ตอนที่ 32
เป็ครั้งแรกที่กนกรู้สึกว่าตัวเองทำถูก ได้รับรอยยิ้มเล็กๆ จากศิลาทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ตลอดเวลาเธอมักเลือกทุกอย่างให้ลูกเองแม้แต่ทางเดินชีวิต ไม่รู้เลยว่าที่ศิลายอมเป็ดารายอมเข้าวงการบันเทิงแท้จริงแล้วเพราะปัณณวีร์ต่างหาก ไม่ใช่เพราะแม่อย่างเธอบอกให้ทำ ตอนนี้เธอให้ลูกได้เลือกเอง เลือกในสิ่งที่ชีวิตของเขาจะต้องเดินไปด้วยตัวเอง แค่อยู่ข้างๆ และสนับสนุนเขาก็พอแล้ว เพียงแค่ประโยคเมื่อกี้กนกรู้สึกดีใจอย่างมากที่ศิลายิ้มให้พร้อมกับสวมกอดเธอ
โต๊ะแถลงข่าวจัดอยู่ที่โถงกว้างชั้นหนึ่งของบริษัท มีบอดี้การ์ดที่จ้างมาเพื่อรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ประตูบริษัทถูกปิดเอาไว้เพราะไม่้าให้แฟนคลับของศิลาเข้ามาด้านใน กลัวว่าจะสร้างความวุ่นวาย นักข่าวที่เข้ามาก็ต้องลงทะเบียนเข้ามาใกล้เข้าได้ช่องละ 2 คนเท่านั้น จัดเก้าอี้ไว้ให้อย่างเป็ระเบียบไม่ให้ลุกมายืนถามตรงหน้าศิลา
ศรุตยืนดูความเรียบร้อยอยู่ตรงชั้นลอยด้วยตัวเอง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาให้สัมภาษณ์ของศิลา ในโซเชียลตอนนี้ต่างก็พูดถึงอย่างมาก แฟนคลับออกันอยู่หน้าประตูบริษัท
"คุณกนกอยู่ในห้องกับศิลา" ดารินเดินออกมาและยืนข้างๆ ศรุต
"แม่เข้าไปหาศิทำไม??"
"ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน"
ศรุตถอนหายใจก่อนจะขึ้น "ศิไม่เคยได้เลือกอะไรเองเลย มีไม่กี่เื่ที่เขาได้เลือกด้วยตัวเอง เื่สำคัญๆ อย่างเื่นี้ก็ไม่สามารถเลือกได้ เพราะผมไม่กล้าพอหรอครับที่จะออกปากปกป้องน้อง"
"ไม่ใช่หรอก รุตปกป้องศิมาตลอด พี่รู้ว่ารุตทำเพื่อน้องได้เสมอ เพียงแต่ว่าเื่นี้มันเกินกว่าที่รุตจะควบคุมมันได้นะ" ดารินลูบไหล่ศรุตเป็การปลอบใจ
"ผ่านเื่ร้ายไปก็ยังมีเื่ดี ศิอาจจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับและผู้จัดระดับโลก ภาพยนตร์นี้เป็โปรเจ็คั์ใหญ่เลยนะ หากว่าแคสต์ผ่านมันจะเป็บทพิสูจน์ความสามารถของศิ แบบนี้แล้วใครก็ว่าอะไรไม่ได้"
"นั่นสินะครับ" เป็เื่ที่ดี ศรุตเตรียมการเอาไว้แล้วว่าหากการแถลงข่าววันนี้เสร็จ กระแสไปทางทิศไหนเขาจะได้เตรียมลงข่าวเื่ศิลาจะได้บทภาพยนตร์เพื่อดึงกระแสทางบวก
ปัณณวีร์นั่งอยู่ในห้องมีบอดี้การ์ดชั่วคราวที่คอยหานั่นหานี่มาไว้ให้ทาน เ้าตัวนั่งเหยียดขาตรงอยู่ที่โซฟา โทรทัศน์เปิดช่องของเจทีเอ็นเอาไว้เพื่อดูการสัมภาษณ์สดของศิลา เห็นภาพบรรยากาศที่บริเวณบริษัทในโซเชียลก็ตื่นเต้นแทนเพราะแฟนคลับไปเยอะมาก ไหนจะนักข่าวที่นั่งรออยู่ด้านในอีก ระหว่างรอก็นั่งหยิบขนมเข้าปากไม่ขาด
“น้ำครับ” พอส ชายวันกลางคนกลาง 48 ปี เอาน้ำมาให้กลัวว่าขนมจะติดคอ
“ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่พอสตามดูแลศิมานานแล้วใช่ไหมครับ พี่คิดว่าเขาเป็คนยังไง” ปัณณวีร์หันมาถามอีกคนเพื่อชวนคุย
“ถึงจะดูเ็า แต่เป็คนที่ใส่ใจคนอื่นตลอดครับ ไม่ว่าจะผมหรือการ์ดคนอื่นๆ เวลาไปงานคุณศิก็มักซื้ออะไรให้เรากินด้วยตลอด”
“แล้ว...คิดยังไงครับที่ศิเขาคบกับผู้ชายแบบผม”
“ไม่ยังไงครับ มันคือสิทธิ์ของคุณศิลา ความชอบหรือรสนิยมทางเพศมันห้ามกันไม่ได้ อีกอย่างถึงผมจะแก่แล้วแต่ผมก็เข้าใจและเปิดรับคนกลุ่มนี้นะครับ กลับกันคือรู้สึกสงสารมากกว่าที่ถูกจำกัดจากสังคม” ปัณณวีร์ยิ้มออกมา แค่คนที่ใกล้ชิดศิลาเข้าใจและไม่รังเกียจในตัวศิลาเขาก็ดีใจแล้ว
“ต่อจากนี้เวลาออกงานก็ฝากพี่ดูแลเข้าให้ดีด้วยนะครับ” ปัณณวีร์บอกด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับ”
เมื่อถึงเวลา ศิลาเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมศรุต และดาริน ส่วนกนกนั้นยืนมองอยู่ที่ชั้นลอย แค่เห็นดาราหนุ่มที่ปิดตัวเงียบั้แ่มีข่าว นักข่าวต่างก็รีบถ่ายรูปเก็บภาพของอีกคนไว้ เสียงกดชัตเตอร์ดังรัวบ่งบอกว่า้าได้รูปมากแค่ไหน
"กรุณาอยู่ในความเรียบร้อยและนั่งอยู่กับที่ตัวเองด้วยนะครับ" ศรุตพูดเสียงดังเมื่อเห็นนักข่าวกำลังจะลุกมาที่หน้าโต๊ะของศิลา
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบครู่หนึ่ง เสียงกดชัตเตอร์ก็บางลง ศิลาเดินมานั่ง ศรุตกับดารินยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ได้เข้ามานั่งด้วย ตรงหน้ามีกระดาษสคริปต์คำตอบที่ถูกเตรียมเอาไว้ว่าต้องพูดยังไงและตอบคำถามยังไงบ้างหากถูกถาม ศิลามองเล็กน้อยแล้วไม่สนใจมันอีก เพราะเขาไม่สนใจมันมาั้แ่วันที่ดารินเอาไปให้ที่คอนโดแล้ว ไม่แม้แต่จะอ่านว่ามันถูกเขียนไว้ยังไง เพราะเนื้อหาข้างในคือสิ่งที่ศิลาพอจะเดาได้และเขาไม่ได้อยากพูดตามนั้นเลยสักนิด
"วันนี้ ผมมีอยู่สองเื่ที่จะออกมาชี้แจงแก่ทุกคนและแฟนคลับของผมเอง" ศิลาเปิดไมค์และพูดขึ้น ดารินกับศรุตมองหน้ากันอย่างงุนงง เพราะในสคริปต์ไม่ได้มีประโยคนี้เลย
"หนึ่ง คือเื่ที่กำลังเป็ประเด็นในตอนนี้ รูปภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น ... เป็ภาพจริงครับไม่ใช่ภาพตัดต่อ" เสียงฮือฮาของนักข่าวดังขึ้นก่อนจะเงียบลงเมื่อศิลาพูดต่อ
"คนในรูปนั้นเป็ผมจริง ส่วนอีกคนคือแฟนของผมครับ เราคบกันมานานแล้ว ผมไม่อยากจะโกหกทุกคนไม่อยากโกหกแฟนคลับของผมเอง ในเมื่อมันคือเื่จริงถูกเปิดเผยแล้วผมก็อยากจะกล้าที่จะยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ผมอยากจะใช้พื้นที่สื่อในวันนี้ในการบอกความคิดความรู้สึกของผมให้ทุกคนได้รู้ ผมเป็ดาราเป็บุคคลสาธารณะก็จริงแต่ผมคืุ์คนหนึ่งที่มีความรักเป็ และการที่ผมรักผู้ชายสำหรับผมแล้วผมไม่ได้มองว่ามันเป็เื่ที่ผิด"
"ทำไมศิไม่พูดตามสคริปต์ล่ะ??" ศรุตเอ่ยถามกับดารินเสียงเบา เธอเองก็ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่รู้เหมือนกันเนื่องจากศิลาไม่บอกอะไรก่อนเลย
"ผมอยากถามว่าความรักมันมีผิดมีถูกด้วยหรอครับ ตอนนี้โลกเรามาไกลแค่ไหน เปิดกว้างแล้วเื่ความหลากหลายทางเพศ สำหรับผม ผมไม่อายครับเพียงแต่ที่ปิดบังเื่นี้ไว้ก็เพราะหน้าที่การงาน ขอความกรุณาคุณนักข่าวเขียนข่าวให้สร้างสรรค์หน่อยนะครับ" ศิลาเห็นหลายช่องที่เขียนพาดหัวข่าวในเชิงดูถูกและเหยียดเพศแม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นแต่การเลือกใช้คำนั้นเป็สิ่งที่สำคัญมาก
"แล้วแฟนของศิลาใช่ปะ..."
"ยังไม่ถึงเวลาให้ถามนะครับ ผมยังพูดในส่วนของผมไม่จบ" ศิลาพูดขึ้นทันที "เื่ที่สองที่ผมอยากจะฝากสื่อช่วยบอกคือกลุ่มแฟนคลับของผมบางกลุ่ม ที่แอนตี้แฟนของผม ไม่้าให้ผมมีแฟนผมเข้าใจครับแต่ช่วยให้เกียรติกันด้วย การที่พวกคุณไปตามเขาไม่ได้ทำให้ผมเลิกกับเขาเพียงพวกคุณกดดันนะครับ แต่มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ... การอยู่ต่อมันจะยิ่งส่งผลเสียต่อเขา"
แฟนคลับที่อยู่ด้านนอกได้ยินก็พากันพูดคุยกันเสียงดังเล็ดลอดเข้ามาข้างใน การที่ศิลาพูดแบบนี้ก็ไม่ต่างจากอีกฝ่ายกำลังจะออกจากวงการ เป็ข่าวใหญ่ในวันเดียวกันทำเอาพวกเธอหายใจไม่ทั่วท้อง
ปัณณวีร์ที่นั่งฟังไลฟ์สดอยู่ก็แทบไม่อยากเชื่อว่าศิลาจะทำแบบนี้เหมือนกัน เขากับพอสหันมองหน้ากันแล้วรอฟังต่อไปอีกว่าศิลาไปพูดอะไรต่อ
"ผมต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนด้วยนะครับ ที่ผมทำให้ผิดหวัง ผมแค่รู้สึกว่าการยอมรับความจริงมันเป็เื่ที่ควรทำ หรือหากว่าพวกคุณ้าคนที่จะโกหกเพื่อความสบายใจของพวกคุณแล้ว ผมคงไม่ใช่คนนั้น ผมมีเื่จะพูดเพียงเท่านี้ครับ" ศิลาพูดจบดารินก็รีบเดินขึ้นมาทันที
"ให้เวลาทุกคนเพียง 10 นาทีในการถามเท่านั้นนะคะ ยกมือถามทีละคนค่ะ"
"แฟนของศิลาใช่ปัณณวีร์ไหมครับ"
"ครับ"
"คบกันมานานแค่ไหนแล้วคะ"
"นานมากแล้วครับ"
"ไม่กลัวว่าจะไม่มีงานเข้ามาหาหรอคะเปิดตัวแบบนี้"
"ไม่กลัวครับ ไม่มีก็ไม่เป็ไร ผมมีแผนชีวิตของผมแล้วตอนนี้" ศิลาไม่ได้พูดออกมาเล่นๆ แต่เขามีแผนการใช้ชีวิตใหม่แล้ว และตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าหลังจากหมดสัญญา เขาจะไม่รับงานอีก...ซึ่งเื่นี้เขาไม่ได้บอกกับใครไว้เลย แต่ก็ใช่จะดูไม่ออกหลังจากการสัมภาษณ์วันนี้
"ทำไมศิทำแบบนี้อ่ะ แล้วทางบริษัทจะว่ายังไง" ปัณณวีร์ลุกขึ้นยืนโดยมีพอสยื่นแขนให้เป็ที่ช่วยพยุงตัวเอง
"จะไปไหนครับ"
"ไปบริษัทครับ เข้าทางด้านหลังนะครับ ศิคงยังไม่ได้กลับมาเร็วๆ นี้แน่นอน"
"บอกคุณศิลาก่อนไหมครับ"
"ไม่เป็ไรครับ ไปเลยดีกว่า บอกเขาเดี๋ยวเขาจะไม่ให้ไป" พอสขัดไม่ได้จึงพาปัณณวีร์ไปที่บริษัท
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จศิลาก็ถูกพามาที่ห้องเดิมที่นั่งรอก่อนหน้า ในห้องมีศรุต ดารินและกนกที่เดินตามมาทีหลัง
"ทำไมพูดไปแบบนั้นล่ะศิ คิดถึงผลที่จะตามมารึเปล่า" ศรุตถามคนเป็น้องชาย
"ผมรู้ดีครับ"
"รู้แล้วทำไมยังทำ" ไม่บ่อยนักที่ศรุตขึ้นเสียงใส่น้องชาย ดารินจึงเข้าไปห้ามไว้
"ใจเย็นก่อน"
"ผมคิดมาดีแล้วครับ หากว่าทางบริษัทจะปรับหรือยกเลิกสัญญา ผมพร้อมชดใช้ให้" ศิลาไม่ได้พูดประชดแต่อย่างใด เขาพูดจริงๆ ว่าเขาพร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท
"จะทำแบบนั้นได้ยังไงศิ"
"พี่ไม่ต้องห่วงผม พี่ทำหน้าที่ของผู้บริหารเลยไม่ต้องสนใจว่าผมคือน้องพี่ เื่นี้ผมพร้อมรับผิดชอบจริงๆ ครับ" ศิลาลุกขึ้นพูด
"บางทีเื่มันอาจจะไม่ได้แย่ก็ได้" กนกที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้น ศรุตขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองผู้เป็แม่
"ศิลามีข่าวดีอีกเื่ รุตเองก็เตรียมจะประกาศออกไปอยู่แล้วเพื่อดึงกระแสให้มันดีขึ้น ทางนั้นเขาก็รู้ข่าวแต่ไม่ได้ตัดสินศิลาเพียงเพราะเื่แค่นี้ บางทีเื่ของศิลาครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงวงการนี้เลยก็ได้นะ" กนกดูไม่ได้ร้อนใจอะไรเลยแต่หากเป็เมื่อก่อนคงจะวีนแตกไปแล้ว
"นี่แม่รู้อยู่แล้วหรอครับว่าศิจะทำแบบนี้"
"ใช่ อย่างที่น้องบอกเลยรุต รุตเอาเื่นี้เข้าที่ประชุม หากคณะกรรมการ้าฟ้องร้องศิลาหรือยังไงก็ตามนั้น ชดใช้ให้หมด ให้จบกันที่ตรงนี้แล้วให้ศิลาไปใช้ชีวิตของน้องสักที"
ศิลามองกนก เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ว่าแม่กำลังปกป้องเขาจริงๆ ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมา ดารินพูดอะไรไม่ได้จึงทำเพียงยืนฟัง เพราะเื่เกิดไปแล้วทำเพียงแค่ต้องแก้ไขมัน
"โอเค เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วเื่บทภาพยนตร์ที่ศิจะได้เล่นล่ะ"
"ทางคุณจอห์นบอกว่าวางไว้ 2 บทอยากให้ศิลองไปแคสต์ดูก่อนว่าจะได้บทไหนเพราะคาแรกเตอร์ตรงตามที่เขา้า เร็วๆ นี้จะส่งบทมาให้อ่านค่ะบินไปแคสต์สิ้นเดือนหน้า"
"ดีเลย รอทางนั้นส่งบทมาให้ดู ก็ค่อยบอกข่าวดี แล้วทางแบรนด์ที่ศิเป็พรีเซนเตอร์และละครที่กำลังจะเล่นคงต้องรอดูก่อนว่าพวกเขาจะยังไง ทางเราเองแม้ภายในจะมีปัญหา แต่ก็ควรสนับสนุนศิลาต่อ ทำให้เห็นว่าเราสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำแม้ว่ากระแสแฟนคลับจะดีหรือไม่ดียังไงก็ต้องออกหน้าไว้ก่อน"
"ได้ครับ" ศรุตรับคำ แม้จะเข้ามาบริหารแล้วแต่บางเื่ศรุตก็ยังคงปรึกษาคนมากประสบการณ์อย่างผู้เป็แม่ด้วย
"ขอบคุณนะครับ" ศิลาพูดขึ้น เขารู้ดีว่าการตัดสินใจวันนี้ของเขาดูเป็การเห็นแก่ตัวมาก ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปด้วย แต่เขาอยากให้มันเป็ตัวอย่างเช่นเดียวกันเชื่อว่าในวงการนี้คงมีอีกหลายคู่ที่อาจเป็แบบพวกเขา
"แม่ควรจะทำอะไรให้ลูกบ้าง แค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ" กนกยิ้ม เื่นี้เธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทำได้เพียงสนับสนุนการตัดสินใจของศิลาเท่านั้น
"คิดว่าคณะกรรมการคงจะโทรหาผมจนสายไหม้แน่ๆ ยังไงผมขอตัวไปจัดการเื่ที่เหลือก่อนนะครับแม่ ได้เื่ยังไงจะบอกอีกที"
"ไปเถอะ"
"พี่รุต" ศิลาเรียกพี่ชายไว้ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง "เรียกประชุมคณะกรรมการเลยได้ไหมครับ ผมอยากจะพูดและขอโทษพวกเขาด้วยตัวเอง"
ปัณณวีร์มาถึงบริษัทก็เข้าทางด้านหลังเพราะด้านหน้ามีแฟนคลับศิลารอเต็มเลยเพราะเ้าตัวยังไม่ออกมา พอมาถึงก็ไม่ทันที่ศิลาจะเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับกับศรุตและกนกแล้ว
"รออยู่ในห้องนี้ก่อนดีกว่า ศิเข้าไปขอโทษทุกคนด้วยตัวเองเฉยๆ เดี๋ยวก็คงออกมา" ดารินบอก
"จะไม่เป็ไรใช่ไหมพี่ ศิเขาทำแบบนี้ไม่ได้บอกพี่หรอ" คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ ปัณณวีร์ถอนหายใจ
"จริงๆ เลย"
"พี่ดูในโซเชียลตอนนี้มันก็ไม่ได้ถือว่าแย่ซะทีเดียวนะ 90% คือเข้าใจ บ้างก็ชื่นชมที่ศิไม่โกหก กล้ายอมรับสิ่งที่เป็ อีกแค่ส่วนน้อยที่ยังคงมีอคติ พี่ว่าไม่ต้องไปสนใจหรอก จะให้ทุกคนเข้าใจและเห็นด้วยกับการกระทำของเราคงเป็ไปไม่ได้"
ว่าแบบนั้นปัณณวีร์ก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปดูในแฮ็ชแท็กที่กำลังเป็ที่นิยมในตอนนี้ของศิลา ไล่อ่านไล่ดูความคิดเห็นของคนอื่นๆ พอเห็นแล้วก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
'ศิลาไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ นะ คนกล้ายอมรับความจริงมีอะไรให้ผิดหวังกัน'
'เห็นข่าวนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าประเทศเราควรจะเปิดกว้างได้แล้วนะ ประเทศอื่นเขาไม่ได้มาสนใจเลยว่าใครเป็ยังไง ดูกันที่การแสดงดีกว่า'
'สงสารนะ คบกันมานานแต่ต้องปิดเป็ความลับ แทบไม่มีพิรุธอะไรเลยอ่ะ ถ้าไม่บอกหรือมีภาพหลุดมาก็ไม่รู้'
'ออกมาพูดแบบนี้ไม่กลัวแฟนคลับเลิกตามรึไงนะ แต่ก็นับถือใจมากที่กล้ายอมรับ'
'จริงมาที่ศิลาบอกว่าความรักไม่ว่าจะเพศไหนกับเพศไหนก็ไม่ผิด'
'ที่ไม่สนใจนับดาวก็เพราะเป็เกย์สินะถึงว่าละ ตอนนั้นที่จิ้นกันก็แค่สร้างกระแส'
"จิ้นกันหรอ พวกแฟนคลับต่างหากที่จับพวกเขาจิ้นกันจนเป็กระแส มาว่าศิได้ไง" โพสต์ที่อ่านแล้วรู้สึกดีใจแทนศิลาที่มีคนเข้าใจอยู่ก็มี แต่โพสต์ที่อ่านแล้วหงุดหงิดก็มีเหมือนกัน
"เอาหน่า" ดารินยิ้มก่อนจะโทรศัพท์จะสั่นเบาๆ "พี่ไปรับสายก่อนนะ รออยู่นี่แหละ"
"ครับ"
ปัณณวีร์นั่งอยู่รออยู่สักพักศิลาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อรู้จากดารินว่าคนพี่มาหา รออยู่ที่ห้องพักก็รีบมาทันที
"มาทำไมครับเนี่ย"
"ก็พี่เป็ห่วงศิ กับทางบริษัทมีปัญหาอะไรไหม"
"ไม่ต้องลุกครับ" ศิลาบอกไว้ก่อนแล้วเดินไปนั่งข้างๆ "ไม่มีอะไรแล้ว พี่ไม่ต้องเป็ห่วง"
"แน่นะ ไม่ใช่ปิดบังพี่เพราะไม่อยากให้ห่วงใช่ไหม" คนพี่หรี่ตามองอย่างจับผิด
ศิลาจับมือเรียวขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะตอบ “จริงๆ ครับ ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ว่าแต่พี่เถอะ มาที่นี่ไม่มีแฟนคลับกลุ่มนั้นของผมเห็นใช่ไหม ผมกลัวว่าพวกเขาจะทำอะไรพี่”
“พี่เข้าประตูหลังของบริษัท ไม่มีใครเห็น”
“ผมเสร็จธุระที่นี่แล้ว เรากลับกันเถอะครับ”
“อื้ม”
“ศิลา จะกลับแล้วหรอ” ดารินเปิดประตูเข้ามา
“ครับ”
“เมื่อกี้คุณจีจี้โทรมาบอกว่านางเอกที่จะเล่นคู่กับศิขอถอนตัว บอกว่าเธออ่านบทแล้วรู้สึกว่าบทไม่เหมาะกับตัวเอง”
“อะไรกัน บทก็ได้อ่านก่อนหน้านั้นตั้งหลายเดือนแล้ว เพิ่งจะมาบอกว่าไม่เหมาะกับตัวเอง แบบนี้ทั้งๆ ที่อีกไม่นานก็จะเริ่มถ่ายกันแล้วเนี่ยนะ แบบนี้คือเขาเป็คนไม่มีความรับผิดชอบหรือว่าจริงๆ แล้วแค่เป็ข้ออ้างเท่านั้น เพราะข่าววันนี้งั้นหรอ” ปัณณวีร์พูดขึ้น นึกโมโหแทนศิลาไม่น้อย แต่เ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
“ช่างเถอะครับ ใครไม่อยากเล่นก็ช่างเขา มีแค่นี้ใช่ไหมครับพี่ดา”
“ใช่จ่ะ” ดารินพยักหน้าให้ ยังดีที่แบรนด์ใหญ่ๆ อย่างเสื้อและกระเป๋าที่ศิลาเป็พรีเซ็นเตอร์ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
"แล้วเขาจะถอนตัวศิออกไหมครับพี่ดาละครเื่นั้น" ปัณณวีร์ถามอีกครั้ง
"เื่นี้พี่เองก็ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่คุยกันเมื่อกี้เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัวศินะ บอกว่าเดี๋ยวจะหานางเอกใหม่"
"ถ้าพี่กลัวว่าผมจะไม่มีงาน พี่ก็ทำละครที่มีแค่ผมเป็พระเอกสิครับ จ้างผมแบบผูกขาด" ศิลาไม่อยากให้ปัณณวีร์เครียดเื่ของตนเองนักจึงพูดหยอกเล่น
"เป็ความคิดที่ดี" ดารินเสริมแล้วหัวเราะเบาๆ ปัณณวีร์ก็หลุดยิ้มตาม ในเวลาแบบนี้ศิลารู้ดีว่าปัณณวีร์คงกังวลเื่ของเขามากกว่าตัวเองแน่นอน
"ผูกขาดแบบนี้พี่ลดค่าตัวด้วยนะ กดราคานะ"
"เงินค่าตัวให้พี่หมดยังได้เลย ยังไงซะก็อยู่ด้วยกัน กระเป๋าเงินใบเดียวกันอยู่แล้ว"
"แหวะะ หวานกันมาก" ดารินขัดขึ้นทันที
"ไปเถอะครับ กลับคอนโดกัน" ศิลายิ้มแล้วช่วยพยุงปัณณวีร์ขึ้น
"เอารถคันไหนไปดี ตอนนี้แฟนคลับรอศิอยู่หน้าบริษัทเต็มเลย" ดารินถาม
"กลับรถกับพี่ไง ตอนมาพี่พอสขับมาให้ ให้พี่พอสขับรถของศิกลับ เป็การหลอกแฟนคลับว่าศิออกไปแล้ว"
"เอาแบบนั้นก็ได้ครับ" ดารินเห็นด้วยแล้วเดินออกมาจากห้องพร้อมกันเพื่อจะลงไปส่งทั้งสองที่หลังบริษัท แต่เจอกับกนกเข้าซะก่อน
"จะกลับกันแล้วหรอ" เธอเอ่ยถามแล้วมองที่ปัณณวีร์เล็กน้อย
"สวัสดีครับ" ปัณณวีร์ยกมือไหว้ตามมารยาทเพราะวันนี้เพิ่งจะเจอกัน กนกยกมือรับไหว้ตามปกติ เธอยังคงรู้สึกไม่กล้าสู้หน้าปัณณวีร์นักแม้เื่จะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม
"จะกลับแล้วครับ" ศิลาบอก
"กลับคอนโดหรอ วันนี้กลับบ้านไปนอนที่บ้านเถอะ" ศิลาหันมองปัณณวีร์เล็กน้อยเหมือน้าความเห็นอีกฝ่าย "กลับไปด้วยกันนี่แหละ ไปรถตู้กับแม่ วีร์ก็ด้วย"
กนกพูดขึ้นมาก่อนเหมือนรู้ความคิดของศิลา ในเวลาแบบนี้คงไม่อยากให้ปัณณวีร์อยู่คนเดียว กนกมองเท้าของปัณณวีร์ที่มีพันผ้าเอาไว้ก่อนจะพูดต่อ
"อีก 10 นาที แม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนออกทางประตูหลัง แล้วก็ให้คนไปปลอมเป็ศิลานั่งรถของศิลาด้วยนะ" กนกบอกกับดารินให้เป็คนจัดการ
"ไปเถอะ ลงไปรอกัน" ดารินบอกและเดินนำ
รถตู้ของกนกขับออกมาจากทางด้านหลังของตึกก่อน เมื่อเหล่าแฟนคลับเห็นก็ยังไม่ยอมหลีกทางให้เพราะคิดว่าศิลาต้องออกจากบริษัทด้วยรถของคนอื่นแน่ๆ ศิลากับปัณณวีร์หมอบลงกับเบาะ ไม่นานนักรถของศิลาก็ตามหลังมาแต่คนที่อยู่ในรถไม่ใช่เขา แฟนคลับจึงเปลี่ยนความสนใจไปที่รถคันหลัง ทำให้รถของกนกออกจากบริษัทไปได้
มาถึงบ้านศิลาก็พาปัณณวีร์ขึ้นห้องนอนก่อน ส่วนกนกก็อยู่กับอาธิปในห้องหนังสือของเ้าตัว กนกเล่าเื่ที่บริษัทให้สามีฟัง ดีที่คณะกรรมการเ่าั้ส่วนใหญ่ก็เข้าใจการกระทำของศิลา เพียงแต่เข้าใจส่วนเข้าใจ แต่หากครั้งนี้ส่งผลเสียต่อบริษัทมากไปศิลาก็ต้องรับผิดชอบ หลังศิลาขอโทษเสร็จก็ออกมาเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมต่อจากนั้น ที่เหลือก็ได้แต่ฝากให้ศรุตเป็คนช่วยจัดการต่อ
"คุณทำถูกแล้ว" อาธิปชมภรรยา ที่ตัดสินใจแบบนั้น กนกเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเยอะมาก พอได้พักผ่อนได้หยุดคิดเื่งานก็มีเวลาคิดทบทวนเื่ราวทุกอย่างที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าตัวเธอเองได้ทำผิดพลาดไปหลายเื่โดยเฉพาะเื่ของศิลาที่เกือบจะต้องแตกหักกัน ยังดีที่ต่อกันติด
"แต่ศิลาดูไม่กังวลหรือไม่กลัวอะไรเลย ฉันคิดว่าลูกมีความกล้ามากจริงๆ"
"เพราะอะไรรู้ไหม เพราะศิรู้ว่ายังไงสุดท้ายแล้วเราก็อยู่ข้างเขา ขอแค่คนที่เขารักและแคร์อยู่ข้างเขา เข้าใจเขา ก็ไม่มีอะไรให้กลัวแล้ว เป็ข่าวไม่นานก็ลืมกันไป คนให้ความสนใจแค่ชั่วคราวเท่านั้น มีข่าวใหม่มาทุกคนก็หันไปสนใจข่าวใหม่อีก"
"แต่งานนี่สิ"
"ลูกเป็คนมีความสามารถ ก่อนหน้านี้ที่คนไม่รู้ว่าเขาคบกับผู้ชาย ศิก็แสดงได้สมบทบาท แต่พอรู้ทำไมถึงคิดว่าเขาจะทำไม่ได้กัน นักแสดงหากมืออาชีพมากพอย่อมทำให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เขาแสดงได้ คุณไม่เชื่อฝีมือลูกหรอ"
"ฉันเชื่ออยู่แล้ว แต่คนอื่นล่ะคะ"
"ลืมไปรึเปล่าว่าวีร์เป็ถึงผู้จัดนะ ใครไม่จ้างก็ยัดให้วีร์จ้างซะเลย" อาธิปพูดประโยคเดียวกับศิลาอย่างกับนัดกัน ทำให้กนกขำเบาๆ
"ฮ่าๆๆ ลืมไปว่าเส้นสายเราเยอะ" ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนกนกจะแยกตัวออกมาดูของในครัวเพื่อเตรียมทำมื้อเย็น
ั้แ่กลับมาถึงบ้านศิลากับปัณณวีร์ก็ตามข่าวในโซเชียลตลอด มีทั้งดีและไม่ดี ปัณณวีร์จึงยึดมือถือของศิลาไม่เพราะไม่อยากให้คนน้องอ่านมันอีกแล้ว แม้ว่าดูแล้วส่วนใหญ่จะไปในทางที่ดีก็ตาม
“เลิกอ่านกันดีกว่า พี่ว่าเราลงไปนั่งเล่นข้างล่างกันเถอะ พี่อยากดูปลาที่ศิเลี้ยงไว้ จำได้ว่าพี่เคยซื้อให้ศิตัวหนึ่งแต่จำไม่ได้แล้วว่าตัวไหน” ปัณณวีร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ผมจำได้ดีเลยแหละ เดี๋ยวผมไปล้างหน้าล้างตาก่อน”
“อื้มมม” ระหว่างที่ศิลาไปเข้าห้องน้ำ ปัณณวีร์ก็เอามือถือของศิลามาเข้าอินสตาแกรมแล้วกดซ่อนบุคคลที่ทักมาว่าศิลาไว้ ให้เหลือเพียงคนที่ให้กำลังใจและอยู่ข้างๆ เพราะถึงศิลาจะดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่การที่คนอื่นมาตัดสินเขาจากสิ่งที่เขาเป็มันก็ไม่ใช่เื่
“เช็กมือถือผมหรอ” ศิลาเช็ดหน้าพร้อมเดินออกมาจากห้องน้ำ
“แน่นอน อยากรู้ว่ามีหนุ่มน้อยที่ไหนทักมาจีบแฟนพี่รึเปล่า”
“พูดไปเรื่อย ใครจะกล้าทักมากัน”
ปัณณวีร์ยิ้มแล้ววางมือถือไว้ที่เตียงทั้งของตัวเองและของศิลาแล้วขยับไปนั่งที่ปลายเตียง “ไปเถอะ ลงไปเดินเล่นกัน จะได้ไม่ต้องเครียดไง”
“จริงๆ มันมีวิธีแก้เครียดอยู่นะ”
“หื้ออ” ศิลาเดินเข้ามาทำท่าจะดันไหล่คนพี่ให้นอนลง ปัณณวีร์จึงขืนตัวเอาไว้ “พี่ขาเจ็บอยู่นะ”
ปัณณวีร์ทำหน้าตาน่าสงสาร ศิลาจึงยิ้มออกมาแล้วจูบเข้าที่หน้าผากเบาๆ “แค่แกล้ง ใครจะรังแกคนเจ็บได้ลงคอ ไปครับขึ้นหลังผมดีกว่า”
“รู้หรอกว่าคิดจริง” ปัณณวีร์จิ้มจมูกโด่งอีกฝ่าย ศิลาไม่ปฏิเสธก่อนจะย่อตัวลงให้คนพี่ขึ้นขี่บนหลัง เมื่อปัณณวีร์ขึ้นหลังแล้วก็พาเดินลงไปข้างล่างช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ
TBC.