่รู้สึกอะไรลึกๆ ในใจของศิลาก็ยังเป็กังวลเื่ผลหุ้นของบริษัทเพราะมีข่าวแบบนี้แถมคนที่เป็ข่าวยังเป็ลูกชายของเ้าของบริษัทอีกต่างหาก
“คิดอะไรอยู่” ปัณณวีร์เดินอย่างช้าๆ มาหา พร้อมกับคุกกี้ในมือที่เขาเพิ่งฝึกทำมัน
“ก็คิดอะไรไปเรื่อยแหละครับ พี่อย่าเดินเยอะสิ ยังเจ็บอยู่ไหม” ศิลารับจานขนมมาวางไว้แล้วก้มลงไปจับที่ข้อเท้าอีกฝ่าย
“ศิ” ปัณณวีร์ห้ามไม่ทัน ศิลายกเท้าของเขาขึ้นมาวางบนหน้าตักตัวเองเรียบร้อยแล้ว “ดีขึ้นแล้ว”
“อย่าดื้ออีกนะครับ”
ปัณณวีร์ยิ้ม “ค้าบบบ มาชิมคุกกี้ให้พี่ดีกว่า เอาจานมาพี่ป้อนให้ศิยังไม่ได้ล้างมือ”
คุกกี้หน้าตาน่ากินถูกยื่นมาจ่อริมฝีปากของศิลา หนูทดลองคนแรกของปัณณวีร์จะเป็ใครไปได้ คนน้องจำต้องอ้าปากกัดกินอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เป็ยังไง??” คนทำครั้งแรกถามอย่างลุ้นๆ
ศิลาเคี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง พอกลืนแล้วจึงตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “มันก็ อร่อยดีแบบ...แปลกๆ”
“หื้ออ” ปัณณวีร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มันแปลกแบบไม่เหมือนใคร แต่ก็อร่อยดี” ศิลารีบบอกเพราะไม่อยากให้คนพี่น้อยใจ ปัณณวีร์จึงกัดกินบ้างเพราะอยากรู้รสชาติว่ามันแปลกยังไง พอกินเข้าไปถึงได้เข้าใจ
“อร่อย” ปัณณวีร์ยิ้มแห้ง “อร่อยตรงไหนเนี่ย! ใส่อะไรผิดสูตรไปนะ”
“ครั้งแรกไม่เป็ไรหรอก ผมจะรอชิมครั้งต่อไปให้เอง”
“ชอบสปอย ไม่อร่อยก็บอกอร่อยเนี่ยนะ” ปัณณวีร์จิ้มหน้าผากอีกคนเบาๆ อย่างเอ็นดู โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาสองคู่ที่กำลังจ้องมองอยู่ไกลๆ
อาธิปมองกนกเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้น “รู้สึกยังไงบ้าง ก่อนหน้านั้นคุณยังไม่ค่อยชินและไม่อยากเห็นศิลากับปัณณวีร์อ้อนกันเล่นกัน ตอนนี้ล่ะ”
“ฉันเห็นลูกยิ้มและมีความสุขได้ในเวลาแบบนี้ได้ก็ดีใจ เพราะปัณณวีร์จริงๆ นั่นแหละ เขาคือรอยยิ้มของศิลาจริงๆ ฉันไม่เคยได้เห็นลูกยิ้มแบบนี้มาก่อนเลย ได้เห็นก็ตอนที่อยู่กับวีร์ ก่อนหน้านี้ฉันบ้าไปเองแหละที่ไปอิจฉาคนอื่นที่แย่งลูกไปได้”
“ไม่มีใครแย่งลูกไปจากเราได้หรอก อีกอย่างความรักที่ลูกมีให้เรากับมีให้คนรักมันคนละส่วนกัน มันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว” อาธิปโอบไหล่ภรรยาเอาไว้แล้วพาเดินออกมาเล่นข้างสวน ปล่อยให้เด็กๆ อยู่กันตามลำพังจะดีกว่า เพราะหากว่างหรือจับมือถือทีไร ศิลาก็มักจะเข้าไปดูข่าวตัวเองในโซเชียล จะยิ่งทำให้ไม่สบายใจ
และภายในวันนั้นดารินก็เข้ามาหาทั้งสองที่บ้าน มาเยี่ยมและมาคุยเื่งานของศิลาด้วย ข่าวดีของศิลาคือทางคุณจอห์นส่งบทที่ให้ศิลาไปแคสต์มาแล้ว ดารินจึงโพสต์ลงอินสตาแกรมของเธอด้วยความยินดีและขอบคุณ ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่โลกสมัยนี้เปิดกว้างแล้วจริงๆ เธอจะสื่อให้เห็นว่าแม้ศิลาจะมีข่าวแบบนี้ออกมาแต่ทางนั้นก็ไม่ได้สนใจ พวกเขาเปิดเสรีเื่เพศมาก่อน นักแสดงชายแสดงเป็คู่รักชายชายมีถมไป คนที่ชีวิตจริงรักผู้ชายก็ใช่ว่าจะแสดงเป็คู่รักชายหญิงไม่ได้
“พี่โพสต์แสดงความยินดีด้วยดีกว่า” ปัณณวีร์ว่าแล้วก็เอามือถือขึ้นมาเพื่อจะโพสต์บ้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่ดาที่คอยเป็ธุระให้นะครับ”
“เื่แค่นี้เองศิ อีกอย่างศิก็เป็เหมือนน้องชายพี่ ดูสิมีคนเข้ามาแสดงความยินดีด้วยเยอะเลยนะ ใช้โอกาสนี้แสดงให้ทุกคนเห็นไปเลยว่าเราไปไกลได้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“ทางเจทีเอ็นก็เล่นข่าวนี้แล้ว” ปัณณวีร์พูดขึ้น
“แน่นอนว่าจะปล่อยให้เงียบได้ยังไงล่ะ เื่นี้ศรุตเตรียมไว้อยู่แล้ว บอกว่าส่งให้นักข่าวทุกช่องเลย ไม่ง่ายเลยนะที่นักแสดงของเราจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับและผู้จัดระดับโลกก็ว่าได้ ทั้งเป็โอกาสและได้ประสบการณ์”
“ผมอยากเรียนภาษาให้ได้เร็วๆ” ถึงจะพูดอังกฤษได้แต่ศิลาก็อยากได้ภาษาของเขาเหมือนกัน
"ไม่ต้องห่วง พี่เตรียมอาจารย์สอนไว้ให้แล้ว" ศิลาพยักหน้ารับ
“จริงๆ แล้ว เื่มันไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้เลย” ปัณณวีร์พูดขึ้น ก่อนหน้านี้เขาและศิลากังวลกันมากมาย อาจเพราะมีเื่ของกนกด้วยเลยทำให้กลัว “พี่เลยกลายเป็คนดังไปด้วยเลย”
“ยอดผู้ติดตามของวีร์เพิ่มขึ้นด้วย แปลกเนอะคนเราพอมีข่าวอะไรก็มักไปติดตามเขาไว้” ดารินพูดขึ้น
“หวงแล้วทำไงดี” ศิลาพูดออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หวงอะไร?”
“ไม่อยากให้ใครรู้จักพี่เยอะ”
“เ้าเด็กขี้หวงเอ๊ย” ดารินถึงกับเป็คนพูดเองแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู ปัณณวีร์ยื่นมือไปบีบจมูกอีกฝ่ายก่อนเสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นจึงได้ละสายตาไปมอง
“พ่อ” ชื่อที่ปรากฏอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ทำเอาปัณณวีร์เบิกตากว้าง “ลืมไปเลย!”
เขาลืมโทรบอกเชวงไปเลย ไม่รู้ว่าคนเป็พ่อจะเห็นข่าวหรือยังเพราะเชวงเป็คนที่ไม่ค่อยชอบเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ปัณณวีร์มัวแต่คิดเื่ข่าวเื่กระแสเลยลืมไปว่าจะต้องโทรไปอธิบายเื่นี้กับพ่อ
“พี่ยังไม่ได้บอกพ่อ” ศิลาเองก็นึกขึ้นได้
“จะมีปัญหาอะไรอีกไหม??” ดารินถามเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ พลันรู้สึกว่าอุปสรรคของสองคนนี้ยังไม่หมดอีกหรอ มีแม่ศิลาแล้วคงไม่ใช่มีพ่อปัณณวีร์มาอีกคนหรอกนะ
ปัณณวีร์ปลีกตัวออกมาตรงบ่อปลาของศิลาซึ่งอยู่ข้างนอกห้องนั่งเล่น ก่อนจะรับโทรศัพท์พลางหันกลับไปมองศิลาและดารินที่นั่งมองอยู่อย่างเอาใจช่วย
“ครับพ่อ”
[วีร์ เป็ยังไงบ้างลูกกับ ... ศิลา]
“พ่อ...รู้แล้วหรอครับ”
[ใช่น่ะสิลูก ไม่คิดจะโทรมาบอกพ่อหน่อยหรอ ถ้าพ่อไม่เห็นในทีวีก็คงไม่รู้ข่าว]
“พ่อดูทีวีได้ถูกวันจริงๆ” ปกติแล้วเชวงจะไม่ค่อยได้ดูทีวีนัก แต่ปัณณวีร์ไม่รู้ว่าทีวีที่เชวงดูนั้นเป็จอทีวีที่โรงพยาบาล เขาไปหาหมอแต่ไม่ได้บอกลูกชาย
[วีร์ มีเื่อะไรทำไมไม่บอกพ่อ]
“พ่อครับ ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้คิดจะปิดบังพ่อ แต่วันสองวันมานี้ผมเครียดและกังวลไปหน่อยก็เลยลืมไป แล้วผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับพ่อยังไงดี” ปัณณวีร์ตอบเสียงเบา เชวงเงียบไปปัณณวีร์จึงเอ่ยเรียก
“พ่อครับ”
[มีอะไรให้ไม่กล้าพูด วีร์เป็ลูกของพ่อนะ เรามีกันแค่สองคนพ่อลูก พ่อเลี้ยงวีร์มาั้แ่เด็กทำไมพ่อจะไม่รู้จักลูกชายของพ่อดี พ่อน่ะรู้ั้แ่ที่วีร์พาศิลามาที่บ้านแล้ว]
“ั้แ่ตอนนั้นพ่อรู้แล้ว...” ปัณณวีร์ใไม่น้อย ไม่รู้ว่าไปเผลอทำอะไรให้คนเป็พ่อจับได้ “แล้วทำไมพ่อถึงไม่ถามผมล่ะครับ”
[เพราะพ่ออยากให้วีร์เป็คนบอกกับพ่อเอง]
“ผมขอโทษนะครับพ่อ พ่อ...เสียใจไหม”
[ไม่เลย พ่อไม่เคยเสียใจ จะเป็อะไรแล้วยังไงสุดท้ายวีร์ก็เป็ลูกของพ่ออยู่ดี พ่อสอนวีร์เสมอไม่ใช่หรอว่าเป็อะไรก็ได้ แค่เป็คนดีก็พอ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เป็ตัวของตัวเองเถอะ]
ปัณณวีร์น้ำตารื้นขึ้นมา พ่อก็ยังเป็พ่อ เป็คนที่พร้อมจะเข้าใจและอยู่ข้างๆ เขาเสมอ “อยากกอดพ่อจัง”
เชวงนั่งอยู่ในรถแล้วยิ้มขึ้นมา [ถ้าเหนื่อยแล้วอยากกอดพ่อ ก็กลับมาบ้านได้เสมอ]
“ให้ทุกอย่างเรียบร้อยกว่านี้ ผมจะไปหานะครับ”
[พ่อรอนะ เื่ข่าวก็ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่ต้องไปเก็บคำพูดของคนอื่นที่ไม่ดีมาใส่ใจนะรู้ไหม มันเป็เื่ของเราคนอื่นก็เข้ามายุ่งแค่่นี้เท่านั้น สุดท้ายแล้วพวกเขาเ่าั้ก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต บอกศิลาด้วย]
“ครับพ่อ รักพ่อนะครับ”
[พ่อก็รักลูกนะ ต่อไปมีอะไรก็อยากให้วีร์เล่าให้พ่อฟัง เข้าใจไหม]
“ครับ” ปัณณวีร์เช็ดหยดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความตื้นตัน คุยกับพ่ออยู่ต่ออีกหน่อยก่อนจะวางสายไป เมื่อเล่าให้ทั้งศิลาและดารินฟังทั้งสองก็โล่งใจ โดยเฉพาะดารินที่ดูจะกลัวกว่าปัณณวีร์และศิลาอีก
ถึงมีข่าวแต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสมันไปทางบวกมากกว่ารึป่าว ศิลาจึงยังคงได้มาทำงานอยู่ วันนี้เขามาถ่ายโฆษณาตามตารางงานปกติ แต่ดูเหมือนบรรยากาศในสตูดิโอจะดูเกร็งๆ หน่อย หลายคนก็แอบมองศิลาแล้วก็ซุบซิบกัน ทำเอาดารินรู้สึกไม่ชอบใจนักแต่ก็ทำเพียงได้นั่งข่มอารมณ์
“อย่าไปสนใจเลยพี่ เื่มันเพิ่งผ่านไปเขาจะพูดถึงก็ไม่แปลก” ศิลาพูดขึ้น
“เข้าใจ แต่บางทีคุยกับลับหลังหน่อยก็ดี”
ศิลาไม่สนใจ แต่สิ่งที่กำลังสนใจอยู่คือการฝึกภาษาฝรั่งเศสที่อาจารย์ได้ให้การบ้านไว้ ดารินเห็นว่าศิลาไม่สนใจก็ว่าอะไรนั่งรอทีมงานเตรียมฉากไม่นานก็เริ่มถ่าย ทางด้านปัณณวีร์วันนี้ก็กลับมาทำงานได้แล้วแต่มีพอส การ์ดที่คอยไปดูแลศิลาตามมาด้วยเพราะศิลาเป็ห่วง กลัวว่าแฟนคลับของเขาที่ไม่ชอบปัณณวีร์จะทำอะไรอีกคน เพื่อความสบายใจของศิลา ปัณณวีร์จึงยอมให้พอสตามมาด้วย
“นี่ มีข่าวซุบซิบมานะว่านางเอก 4 คนแล้วนะที่ไม่รับเล่นละครกับคู่กับศิลาน่ะ บอกว่าไม่อินเพราะศิลาเป็เกย์”
“เมื่อก่อนมีแต่คนอยากเล่นเป็นางเอกด้วย ดูตอนนี้คงมีแต่คนอยากเล่นเป็นายเอกด้วยละมั้ง”
“คิดว่าเขาจะผันตัวมาเล่นซีรีส์วายไหมอ่ะแก ก่อนหน้านี้คือไม่รับบทแบบนี้เลยคงเพราะกลัวคนรู้แน่ๆ”
“นั่นสิ”
ปัณณวีร์ยืนอยู่ด้านหลังแต่เหมือนสองคนที่คุยกันจะไม่รู้เพราะมัวแต่หันหลังคุยอยู่ มือเรียวกำเข้าหากัน เขารู้สึกไม่ชอบนักเมื่อมีคนมาพูดถึงศิลาแบบนี้ต่อหน้าต่อตา แม้จะห้ามไม่ได้ก็เถอะแต่ก็ไม่ใช่ว่าได้ยินต่อหน้าแบบนี้แล้วจะไม่รู้สึกโกรธ
“อย่าเอาเวลางานมานินทาคนอื่น ฉันไม่ค่อยชอบ หน้าที่ของตัวเองทำให้ดีก่อน” ปัณณวีร์ที่กำลังจะอ้าปากพูดแต่เสียงของมาวินก็ดังขึ้นซะก่อน เขาหันหลังไปมองพร้อมกับสองคนนั้นก็เห็นมาวินยืนอยู่
“ขอโทษค่ะคุณมาวิน” ว่าเห็นมาวินใแล้ว พอเห็นปัณณวีร์อยู่ด้วยก็ยิ่งใเพราะเพิ่งจะนินทาแฟนของเขาไป เธอสองคนจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไปทันที
“อย่าใส่ใจเลยนะ อีกหน่อยคนก็ไม่สนใจแล้ว แรกๆ ก็งี้แหละ”
ปัณณวีร์ยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะครับ แล้วก็เื่ที่ทางบุญบวรออกมาคอลเอ้าท์ด้วย ทำให้คนทำความเข้าใจมากขึ้นว่าชายรักชาย หรือเพศไหนรักกันมันไม่มีผิดไม่มีถูก”
“พี่ทำเพื่อทุกคนที่เป็แบบเดียวกันกับเราครับ ยังมีอีกหลายคนที่ไม่กล้าเปิดตัวเพราะเื่สังคมและครอบครัว”
“นั่นสินะครับ ผมถือว่าโชคดีที่ผ่านด่านครอบครัวมาได้แล้ว” ปัณณวีร์ยิ้มเล็กน้อย นึกถึงตอนที่เจอปัญหาอย่างกนกก็อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก มองกลับไปมันอาจจะดูเป็เื่ง่ายๆ แต่ ณ ตอนนั้นมันไม่ง่ายและไม่มีอะไรมั่นใจเลยด้วยซ้ำว่ากนกจะยอมเป็ฝ่ายถอยให้และยอมรับพวกเขา
“นี่ศิลาถึงขั้นให้การ์ดมาดูแลเลยหรอ”
“ครับ ศิเขากลัวว่าแฟนคลับเขาที่ไม่ชอบผมจะเข้ามาทำอะไรผมน่ะ”
“อยู่ในกองขนาดนี้ใครจะกล้าเข้ามากัน” มาวินส่ายหน้าเบาๆ กับความหวงและห่วงของศิลา แต่ก็ไม่แปลกหรอกหากว่าเป็แฟนเขา เขาก็คงจะห่วงแบบนี้
ชาเดินมาถึงหน้าประตูที่เปิดไว้เห็นว่าวีร์ยืนคุยกับมาวินอยู่จึงเอ่ยเรียกเคาะประตูสองสามครั้งแล้วเรียก “พี่วีร์”
“ว่าไง”
“มีคนฝากของมาให้ค่ะ” กล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก ปัณณวีร์รับมาแล้ววางไว้บนโต๊ะก่อนจะเปิดออกดูเพราะไม่มีชื่อคนส่งจึงอยากรู้ว่าข้างในคืออะไร คิดว่าอาจจะเป็ศิลาที่ชอบส่งอะไรมาให้แบบนี้ แต่เมื่อเปิดออกก็ใอย่างแรง
“กรี๊ดด!” ชากรี๊ดออกมาแล้วปิดตา ปัณณวีร์ก้าวถอยหลังแล้วหันหน้าหนี มีเพียงมาวินที่พอจะมีความกล้า มองแมวปลอมสีดำที่อยู่ในกล่อง มีกลิ่นคาวเืซึ่งคาดว่าน่าจะเป็เืหมูกหรือเืไก่สักอย่างเอามาราดให้ดูน่ากลัว มาวินเอาฝากล่องขึ้นมากำลังจะปิดก็เห็นกระดาษที่อยู่ในนั้นจึงหยิบออกมาแล้วปิดกล่องไว้
“ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ” พอสที่รออยู่ข้างนอกไม่ไกลนักได้ยินเสียงกรี๊ดของชาก็รีบเข้ามาทันที
“ช่วยเอากล่องนั่นไปทิ้งทีนะครับ คงเป็แฟนคลับของศิลาที่ไม่ชอบวีร์ถึงได้ส่งอะไรแบบนี้ให้ พร้อมจดหมายขู่อีกต่างหาก” มาวินเป็คนบอก
ปัณณวีร์ที่ใอยู่ค่อยๆ หันมองที่กล่องแล้วมองหน้ามาวิน “ขอผมดูหน่อยครับ”
จดหมายขู่ที่เขียนมาบอกว่าให้เขาเลิกกับศิลา เพราะเป็คนที่ดึงศิลาให้ตกต่ำ ปัณณวีร์ใจเต้นแรงไม่เป็จังหวะจากการใไม่หายพูดขึ้น “พวกเขารักแรงหึงแรงขนาดนี้เลยหรอ”
“มีบ้าง แต่ทำแบบนี้ก็มันก็ไม่ถูก แจ้งความไว้ได้นะ”
“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากให้เป็เื่ใหญ่ อีกอย่างตอนนี้ข่าวของศิก็ยังไม่ซาไปไม่อยากให้มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเขามาอีก”
“ขอโทษนะคะพี่วีร์ ชาควรจะดูให้เรียบร้อยกว่านี้ก่อน” ชาพูดเสียงสั่นเนื่องจากยังคงมีอาการใอยู่
“ใช่ความผิดของชาที่ไหน” ปัณณวีร์ลูบไหล่เล็กเพื่อปลอบขวัญรุ่นน้อง
“ต่อไปนี้ต้องระวังหน่อย หากว่ามีของส่งมาให้วีร์แล้วไม่ระบุชื่อผู้ส่ง ชาให้ทีมงานผู้ชายเอาไปตรวจดูก่อนนะ” มาวินบอก ดีที่วันนี้เขามาที่กอง
“ค่ะ”
“ขอบคุณคุณมาวินครับ” ปัณณวีร์กล่าว
“บอกให้เรียกพี่ไง เป็กันเองหน่อย” มาวินยิ้มให้ พอสเห็นจึงแทรกขึ้นเพราะได้รับคำสั่งโดยตรงจากคนเป็เ้านายว่าอย่าให้มาวินมาใกล้หรือมาจีบปัณณวีร์
“เอ่อ เื่นี้ผมคงต้องบอกคุณศิลานะครับ”
“พี่พอสครับ อย่าเพิ่งครับ หากศิรู้ต้องเป็เื่ใหญ่แน่ๆ พี่น่าจะรู้นิสัยเขา”
“แต่เื่นี้มันก็เป็เื่ใหญ่นะครับ”
“แค่ครั้งแรกครับ เอาเป็ว่าครั้งนี้อย่าเพิ่งบอกเลยครับ นะครับ” พอสมีสีหน้าลำบากใจ
“ก็ได้ครับ แต่ถ้ามีครั้งหน้าผมต้องบอกนะครับ” ปัณณวีร์พยักหน้าให้ พอสเอากล่องนั้นไปทิ้ง ชาและปัณณวีร์นั่งทำสมาธิกันก่อนจะออกไปทำงานต่อแม้ภาพจะติดตาแต่ก็ต้องทำงานต่อไปเพราะต้องเร่งถ่ายให้เสร็จเนื่องจากเลื่อนมาหลายวันแล้วและตารางงานของนักแสดงก็จะไม่ว่างตรงกันหากช้าไปกว่านี้
ผ่านมาเกือบจะหนึ่งอาทิตย์ จะว่าเป็สัจธรรมของคนเราก็ได้ที่พอมีข่าวใหม่มาก็ลืมข่าวเก่าไป จะมีก็แต่ซุบซิบนินทากันสนุกปากเท่านั้น ศิลาสนใจกับงานตัวเองมากกว่า ่นี้ยังไม่ได้เริ่มถ่ายละครเพราะละครเื่ที่จะเปิดกองเร็วๆ นี้ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากยังหานางเอกไม่ได้ ปีนี้ยังมีอีกเื่ที่ศิลารับเอาไว้ แต่ดีที่เื่นั้นไม่มีปัญหาอะไร
“พี่ดา ผมว่าถอนตัวเถอะ สงสารผู้จัดและทีมงาน เขาไม่กล้าถอดเราออกคงเพราะเป็ผมที่เป็ลูกชายของคุณแม่ เป็น้องของพี่รุต พวกเขาเลยจะเกรงใจ แต่หากยังเป็แบบนี้คงไม่ได้เริ่มทำกันพอดี”
“ศิ” ดารินเอ่ยเสียงเบา
“ผมไม่ทำเพราะประชดหรืออะไรนะครับ อีกอย่างก็ดีไม่ใช่หรอ ผมจะได้ว่างมากขึ้น มีเวลาเรียนมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปฝรั่งเศส มันไม่ได้เสียหายอะไรหรอกครับกลับเป็ผลดีต่อทั้งสองฝ่ายซะอีก” ศิลาคิดแบบนั้นจริงๆ
“งั้นก็ตามใจ พี่เคารพการตัดสินใจของศิอยู่แล้ว”
“ก๊อก ก๊อก ทำอะไรกันอยู่เอ่ยย” ปัณณวีร์ส่งเสียงเหมือนเคาะประตูเพราะมือสองข้างไม่ว่าง ดารินจึงเข้าไปช่วยถือทันที
“อะไรเยอะแยะคะเนี่ย”
“ก็มีแฟนคลับใครบางคนฝากมาครับ ผมจะขึ้นตึกพี่ยามก็เลยฝากมาให้ศิด้วยคงรู้ว่าผมจะมาหาศิแหละ” พอทุกคนรู้แล้วทั้งสองก็ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป รู้สึกสบายใจมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นในที่สาธารณะทั้งคู่ก็ยังคงรักษาท่าทีอยู่นอกซะจากจะปิดประตูอยู่ในห้องกัน...
ปัณณวีร์ปิดประตูไว้แล้ววิ่งเข้าไปกอดศิลาทันที “คิดถึงมากเลย”
“บอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”
“เท้าไม่เจ็บแล้ว” ศิลาส่ายหัวเบาๆ กับคนดื้อก่อนจะถูกคนดื้อหอมแก้มซ้ายขวาไปมา จนอาจจะลืมไปว่าในห้องยังคงมีดารินยืนมองอยู่อย่างเอือมระอากับคู่นี้
“ว่าแต่ทำอะไรอยู่ มีเข้ารายการกี่โมงนะ” วันนี้เป็วันแรกและครั้งแรกที่ศิลายอมมารายการ และเป็รายการของทางช่องก่อนเป็อันดับแรกเพราะรู้ดี ประเด็นที่จะถามก็คงไม่พ้นเื่ที่เขามีแฟนและแฟนเป็ผู้ชาย
“บ่ายสามน่ะครับ พี่กินข้าวมารึยัง”
“ยังอ่ะ ศิล่ะ”
“ยังครับ งั้นก็กินพร้อมกันเพราะผมสั่งมาแล้วอีกหน่อยคงมาส่ง” ปัณณวีร์พยักหน้ารับและมองถุงของฝากของขวัญจากแฟนคลับที่เอามาให้ศิลา
“แฟนคลับบางกลุ่มก็ดีนะ ถึงจะเป็ยังไงแต่ก็ยังรักและสนับสนุนศิอยู่ แบบนี้สิถึงเรียกว่าแฟนคลับเนอะ”
“ใช่ค่ะ ั้แ่มีข่าวของก็เยอะขึ้นด้วยนะ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเอามา” ดารินเสริม
“พวกเขาคงอยากให้กำลังใจแหละ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นดารินจึงเดินไปเปิด เป็ศรุตที่ถือถุงข้าวเข้ามา ปัณณวีร์จึงเอ่ยแซว “นี่เป็เด็กส่งอาหารั้แ่เมื่อไหร่”
“ก็นั่นน่ะสิ เป็ทุกอย่างให้มันแล้วจริงๆ” ศรุตมองไปยังน้องชายที่ฝากเขาซื้อข้าวเข้ามาให้
“ขอบคุณนะรุต” ปัณณวีร์พูดขึ้น
“ขอบคุณเื่อะไร ถ้าเป็เื่ที่ดูแลศิงั้นก็ไม่ต้องขอบคุณเพราะศิก็เป็น้องฉัน ต้องดูแลอยู่แล้ว”
“ทุกเื่เลย ไม่ใช่แค่เื่ศิ เื่ของฉันและความสัมพันธ์ฉันกับศิ แกก็ช่วยเยอะมากจริงๆ เพื่อปกป้องศิแล้วแกคงโดนพวกคณะกรรมการเล่นยับแน่เลย”
“ฮ่าๆๆ ใครจะกล้าเล่นฉันยับ ฉันมีวิธีของฉันไม่ต้องเป็ห่วงหรอก” ศรุตหัวเราะเบาๆ
“แล้วเื่ของแกล่ะ มีวิธีรึเปล่า”
“เื่อะไร??”
“ก็เื่ของแกกับหนึ่งไง” หลายวันมานี้มัวแต่ยุ่งกับเื่ข่าวของศิลาและปะทะกับคณะกรรมการในบริษัท ศรุตจึงลืมไปเื่ของน้ำหนึ่ง
“ไม่มีอะไรหนิ”
“โกหกไม่เนียนนะ” ปัณณวีร์ว่าพร้อมเปิดอาหารไปด้วย “แกช่วยเื่ฉันกับศิมามากพอแล้วอ่ะ ให้ฉันได้ช่วยแกบ้างสิ เราเป็เพื่อนกันไม่ใช่หรอ”
“แกช่วยไม่ได้หรอก เื่นี้ฉันเป็คนทำก็ต้องรับผิดชอบเอง” ศรุตถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าคิดไม่ตก ดารินกับปัณณวีร์มองหน้ากันเล็กน้อยเพราะดารินก็เคยถูกศรุตเรียกไปให้คำปรึกษา แต่สุดท้ายก็ไม่บอกว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธขนาดนั้น
“ไม่ได้จะช่วยรับผิดแทนแกซะหน่อย แต่อาจจะช่วยให้ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันได้นะ” ปัณณวีร์พูดต่อ ศรุตจึงเงยหน้ามอง
“จริงสิ หนึ่งไม่ยอมคุยด้วยเลยถ้าแกช่วยอาจจะได้คุยกัน” ศรุตเหมือนเห็นแสงสว่างทั้งๆ ที่ควรจะเห็นตั้งนานแล้วแต่เพราะมัวแต่คิดว่ามันเป็เื่ที่ตัวเองก่อและไม่กล้าบอกเื่นี้กับใครจึงได้แต่จมอยู่กับความคิดตัวเอง
“ใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นแกควรจะเล่าให้ฉันฟังว่าไปทำอะไรให้หนึ่งมันโกรธ ไม่งั้นก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้หรอกนะ” ปัณณวีร์โน้มน้าว ่นี้ไม่ค่อยได้ไปหาน้ำหนึ่งแต่ปัณณวีร์ก็ยังคงแชทคุยกับเพื่อนตลอดเพราะน้ำหนึ่งเองก็ทักถามเขาเื่ข่าวอยู่บ่อยๆ ด้วยความเป็ห่วง แต่พอพูดถึงศรุตทีไรเป็ต้องจบบทสนทนาทันที ปัณณวีร์จึงอยากจะรู้ว่าทะเลาะอะไรกันรุนแรงหรือเื่ใหญ่ขนาดนั้นเชียว
“คือ...” ศรุตเองก็ไม่รู้จะบอกยังไงดี ดารินคิดว่าเื่เื่นี้เธอไม่ควรจะรู้จึงได้บอกว่าจะลงไปเอาน้ำดื่ม
“ศิ ไม่คิดว่าตัวเองควรออกไปหรอ” ศรุตหันมองน้องชายที่นั่งนิ่งไม่สนใจอะไร กอดเอวปัณณวีร์ไว้อย่างนั้น
“ผมเป็น้องเป็คนในครอบครัว ต้องออกไปด้วยหรอ หรือเพราะเื่ที่พี่ทำมันเป็เื่น่าอาย” ศิลาเอ่ยถาม ศรุตอยากจะตีหัวน้องชายเข้าให้จริงๆ
“พี่ดูอึกอัก คงไม่ได้ไปข่มขืนเขาหรอกนะ” ศิลาเพียงพูดไปเรื่อยแต่ทำเอาทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเพราะศรุตไม่ได้ตอบหรือปฏิเสธ
“คงไม่ใช่ ใช่ไหม??” ศิลาเลิกคิ้วถาม ปัณณวีร์เองก็มองศรุตอย่างเอาคำตอบ
“มะ ... ไม่ใช่ ไม่ได้ข่มขืนนะ” ศรุตปฏิเสธ จะให้บอกว่าข่มขืนได้ยังไงกันก็ตอนนั้น เป็น้ำหนึ่งที่เริ่มก่อน...
“แต่ว่ามีอะไรกันหรอ??” ปัณณวีร์ถามเสียงเบา แค่เห็นสีหน้าอึกอักลำบากใจที่จะตอบของศรุตก็พอจะได้คำตอบแล้ว
ปัณณวีร์ใยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมา ปัณณวีร์เลยบอกให้ศรุตเงียบไว้ห้ามพูดแทรกหรือใดๆ เด็ดขาด
“ว่าไงหนึ่ง” ปัณณวีร์รับสาย ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความใกับสิ่งที่ได้ยินจากเพื่อนสนิท
[วีร์ ฮึก! มึงมาหากูหน่อย กู ... กูท้องอ่ะ]
TBC.