เยี่ยนโยวสิบหกแคว้นรายรอบเทือกเขาชางหมานก่อตั้งขึ้นจากการที่กลุ่มคนชั่วอพยพมารวมตัวกันอยู่ที่เทือกเขาลึกแล้วตั้งเมืองขึ้นหลังจากนั้นจึงค่อย ๆ พัฒนาจนมีกำแพงเมือง กาลเวลาผันผ่าน จากร้อยปีกลายเป็พันปี เมืองนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ จนที่สุดทุกคนในเมืองก็กลายเป็คนชั่วร้าย ไม่เว้นแม้แต่ในโลกมายา
นี่คือสภาพแวดล้อมที่เฉินเซ่าป๋ายเติบโตมาดังนั้น เฉินเซ่าป๋ายเป็คนแบบไหน อันเจิงนั้นรู้อยู่แก่ใจดี คนที่สามารถฝึกลูกน้องของตนเองอย่างเฉินชีให้ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาตัวเขาเองเป็คนอย่างไรคงจะเดาไม่ยาก
อันเจิงไม่สนว่าคนชั่วเหล่านี้จะเป็เด็กผู้ใหญ่หรือคนแก่ เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนชั่วเหล่านี้อยู่แล้ว ตอนที่เขาทำงานอยู่ที่กรมตุลาการแห่งราชสำนักต้าซีทุกวันเขาจะต้องมีเื่กับพวกคนเลวคนชั่วเหล่านี้อยู่ตลอดดังนั้นระหว่างที่อันเจิงอยู่ในราชสำนักต้าซีเขาจึงอยู่ท่ามกลางศัตรูที่ไม่รู้ว่ามีมากเท่าไหร่เพราะหลังจากที่เขาถูกซุ่มโจมตีในครั้งก่อน อันเจิงก็ได้พบว่า บางครั้งเพื่อนที่เขาเคยคิดจะร่วมเป็ร่วมตายก็กลับกลายเป็ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด
ในโรงจวี้ฉ่างวันนี้สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงไม่ใช่สินค้าชิ้นไหนแต่เป็ตัวของอันเจิงต่างหาก ไม่ว่าจะเป็ใคร ทุกคนล้วนจดจำเด็กหนุ่มที่เฉิดฉายออกมาในโรงจวี้ฉ่างวันนี้ได้เป็อย่างดีนับจากวันนี้ไป ในประวัติศาสตร์ของโลกมายาคงจะมีชื่อของอันเจิงบันทึกเอาไว้แต่ว่าสิ่งที่อันเจิง้าจริง ๆ ก็คือ การได้ใกล้ชิดกับเฉินเซ่าป๋ายเป้าหมายของเขาและใช้ประโยชน์จากคนตระกูลเฉินในการสร้างโอกาสให้ตัวเองในโรงจวี้ฉ่างแห่งนี้อีกด้วย
แต่อันเจิงก็เข้าใจดีว่า การที่เขากลายเป็คนดังมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียและในตอนนี้ความสามารถของเขาก็ยังไม่สูงมากนัก ถ้า้าใช้อำนาจของเฉินเซ่าป๋ายในการหาเงินก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงตัวเขา
เนื่องจากสถานการณ์วุ่นวาย ดังนั้นโรงจวี้ฉ่างจึงได้เลื่อนการประมูลสินค้าชิ้นอื่นออกไปก่อนอันเจิงจึงตัดสินใจจะกลับบ้าน ในขณะที่เฉินเซ่าป๋ายยังไม่ได้ลงมาจากชั้นสองของโรงจวี้ฉ่าง
เมื่อกลับมาถึงบ้านที่แสนซอมซ่อของเขาตู้โซ่วโซ่วยังคงกัดฟันฝึกฝนมือของตนต่อไป จนข้อมือบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นอันเจิงกลับมาแล้ว ตู้โซ่วโซ่วจึงปรี่เข้ามาถามทันทีว่า วันนี้ได้เจออุปสรรคอะไรหรือไม่
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ในเร็ว ๆนี้น่าจะมีแล้วล่ะ”
อันเจิงนั่งลงแล้วดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง “โซ่วโซ่วข้ามีเื่ที่ต้องคุยกับเ้าให้ชัดเจน ถ้าเ้า้าที่จะโดดเด่น ้าให้บิดามารดาของเ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นในโลกมายาแห่งนี้มีเื่หนึ่งที่เ้าต้องตัดสินใจ เ้าอาจจะต้องเจอเื่ที่อันตรายอย่างคาดไม่ถึงดังนั้นเ้าจะต้องเข้าใจกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง จำทุกประโยคที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ให้ดี”
“ตอนนี้ที่โรงจวี้ฉ่างทุกคนล้วนรู้จักข้ามีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะใช้ประโยชน์จากข้าในการตามหาหยกแห่งิญญา นับจากวันนี้ คงไม่มีวันไหนที่ข้าจะได้อยู่อย่างสงบอีกเ้าเป็เพื่อนรักของข้า ดังนั้นอาจมีคนจ้องที่จะทำร้ายเ้าพวกมันอาจจะจับเ้าเอาไว้ เพื่อใช้เ้ามาขู่ข้า”
ตู้โซ่วโซ่วลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “ข้าไม่กลัว!”
อันเจิงส่ายหัว “ไม่กลัวไม่ได้ถึงเ้าจะไม่กลัว แต่ข้ากลัว ดังนั้นถ้ามีใครจับตัวเ้าเอาไว้ เ้าต้องห้ามขัดขืนเด็ดขาดสำคัญที่สุดคือต้องรักษาชีวิตของตนเองไว้ ไม่ว่าพวกมันจะ้าให้เ้าทำอะไรเ้าจะต้องทำตาม และเ้าก็วางใจได้ว่าข้าจะหาทางแก้ปัญหานั้นได้อย่างแน่นอน”
“จะให้ข้าทำแบบนั้นได้อย่างไรให้ข้าขายเ้าให้คนอื่น ถ้าทำแบบนั้นข้าก็เหมือนตายไปแล้วเหมือนกัน” ตู้โซ่วโซ่วไม่เห็นด้วย
อันเจิงขมวดคิ้ว “โซ่วโซ่วเ้ากับข้านั้นไม่เหมือนกัน ข้าเป็เพียงแค่เด็กกำพร้า แต่เ้ายังมีบิดามารดาข้าไม่อยากให้เ้าคิดถึงแต่ตัวเอง แต่เ้าจะต้องคิดเผื่อบิดามารดาของเ้าด้วย ฟังข้าให้ดีนะในตอนนี้เ้าและท่านพ่อท่านแม่ของเ้าจะต้องหาวิธีเดินทางไปหาพี่ชายของเ้าให้ได้แม้ว่าพี่ชายของเ้าแค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสำนักจงเหมินแต่ผู้ฝึกวิชาในสำนักจงเหมินทุกคนล้วนมีเกียรติ ต่อให้เป็แค่คนทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆถ้าอยู่ในสำนักจงเหมินเ้าจะรังแกใครในสำนักก็ได้ แต่ไม่สามารถไปรังแกคนข้างนอกได้”
“เ้าพาท่านพ่อท่านแม่ไปหาพี่ชายก่อนคอยเวลาที่ข้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จนเสร็จสิ้น แล้วข้าจะหาวิธีติดต่อเ้าให้กลับมาเ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงเก็บจงจิ่วเกอเอาไว้ เพราะว่าเขาเป็คนนอกไม่มีใครรู้จักเขา...แม้ว่าเขาจะมาอยู่ในบ้านที่ซอมซ่อนี่เป็เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วก็ตามคนส่วนมากล้วนยังเป็กังวลว่าเขาจะเป็ตัวอันตรายดังนั้นข้าจะให้จงจิ่วเกอไปด้วยกันกับเ้า วรยุทธ์ของเขาแม้จะแย่มาก แต่ด้วยความที่เขาใส่เสื้อผ้าที่ดูดีทำให้ดูน่าเกรงขามพวกเ้าไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ เดินทางกันไป”
ตู้โซ่วโซ่วยังไม่ตอบตกลง “พวกข้าไปกันหมดเหลือเ้าเพียงคนเดียว จะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”
อันเจิงตบบ่าตู้โซ่วโซ่วเบา ๆ “เ้าอ้วนเ้าเชื่อข้าเถอะ เื่พวกนี้ข้าล้วนเจอมาหมดแล้ว นี่ไง ตอนนี้ข้าก็มีเสี่ยวช่านอยู่ข้างๆ ข้า”
ตู้โซ่วโซ่วมองไปที่อ้อมแขนของอันเจิงที่มีเ้าแมวน้อยนอนหลับอยู่ “เสี่ยวช่าน...แต่ว่าอันเจิงเ้าแมวนี่มันจะช่วยอะไรเ้าได้? เ้าฟังข้าอย่ามาทำอวดเก่ง เ้าไปพร้อมกับพวกเราเถอะ”
“ข้าคงไปไม่ได้ในเมื่อเป้าหมายของเราคือการฝึกวรยุทธ์ เ้าก็ต้องทุ่มเทกับมันเ้าเกลียดพวกคนของตระกูลเฉินไม่ใช่หรือ และยังพวกต้าโค่วอีกความจริงข้ารู้ว่าเ้าเกลียดคนชั่วร้ายทุกคนที่อยู่ในโลกมายานี่ ในตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือยืมมือพวกมันในการกำจัดคนชั่วถ้าในตอนนี้ข้ามีพลัง ข้าคงจะไปจัดการพวกมันด้วยตัวเอง แต่ในตอนนี้ข้าทำไม่ได้ดังนั้นจึงได้แต่ยืมมือพวกมันเท่านั้น”
“คนของพวกตระกูลเฉินในตอนนี้เริ่มมองเห็นข้าแล้ว และในตอนนี้ข้ากำลังจะเข้าใกล้อำนาจของพวกมันเต็มทีดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอน”
อันเจิงยิ้มพลางพูด “โซ่วโซ่วพวกเราล้วนเกลียดไอ้พวกคนชั่วที่ทำเื่เลว ๆ พวกนี้ดังนั้นพวกเราจะไม่มีทางเป็คนแบบนั้นเด็ดขาด เ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าข้าจะร่ำรวยหรือยากจนหมดหนทางต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะไม่มีทางเป็คนชั่วแบบพวกมัน”
“อันเจิง เ้าสบายใจได้ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะไม่มีวันเป็แบบนั้นเช่นกัน”
“อันเจิง ทำไมพวกคนชั่วถึงทำอะไรได้ทุกอย่างแต่ถ้าคิดอยากจะเป็คนดีทำไมถึงยากเย็นนัก” ตู้โซ่วโซ่วถามขึ้น
“การเป็คนดีมันไม่ยากหรอกแต่การเป็คนดีมีข้อบังคับมากมาย คนดีจึงต้องรู้จักการเคารพ เคารพกฎหมายเคารพศีลธรรม เคารพอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่พวกคนชั่วไม่จำเป็ต้องทำแบบนี้ดังนั้นพวกมันจึงไม่ต้องกังวลว่าจะทำอะไรหรือไม่ต้องทำอะไร ที่จักรวรรดิต้าซีมีสำนักหนึ่งชื่อว่าสำนักวัดฝ่าฉาน หลวงจีนที่วัดแห่งนี้จะใช้ความดีในการเอาชนะความชั่วอาจจะพูดได้ว่าให้วางดาบลงแล้วมาเข้าสู่โลกของศาสนา แต่ในความคิดของข้าข้าไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนั้นเพราะมันก็เหมือนกับปล่อยให้ไอ้พวกคนชั่วลอยนวลไปถ้าคนดีวางดาบแล้วไปสู่โลกของศาสนาข้าพอจะเข้าใจได้แต่สำหรับคนชั่ว...ข้าคิดว่ามันไม่ถูกต้อง”
แววตาของอันเจิงมีประกายออกมาเป็ประกายตาที่ดูโหดร้ายแบบที่ตู้โซ่วโซ่วเองไม่เคยเห็นมาก่อน
“เราไม่สามารถใช้ความดีในการกล่อมเกลาไอ้พวกคนชั่วได้หรอกสำหรับพวกคนชั่วแบบนั้น ต้องใช้ความโเี้ในการลงโทษพวกมัน ตาต่อตา ฟันต่อฟันฆ่าเป็ฆ่า”
“โซ่วโซ่ว หลังจากที่พวกเราฝึกฝนวิชาจนเพียงพอแล้วเ้าจะทำแบบนี้ได้หรือไม่”
ตู้โซ่วโซ่วพยักหน้าหนักแน่น “ได้!”
จงจิ่วเกอที่อยู่ในห้องนั้นกำลังกุมกำปั้นของตนเองเอาไว้ในหัวใจของเขารู้สึกเหมือนมีไฟกำลังแผดเผา เขารู้ตัวดีว่าครั้งนี้เขาได้พบสิ่งที่ตามหาความฝันในวัยเด็กของเขากำลังใกล้เข้ามาทุกที เขาอยากจะฝึกวรยุทธ์ไปเพื่ออะไร?เพื่อที่จะทำลายความชั่วช้าและปกป้องความดีแต่ว่าพร์ของเขานั้นน้อยนัก ถึงแม้จะสามารถฝึกฝนได้แต่เป็เพราะร่างกายต้องแย่จนถึงที่สุด ถึงจะสามารถเข้าไปในสำนักเชียนเหมินได้
เขายังไม่ได้บอกอันเจิงว่า การที่เขาออกมาจากสำนักเชียนเหมินเป็เพราะตัวเขาเองไม่อยากมีจิตใจที่โเี้อำมหิตเหมือนกับศิษย์ในสำนักเ่าั้เวลาสิบปีที่ฝึกตนในสำนักเชียนเหมิน ทำให้จิตใจที่้าทำลายความชั่วช้าและปกป้องคนดีของเขาลดลงแต่ถึงอย่างไรจิตใจฝ่ายดีของเขานั้นก็ยังมีอยู่เสมอ เขาอิจฉาตู้โซ่วโซ่วนักที่มีเพื่อนอย่างอันเจิง
จงจิ่วเกอบอกกับตัวเองว่าเขาเคยเลือกทางเดินของตัวเองผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้เขาจะต้องเลือกไม่ผิดแน่นอน
อันเจิงตบไปที่ไหล่ของตู้โซ่วโซ่ว “ครั้งนี้เป็โอกาสที่จะทำให้ความชั่วของย่านหนานชานหายไปความขัดแย้งของพวกต้าโค่วกับตระกูลเฉินจะปะทุขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้คนอย่างเฉินเซ่าป๋ายทำไมถึงไปที่โรงจวี้ฉ่าง? แล้วยังไม่ยอมออกมาจากโรงจวี้ฉ่างอีกเป็เพราะว่าเขาไม่กล้าออกมาหรือ?…คนของตระกูลเฉินต้องวางแผนอะไรไว้แล้วแน่ๆ ถึงให้เขาหลบอยู่ในนั้น ขอเพียงอยู่ในโรงจวี้ฉ่าง คนของพวกต้าโค่วต้องไม่กล้าเข้าไปหาเื่แน่นอน”
“ตระกูลเฉิน้าที่จะฉีกหน้าพวกต้าโค่วแล้วถ้าย่านหนานชานไม่มีพวกตระกูลเฉินและพวกต้าโค่วเล่า สถานการณ์แบบนี้ล่ะที่จะเป็ประโยชน์สำหรับพวกเรา”
“ดังนั้นข้า้าให้เ้าร่วมมือกับข้าโดยที่เ้าไปจัดการที่พักอาศัยของบิดามารดาเ้าให้เรียบร้อยก่อนหลังจากนั้นค่อยกลับมาช่วยข้า”
ตู้โซ่วโซ่วตอบรับทันที “ได้ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
อันเจิงรับทราบแล้วจึงเข้าไปในห้องเขาพูดกับจงจิ่วเกอว่า “ข้ามีเื่อยากให้เ้าช่วยเื่หนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะมีเงินสองพันกว่าตำลึงซึ่งก็ไม่มากเท่าไหร่แต่ก็เพียงพอที่จะให้เ้าไปที่จักรวรรดิต้าซีได้ เ้าช่วยพาตู้โซ่วโซ่วไปฝากไว้ที่พี่ชายเขาทีหลังจากนั้นบอกพี่ชายเขาอย่างลับ ๆ ว่าไม่ต้องพาตู้โซ่วโซ่วกลับมาหาข้าอีก เงินที่เหลือถือซะว่าเป็ค่าตอบแทนให้กับเ้า”
จงจิ่วเกออยากจะตอบว่าไม่ได้ แต่ก็จำต้องพยักหน้ารับปาก“เ้าวางใจได้ ข้าจะปกป้องตู้โซ่วโซ่วและบิดามารดาของเขาตอนที่ไปหาพี่ชายของเขาเอง”
อันเจิงคำนับจงจิ่วเกอ “ขอบใจเ้ามากถ้าเรายังมีวาสนาต่อกัน ข้าจะตอบแทนที่เ้าช่วยเหลือข้าในวันนี้ให้ได้”
“ตอบแทนอะไรกันเล่า ไม่ต้องหรอกแค่ให้เงินข้ามากกว่านี้ก็พอ”
อันเจิงหัวเราะพร้อมพูด“ต่อจากนี้ข้าจะทำให้เ้าเป็คนที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า!”
อันเจิงวางแผนทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในใจเขาก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง เขา้าที่จะฟื้นฟูพลังของตัวเองก่อนในโลกมายาแห่งนี้ จะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมมากมายในการอยู่ที่นี่ ส่วนตู้โซ่วโซ่วนั้นยังอ่อนต่อโลกนักเขาพึ่งเข้ามาสู่โลกแห่งยุทธภพ เกรงว่าอาจจะเกิดเื่ที่ไม่ดีกับเขาอีกมากมาย อันเจิงไม่อยากให้เพื่อนต้องมาพัวพันกับเื่นี้สำหรับอันเจิงแล้วมิตรภาพระหว่างเขากับตู้โซ่วโซ่วนั้นเป็สิ่งที่มีคุณค่ามากดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ตู้โซ่วโซ่วและครอบครัวต้องมาเจอกับเื่อันตรายเหล่านี้
หลังจากที่อันเจิงแยกจากตู้โซ่วโซ่วและจงจิ่วเกอแล้วในแววตาของเขากลับมีความรู้สึกสับสน
อันเจิงลูบไปที่หลังของเ้าแมวน้อย “เสี่ยวช่านต่อไปนี้เหลือเพียงเ้ากับข้าแล้วนะ ข้ารู้ตัวว่าข้านั้นเห็นแก่ตัว น่าจะให้โซ่วโซ่วพาเ้าไปด้วยแต่ว่าข้า้าที่จะพลิกฟ้าเพื่อเปลี่ยนชีวิตของข้าไม่เพียงแต่ชีวิตของข้าเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนชีวิตเ้าอีกด้วยเ้าเป็แค่แมวธรรมดาตัวหนึ่ง ข้าก็เป็แค่เด็กธรรมดาทั่วไปเหมือนกันข้าจะต้องเปลี่ยนแปลงความธรรมดาเหล่านี้ให้ได้ ข้าต้องฟื้นฟูพลัง และข้าจะทำให้เ้าเป็ผู้แข็งแกร่ง”
“เ้ายังจำตอนที่โดนพวกสุนัขดุร้ายรุมกัดที่มุมกำแพงได้หรือไม่?พวกเราจะต้องแข็งแกร่ง เพื่อที่จะไม่ต้องอดทนกับเหตุการณ์แบบนั้นอีก”
เหมียว! เ้าแมวน้อยขานรับด้วยแววตาที่เป็ประกายระยิบระยับเหมือนดาวบนท้องฟ้าอันเจิงรู้สึกว่าดวงตานี้มีลักษณะที่ไม่ธรรมดา แต่ว่าเขาไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเขาจึงคิดว่าตาของแมวทุกตัวก็เป็แบบนี้ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย
อันเจิงเอาผลึกไข่มุกมาบดขยี้จนเป็ผงสีชมพูให้เสี่ยวช่านกิน“นี่คือผลึกของสัตว์ชั้นกลางระดับล่างที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงร่างกายของเ้า ต่อให้ข้าพ่ายแพ้ไปไม่สามารถปกป้องเ้าได้แล้ว ข้าก็ยังอยากให้เ้าแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ เ้าจะได้ไม่ต้องโดนสุนัขดุร้ายรุมกัดเอาอีกหลังจากเ้าดูดซับพลังงานของผลึกไข่มุกเม็ดนี้แล้ว ต่อไปเ้าก็สามารถกำจัดสุนัขที่เคยกัดเ้าได้แล้วล่ะ”
อันเจิงเงยหน้าแล้วมองไปที่ไกลสุดลูกหูลูกตา“แค่เปลี่ยนแปลงชีวิตเท่านั้นเอง...ไม่มีอะไรยากนักหรอก”